เป็นอีกปีที่เราได้เดินทางขึ้นเหนือ สำหรับปีนี้เป็นปีพิเศษ เพราะเจ้าลูกชายอยากดูหมีแพนด้า ส่วนพ่อก็อยากไปไหว้พระทางเหนือ เพราะไม่ได้มาแถบนี้หลายปีแล้วเช่นกัน....หลังจากลูกชายสอบเสร็จ (ปีนี้ ม.ที่เจ้าลูกชายเรียน เปลี่ยนเวลาการปิด-เปิดเทอมใหม่ เหมือนสากล) ก็เดินทางจากกรุงเทพฯขึ้นไปสมทบกับพ่อ ส่วนแม่ติดภาระจัดอบบรมสัมนา เลยไม่ว่าง สองพ่อลูกจึงออกทริปหมีแพนด้ากันตามลำพัง

18 ธันวาคม 2555 เราเดินทางออกจากขอนแก่นตั้งแต่เช้าประมาณ 07:00 น. ขับผ่านน้ำหนาว พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ลำปาง เชียงใหม่ และปลายทางที่อำเภอจอมทองเพราะอยากจะขึ้นดอยอินทนนท์แต่เช้า อยากไปดูความเปลี่ยนแปลงของที่นั่น เพราะห่างหายจากการได้มาที่นั่นนานเหมือนกัน... เราขับไปเรื่อยๆ เห็นวิวสวยก็จอดถ่ายภาพกันไป แต่กำหนดปลายทางไว้แน่นอนคือก่อนมืด เพราะช่วงหลังๆนี่สายตาไม่ค่อยดี จึงพยามหลีกเลี่ยงการขับในเวลากลางคืน... ส่วนที่พักไม่ได้จองไปเพราะคิดว่า walk in น่าจะสะดวกกว่า

รีสอร์ทไม้ล้านนาที่ทางขึ้นดอยอินทนนท์

ถึงจอมทองเชียงใหม่ประมาณหกโมงเย็น แวะปั๊ม ปตท. และสอบถามที่พัก พอดีได้ที่พักจากที่นั่น เป็นรีสอร์ททางขึ้นดอยอินทนนท์ ประมาณใกล้ๆกับน้ำตกแม่กลางชื่อ "ไม้ล้านนา" รีสอร์ท ซึ่งราคากับสถานที่ก็เหมาะกันดี วันที่ไปถึงเป็นช่วงกลางๆสัปดาห์เราติดต่อจากร้านเขาที่ปั๊มได้ลดอีกสองร้อย..

มีที่กางเต้นท์ด้วย

วันที่ไปทางรีสอร์ทเขาไม่ได้ขายอาหาร เราเลยต้องกลับมาทางจอมทอง ก่อนถึงปากทางมีร้านอาหารชื่อ "บ้านชวนชม" มีดนตรีประเภทโฟล์คซองเล่นด้วย แถมวันนั้นมีจอโปรเจคเตอร์ให้เราได้ดูบอลไทยกับสิงค์โปร์อีกต่างหาก ผลไทยบุกไปพ่ายทีมลอดช่อง 1-3 จนทำให้แมทสุดท้ายที่เล่นที่กรุงเทพ แม้เราจะชนะ 1-0 แต่ก็ชวดแช้มป์

นั่งดูบอลซักพัก อากาศเย็นลงต้องหาแจ็คเก็ตมาใส่กัน น้องไฮน์ (เบียร์น่ะ) ไม่ได้ช่วยให้ร่างกยเราอบอุ่นขึ้นเลย วันนั้นหนาวพอได้เลยล่ะครับ ไม่ไหวจะนั่งเพราะหนาว เบียร์หมดขวด บอลจบรีบกลับไปที่พัก นอนหลับสบายทั้งคืน

กลับลงมาทานมื้อเย็นที่บ้านชวนชม

ตื่นกันแต่เช้ารีปขึ้นดอย เพราะสายๆกลัวไม่หนาว ลูกชายบอกว่าเดี๋ยวไม่ได้ฟิลล์พ่อ... ถึงทางเข้า อช.ต้องจ่ายค่าขึ้นคนละ 40 บาท รถอีก 30 รวมเป็น 110 บาทสองคน จากนั้นก็ขับขึ้นเขาไปเรื่อยๆ อากาศเย็นสบายๆอยู่ในช่วงสิบกว่าองศา ถึงที่ทำการอุทยานเลยพักทานอาหารเช้ากันที่นี่ ซึ่งก็มีอาหารหลากหลายให้เลือก เราเลือกอาหารเช้าแบบมะกัน (ในภาพ) รวมกาแฟชุดละ 100 บาท หลังจากทานเสร็จก้เดินเก็บภาพตามธรรมเนียม ก่อนเดินทางต่อ

ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ดอยอินทนนท์

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอดอยหล่อ อำเภอจอมทองและอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มีเนื้อที่ประมาณ 482.4 ตารางกิโลเมตร หรือ 301,500 ไร่ ประกอบไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย พาดผ่านจากประเทศเนปาล ภูฐาน พม่า เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย

ทำธงแบบนี้สวยดี

สภาพภูมิประเทศทั่วไปประกอบด้วยภูเขาสลับซับซ้อน มีดอยอินทนนท์เป็นยอดเขาที่สูงที่สุด สูงจาก ระดับน้ำทะเล 2,565 เมตร ยอดเขาที่มีระดับสูงรองลงมาคือ ดอยหัวมดหลวง สูงจากระดับน้ำทะเล 2,330 เมตร ป่าอินทนนท์นี้เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำแม่กลาง แม่ป่าก่อ แม่ปอน แม่หอย แม่ยะ แม่แจ่ม แม่ขาน และเป็นส่วนหนึ่งของต้นน้ำแม่ปิงที่ ให้พลังงานไฟฟ้าที่เขื่อนภูมิพล มีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงาม เช่น น้ำตกต่างๆ โดยเฉพาะน้ำตกแม่ยะ ที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดของประเทศ

ดอยอินทนนท์ เดิมมีชื่อว่า "ดอยหลวงอ่างกา" ต่อมาได้ตั้งชื่อตามพระนามของพระเจ้าอินทวิชยนนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 7

อาหารเช้าเรามื้อนี้ ABF...มีด้วย

สนามน่ากางเต้นนอนจัง...แตวันนี้ไม่เห็น

ทางช่วงก่อนที่จะถึงพระมหาธาตุ กำลังปรัปปรุงใหม่ โดยขยายทางให้กว้างขึ้น (ตรงจุดจอดชมวิวนั่นแหละครับ) กำลังลาดยางในขั้นตอนสุดท้ายอยู่ ถ้าเสร็จการขึ้นเขาช่วงนี้คงสบายขึ้นเยอะครับ

ถึงแล้วยอดดอยอินทนนท์

เราขับเลยพระมหาธาติขึ้นไปที่ยอดดอยก่อน แล้วค่อยกลับมาเก็บตามรายทางต่อไป เพราะตอนที่เราขึ้นไปถึงก็เจอรถมากมายจอดเรียงรายอยู่ข้างถนน ทั้งหน้าทางเข้าพระธาตุและกิ่วแม่ปานตรงข้ามลานจอดเฮลิคอปเตอร์

ลานจอดรถกว้างดี

อากาศบนยอดดอยอินทนนท์วันนั้นแม้จะอยู่ที่ 7 องศาเซลเซียส แต่มีลมแรง ทำให้ความรู้สึกจริงๆที่ได้สัมผัส มันหนาวเย็นเหมือนอุณหภูมิติดลบ ลองนึกภาพดูว่า จขบ.เป็นคนที่ชอบอากาศเย็น แต่วันนั้นต้องใส่แจ็คเก็ตแบบรูดซิบปิดทั้งตัวรวมฮูดด้วย....ถามฝรั่งพ่อลูกอ่อนว่า "หนาวไหม?" แกบอกว่า "หนาวนิดหน่อย" .... ขนาดนิดหน่อยขอพ่อหนุ่มยังต้องใส่แจ็คเก็ตปิดมิดเหมือนเราเลย แปลกใจแต่สาวๆเขาใส่สั้นๆ ไม่หนาวหรือไงนะ???

"
กู่พระเจ้าอินทวิชยานนท์

เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2458 พระราชชายาเจ้าดารารัศมี ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสประทับพักแรมบนยอดดอยอินทนนท์ และโปรดให้สร้างกู่บรรจุพระอัฐิของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าหลวงเชียงใหม่ องค์ที่ 7 (พ.ศ. 2413 - 2440) ผู้เป็นพระราชบิดาไว้ ณ ที่นี้

กองทัพอากาศได้สร้างเจดีย์องเล็กไว้ข้างกู่องค์เดิม เพื่อเป็นอนุสรณ์และเป็นการเทิดพระเกียรติ แค่พระเจ้าอินทวิชยานนท์ เมื่อ พ.ศ. 2518

วันที่ 20 พฤษภาคม 2529 คณะเจ้านายฝ่ายเหนือ บุตรหลาน คณะสงฆ์ คณะทหารอากาศ และประชาชน ได้เห็นพ้องต้องกันว่า กู่องค์เดิมทรุดโทรม จึงร่วมกันสร้างกู่ขึ้นใหม่ ครอบฐานองค์เดิม