สวัสดีครับ... สลับไปมานะครับ จากรีวิวเมืองไทย เดี๋ยวไปต่างประเทศ เดี๋ยวไปเมืองไทย อย่าเพิ่งเวียนหัวนะครับ เพราะช่วงปลายปีเดินทางถี่ยิบ ถ่ายภาพและเก็บข้อมูลไว้มากมาย ถ้าไม่ได้ทยอยระบายออกมาบ้าง เดี๋ยวจะมีปัญหาเรื่องเมมมอรีฟูลครับ เลยขออนุญาตท่านผู้อ่านเล่าเรื่องสลับกันไป เพื่อให้แฟนๆบล๊อกนายวิคเซอร์ได้เปลี่ยนบรรยากาศไปด้วย...คงไม่ว่ากันนะครับ

เข้าเขตเมือง Strasbourg

17 ตุลาคม 2555 เราออกจากอินเทอร์ลาเค่นในช่วงเช้า เพื่อข้ามพรมแดนสวิตเซอร์แลนด์และเดินทางต่อไปที่เมืองสตราสบวร์ก (Strasbourg) เลาะตะเข็บแนวชายแดนเยอรมันไปประมาณ 150 กม. เพื่อทานมื้อเที่ยงที่สตราสบวร์ก หลังจากนั้นจะได้ขึ้นรถไฟความเร็วสูงเข้าสูงสู่สถานีปารีสตะวันออกกัน

บล๊อกนี้เราจะเริ่มกันที่เมืองสตราสบวร์กเมืองชายแดนติดกับประเทศเยอรมันกันเลยนะครับ

เราจะเริ่มด้วยการพาคุณๆไปทานมื้อเที่ยงและเดินเที่ยวที่ย่านเมืองเก่าของเมืองสตราสบวร์ก (Strasbourg) ก่อนที่จะนั่งรถไฟความเร็วสูง TGV ไปที่สถานี้ปารีสตะวันออก (Paris East) กัน .... และเป็นการรีวิวต่อเนื่องจากที่เราไปเที่ยว อิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์มาครับ

รถมาส่งเราใกล้อนุสาวรีย์แห่งนี้

เราทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารแห่งนี้

ในร้านอาหาร De La Bourse Restaurant

ทานอาหารไป มีดนตรีมาเล่นให้ฟังด้วย

เข้าสู่ย่านเมืองเก่าของ Strasbourg

มีเรือล่องชมเมืองด้วย

เมืองเก่าสราสบวร์ก ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 1988 โดยที่บริเวณนั้นมี มหาวิหารสตราสบวร์ก (Strasbourg Cathedral) และเมืองสตราสบวร์กก็ถือว่าเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ตามแม่น้ำไรห์น รองจาก Duisburg ในเยอรมัน สตราสบวร์กยังเป็นศูนย์กลางที่ทันสมัยในด้านวิศวกรรมของฝรั่งเศสอีกด้วย

ท่ามกลางความเจริญ..ก็มีนักดนตรีเพื่อชีวิต (วณิพก) แบบนี้เหมือนกัน

จากร้านอาหารที่เราทานมื้อเที่ยง เราต้องเดินผ่านย่านเมืองเก่าเพื่อไปที่สถานีรถไฟ ซึ่งต้องเดินไปเป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร ผ่านมหาวิหารสตราสบวร์ก เราแวะถ่ายภาพกับด้านหน้าวิหาร เพราะอันนี้ไม่ได้อยู่ในโปรแกรมเที่ยว อากาศเย็นสบายๆของที่นี่เลยไม่ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยเท่าไหร่

มหาวิหารสตราสบวร์ก (Strasbourg Cathedral) ในย่านเมืองเก่า

ตรงจตุรัสหน้ามหาวิหาร

อีกมุมของมหาวิหารขณะเดินไปที่สถานีรถไฟ

ในย่านเมืองเก่า ส่วนมากจะใช้จักรยานและเดิน

หน้าสถานีรถไฟ Strasbourg

ที่สถานีรถไฟที่นั่นก็มีห้องน้ำสาธารณะ (ของรถไฟมากกว่า..) บริการด้วย ค่าบริการคือ 0.5 ยูโร หรือประมาณ 20 บาท ต่อครั้งครับ ... พวกเราหลายคน รวมทั้งเจ้าของบล๊อกทำธุระเสร็จก็เดินเฉยออกมา เพราะเคยชินกับบ้านเรา...เลยโดยเรียกเก็บจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในห้อง แบบห้องขายตั๋ว...ใครจะไปรู้เน๊อะ

เวลาและชานชลาของบวนรถที่จะออก ของเราขบวน 2998 ชานชลาที่ 1

ถึงเวลาก็เข้าไปที่ขบวนรถ

บน: เจ้าหน้าที่สแกนตั๋วก่อนขึ้น ล่าง : ภายใน TGV ชั้น 2

โครงข่ายรถไฟความเร็วสูงในฝรั่งเศส...TGV จาก Strasbourg - Paris (สีม่วง ด้านบน)

TGV (Train à Grande Vitesse) รถไฟฟ้าความเร็วสูง หรือรถไฟหัวกระสุนที่เราเรียกกัน เป็นเครือข่ายที่สามารถเชื่อต่อกันได้ทั้งยุโรป โดยสายจากปารีสตะวันออกนี้ เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2007 (ตามข้อมูลที่ค้นได้) โดยสายนี้ได้เชื่อมต่อไป บาเซล และซูริค ในสวิตเซอร์แลนด์ โดยบ่ายนี้เราจะอยู่บนรถไฟขบวนนี้ 2 ชั่วโมง ยี่สิบนาที ค่าโดยสารชั้น 2 นี้ถ้าจำไม่ผิดคือ 59 ยูโร (ราคานี้ขึ้นอยู่กับเวลาด้วยนะครับ)

ระหว่างเส้นทางที่ผ่าน...พื้นราบมากมาย

มีหลายคนบอกว่าฝรั่งเศสคือตะกร้าของยุโรป (ความหมายคือแหล่งผลิตพืช ผัก ผลไม้) เมื่อได้นั่งรถไฟผ่านไปเห็นแล้ว เลยขอคอนเฟิร์มว่าใช่ เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ที่รถไฟผ่าน เป็นทุ่งราบ กว้างสุดลูกหู ลูกตา ยังเห็นเกษตรกรเขาไถปรับที่กันเลย หลายช่วงที่เราผ่านเป็นทุ่งเลี้ยงปศุสัตว์ซึ่งน่าจะเป็นวัวนม มีอยู่ประปรายตลอดทาง

ถ้าถามว่าการนั่งรถไฟหัวกระสุนนี่นิ่มไหม? บอกได้เลยว่านิ่มมาก คือชอบอ่ะครับ เคยนั่งที่ญี่ปุ่น ก็ไม่ผิดจากที่นี่....บ้านเราน่าจะสร้างตั้งนานแล้วนะครับผมว่า เพราะถ้าการเดินทางประหยัดเวลาได้มากขนาดนี้ เชื่อว่าคนตามหัวเมืองคงไม่แห่มาพักอาศัยในกรุงเทพฯมากมายขนาดนี้แน่ ซึ่งผลลัพท์ที่ได้จะมีมากมายมหาศาล.

ถึงแล้วปารีส

ประมาณสี่โมงเย็นเศษๆ เราก็มาถึงสถานีปารีสตะวันออก (สถานีรถไฟที่ปารีส เขาจะสร้างไว้ทุกมุมเมือง มี 6 สถานีหลัก อยู่แต่ละทิศ ตามรูปของแผนที่ฝรั่งเศสที่เป็นหกเหลี่ยม) เราลงรถไฟโดยถือเฉพาะกระเป๋าใบเล้กที่เรานำติดตัวขึ้นรถมา ส่วนกระเป๋าใบใหญ่รถบัสที่เรานั่งเที่ยวมาจากอิตาลี จะขับมาส่งให้เราที่โรงแรม และจะนำเราเที่ยวในปารีสใน 2 วันที่เหลือครับ

ออกจากสถานีเจอฝนกำลังลงพรำๆพอดี..เอาอีกแล้ว ได้ภาพแบบทึมๆอีกแล้วครับ สิ่งแรกที่ไกด์เราพาไปคือไปช้อปที่ร้านปารีสลุค (Paris Look) ครับ

ภายในสถานีรถไฟปารีส-อีสท์

เข้าสู่กรุงปารีส

ที่นี่ก่อนเลย...ช้อบที่ร้าน Look Paris

ที่ร้านนี้มีคนขายที่สามารถพูดภาษาไทยได้ด้วย (คงมีแบบนี้ทั่วทุกเมืองในยุโรป) พอไปถึงเขาจะแนะนำวิธีการเลือกซื้อสินค้า ขอคืนภาษี ให้ก่อนที่จะแจกถุงสำหรับเดินเลือกซื้อสินค้าในร้าน..ร้าน Paris Look นี้กว้างพอสมควร มีหลายชั้น เห็นทัวร์จีนก็ลงมาที่นี่ด้วย

เข้าคิวซื้อ-จ่ายเงิน เหมือนของฟรี

ยามค่ำคืนที่ปารีส

เสร็จจากการซื้อสินค้า ซึ่งบางคนตัวเบาไปพอควรแล้ว รถก็พาเราไปทาน อาหารมื้อเย็น ซึ่งมื้อนี้พิเศษหน่อย เพราะเป็นร้านอาหารไทย ชื่อแทมมาริน (Tamarind) ซึ่งน่าจะอยู่ประใจกลางกรุงปารีสเลยล่ะ เป็นถนนเล็กๆ สถานที่ใกล้ที่สุดน่าจะเป็นโรงแรม Hotel Du Louvre

มื้อเย็นวันนี้ มีผัดผัก กระเพราเนื้อ ต้มยำปลา และผัดอะไรซักอย่างครับ โดยทั่วไปก็ถือว่าใช้ได้ เพียงแต่ร้านแคบไปนิดหนึ่ง....ทานมื้อเย็นเสร็จรถพาเราไปชมหอไอเฟลที่เขาเปิดไฟสลับสี ซึ่งเราไปทันพอดี แต่อยู่ไกล ถ่ายภาพยากมากเลยไม่เอามาลง เอาไว้ชมตอนที่เราไปล่องเรือแม่น้ำแซนต์ดีกว่านะครับ

ทางเดินไปร้านอาหาร

ร้านอาหารไทยชื่อ Tamarind

ได้เวลาพอสมควร รถโค้ชท้องถิ่นที่รไปรับเรามาจากสถานีรถไฟ ก็พาเราไปส่งที่พักที่ Paris Marriot Rive Gauche Hotel .... วันนี้เดินทางด้วยพาหนะหลายอย่าง รถโค้ช รถไฟวามเร็วสูง ลุยมาทั้งวัน เหนื่อยเลยต้องขอลากันตรงนี้เลยนะครับ... เจอกันใหม่บล๊อกหน้า

ลาด้วยภาพนี้ครับ