K a n j a n a b u r i 2 0 1 2

สวัสดีชาวโลก...

"ทอสกับโมออกเดินทาง"  กันอีกแล้ว

คราวนี้เราไม่ได้ไปกันแค่สองคนเหมือนที่ผ่านๆมา คราวนี้เรามีเพื่อนร่วมทาง
รวม 7 ชีวิต จุดหมายของเราก็ ไม่ใกล้ไม่ไกล

กาญจนบุรีที่นี้ นี่เอง....



เริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพ ประมาณตีห้าครึ่งครับ เพื่อจุดหมายแรก คือ วัดถ้ำเสือ
แนะนำว่าควรมาถึงวัดประมาณ 8 โมงครับ เพราะทางวัดจะเปิดให้ขึ้น
ไปสักการะ พระบรมสารีริกธาตุบนพระเจดีย์เกศแก้วปราสาทประมาณ 8 โมง
ถ้าเลยไปกว่านี้คนจะเยอะมากๆ
เพราะรถทัวร์จะพาทัวร์มาลงจนเต็มไปหมด




วัดถ้ำเสือ สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทย จากคำบอกเล่าต่อๆกันมา วัดถ้ำเสือแห่งนี้เดิมเป็นเพียงสำนักสงฆ์เล็กๆ อยู่ในถ้ำบนเขาซึ่งถือกำเนิดมากว่า 100 ปี แต่เดิมภายในถ้ำมีพระพุทะรูปศิลาแลงซึ่งชำรุดหักพังมากมาย มีผู้บอกกล่าวกันต่อๆมาว่าพระพุทธรูปเหล่านั้นเกิดการชำรุดเนื่องจากถูกทหารพม่าทำลายเมื่อครั้งที่ได้ยกทัพผ่านมา โดยใช้เส้นทางด่านพระเจดีย์ 3 องค์เป็นเส้นทางเดินทัพ

ตั้งอยู่ที่ตำบลม่วงชุม อยู่ห่างจากเขื่อนแม่กลอง ประมาณ 5 กิโลเมตร ทางเข้าวัดต้องผ่านเขื่อนแม่กลอง จะมีป้ายบอกเลี้ยวขวาไปประมาณ 2 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปประมาณ 200 เมตร วัดนี้มีพระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่อยู่บนยอดเขามีพุทธลักษณะที่สวยงามมาก และยังมีอุโบสถอัฏฐมุขเป็นลักษณะทรงไทยมีลวดลายสวยงามวิจิตรตระการตา ข้างๆ มีเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาทซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินหรือใช้ลิฟต์ขึ้นไปชมจะมองเห็นวิวทะเลสาบและเขื่อนแม่กลอง


(ข้อมูลจาก : //touronthai.com)



ข้างๆ  กันเป็นวัดถ้ำเขาน้อย ถือเป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี



พระพุทธรูปปางประทานพรที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรีจริง ๆ
ตัวองค์พระสวยงามประดับด้วยโมเสคสีทองทั้งองค์



ด้านหลังวัดเป็นทุ่งนากว้างๆ สมัยเด็กมีเรื่องที่พี่ชายเล่าให้ฟังว่า
UFO เคยมาจอดตรงนี้(โดนหลอกมาแน่กรู)



จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปต่อที่ น้ำตกไทรโยคน้อย ซึ่งก็เป็นทางผ่านที่เราจะไปที่พัก



น้ำตกไทรโยคน้อย หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า น้ำตกเขาพัง
ต้นกำเนิดเป็นน้ำผุดจากภูเขาแล้วไหลมาตามลำธารเล็กๆ
ไหลตกลงที่ผาหินปูนที่มีความสูง ประมาณ 15 เมตร แผ่กระจายไปตามพื้นเขา
ลาดเอียง ภายใต้ร่มเงาของพันธุ์ไม้นานาชนิด ในลำธารมีต้นกกขึ้นอยู่กระจัด
กระจาย นับเป็นบรรยากาศที่ชวนให้ไปสัมผัสอีกแห่งหนึ่ง



มาคราวนี้น้ำมากเป็นพิเศษ ตัวน้ำตกเลยดูสวยมากขึ้นทีเดียว



ก่อนออกจากน้ำตกแวะซื้อเสบียงเตรียมไว้คืนนี้ยังอีกยาวไกล
ไปกันต่อที่ ช่องเขาขาด



"ช่องเขาขาด" หรือ "ช่องไฟนรก" เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายไทย-พม่า
(เส้นทางรถไฟสายมรณะ)  ตลอดเส้นทางรถไฟสายไทย-พม่า (เส้นทางรถไฟ
สายมรณะ)มีหลายจุดที่มีเนินหิน ภูเขา หน้าผา หรือหุบเหว ขวางอยู่จึงต้องขุดให้
เป็นช่องเพื่อที่รถไฟสามารถวิ่งผ่านไปได้ซึ่งที่ช่องเขาขาด หรือ ช่องไฟนรก
เป็นจุดที่ใหญ่ที่สุดบนเส้นทางนี้ การขุดเจาะช่องเขาขาดเริ่มในเดือนเมษายน
ปีพ.ศ. 2486 ปรากฏว่างานล่าช้ากว่ากำหนดจึงมีช่วงที่เร่งงานซึ่งแรงงานแต่ละกะ
ต้องทำงานถึง 18 ชั่วโมงโดยงานส่วนใหญ่ล้วนใช้แรงคนทั้งสิ้น เช่นการสกัด
ภูเขาด้วยมือ ซึ่งเป็นการทำงานที่ทารุณยิ่ง เนื่องจากต้องปีนลงไปสกัดในช่องเขา
ซึ่งบางช่วงสูงถึง 11 เมตร จนแทบไม่มีอากาศหายใจทั้งยังต้องทำงานท่ามกลาง
อากาศร้อนอบอ้าวในช่วงเดือนมีนาคม ในภาวะขาดแคลนน้ำและอาหาร เมื่อเจ็บ
ป่วยแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ก็ไม่เพียงพอต่อการพยาบาลต้องดูแลกัน
ตามมีตามเกิด เชลยศึกและกรรมกรที่ช่องเขาขาดต้องทำงานตอนกลางคืนด้วย
แสงไฟจากคบเพลิงและกองเพลิงทำให้สะท้อนเห็นเงาของเชลยศึกและผู้คุมวูบ
วาบบนผนังทำให้ที่นี่ได้รับการขนานนามว่า "ช่องไฟนรก" หรือ Hellfire Pass



ธารน้ำเล็กๆ ที่ไหลลงมาจากเขา



ช่วงนี้ฝนตกเยอะ มอสเลยขึ้นมาปกคลุมทั้วไปหมดสวยจริงๆ



ประมาณบ่าย 3 เราก็เข้าที่พักกันครับ

หินตกริเวอร์แคมป์ รีสอร์ท
ซื้อดีลมาในราคาประมาณ 2 พันบาท จากราคาเต็มเกือบ 5 พันบาท



ที่พักเป็นสไตส์เต็นท์มีห้องน้ำในตัวมีแอร์ ตู้เย็น แต่ไม่มีทีวี
แถมแถวนี้สัญญาณโทรศัพท์อ่อนมากๆ นะครับ 3G Wifi ไม่ต้องพูดถึง



ตัวที่พักออกห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 8 กิโล
ควรเตรียมเครื่องดื่มมาด้วยเพราะที่นี้ขายค่อนข้างแพง
แต่จำพวกอาหารการกินจะราคาปกติ



ภายในเป็นแบบ 2 เตียงห้องน้ำอยู่ด้านหลัง ไฟฟ้า 24 ชั่วโมง
มีพัดลม 2 ตัวพร้อมแอร์





เก็บของเสร็จเราก็ไปแช่น้ำกัน ตรงนี้เป็นส่วนที่ติดริมน้ำแควน้อย
เป็นโป๊ะที่อยู่ริมแม่น้ำแควน้อย แต่ไม่สามารถลงไปเล่นได้ น้ำไหลแรง
เพราะบริเวณนี้เป็นโค้งน้ำ





ด้านบนก็จะมีบ่อน้ำให้ลงไปแช่เล่น ซึ่งเป็นน้ำที่มาจากน้ำตกที่อยู่ข้างๆกัน
น้ำเย็นสดชื่นดี พร้อมวิวสวยๆ

แต่ฝนเริ่มตั้งเค้ามาแต่ไกลแล้ว



แช่น้ำกันจนตัวเปื่อย ก็กลับเข้าห้องอาบน้ำอาบท่าเตรียมไปกินข้าว
บริเวณสนามหญ้าก็เริ่มจุดตะเกียงแล้ว
ทำให้ได้บรรยากาศแค้มปิ้งขึ้นมาทันที แต่น่าเสียดายที่ว่าวันนี้
ทางรีสอร์ทไม่ได้เตรียม แค้มปิ้งบาร์บีคิวเอาไว้ เพราะก่อนหน้านี้ฝนตกทุกวัน
ไม่สามารถก่อกองไฟได้ แต่ก็ยังมีส่วนของร้านอาหารอยู่นะครับ
ปิดประมาณ 2 ทุ่ม แต่ควรไปเร็วหน่อย เพราะทุกห้องจะออกมากินข้าวพร้อมกัน
อาหารอาจช้าได้

คืนนี้เราจบด้วยการล้อมวงสังสรรค์จิบน้ำผลไม้กันจนถึงเกือบเที่ยงคืน....



ตื่นเช้าหน่อยอกไปปั่นจักรยานสำรวจหมู่บ้าน ไปสะพานแขวน
ดูวิวสายหมอกเอื่อยๆ เลาะริมเขา สดชื่นจริงๆ
แต่น่าเสียดานไม่ได้หยิบกล้องไปด้วย

กลับเข้ามาทานอาหารเช้าของรีสอร์ท สามารถทานตั้งแต่ 7 โมงจนถึง 10 โมงเช้า



โมโม่ขอเก็บภาพเป็นที่ระทึกซะหน่อย





ออกจากรีสอร์ทมุ่งตรงไปเที่ยวเขี่อนศรีนครินทร์กันครับ อีกประมาณ 60 กิโล



เขื่อนศรีนครินทร์ (ชื่อเดิม เขื่อนเจ้าเณร) เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรก
ของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแม่กลอง สร้างขึ้น บนแม่น้ำแควใหญ่
บริเวณบ้านเจ้าเณร ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี



เป็นเขื่อนประเภทหินถมแกนดินเหนียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
มีความสูงจากฐานราก 140 เมตร สันเขื่อนยาว 610 เมตร กว้าง 15 เมตร
พื้นที่อ่างเก็บน้ำ 419 ตารางกิโลเมตร มีความจุมากเป็นอันดับหนึ่งคือ
17,745 ล้านลูกบาศก์เมตร โรงไฟฟ้าเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจำนวน 5 เครื่อง เครื่องที่ 1-3 กำลังผลิต
เครื่องละ 120,000 กิโลวัตต์ เครื่องที่ 4-5 เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
ระบบสูบกลับ กำลังผลิต เครื่องละ 180,000 กิโลวัตต์
รวมกำลังผลิตทั้งสิ้น 720,000 กิโลวัตต์ งานก่อสร้างเขื่อนศรีนครินทร์
เริ่มเมื่อปี 2516 แล้วเสร็จในปี 2523



จุดหมายต่อไป คือ น้ำตกเอราวัณ
ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตำบลท่ากระดาน
อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ
500 เมตร มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 100 - 400 เมตร แบ่งเป็นชั้นต่างๆ
7 ชั้น มีระยะทางจากชั้นล่างสุดขึ้นไปชั้นบนสุด 1500 เมตร
ลำน้ำเมื่อตกลงมาแล้วจะไหลลงแม่น้ำแควใหญ่บริเวณที่ทำการอุทยาน
เดิมน้ำตกนี้ชาวบ้านเรียกว่า น้ำตกสะด่องม่องลาย อันเป็นชื่อลำห้วยม่องลายที่เป็นต้นน้ำ
โดยบริเวณน้ำตกจะมีน้ำตลอดปีแต่จะมีน้ำน้อยในช่วงฤดูแล้ง ราวเดือนธันวาคมถึงเมษายน



หลังจากออกจากน้ำตกเราก็แวะทานข้าวบ่ายกัน
แล้วก็มุ่งหน้ากลับกรุงเทพ
จบการเดินทางเพียงเท่านี้

แล้วพบกันใหม่เมื่อ  "ทอสกับโมออกเดินทาง"  ^__^







Create Date : 30 กันยายน 2555
Last Update : 1 ตุลาคม 2555 0:01:06 น. 7 comments
Counter : 4112 Pageviews.

 
ภาพสวยมากครับ ยังไม่เคยไปเที่ยวเลย ดูแล้วอยากไป


โดย: KCOOL IP: 110.168.40.138 วันที่: 1 ตุลาคม 2555 เวลา:3:08:35 น.  

 
ผลงานดี มีคุณภาพอีกแล้วน่ะ คุณทอส
รอติดตามต่อไปครับ



โดย: เอส IP: 180.180.190.232 วันที่: 1 ตุลาคม 2555 เวลา:9:10:21 น.  

 
ขอบพระคุณครับ


โดย: Tosdy14ank วันที่: 1 ตุลาคม 2555 เวลา:23:22:43 น.  

 
นายแบบที่เขื่อนหล่อ จุงเบย


โดย: stk IP: 124.122.9.253 วันที่: 10 ตุลาคม 2555 เวลา:1:52:19 น.  

 
สนุกสนานมากครับทริปนี้ เมืองกาญจน์ยังอุดมสมบูรณ์ เที่ยวได้แทบจะตลอดปีเลยครับ


โดย: lemoner IP: 124.122.9.253 วันที่: 10 ตุลาคม 2555 เวลา:2:50:40 น.  

 
สวยที่สุดเลยคะ


โดย: sukanya IP: 110.77.183.126 วันที่: 17 กรกฎาคม 2556 เวลา:11:42:12 น.  

 
อยากไปด้วยจัง


โดย: น้องทราย IP: 110.77.183.126 วันที่: 17 กรกฎาคม 2556 เวลา:11:43:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Papatos
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


















Group Blog
 
<<
กันยายน 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
30 กันยายน 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Papatos's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.