สวัสดีครับทุกท่าน

วันนี้ผมไตเติ้ลขอมารายงานตัว หลังจากที่ห่างหายไปนานหลายเดือน เนื่องจากช่วงนี้ออกต่างจังหวัดตลอดงานเข้ามากมาย  การติดตามข่าวสารวงการเครื่องสำอาง เลยพลอยที่จะหยุดนิ่งไปด้วย

วันนี้พอมีเวลาว่าง เลยขอมาอัพเดท รีวิวภาค2 เครื่องสำอางราคาถูกและดีราคาประหยัด โดยยังคง concept พิจารณาจาก

ส่วนผสม  ราคา  ปริมาณ และ แพกเกจ เป็นหลัก

ยังไงตอนนี้ไปชมพร้อมๆ กันเลยครับ

มาที่ตัวแรกที่ผมภูมิใจนำเสนอ สำหรับโลชั่นบำรุงผิวกาย นามว่า ORITA มากับขวดสีชมพูหวานแหวนที่สามารถใช้ได้ทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง

ส่วนผสม

ORITA Whitening Body Lotion เป็นโลชั่นสำหรับผิวกาย ส่วนผสมที่เน้นให้ความชุ่มชื่นกับผิว พร้อมเป็น whitening ไปในตัว เพราะมีส่วนผสมของ Niacinaminde ที่มีมากเป็นลำดับที่ 4 ของส่วนผสมทั้งหมด ทั้งยังมี PETROLATUM ที่ช่วยเคลือบและปกป้องผิว ลดการสูญเสียความชุ่มชื่น  นอกนั้นส่วนผสมบำรุงอื่นๆ อยู่หลังสารกันเสีย จึงไม่มีค่อยประโยชน์กับผิวมากสักเท่าไหร่

เนื้อโลชั่นสีขาวสวยที่ได้อานิสงค์ของ Titanium Dioxide เมื่อทาไปบนผิว จะทำให้ผิวดูขาวขึ้นเล็กน้อย ให้ความรู้สึกเหนอะหนะนิดหน่อย  แถมยังมีกลิ่นน้ำหอม ที่หอมถูกใจมาก เพราะเป็นกลิ่นเดียวกับสบู่ลักส์ก้อนสีขาวที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว  เมื่อทาไปที่ผิว จึงทำให้รู้สึกเหมือนตอนอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ เสมอๆ

ถึงแม้ผมจะเป็นคนที่ไม่ชอบเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำหอม แต่เมื่อใช้ ORITA Whitening Body Lotion ขวดนี้แล้วก็ไม่เกิดอาการแพ้ใดๆ  ซึ่งถ้าเลือกได้ ผมคงหา Body Lotion แบบปราศจากน้ำหอมมาใช้ดีกว่า   แต่ในตลาดบ้านเรามันช่างหายากซะเหลือเกิน

ราคา

44 บาท (ซื้อในช่วงมีโปรโมชั่น)  ถูกมากมาย

ปริมาณ

250 มล.

แพกเกจ 

เหมาะสม

สรุป  สำหรับใครที่อยากได้โลชั่นที่เน้นให้ความชุ่มชื่น กับให้ผลทางด้าน Whitening นิดหน่อย  ORITA น่าจะตอบโจทย์คุณได้ และด้วยเหตุนี้จึงผ่านเกณฑ์ของผมไปอย่างง่ายดายครับ

มาดูตัวบำรุงสำหรับผิวหน้ากันบ้างครับ

โทนเนอร์ที่เหมาะสมสำหรับการบำรุงผิว มากกว่าที่จะใช้ทำความสะอาดเช็ดหน้าแถมหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไปแบบนี้ น่าสนใจอย่างยิ่ง

ส่วนผสม 

Water, Butylene Glycol, PEG-4, Sodium PCA, PPG-5-Ceteth-20, Soybean (Glycine Soja) Sterols, Dipalmitoylethyl Dimonium Chloride, Glyceryl Disterate, Strareth-10, Camelia Sinensis Leaf Extract, Saxifraga Sarmentosa Extract, Vitis Vinifera (Grape) Fruit Extract, Morus Bombycis Root Extract, Scutellaria Baicalensis Root Extract, Glycine Soja (Soybean) Seed Extract, Ascorbyl Glucoside, Phenoxyethanol, Methylparaben, Ethylparaben, Butylparaben, Propylparaben, Isobutylparaben, Disodium EDTA, Sodium Citrate, Fragrance.

Neutrogena Fine Fairness Toner อุดมไปด้วยส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื่น  ต้านการระคายเคือง และประโยชน์จากสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์  แถมยังปราศจากแอลกอฮอล์อีกด้วยนะ Wow!!!! 

เนื้อของโทนเนอร์สีขาวข้นกว่าน้ำเล็กน้อย เวลาใช้ผมจึงเทใส่มือ แล้วใช้นิ้วปาดเบาๆ ทั่วหน้า  ยกเว้นใต้ตา นอกจากนี้ ผมยังใช้ทาคอ และทาแขนได้อีกด้วยนะครับ

ราคา 
250 บาท (ซื้อช่วงมีโปรโมชั่น) ใครว่าโทนเนอร์ราคาถูกแล้วไม่ดี  เอานูโทรจิน่าขวดนี้ปาใส่หัวได้เลย!!!

ปริมาณ

200 ML

แพกเกจ 

เหมาะสม

สรุป เสียด๊าย  เสียดาย ที่ Neutrogena Fine Fairness Toner ขวดนี้ ใส่น้ำหอมมาด้วย  ไม่งั้นผมคงให้คะแนนเต็มไป 10 เลย

เพิ่มเติม  หากคุณอยากใช้โทนเนอร์ขวดนี้ด้วยความรู้สึกสดชื่น เย็นซาบซ่ายิ่งขึ้น ควรเก็บแช่ไว้ในตู้เย็นก่อนใช้นะครับ

ทีเด็ดสุดๆ ภูมิใจนำเสนอนั่นก็คือ

Paula’s Choice : Skin Recovery Hydrating Treatment Mask

ก่อนหน้านี้ผมเคยรีวิว Paula’s Choice : Skin Balancing Carbon Mask ไปแล้วครับ แต่อยากลองมาส์คอื่นๆ ของป้าบ้าง

ส่วนผสม

Water, Propylene Glycol Dicaprylate/Dicaprate, Butylene Glycol, Glycerin, Sorbitan Stearate, Propylene Glycol Laurate, Caprylic/Capric Triglyceride, Ethyl Macadamiate (macadamia nut oil), Cyclopentasiloxane, Glyceryl Stearate, Glyceryl Behenate/Eicosadioate, Cyclohexasiloxane, Borago Officinalis (Borage) Seed Oil, Oenothera Biennis (Evening Primrose) Oil, Olea Europaea (Olive) Fruit Oil, Prunus Armeniaca (Apricot) Kernel Oil, Glycine Soja (Soybean) Sterol, Tocopheryl Acetate, Tocopherol, Tetrahexyldecyl Ascorbate, Linoleic Acid, Phospholipids, Sodium Hyaluronate, Propylene Glycol Isostearate, Carbomer, Ethylcellulose, Aminomethyl Propanol, Xanthan Gum, Butylparaben, Ethylparaben, Methylparaben, Propylparaben, Phenoxyethanol.

มาส์คเนื้อครีมสีขาวเข้มข้น เต็มไปด้วยส่วนผสมจากน้ำมันสกัดจากพืชที่ช่วยเคลือบผิว จึงเหมาะสำหรับคนที่มีผิวแห้ง และผิวธรรมดาที่ต้องการการบำรุงเป็นพิเศษ  มาส์คตัวนี้ยังเหมาะกับคนที่มีผิวมัน แต่ขาดน้ำที่เกิดจากการรักษาสิวอย่างผมอีกด้วย  นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ และส่วนผสมที่ช่วยลดการระคายเคืองผิว มันจึงเหมาะกับคนที่รักษาสิวที่มีผิวแห้ง และลอกอย่างดียิ่ง

        มาส์คเนื้อครีมของป้าพอลล่า สามารถใช้แทนมอยเจอร์ไรเซอร์ไปได้เลย ผมจะใช้ทาทั่วหน้าทิ้งไว้ทั้งคืน ย้ำว่า!  ทาทิ้งไว้ทั้งคืน!  ไม่เว้นแม้กระทั่งใต้ตา และขอบจมูก พอตื่นมาตอนเช้าเมื่อล้างออก ก็จะรู้สึกเลยว่าหน้าที่เคยลอก ผิวที่เคยแห้ง กลับชุ่มชื่นขึ้นครับ

สำหรับใครที่ไม่มีเวลามาก แนะนำทาทิ้งไว้อย่างน้อย 20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด แล้วก็เข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงผิวตามปกติได้เลยครับ

ราคา

600 บาท   ถูกมากกกกกกกกกกกกกกกกกก

ปริมาณ
118 มล.  เยอะมากกกกกกกกกกกกกกกก

แพกเกจ
เหมาะสม  ใช้ได้นานมาก  ผมใช้วันเว้นวันมาเดือนกว่า  ปริมาณตอนนี้ยังลงไป ¼ อยู่เลยครับ

สรุป

COCEUTICS Gentle facial cleanser for sensitive skin

Cleanser ตัวนี้ผมรู้จักมาจากคุณ “สวีวี่วี”  เห็นเขาบอกว่า ตัวนี้ล้างกันแดด ZA ออกได้อย่างง่ายดาย ยังไงเรามาดูส่วนผสมกันก่อนครับ

ส่วนผสม

ส่วนผสมเป็นอะไรที่ basic มากๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีครับ  เพราะตอนนี้ cleanser ที่ขายกันตามท้องตลาดทั่วไป ชอบใส่ส่วนผสมที่ไร้สาระมาเยอะ  COCEUTICS Gentle facial cleanser for sensitive skin มีลักษณะเป็นเนื้อครีมข้นสีขาว(อารมณ์เดียวแบบฟิซิโอเจล และเซตาฟิล) ไม่มีฟอง  มีส่วนผสมของสารทำความสะอาดที่อ่อนโยนมาก ปราศจากทั้งส่วนผสมของสบู่ , สารทำความสะอาดตระกูล sulphateทั้งหลาย , ปราศจากน้ำหอม  และสารกันเสีย O_o!  จึงเหมาะกับทุกสภาพผิว รวมทั้งคนที่กำลังรักษาสิวอีกด้วย

ราคา 150 บาท

ปริมาณ 110 มล.

ราคาเทียบกับปริมาณ ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่แพงจนเกินไป

แพกเกจ  เหมาะสม

สรุป

ปัจจุบันผมใช้กันแดดของลอลิอัล และโดนแป้งฝุ่นตบ  เอ๊ย!  แล้วตบด้วยแป้งฝุ่น  หลังจากกลับบ้านมาช่วงเย็น ก็ใช้ COCEUTICS Gentle facial cleanser for sensitive skin ล้างหน้า 2 รอบ ก็สะอาดหมดจดแล้วครับ  ส่วนจะล้างกันแดด ZA ออกหรือไม่ อันนี้ส่วนตัวผมยังไม่ได้ลองเหมือนกันครับ ยังไงใครที่ใช้อยู่ก็ลองทดสอบแล้วมาเล่าสู่กันฟังได้นะครับ

ข้อเสียของ cleanser ตัวนี้คือ เวลาล้างหน้าจะรู้สึกแสบหน้าทุกครั้ง  ผมเลยคิดว่า คงเพราะมีส่วนผสมของ glycerin มากเป็นอันดับ 2 และผมยังอยู่ในช่วงของการรักษาสิวอีกด้วย เลยเกิด effect เช่นนี้ครับ

มาที่ตัวสุดท้ายสำหรับการรีวิวครั้งนี้

Cussons first years Pure Talc Stage 0 – 6 month

แป้งเด็กที่ผมใช้แล้วรู้สึกว่าตัวเองเด็กขึ้นมาทันใด  จนใครเห็นก็ต้องแอ๊บเด็กไปตามๆ กัน  -*- 

ล้อเล่นคราฟฟฟฟฟ   เอา เอา เอา  มาเข้าสาระได้ละ

ส่วนผสม

แป้งเด็กที่มีส่วนผสมของผงแป้งเพียงอย่างเดียว เหมือนชื่อของผลิตภัณฑ์ขวดนี้เลยน่ะ ต่างจากแป้งเด็กทั่วไปตามท้องตลาดที่จะใส่ส่วนผสมของน้ำหอม(มาทำเพื่อ?) จึงเหมาะกับผิวเด็กและผิวของคนที่ไม่เด็กแบบผิว sensitive ได้อย่างแท้จริง  ทำไงได้ล่ะครับ เพราะคุณพ่อคุณแม่สมัยนี้ต่างก็ชอบให้คุณลูกตัวหอมๆ กันทั้งนั้น  แป้งที่ผลิตแบบปราศจากน้ำหอมจึงขายไม่ออกซะอย่างงั้น  บรรดาผู้ผลิตเลยต้องผลิตแป้งออกมาให้ตรงตามความต้องการของลูกค้านั่นเองครับ   นี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมแป้งแบบ Pure Talc ถึงหาได้ยากตามท้องตลาด

เนื้อของแป้ง ก็เป็นสีขาวเหมือนแป้งทั่วไป เมื่อเกลี่ยแล้ว ก็ให้ผลทาง cosmetic เหมือนแป้งเด็กยี่ห้ออื่น  ผมจะใช้ทาหลังจากครีมกันแดดเสมอครับ  สามารถหาซื้อได้ตามร้าน Boots สาขาใหญ่ๆ  แต่อาจจะหายากแล้วนะครับ เพราะเจ้าหน้าที่บอกผมว่า เขาจะเลิกผลิตแล้ว  >_<

ราคา  50 กว่าบาท (ผมจำราคาแน่นอนไม่ได้ต้องขออภัยด้วยนะครับ) 

ปริมาณ 200 g.

ปริมาณเทียบกับราคา ถือว่าแพงไปหน่อย เพราะมันมีแค่แป้งอย่างเดียว จึงไม่น่าจะแพงถึงขนาดนี้

แพกเกจ เหมาะสม

สรุป  

Cussons first years Pure Talc Stage 0 – 6 month เป็นแป้งเด็กยี่ห้อเดียวในตลาด(ที่ผมเคยเจอ) ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม  เหมาะสำหรับใช้ได้ทั่วไปทั้งผิวหน้าและผิวกายครับ

last update 27/06/53