....OUR FAMILY'S JOURNEY....
++ วาติกันมิวเซียมและมหาวิหารเซ็นปีเตอร์...ประติมากรรม & จิตรกรรมขั้นเทพ ++


นครวาติกัน และวิหารเซ็นต์ปีเตอร์
ศูนย์รวมประติมากรรม & จิตรกรรมขั้นเทพ



อ่านตอนที่ 1 : โคลอสเซี่ยม...มหึมาบนซากชีวิต
อ่านตอนที่ 2 : จัตุรัสเวเนเซีย น้ำพุจตุมหานที และวิหารแพนธีออน
อ่านตอนที่ 4 : จัตุรัสเวเนเซีย น้ำพุจตุมหานที และวิหารแพนธีออน



ล๊อกที่แล้วเราไปเที่ยวชมจตุรัสเวเนเซีย จตุรัตนาโวนา และวิหารแพนธีออนมานะครับ หลังจากนั้นเราก็ไปทานมื้อเที่ยงกัน ร้านอาหารที่เราไปทานมื้อเที่ยงก็อยู่ไม่ไกลจากแหล่งที่เราจะเดินทางไปเที่ยวในโปรแกรมต่อไปนัก สถานที่ๆจะพาคุณๆไปชมต่อไปคือวาติกันมิวเซียมและมหาวิหารเซ็นต์ปีเตอร์ครับ







กำแพงนครวาติกัน....เห็นภาพจากบางเวบ เข้าคิวถึงหลังรถคันขาวเลย




รถพาเรามาส่งข้างๆกำแพงนครวาติกัน แล้วคณะเราก็เดินเลียบกำแพงเพื่อไปเข้าทางประตูเข้ามิวเซียมซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่ง มองเห็นผู้คนเข้ามาชมที่นี่แล้วก็ให้คิดถึงการท่องเที่ยวของบ้านเรา ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวนั้นยังห่างไกลกันมาก ที่อิตาลีนี่มีนักท่องเที่ยวประมาณปีละ 60 ล้านคน (ไม่อยากคำนวณว่าเงินเข้าประเทศจะมากมายมหาศาลขนาดไหน) ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเพราะเราอ่อนประชาสัมพันธ์หรือเนื่องจากอะไรกัน...







ซ้ายมือประตูนี้จะเป็นทางเข้ามิวเซียม




เราผ่านประตูเข้าไปก็ถึงขั้นตอนของความปลอดภัย คือเขาจะตรวจและเอ็กเรย์พวกกระเป๋าคล้ายๆในสนามบินเลยล่ะ พวกเป้สะพายเขาจะห้ามไม่ให้เอาเข้าไปครับ ส่วนของ จขบ.เป็นกระเป๋ากล้องคล้ายๆเป้ และแจ้งเขาก็โอเคครับ หมดขั้นตอนความปลอดภัยแล้วก็มาถึงขั้นตอนการซื้อบัตรเข้าชม...จำได้ว่าคนละ 15 ยูโร ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนก็ประมาณ 40 บาท ต่อ 1 ยูโรครับ (ที่นครวาติกัน ซึ่งมีฐานะเทียบเท่าประเทศเอกราช เขาใช้เงินยูโรเช่นกันครับ)






ชอบอันนี้มาก




ผ่านตรงนี้เข้าไปจะเป็นทางเข้าสู่สนาม มีให้คุณๆเลือกทั้งการเดินขึ้นบันไดวน และบันไดเลื่อน เราเลือกอันหลัง.... เข้าถึงสนามจะมีภาพพิมพ์มาตั้งโชว์ให้ดูรอบๆสนาม เพื่อให้รู้ว่าด้านในมิวเซียม มีภาพอะไรอยู่ตรงไหน โดยจะมีอยู่ 3 กลุ่มด้วยกัน คือThe Ceiling, The last Judgement, และ The Sistine Chapel ส่วนภาพด้านล่างเป็น The last judgement ครับ

ตรงกลางสนามมีลูกโลกสีทองตั้งอยู่เป็นศิลปร่วมสมัย ชื่องานว่า "Sphere Within Sphere" ของ Pomodoro ซึ่งเขาจะแทนความหมายอะไรนั้นจำไม่ได้เสียแล้ว








สนามก่อนเข้าชมมิวเซียม ส่วนลูกโลกที่เห็นนั้นเป็นศิลปร่วสมัยที่ชื่อว่า Sphere within Sphere ของ Pomodoro
มุมขวามือบน..ด้านในสุดคือโดมของมหาวิหารเซ็นต์ปีเตอร์ ถัดออกมาคือห้อง Sistine Chapel





การเข้าชมวาติกันมิวเซียมนี้เขาไม่ให้ใช้เสียงดัง การถ่ายภาพก็ห้ามใช้แฟลช ห้อง Sistine Chapel ห้ามถ่ายภาพ ....ต้องเตรียมปรับกล้องให้ดีนะครับ ส่วนไกด์เราจะแจกวิทยุภาครับพร้อมหูฟัง ปกติเขาจะมีไกด์ประจำที่นี่ซึ่งพูดภาษาอังกฤษ (อาจจะมีภาษาอื่นด้วย) แต่วันที่เราไปน้องแนนไกด์เราเธอมาบ่อยและคล่องมาก เราเลยได้ฟังภาษาไทยแบบสบายๆ






ภาพจำลองจากในพิพิธภัณฑ์มีชุดละ 3 แผ่น (แบบนี้)
คือ The Ceiling, The last Judgement, และ The Sistine Chapel




ก่อนเข้าไปด้านในพิพิธภัณฑ์ที่ถือว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เรามาทำความรู้จักกับนครรัฐเล็กๆที่มีความสำคัญมากๆ นี่หน่อยครับ.



นครรัฐวาติกัน

นครรัฐวาติกันเป็นรัฐที่เล็กที่สุดในโลก มีเนื้อที่ประมาณ 108 เอเคอร์ หรือประมาณ 250 ไร่ หรือประมาณ 2/3 ตารางกิโลเมตร ตามสนธิสัญญาแห่ง “ลาเตรัน” นครรัฐวาติกันมีอาณาเขตประกอบด้วยวังวาติกัน วังกัสเตลกันดอลโฟ (Castelgandolfo) อันเป็นที่ประทับร้อนอยู่นอกชานกรุงโรมไปทางทิศใต้ มหาวิทยาลัยเกรโกเรียน (Gregorian University) และโบสถ์ 13 แห่งในกรุงโรม






แค่ทางเข้านี้ก็ตื่นตาแล้วครับ





เฉพาะวังวาติกันมีเนื้อที่ 150 ไร่ หรือ 2/5 ตารางกิโลเมตร ซึ่งรวมโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ พิพิธภัณฑ์วาติกัน หอสมุดวาติกัน และทีประทับขององค์สันตะปาปาด้วย ภายในบริเวณดังกล่าวยังมีอุทยานวาติกันอันงดงาม มีสถานีวิทยุของวาติกัน มีที่ทำการไปรษณีย์วาติกัน สถานีรถไฟวาติกัน ธนาคารวาติกัน และร้านค้าของวาติกัน ซึ่งปลอดภาษีทุกชนิด มีคุก มีสำนักพิมพ์ เช่นมีหนังสือพิมพ์ของตัวเองชื่อ โลสเซอร์วาโต โรมาโน ( L’Osservatore Romano )






ห้องแสดงงานประติมากรรม





แม้นครรัฐวาติกันจะมีการติดต่อทางการทูตกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้ง ประเทศไทยด้วย แต่ในนครรัฐวาติกันหามีที่ตั้งสถานทูตไม่ เพราะทูตประจำวาติกันมักจะได้แก่ ทูตประจำประเทศไทยหนึ่งในยุโรป ทูตประจำนครรัฐวาติกันจึงมีที่พำนักอยู่นอกเขตวาติกันทั้งสิ้น






ภาพจิตรกรรมด้านบนเพดาน





ประวัติศาสตร์

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1929 นครรัฐวาติกันและอิตาลีได้ลงนามสนธิสัญญายอมรับสถานะของนครรัฐวาติกันเป็นรัฐเอกราชมีอำนาจอธิปไตยของตนเอง ตั้งแต่ ค.ศ. 1960 นครรัฐวาติกันได้รับการจารึกให้เป็นดินแดนที่จะต้องได้รับการปกป้องรักษาไว้เป็นพิเศษในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งทางอาวุธ (International Register of Cultural Works under Special Protection in Case of Armed Conflict) เนื่องจากเป็นแหล่งศิลปวัฒนธรรมของโลก มีหอสมุดอันเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 (the Apostolic Library of the Vatican)...







The Loacoon and his sons หรือ Loacoon Group




...ต่อมา ในศตวรรษที่ 15 ได้มีการจัดตั้งหอจดหมายเหตุนครรัฐวาติกัน (Secret Archive of the Vatican) พิพิธภัณฑ์วาติกัน มหาวิหารนักบุญเปโตร และมีสำนักพิมพ์ของตนชื่อ the Vatican Polyglot Press ซึ่งเป็นที่จัดพิมพ์ผลงานภาษาต่างๆ รวมทั้งออกหนังสือพิมพ์รายวัน Observatore Romano ซึ่งตีพิมพ์เผยแพร่ตั้งแต่ ค.ศ. 1861 และตั้งแต่ ค.ศ. 1931 นครรัฐวาติกันได้จัดตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียง ถ่ายทอดเสียงภาษาต่างๆ ถึง 30 ภาษา ปัจจุบัน นครรัฐวาติกันมีสถานีวิทยุกระจายเสียง 3 สถานี สถานีโทรทัศน์ 1 สถานี







ประตูเข้าห้องวงกลม (Circular Hall)




นครวาติกัน

พื้นที่ ......... ..........0.44 ตร.กม ( 250 ไร่)
ประชากร..............826 คน (2552)
ประมุข.................พระสันตะปาปาเบเนติกต์ที่ 16
เอกราช.................ตามสนธิสัญญา “ลาเทอรัน” (laterun Treaty) เมื่อ11 กพ. 1929






เพดานด้านในโดม มีรูรับแสงคล้ายๆ Pantheon




พิพิธภัณฑ์วาติกัน

เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ภายในนครรัฐวาติกันในกรุงโรมในประเทศอิตาลี “พิพิธภัณฑ์วาติกัน” เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงศิลปะที่สะสมโดยวัดโรมันคาทอริกมาเป็นเวลาหลายร้อยๆ ปี เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1929 นครรัฐวาติกันและอิตาลีได้ลงนามสนธิสัญญายอมรับสถานะของนครรัฐวาติกันเป็นรัฐเอกราชมีอำนาจอธิปไตยของตนเอง

สมเด็จพระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 ทรงก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ชาเปลซิสตินและห้องราฟาเอล (Stanze della Segnatura) เป็นส่วนหนึ่งที่ผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์จะได้เห็น









ตรงกลางนั่นคือ Nero's porphyry bathtub on Roman mosaic ใน Circular Hall
.






อนุสาวรีย์ Juno Sospita







ถ่ายอีกมุมในห้อง Circular Hall













ภาพบน Roman Mosaic












ที่ฝังศพใครซักคน..จำไม่ได้









จิตรกรรมที่เพดานทางเดิน








ภาพจิตรกรรมบนเพดาน




เพดานชาเปลซิสติน (อังกฤษ: Sistine Chapel ceiling) เป็นจิตรกรรมฝาผนังบนเพดานของชาเปลซิสตินที่เขียนโดยไมเคิล แอนเจโลระหว่าง ค.ศ. 1508 ถึง ค.ศ. 1512 ที่ได้รับการจ้างโดยสมเด็จพระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 เป็นงานจิตรกรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดของยุคทองของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา เพดานที่เขียนภาพอยู่ภายในชาเปลของพระสันตะปาปาภายในพระราชวังวาติกันที่สร้างขึ้นในระหว่าง ค.ศ. 1477 ถึง ค.ศ. 1480 โดยสมเด็จพระสันตะปาปาซิกส์ตุสที่ 4 ที่กลายมาเป็นชื่อชาเปล ชาเปลเป็นที่ตั้งของห้องประชุมพระสันตะปาปาและสถานที่ที่ใช้ในการทำพิธีทางศาสนาของพระสันตะปาปา






ภาพวาดบนเพดาน ห้อง Sistine Chapel โดยไมเคิล แอนเจโล (จากเวบ)





ภาพเขียนบนเพดานเป็นส่วนหนึ่งของหัวข้อใหญ่ในการตกแต่งภายในทั้งหมดของชาเปลที่รวมทั้งจิตรกรรมฝาผนัง “การตัดสินครั้งสุดท้าย” (The last judgement) บนผนังด้านพิธีโดยไมเคิล แอนเจโลเช่นกัน และภาพเขียนอื่นๆ โดยกลุ่มจิตรกรชั้นนำของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาอิตาลีของคริสต์ศตวรรษที่ 15 ที่รวมทั้งซานโดร บอตติเชลลี และเปียโตร เปรูจิโน และพรมทอแขวนผนังชุดใหญ่โดยราฟาเอล หัวใจของภาพทั้งหมดสะท้อนปรัชญาของโรมันคาทอลิก

หัวใจของภาพเขียนบนเพดานเป็นฉากเก้าฉากจากพระธรรมปฐมกาล ในบรรดาเก้าภาพๆ ที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดคือภาพพระเจ้าสร้างอาดัม (Creation of Adam) ที่กลายมาเป็นรูปสัญลักษณ์ที่เป็นที่รู้จักกันดีพอๆ กับ “โมนาลิซา” ของเลโอนาร์โด ดา วินชี โดยเฉพาะส่วนที่เป็นนิ้วมือของพระเจ้าที่แทบจะมาจรดกับนิ้วมือของอาดัมที่เป็นภาพที่กลายมาเป็นภาพที่แปลงไปเป็นงานศิลปะในรูปแบบต่างๆ มากมาย (อ่านเพิ่มเติม)






ทางออกจากห้อง Sistine Chapel







ทางออกพิพิธภัณฑ์ เพื่อไปสู่มหาวิหารเซ็นต์ปีเตอร์...คนเข้าแถวด้านล่างเพื่อขึ้นชมวิว




ออกจากห้อง Sistine Chapel แล้วเดินลงตามบันไดเพื่อไปสู่มหาวิหารเซ็นต์ปีเตอร์ ส่วนแถวคนที่เราเห็นด้านล่างของภาพนั้นคือการที่เขาเข้าคิวรอขึ้นชมวิวเพื่อให้เห็นด้านหน้าเหมือนภาพบน แต่เราไม่ได้ขึ้นเพราะเวลาไม่พอ (จากข้อมูลที่ค้นมาบอกว่า การขึ้นชมวิวบนหอนี้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายด้วย คือขึ้นลิฟท์เสีย 7 ยูโร แต่ถ้าเดินขึ้น เสีย 5 ยูโร ครับ)







นักท่องเที่ยวกำลังรอคิวเข้าไปในวิหารเซ็นต์ปีเตอร์




ตรงหน้าประตูทางเข้าหลักของวิหารเซ็นปีเตอร์ มีคนเยอะมาก ออกันเต็มไปหมด...แต่เขาจัดให้เข้าทาง และออกอีกทาง.... วิหารเซ็นต์ปีเตอร์นี้ถือว่าเป็นโบสถ์คริตส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ คือสามารถจุคนได้ 60,000 คน (หกหมื่นคน) ครับ






จตุรัสเซ็นต์ปีเตอร์ จากหอชมวิว (ภาพมุมสูงจากเวบ)




ตอนที่เขามีการเลือกพระสันตะปาปา ผู้คนก็มารอฟังที่จตุรัสในภาพด้านบนครับ.. พื้นที่กว้างมาก สองข้างเป็นอาคารครึ่งวงกลม เป็นคล้ายๆระเบียง ส่วนตรงกลางมีเก้าอี้ที่นั่ง และเสาหินโอเบลิสก์






The Holy Door ที่อยู่ข้างๆทางเข้า จะเปิดเฉพาะมีงานใหญ่ๆเท่านั้น





มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์


มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (ภาษาอังกฤษ: Basilica of Saint Peter, ภาษาละติน: Basilica Sancti Petri) รู้จักกันโดยชาวอิตาลีว่า Basilica di San Pietro in Vaticano หรือเรียกกันสั้นๆว่าเซนต์ปีเตอร์บาซิลิกา (Saint Peter's Basilica)

มหาวิหารนี้เป็นมหาวิหารหนึ่งในสี่ของมหาวิหารหลักในกรุงโรม, ประเทศอิตาลี (อีกสามมหาวิหารคือ: มหาวิหารเซ็นต์จอห์นแลเตอร์รัน, มหาวิหารซานตามาเรียมายอเร และ มหาวิหารเซ็นต์พอลนอกกำแพง อยู่ในนครรัฐวาติกัน เป็นดินแดนที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม ประเทศอิตาลีเป็นที่ประทับของpope ซึ่งเป็นประมุขสูงสุดแห่งศาสนาคริสต์ นิกาย Roman Catholic State of the Vatican City จัดว่าเป็นประเทศ ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ศูนย์กลางคือ มหาวิหารSt. Peter ที่ออกแบบโดยอัจฉริยะบุคคล Michelangelo







ภาพจิตรกรรมฝาผนังและประติมากรรมในวิหารเซ็นต์ปีเตอร์





ประวัติ


มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในนครรัฐวาติกันสร้างทับวิหารเดิมที่ชื่อเดียวกัน โดมของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์สูงโดดเด่นสามารถเห็นได้แต่ไกลในตัวเมืองโรม วัดนี้ตั้งอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 2.3 เฮกตาร์ สามารถจุคนได้กว่า 60,000 คน เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดที่หนึ่งของคริสตชนนิกายโรมันคาทอลิก ที่ตั้งวัดเชื่อกันว่าเป็นที่ฝังร่างของ นักบุญปีเตอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาวกสิบสององค์ของพระเยซู












นักบุญปีเตอร์เดิมเป็นบาทหลวงองค์แรกของอันติโอก (Antioch) ต่อมาก็ได้สถาปนาขึ้นเป็นพระสันตะปาปาองค์ แรกของโรม เพราะนิกายโรมันคาทอลิกเชื่อกันว่าร่างของนักบุญปีเตอร์ถูกฝังไว้ที่นี่ จึงเป็นประเพณีกันต่อมาว่าพระสันตะปาปาหลายองค์ก็ฝังไว้ที่วัดนี้ ตัวมหาวิหารปัจจุบันเริ่มสร้างเมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1506 บนวัดแบบคอนแสตนทีน และเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1626










แต่เดิมนั้นมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์มิได้เป็นสถานที่พำนักประจำตำแหน่งของ พระสันตะปาปาเช่นปัจจุบันนี้ (สถานที่ประจำตำแหน่งของสันตะปาปาเดิมอยู่ที่มหาวิหารเซ็นต์จอห์น แลเตอร์รัน) ถึงกระนั้นก็ยังถือกันว่าเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่ง เพราะวัดนี้ตั้งอยู่ในตัวนครรัฐวาติกันเอง และมีเนื้อที่มาก การทำพิธีต่างๆที่เกี่ยวกับพระสันตะปาปาก็จะมาทำกันที่นี่ นอกจากนั้นก็ยังมีบัลลังก์บิชอปปีเตอร์ (Cathedra Petri) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นบัลลังก์ของนักบุญปีเตอร์เองเมื่อดำรงตำแหน่งเป็น สันตะปาปาที่นี่ แต่ปัจจุบันนี้เก้าอี้นี้ไม่ได้ใช้เป็นบัลลังก์บิชอปอีกแล้ว แต่ยังเก็บไว้ไต้ฐานแท่นบูชาที่ออกแบบโดยจานลอเรนโซ เบร์นินี







เพดานโดมในวิหารเซ็นปีเตอร์




ที่ฝังพระศพของนักบุญปีเตอร์

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 1950 ระหว่างการออกอากาศทางวิทยุสมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 12 ประกาศว่าได้มีการค้นพบที่ฝังพระศพของนักบุญปีเตอร์หลังจากที่นักโบราณคดีใช้เวลา 10 ปีศึกษาขุดค้นห้องใต้ดิน (crypt) ภายในมหาวิหาร

ที่มา : วิกิพีเดีย









Pieta



Pieta (ปิเอตะ... มาจากภาษาอิตาลี ที่แปลว่า ความสงสาร ) พระแม่มารีย์ประคองร่างพระเยซูตอนลงจากไม้กางเขน ประติมากรรมหินอ่อนสีขาว สูง 174 ซม. เป็นผลงานของไมเคิล แอนเจโล (1499 - 1500) ที่ขึ้นชื่อที่สุดอีกชิ้นหนึ่ง และเป็นผลงานชิ้นเดียวที่เขาสลักชื่อไว้ .... เสียดายที่ไม่ได้ติดเลนส์ซูมเข้าไปด้วย เลยได้ภาพมาไม่ค่อยสมบูรณ์นัก







ทหารสัญชาติสวิสที่เฝ้าอยู่หน้าวิหารฯ




ทหารสัญชาติสวิสที่ยืนเฝ้าประตูทางเข้า ว่ากันว่าเป็นนักรบที่กล้าหาญและมีความซื่อสัตย์มาก.... มีเรื่องเล่ากันว่า เมื่อก่อนประเทศสวิสนั้นยากจนมาก ผู้ชายจะไปเป็นทหารรับจ้างกัน และประเทศใกล้ๆที่นิยมจ้างทหารสวิสก็คือฝรั่งเศส ในช่วงปฏิวัติใหญ่ในฝรั่งเศส วันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ.1792 ในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทหารสวิสก็ไปเป็นกองทหารของรักษาพระราชวัง และสู้รบกับกองทัพปฏิวัติจนตายหมดทั้งกอง และเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารสวิสฯ ในด้านความกล้าหาญ ซื่อสัตย์และจงรักภักดี ที่เสียชีวิตไปในประเทศฝรั่งเศส (ส่วนมากเป็นชาว Luzern) ชาวลูเซิร์นเลยแกะสลักรูปสิงห์โตที่หน้าผาไว้เป็นเกียรติ

อนุสาวรีย์รูปสิงโตหิน แกะสลักอยู่บนหน้าผา ที่หัวของสิงโตจะมีโล่ ซึ่งมีกากบาทสัญลักษณ์ของสวิสเซอร์แลนด์อยู่ (ถ้าผ่านไปลองไปชมนะครับ ไม่ไกลจากย่านที่เราไปซื้อนาฬิกามากนัก)







ด้านหน้าวิหารเซ็นต์ปีเตอร์





ด้านนอกเป็นลานวงกลมกว้างมากเรียกว่าจตุรัสเซ็นต์ปีเตอร์ มีเสาหินโอเบลิสก์ (Obelisk) อยู่ตรงกลาง สองข้างจะเป็นระเบียงเกือบครึ่งวงกลม มีรูปปั้นอยู่ด้านบน มองกลับเข้าไปจะเห็นอนุสาวรีย์เซ็นปีเตอร์อยู่หน้ามหาวิหารเยื้องไปทางซ้ายนิดหนึ่ง

ด้านนอกนี่มีห้องน้ำให้เข้าครับ แต่มีคนจัดคิวให้อย่างดี สำหรับท่านสุภาพสตรีคิวจะยาวหน่อย ส่วนท่านชายไม่ค่อยจะมีปัญหา.... จัดการธุระเสร็จเราก็เดินออกไปขึ้นรถที่มาจอดรอเราอยู่ที่ถนนด้านหน้า







อนุสาวรีย์ St. Peter ที่อยู่ด้านหน้ามหาวิหาร










ที่จตุรัสเซ็นต์ปีเตอร์





หลังจากที่เดินเที่ยวจนเกือบครบทั้ง 2 ที่แล้ว (ทั้งวังทั้งวัด) ก็พอสรุปได้ว่า ความยิ่งใหญ่ของโลกทั้งทางสถาปัตยกรรม จิตรกรรม และประติมากรรม ได้รวมศูนย์กันอยู่ ณ ที่แห่งนี้จริงๆ ภาพที่ถ่ายออกมาได้คงไม่สามารถสื่อความหมายได้มากพอกับความอลังการของที่นี่ ถ้าจะให้ชมได้ครบถ้วนจริงๆ น่าจะใช้เวลาในการเดินชมมากกว่า 1 วันครับ

แนะนำว่าถ้าคุณๆจะมาชมที่นี่ ควรศึกษาข้อมูลมาก่อน เช่นว่าเราอยากดูอะไรมากที่สุด เช่นภาพวาดบนเพดานในห้อง Sistine Chapel ซึ่งว่ากันว่าไมเคิล แอนเจโลได้อดทนวาดภาพเหล่านั้นในขณะที่ปูนยังไม่แห้งดีและทำได้สวยงามมากครับ

บล๊อกนี้ผมขอจบเอาดื้อๆแบบนี้ล่ะ เพราะภาพที่ใส่เข้าไว้เยอะมาก (อีกแล้วครับท่าน)....คราวที่แล้วบอกว่าจะอยู่ที่โรมแค่บล๊อกนี้ แต่ถ่ายภาพมามาก เลยอยากให้คุณๆได้ชมต่ออีกซักบล๊อก ซึ่งบล๊อกต่อไป จขบ.ได้ไปกางร่มถ่ายน้ำพุเทรวี่กลางสายฝนมาให้ชมกันเลยนะครับ.







ลาด้วยภาพด้านหน้าวิหารเซ็นต์ปีเตอร์ ภาพนี้ครับ






I will be right here waiting for you - Richard Marx


________________






Create Date : 06 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 24 สิงหาคม 2556 19:25:37 น. 27 comments
Counter : 14873 Pageviews.

 
สวยงามครับน้า ไปเองหรือซื้อทัวร์ครับ


โดย: เอก IP: 119.46.218.1 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2555 เวลา:12:22:32 น.  

 
อยากไปค่ะ ถ่ายรูปออกมาได้สวยมากค่ะ เพราะจบด้านศิลปะจึงอยากไปดูของจริงค่ะ
ไปแค่เยอรมันอีกนิดก็ถึงอิตาลี่ไปหลงใหลสวิสเสียก่อน เลยอดไปอิตาลี่


โดย: หญิง IP: 202.14.117.9 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2555 เวลา:13:39:02 น.  

 
The Holy Door จะเปิดเฉพาะในปีที่เรียกว่าปี Jubilee (ทุกๆ 25 ปี) โดยเปิดครั้งล่าสุดเมื่อปี 2000 ครับ


โดย: PIX IP: 171.98.96.68 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2555 เวลา:14:30:05 น.  

 
ยิ่งใหญ่อลังการณ์มากค่ะ

ภาพวาด หินแกะสลัก สุดจะบรรยาย


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 6 พฤศจิกายน 2555 เวลา:15:08:35 น.  

 
สวัสดียามค่ำคืนค่ะ

ขอตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ

บรรยากาศ ดี

ขอให้มีความสุขนะคะemo


โดย: iamorange วันที่: 6 พฤศจิกายน 2555 เวลา:18:32:22 น.  

 
โอ้วววววววววว

ขอบอกว่าสุดยอดมากกกกกกก
เป็นศูนย์รวมงานศิลปะที่งดงามและหาค่าเทียบไม่ได้เลย
เคยอ่านในหนังสือ ตอนไปเที่ยวเองก็ไม่ได้เข้าชม (พลาดอย่างแรง)
ตามมาชมในนี้นับเป็นบุญตาจริงๆค่ะ

ติดโหวตไว้ก่อนนะคะ วันนี้โควต้าหมดค่ะ

ยกแกงส้มมาฝากด้วย



โดย: AdrenalineRush วันที่: 6 พฤศจิกายน 2555 เวลา:21:48:45 น.  

 
อ่านไป ชมภาพไปขนลุกเลยค่ะ
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีคนไปท่องเที่ยวที่กรุงโรมและนครวาติกันมากขนาดนั้นในแต่ละปี
...........................................................................................................................
หลังจากที่เดินเที่ยวจนเกือบครบทั้ง 2 ที่แล้ว (ทั้งวังทั้งวัด) ก็พอสรุปได้ว่า
ความยิ่งใหญ่ของโลกทั้งทางสถาปัตยกรรม จิตรกรรม และประติมากรรม
ได้รวมศูนย์กันอยู่ ณ ที่แห่งนี้........
............................................................................................................................................
เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ
ขอชมค่ะว่าเก็บภาพได้ละเอียดมาก และภ่ายภาพได้สวยงาม อลังการณ์
เหมาะสมกับความอลังการณ์ของสถานที่ค่ะ เห็นแล้วอยากไป ๆ ๆ บ้าง
1.เพราะสองสถานที่นี้เป็นฉากในนวนิยายของแดน บราวน์ (อีกแล้ว)
2.เพราะความสวยงามอลังการณ์ของสถาปัตยกรรม จิตรกรรม และประติมากรรมค่ะ

ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันทั้งภาพและเรื่องราวที่งดงาม
เข้ามาอ่านแล้วรู้สึกว่าเต็มอิ่มค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
wicsir Travel Blog ดู Blog


โดย: ฝากเธอ วันที่: 6 พฤศจิกายน 2555 เวลา:22:46:35 น.  

 
สวัสดียามค่ำคืนค่ะ

เอาข้าวเหนียวมะม่วง มาฝากค่ะ



คืนนี้นอนหลับฝันดีนะคะ


โดย: iamorange วันที่: 6 พฤศจิกายน 2555 เวลา:23:22:58 น.  

 
ขอบคุณครับ.....ทีพาไปเที่ยวแบบผ่อนคลาย....ไม่ต้องกลัวว่าไกด์จะหายและหลงทางกับเพื่อนจนหาสาระการท่องเทียวไม่ใด้...เมื่อ25ปีมาแล้วผมไปญี่ปุ่นเพื่อนชวนไปเยี่ยมครอบครัวทักทายกันตั้งนานบอกมาจากเมืองไทยคุยกันภาษามือตั้งนาน...เพื่อนคิดว่ามาจากใต้หวันเลยเอารูปไปเที่ยวไต้หวันมาให้ดู ต้องบอกแบ้งค๊อก-พัทยา แกร้องอ๋อ ว่าเคยไป วัดพระแก้วรู้จัก...ถามว่าไปเที่ยวเมืองไทยสนุกไหม...เขาบอกว่าไปกับทัวส์พอลงรถก็ต้องคอยเดินตามขบวนยาวและดูธงหัวหน้าทัวส์ตลอดเวลาเพราะกลัวหลงทางเลยไม่รู้ว่าไปที่ใหนบ้าง.


โดย: surya21 (surya21 ) วันที่: 7 พฤศจิกายน 2555 เวลา:10:49:13 น.  

 
สวัสดีค่ะ ตามมาเที่ยวด้วย นครวาติกัน และวิหารเซ็นต์ปีเตอร์
อลังการจริงๆค่ะ ประติมากรรมแต่ละอย่าง สวยมากๆ
เห็นแล้วตื่นตาตื่นใจ ฝรั่งเค้าสร้างแต่ละอย่าง สุดยอดจริงๆ
เราไม่ได้ครึ่งเค้าเลย แหะๆ

ยกข้าวผัดปลาทูทอดมาฝากด้วยค่ะ



รสชาดคล้ายๆยำปลาทู อร่อยค่ะ
คอนเฟิม อิอิ

ว่าจะยกมาตั้งนานแล้ว พอดีงานเข้านิดหน่อยค่ะ


โดย: mambymam วันที่: 7 พฤศจิกายน 2555 เวลา:14:48:32 น.  

 
แวะเข้ามาทักทายคุณWICยามบ่าย
และมาโหวตให้ด้วยค่ะ กับมุมภาพสวยๆ
และสถานที่น่าตื่นตาตื่นใจ คุณWIC ถ่ายภาพได้สวยงาม
มุมมองที่มองแล้วไม่เบื่อ เป็นภาพชุดที่เยี่ยมอีกชุดนึงค่ะ
มีความสุขกับการทำงานนะคะ ^_^


โดย: andrex09 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2555 เวลา:16:10:20 น.  

 
ขอบคุณสำหรับภาพวาติกันมิวเซียมที่นำไปฝากต๋านะคะคุณวิค
ภาพจิตรกรรมเพดาน สวยงามมาก เป็นสมบัติล้ำค่าอีกชิ้น ที่ควรรักษาหรือบูรณะไปชั่วลูกชั่วหลานนะคะ
ส่วนประติมากรรม Pieta หินอ่อนสีขาวนี้ ทั้งโด่งดังและสวยงามจริงๆค่ะ
สถานที่สวยๆ กับฝีมือถ่ายภาพของคุณวิค เป็นอะไรที่ลงตัวมากค่ะ
รอชมภาพน้ำพุเทรวี่กลางสายฝนต่อค่ะคุณวิค
อยากทราบทางการอนุญาตให้โยนเหรียญอยู่รึเปล่าค่ะ
เคยทราบว่าน้ำหนักเหรียญมีผลกับการชำรุดของพื้นน้ำพุเทรวี่น่ะค่ะ



คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 7 พฤศจิกายน 2555 เวลา:23:55:45 น.  

 
สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่แวะมาทักทายนะคะ
เข้ามาดูภาพสวยๆ และเลยโหวตให้ด้วยค่ะ
wicsir Photo Blog


โดย: ดาวริมทะเล วันที่: 8 พฤศจิกายน 2555 เวลา:1:00:16 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะ

เอาอาหารทะเล มาฝากค่ะ









ขอให้มีความสุขนะคะ


โดย: iamorange วันที่: 8 พฤศจิกายน 2555 เวลา:8:15:29 น.  

 


แวะเข้ามาชมภาพสวยๆอีกค่ะ และเอาปลาไข่ย่างมาฝาก
ขอให้คุณWICและครอบครัวมีความสุขมากๆนะคะ ^_^


โดย: andrex09 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2555 เวลา:16:37:09 น.  

 
หวัดดีค่าคุณวิค

เรียกว่าเป็นภาพที่อลังการมาก ๆ เลยค่ะสำหรับที่ท่องเที่ยวประวัติศาสตร์แห่งนี้
ภามีความหมาย งดงาม
คนไปเยอะเหมือนกันนะคะ ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วยก็เป็นแบบนี้แหละเนาะ อิอิ

ชอบมองภาพกว้างๆ ที่มองได้สุดลูกหูลูกตามากๆเลยค่ะคุณวิค


ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่า


^^



มาแล้วค่า
"อโยเดีย" ตลาดนานาชาติ
สีสันสดใสแนววินเทจ



โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 8 พฤศจิกายน 2555 เวลา:17:07:29 น.  

 
perfectมากค่ะมาอ่านแล้วได้ความรู้ดีมีรายละเอียดดีมาก ภาพก็สวยงามมากเพลงก็เพราะชอบค่เคยไปมานานสิบกว่าปีแล้วเลือนลางไปแล้ว ว่างๆจะเข้ามาอ่านอีกค่ะ
วันนี้โหวตให้ก่อนสาขาท่องเที่ยวนะคะ



โดย: พรไม้หอม วันที่: 9 พฤศจิกายน 2555 เวลา:10:01:05 น.  

 
อลังการทุกครั้งที่ได้ชมเลยค่ะคุณอ๊อด
ที่ Sistine Chapel ตอนที่วาไปครั้งแรก ยังถ่ายรูปได้ค่ะ
แต่ครั้งต่อมาไม่ได้แล้ว แต่ก็ยังมีคนพยาม
แล้วการ์ดก็เดินมาห้าม แต่ก็ดูเขาไม่ซีเรียสเลย
ถ้าเป็นที่อังกฤษคนผ่าฝืนต้องออกนอกห้องเลยค่ะ


โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 9 พฤศจิกายน 2555 เวลา:16:05:31 น.  

 
แวะมาทักทายคุณWICยามเย็นวันศุกร์ค่ะ
ขอให้คุณและครอบครัว มีความสุขมากๆกับวันหยุด
พักผ่อนนะคะ ^_^


โดย: andrex09 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2555 เวลา:16:39:15 น.  

 
สวัสดีครับ

แวะมาชมภาพสวยๆ
โรแมนติกมากครับ ชมเมืองที่โรแมนติกไปพร้อมกับเพลงที่โรแมนติก

ผมกำลังวาดภาพว่ากำลังเดินจูงมือภรรยาเดินชมเมืองครับ









อย่าอมยิ้มซิครับ


โดย: chaangfun2020 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2555 เวลา:23:38:44 น.  

 
แวะมาโหวตให้ตอนดึกๆค่า

Tristy Food Blog ดู Blog
wicsir Travel Blog ดู Blog


โดย: AdrenalineRush วันที่: 10 พฤศจิกายน 2555 เวลา:0:52:05 น.  

 
แวะมาด้อมๆ มองๆค่ะว่าอัพบล็อกใหม่หรือยัง

สุขสันต์วันหยุดพักผ่อนนะคะ


โดย: ฝากเธอ วันที่: 10 พฤศจิกายน 2555 เวลา:19:25:58 น.  

 


สุขสันต์วันอาทิตย์ค่ะคุณวิค


โดย: Sweet_pills วันที่: 11 พฤศจิกายน 2555 เวลา:14:27:37 น.  

 
ภาพนครวาติกัน สวยงามมากครับ ดูเพลินเหมือนได้ชมภาพจากนิตยสารเลยทีเดียว .....



โดย: NET-MANIA วันที่: 11 พฤศจิกายน 2555 เวลา:21:37:47 น.  

 


เยี่ยมชมจนครบสี่บล็อกแล้ว เขาเรียกบล็อกมหากาพย์นะเนี่ยคุณวิก


โดย: หอมกร วันที่: 16 พฤศจิกายน 2555 เวลา:22:24:31 น.  

 
สวยมหัศจรรย์อลังการจริงๆครับ ทึ่ง และอึ่งกับผลงานประติมากรรมของอิตาลีมาก ทั้งสถาปัตยกรรมต่างๆด้วย ทั้งมิวเซี่ยมทั้งวิหารเลย งามจริงๆ งามจนหาคำพูดมาชมไม่ถูกเลยครับ


โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา วันที่: 12 ธันวาคม 2555 เวลา:11:39:08 น.  

 
hello
147258
[url=https://www.facebook.com/NikeAirMax1Cheap]nike air max 1 cheap[/url]


โดย: nike air max 1 cheap IP: 31.41.217.112 วันที่: 31 ธันวาคม 2556 เวลา:5:59:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
6 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.