บ่ายวันที่ 18 ตุลาคม 2555 เราเดินทางเข้านครปารีสเพื่อไปทานมื้อเที่ยงที่ภัตตาคาร China Town Olypiad Restaurant ซึ่งทางทัวร์เขาจะพาเราไปทานอาหารจีนหนึ่งมื้อในหนึ่งวัน เพื่อให้เราได้สารคาร์โบไฮเดตบ้าง จะได้มีพลังงานในการเดินเที่ยวกัน ส่วนอีก 2 มื้อที่เหลือจะเป็นอาหารท้องถิ่น และอาหารเช้าแบบใจปราถนาครับ

ใกล้ๆเที่ยงวันนี้ที่ปารีสอากาศไม่เย็นนัก มีฝนโปรยปรายตลอดทางที่ผ่าน บรรยากาศยังสลึมสลืออยู่เหมือตอนเช้ามืด .... ร้านอาหารเข้าใจว่าอยู่ประมาณกลางๆเมือง ไม่ไกลกับเส้นทางที่เราจะไปช้อปปิ้งต่อหลังมื้อเที่ยงครับ

จริงๆแล้วในบริเวณภายในวงแหวนของกรุงปารีส อาคารบ้านเรือนเขาไม่สูงมากนัก คงเพราะไม่ต้องการให้บดบังสถานที่สำคัญๆทางประวัติศาตร์ และบดบังทัศนีย์ภาพของเมือง แต่ที่มีตึกสูงๆอย่างที่เห็นมักจะอยู่รอบนอกของมหานครแห่งนี้ครับ

อาหารจีนที่ฝรั่งเศสก็ไม่ต่างไปจากที่อื่นๆที่เราผ่านมาในทริปนี้ คือออกไปทางมีมันเยอะครับ จขบ.ไม่ถนัดประเภทนี้เท่าไหร่จึงทานพอให้สบายๆ ไม่เน้น ส่วนใครที่ชอบเขาบริการให้แบบไม่อั้นคือเติมได้เต็มที่ว่างั้นเถอะ....





ผ่านแม่น้ำแซน

ทางเข้าร้านอาหาร

ที่จอดจักรายานพร้อมที่เสียบคาร์ด

ที่จอดรถจักรยาน หรือที่เช่ารถจักรยานของปารีสแบบนี้มีให้เห็นอยู่ทั่วไปใกล้ๆกับป้ายรถเมล์ เข้าไปอ่านดูเรื่องค่าเช่าจักรยาน เขาบอกว่าเป็นราคาแบบก้าวหน้า คือช่วงครึ่งชั่วโมงแรกจะไม่คิดราคา พอครึ่งชั่วโมงหลังราคา 1 ยูโร ชั่วโมงครึ่ง 3 ยูโร โดยจ่ายค่าบริการที่ตู้ ที่เขาคิดราคาแบบนี้นัยว่าเพื่อให้หลายๆคนได้ใช้ตามความจำเป็น...เมื่อนำจักรยานมาคืนก็จะมีที่จอดและล็อดไว้อย่างที่เห็นในภาพ ... ไมทราบว่า กทม. จะทำลักษณะเดียวกันนี้หรือเปล่า??

มหานครปารีส

ปารีส (ฝรั่งเศส: Paris / ปารี) เป็นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน บริเวณตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส บนใจกลางแคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์ (Île-de-France หรือ Région parisienne (RP) ) ภายในกรุงปารีสมีประชากรประมาณ 2,167,994 คน เขตเมืองปารีส (Unité urbaine) ซึ่งมีพื้นที่ขยายเกินขอบเขตอำนาจการปกครองของเมืองนั้น มีประชากรกว่า 9.93 ล้านคน (พ.ศ. 2547) ในขณะที่เขตมหานครปารีส (Agglomération parisienne) มีประชากรเกือบ 12 ล้านคน และเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีประชากรสูงที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปยุโรป

จากการตั้งถิ่นฐานมากว่า 2 พันปี ปัจจุบันกรุงปารีสเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่ล้ำสมัยแห่งหนึ่งของโลก และด้วยอิทธิพลของการเมือง การศึกษา บันเทิง สื่อ แฟชั่น วิทยาศาสตร์และศิลปะ ทำให้กรุงปารีสเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

แคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศฝรั่งเศส ด้วยจำนวนเงินกว่า 500.8 ล้านล้านยูโร (628.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งมากกว่าหนึ่งส่วนสี่ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของประเทศฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2548

กรุงปารีสยังเป็นสถานที่ทำการของบริษัทยักษ์ใหญ่ 36 บริษัทจากบริษัทยักษ์ใหญ่ 500 บริษัทจากการสำรวจของฟอร์จูน โกลบัล 500 (Fortune Global 500) อีกด้วย โดยเฉพาะย่านธุรกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของทวีปยุโรป ลา เดฟองซ์ ทั้งยังเป็นที่จัดงานนิทรรศการต่างๆ ซึ่งรวมถึงสหประชาชาติ ฯลฯ ปารีสเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังแห่งหนึ่งในโลก โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 30 ล้านคนต่อปี กรุงปารีสเป็นหนึ่งใน 4 นครสำคัญของโลก อีกสามนครคือ ลอนดอน, โตเกียว และ นิวยอร์ก

ในปารีสก็ชอบใช้บิ๊กไบค์เหมือนกัน

คำว่า ปารีส ออกเสียง /พาริส/ [ˈparɪs] หรือ /แพริส/ [ˈpæɹɪs] ในภาษาอังกฤษ และ /ปารี/ [paʁi] ในภาษาฝรั่งเศส เป็นคำที่มาจากชื่อเผ่าหนึ่งของชาวโกล เป็นที่รู้จักกันในนาม "ปารีซี" (Parisii) ซึ่งเป็นชาวเมืองที่อาศัยในสมัยก่อนโรมัน โดยที่เมืองมีชื่อเดิมว่า "ลูเทเชีย" (ละติน: Lutetia) (ชื่อเต็ม "Lutetia Parisiorum" แปลว่า ลูเทเชียแห่งปารีซี) ในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 1 ถึง 6 ในช่วงที่อาณาจักรโรมันยึดครอง แต่ในช่วงการครองราชย์ของจูเลียน ดิ อโพสเทต (พ.ศ. 904 - พ.ศ. 906) ได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็น "ปารีส"

(อ่านเพิ่มเติม)

ทางเข้าร้านลาฟาแยตต์

ห้างลาฟาแยตต์ (Galeries Lafayette)

ห้างลาฟาแยตต์ เปิดบริการมาตั้งแต่ปีค.ศ.1893 และเริ่มเปิด ณ สถานที่ปัจจุบันในปีค.ศ.1912 หากนับเวลามาแล้วประมาณ 1 ศตวรรต มาแล้ว ลาฟาแยตต์เป็นห้างสรรพสินค้าชื่อดังของฝรั่งเศส ปัจจุบันมีห้างสาขา 61 แห่ง เนื้อที่ของห้างประมาณ 500,000 ตร.ม. มีพนักงานทั้งสิ้นประมาณ10,863 คน

ร้านอยู่ทั้งสองฝั่งถนน...ภาพนี้ถ่ายบนสะพานข้ามไปอีกส่วนหนึ่งของร้าน

ราฟาแยตต์ มียอดขายในปีค.ศ.2009 รวมภาษีแล้วประมาณ 2,554 ล้านยูโร หรือประมาณ 102,160 ล้านบาท โดยเฉลี่ยนแล้วมีลูกค้าเข้าออกห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ประมาณ 1,000,000 คน/วัน และทุกๆๆเดือนตุลาคม จะมีเทศกาลลดราคาสินค้า 50% เวลาเปิด-ปิดบริการของห้างลาฟาแยตต์คือ วันจันทร์-วันเสาร์ 09.30-19.30 วันอาทิตย์ เปิดทำการถึง 21.00 น.

ภายในร้าน

ตรงกลางมีโดมแบบนี้

ภายในร้าน

ทางออกมีภาษาไทยด้วย (ที่ทางเข้าอีกทางก็มีเช่นกัน)

แกลเลอรี่ลาฟาแยตต์ (ภาพจากเวบ)

ออกจากร้านลาฟาแยตต์ เจอฝนอีก

Seine Dinner Cruise

เราออกจากแกลเลอรี่ลาฟาแยตต์ประมาณห้าโมงเย็น เดินทางต่อไปที่ท่าเทียบเรือล่องแม่น้ำแซนประมาณเยื้องๆหอไอเฟิล เพื่อล่่องเรือทานมื้อเย็นกัน บรรยากาศตอนไปถึงยังครึ้มฟ้าครึ้มฝน อากาศเย็นพอควร

ถึงท่าเรือ

เราขึ้นเรือก่อนหกโมงเล็กน้อย บนเรือยังไม่มีผู้คนมาเท่าไหร่ ได้โอกาสเลยถ่ายภาพโต๊ะว่างๆมาให้ชมกัน โปรแกรมที่เราไปเป็นการล่องเรือที่เรียกว่า Seine Dinner Cruise ซึ่งเรือจะออกประมาณ 18:00 น. พาวนไปเรื่อยๆ ผ่านสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น สะพาน Pont Alexandre III มหาวิหารนอตเทรอดัม และวนกลับมาที่หอไอเฟิล รวมเวลาแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง และทานอาหารไปด้วย

ขึ้นเรือไปผู้คนยังไม่มา

เรือจะมุงหลังคาด้วยแผ่นอะคลีลิกใส ทำให้ด้านบนและด้านข้างโปร่ง สามารถมองเห็นวิวรอบด้านได้ ส่วนด้านหลังทำโล่งไว้ให้ผู้โดยสารหรือนักท่องเที่ยวออกไปยืนชมวิว..เสียดายช่วงแรกๆที่เรือแล่นออกจากท่ามีฝนลงมา เลยได้ภาพมาไม่ค่อยสวย

ไวน์โต๊ะละขวด...น้องแนนช่วยเสริฟด้วย

เที่ยวที่ล่องเรือไปนี้ มีน้องจากเมืองไทยที่ไปทำงานที่นั่นและแวะไปรับญาติเขาที่เดินทางไปในทริปนี้ ล่องไปด้วย ถามไถ่ว่าซื้อบัตรขึ้นมาเท่าไหร่ เขาบอกว่า 60 euro หรือประมาณ 2400 บาท... ซึ่งราคาจะไม่เหมือนกันนะครับ ขึ้นอยู่กับรายการอาหาร

แม่น้ำแซน (Seine River)

แม่น้ำแซน เป็นแม่น้ำสายสำคัญของฝรั่งเศส โดยเฉพาะกับนครปารีส ซึ่งใช้เป็นทั้งในการเดินทางค้าขายและท่องเที่ยว แม่น้ำแซนมีถิ่นกำเนิดมาจากทางแคว้น Dijon ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ที่เรียกว่า “Langre Plateau” แม่น้ำแซนนี้มีความยาวทั้งสิ้น 776 กม. ไหลผ่านแคว้นและเมืองต่างๆและไปออกทะเลที่ช่องแคบอังกฤษ ที่ Le Havre .... เฉพาะที่ปารีสแม่น้ำแซนมีสะพานข้ามทั้งหมด 37 แห่ง และที่นอกเมืองอีกมากมาย มีสะพานแขวนที่มีความยาวที่สุดในโลกคือ “Pont de Normandie” ที่เชื่อมต่อ Le Havre กับ Honfleur

แม่น้ำแซนช่วงที่เห็นในปารีส ไม่ได้กว้างใหญ่มากเหมือนแม่น้ำเจ้าพระยาบ้านเรา แต่สถาปัตยกรรมและสิ่งต่างๆตามฝั่งแม่น้ล้วนแล้วแต่สวยงาม ยิ่งใหญ่ตระการตาทั้งสิ้น (อ่านเพิ่มเติม)

ชอบชุดนี้..จำชื่อไม่ได้

บรรยากาศในเรือ

ในแม่น้ำแซนที่เรือแล่นผ่านไป

มองผ่านหลังคากระจก เห็นสะพาน Pont Alexandre III ที่ว่ากันว่าเป็นต้นแบบสะพานมัฆวานรัสรรค์ในบ้านเรา

ออกไปด้านนอกเรือตอนฝนซาเม็ด ถ่ายหอไอเฟิล

ในเรือเล่นแสงสีให้เราชมหอไอเฟิล

ถ่ายตอนขึ้นจากเรือ

กลับไปขึ้นรถกลับที่พัก

ถ่ายอีก

ประมาณสองทุ่มเศษๆเราเดินทางกลับโรงแรม ถึงโรงแรมแล้วลงไปต่อที่บาร์อีกเพราะติดใจไวน์ขวดที่เขาเสริฟบนเรือ เลยมาต่อด้วยไวน์จากบอร์กโดซ์ (Bordeaux) อีกหนึ่งขวด คืนนั้นเลยหลับสบาย มารู้สึกตัวอีกทีตอนไฟในโรงแรมดับ (ประเทศระดับนี้ยังเป็นไปได้) โทรลงไปเชคเลยทราบว่าเกิดจากระบบไฟในปารีสส่วนนี้ มืดไปประมาณครึ่งชั่วโมงไฟจึงกลับมา


วันนี้เลยพาคุณๆเที่ยวปารีสแบบลุยฝนนิดๆ ดีที่ว่าวันนี้โปรแกรมส่วนใหญ่อยู่ตามอาคารร้านค้า เลยไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ แต่เสียดายที่ไปทั้งที โชคไม่ดีที่ไม่ได้ภาพสวยๆครับ....ราตรีสวัสดิ์

ราตรีที่ปารีส...จากโรงแรม

Travel blog