ผ้าแพรวา
ผ้าแพรวา ในปัจจุบันกำลังมีการนำมาพัฒนาในรูปลักษณ์ใหม่เช่นเป็นเสือผ้าแบบที่เพจ pearypie:make-up artist/theatrical artist ก็นำมาใช้ หรือก่อนหน้านั้น นักออกแบบอย่าง ดร.กฤษณ์ เย็นสุดใจ ดีไซเนอร์จาก โครงการหลวงได้นำผ้าแพรวามาใช้ในการแฟชั่นโชว์ ของ "ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ"(องค์การมหาชน) หรือ SACICT เมื่อ 2560 ที่ผ่านมา
ความเวอร์วังของจินตนาการนั้นมีการคิดกันมาระดับหนึ่งแล้ว โดยหน้าที่ของดีไซเนอร์ ในตอนนั้นก็คือ ต้องการกระแทกแรงๆเกี่ยวกับโจทย์ของผ้าไทย ที่ไม่ติดกรอบจนมากไป และนำไปใช้ประโยชน์ใช้สอยที่หลุดจากเดิม แต่ต้องไม่สูญเสียผ้าหรือ สูญเสียน้อนที่สุด
จินตนาการเวอร์วังจึงเกิดขึ้น ก็เพื่อให้เกิดการบอกต่อนำไปใช้ ในมุมใหม่ๆ บางคนก้อาจจะเกิดไอเดีย บางคนก็อาจจะนำไปใช้ต่อ
ในแฟชั่นโชว์ครั้งนั้น มีการนำผ้าไทยไปออกแบบสำหรับเมืองหน้าเป็นโค้ชยาวกันหนาวกันลม กันฝนได้มากขึ้น ด้วยการใช้เทคนิคใหม่ๆ
ดร.กฤษณ์เย็นสุดใจ นักสร้างสรรค์ผ้าไทย รางวัล ICA หรือ Innovative Craft Award 2017ได้คัดเลือกผ้าอัตลักษณ์ของครูช่างศิลปหัตถกรรมและทายาทช่างศิลปหัตถกรรมที่อยู่ในโครงการสายผ้าทอ หนึ่งในนั้นคือ ผ้าไหมแพรวา คุณจิตนภา โพนะทา ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม 2558 จังหวัดกาฬสินธุ์
...ในสายตาของนักออกแบบผมไม่ได้เปลี่ยนอะไรในตัวผ้าผ้าก็ยังเป็นผ้าของครูช่างศิลปหัตถกรรมและทายาทศิลปหัตถกรรม เพียงแต่เป็นการนำเอาผ้าไทย ซึ่งผมอยากจะบอกว่าผ้าไทยไม่ได้เชย ผ้าไทยมีความคลาสสิกและมันไม่เคยอยู่ในวงการแฟชั่น การออกแบบในครั้งนั้นผมต้องการนำผ้าไทยมาเป็นส่วนหนึ่งของแฟชั่น
ผมคิดง่ายๆ ว่าอยากให้ผ้าไทยได้ใส่ไปอวดคนในต่างประเทศ เสื้อผ้าที่ออกมานั้นจึงเป็นเสื้อผ้าที่ใช้ในปัจจุบันเราทำให้ใช้จริงได้ในปัจจุบันทุกอย่างที่เราออกแบบ เรายึดการออกแบบอย่างยั่งยืน คือจะออกแบบให้เหลือเศษทิ้งให้น้อยที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคอื่นๆ เช่น การหุ้มด้วยพลาสติกการบุด้วยเส้นใยสังเคราะห์ หรือแม้แต่การเคลือบกันน้ำในผ้าไทยชิ้นอื่นๆ และที่สำคัญตัดทิ้งให้น้อยสุด ใช้ประโยชน์จากทุกชิ้นส่วน
ผลที่ได้ก็คือ เสื้อกันหนาวสุดเท่ลายผ้าแพรวา บุใยสังเคราะห์อย่างที่เห็น
จนกระทั่งแนวอนุรักษ์โดยเด็กยุคใหม่ เพจ pearypie:make-up artist/theatrical artist ของ อมตา จิตตะเสนีย์หรือคุณแพร เป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ที่มีคนติดตามกว่าล้านคน คุรแพรสวมชุดผ้าแพรวา ปรากฏตัวในงานอุ่นไอรักคลายลมหนาว แนวคิดแรงบันดาลใจจาก ฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาท ในรัชกาลที่ 9 ตามด้วยชุดประยุกต์จากผ้าหัดหมี่อีกหลายชุดที่ได้รับการตอบรับจากแฟนเพจอย่างมาก
ย้อนรอยแพรวา
ประการแรก ผ้าแพรวานั้น ได้รับการส่งเสริมจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ตั้งแต่ปี 2520
ผ้าแพรวาเป็นผ้าทอมือ เอกลักษณ์ของชาวภูไท ซึ่งมีการอพยพ เคลื่อนย้ายมาจากแคว้น 12 จุไท ผ่านเวียดนามลาว ข้ามโขงมาไทย จากนั้นก็มาปักหลักอยู่แถวอีสานคือ กาฬสินธุ์ มุกดาหาร สกลนคร นครพนม
การทอผ้าแพรวาในสมัยก่อนนั้น ประโยชน์ก็คือใช้เป็นผ้าสไปนั่นเอง ความยาวก็ไม่มาก ประมาณ 30-40 นิ้ว หญิงสาว ทุกบ้านจะต้องทอผ้าเป็นและถ้าจะอวดใครได้ ก็ต้องดีไซน์ลายผ้าเองได้ วิธีการที่เขาคิดสร้างสรรก็คือ เรียนรู้จากลายเก่าๆ จากบ้านสู่บ้านตกทอดกันมา
จนปัจจุบัน เขามีการแลกเปลี่ยนกันระหว่างบ้านได้ อาจจะเอาลายมาต่อยอดเป็นลายใหม่ๆ หรือสร้างลายของตัวเอง เมื่อมีการออกเรือนไปของลูกสาว พ่อแม่ก็จะให้กุญแจลายหรือลายตัวอย่างที่แต่ละบ้านก็จะมีเป็นของตนเอง บางบ้านก็เป็นผ้าผืนเดียวแต่รวมทุกลายไว้ ไม่ใส่สีสรร มีสีเฉพาะพื้นกับสีของลายสองสีเท่านั้น ก็จะมีรูปแบบลายมากมาย ไม่ปะติดปะต่อกัน และใช้แค่ 2สีเท่านั้น เพื่อให้คนที่นำไปใช้ต่อ สามารถมองเห็นลายและใส่สี สร้างลายใหม่ลงตามที่ตนเองชอบใจได้ถนัดขึ้น ลูกสาวเมื่อมาออกเรือนแล้วก็จะต้องมีผ้าที่ตัวเองทำเองอีกหนึ่งผืนด้วย และใช้ไปตลอด
ลักษณะพิเศษของแพรวาที่ควรรู้คือ แพรวาดั้งเดิม ลายจะไม่ชัดเจน ต้องส่องกล้อง หรือดูใกล้ๆ ก็จะเห็น ซึ่งเขาจะเก็บลายด้วยการขิดหรือการจก ซึ่งภาษาของการจกจะเรียกแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ หรือ ชาติพันธุ์ วัตถุประสงก็คือ การใส่ด้ายสีต่างๆเพื่อสร้างลวดลายให้ออกมาเป็นลวดลายนั้นๆนั่นเอง
ที่เด็ดสุดคือ ในผ้าหนึ่งผืน ลายจะไม่ซ้ำกันเลย ลายที่โชว์ คือลายกลางผืนใหญ่ที่สุดและ วัตถุประสงค์คือเอาไว้โชว์นั่นแหละค่ะของดีมีต้องโชว์ มีของต้องโชว์ เพราะการใช้ผ้าแพรวา เขาจะใช้ในงานมงคลต่างๆไปวัด เหมือนยูนิฟอร์มของบ้านที่แสดงทั้งสติปัญญาในการออกแบบลาย ชาติพันธ์ ประเพณี วัฒนธรรม ย้อนไปถึงฝีมือการทอ การเลี้ยงไหมการเตรียมไหมของบ้านนั้นๆ อีกด้วย
ตัวอย่างผ้าที่นำมาให้ดูนี้ เป็นของ ครูศิลป์ของแผ่นดิน นางคำใหม่ โยคะสิงห์ อายุ 84 จาก ตำบลบ้านโพน จังหวัดกาฬสินธุ์ ครูเป็นผู้หนึ่งที่ได้ร่วมพลิกฟื้นผ้าแพรวาด้วยการถ่ายทอดประสบการณ์ ในเรื่องผ้า มาเป็นเวลา 40 กว่าปีแล้ว
นอกจากความชำนาญในเรื่องลายโบราณแล้ว ยังมีความโดดเด่นในเรื่องของการผสมสีแดงที่โดดเด่น อีกด้วย
ครูคำสอน สระทอง เป็นอีกผู้หนึ่งที่มีการออกแบบและคิดลวดลายใหม่ๆ สอนนักเรียนและรวบรวมกลุ่มท่อผ้าบ้านโพนขึ้นเมื่อปี 2521 ปัจจุบันมีเครือข่ายอยู่ 8 หมู่บ้าน มีสมาชิก ราว 500 คน
สำหรับสีสันของแวดวง ของคนเล่นผ้านั้น จะมีการเกทับบลัพแหลกกันเรื่องลวดลาย ความเป็นของแท้ ลายเก่าลายใหม่ ของจริงไม่จริง แต่ผู้เขียนไม่ขอที่จะกล่าว เพียงแต่ผู้เขียนมองว่านี่คือกลไกลที่ทำให้ผ้ามีความเป็นชีวิต เพราะยังมีคุณค่าในสายตาของผู้ทอ และถ่ายทอดไปถึงผู้ใช้ที่ได้รับรู้ข่าวสาร นักเลงผ้าทั้งหลาย แบบ มีสีสัน
ผู้เขียนขอแบ่งการใช้ ออกเป็น 1 สายอนุรักษ์ นักสะสม ใครมาสายนี้ ต้องการกลิ่นอายของความเป็นชาวภูไทยแท้ต้องศึกษานะ ถ้าจะเล่น จะสะสม
ของแบบนี้ ราคาไม่ถูกนาจา อยากได้ของแท้ของเก่าแก่อย่าไปหา ซื้อใหม่วันนี้ อีก 10 ปี ก็้เก่า ผู้รู้ท่านบอกมาค่ะ
เพียงแต่ว่าต้องมั่นใจว่าเป็นของที่ทอโดยคนที่ผู้เฒ่าผู้แก่ยิ่งเป็นสีธรรมชาติ ยิ่งต้องเก็บ
แต่ก่อนอื่น ไม่มีทางลัดมีเงินก็อาจจะ พลาดได้ รักจริงต้องศึกษาด้วยตัวเองจากแหล่งที่เขาทำ ถ้าไปฟังจากพ่อค้าคนกลางก็ต้องทำใจ อาจจะได้ของแท้แต่ลวดลายไม่แท้ไปครอง
ซึ่งตลาดของนักสะสม จะไม่ได้อยู่ในงานขายของทั่วไป เราจะหาเขาเจอตามงานคัดๆ เท่านั้น เช่นงานอนุรักษณ์ต่างๆของหน่วยงานราชการ ซึ่งพบไม่บ่อย และ เขาจะทอตามสั่งเท่านั้น เหลือก็รอลูกค้าไปหาที่บ้าน
กับแบบที่ 2 ที่เขาขายทั่วไป ก็จะมีทั้งลายเก่า ลายใหม่ ประยุกต์ และเนื้อผ้าที่แตกต่างในเรื่องคุณภาพค่ะ
ส่วนใครจะชอบแบบไหน ก็ตามสะดวกค่ะ เพราะทั้งแบบเก่าแบบไหม่ ต่างก็เกือกุลกันไป ทั้งระบบค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก
ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ
สื่อ สารคดีของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม