lliliil Work it harder, Make it better, Do it faster, Make us Stronger liilill
space
space
space
<<
กันยายน 2567
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
space
space
24 กันยายน 2567
space
space
space

แจแปนนิส ชีวิตโคตรป๊อบ : EP 1




บล๊อกนี้จะมาเล่ามา ผมหายศีรษะไปไหนนาน
นานขนาดตะพาบชนตะพาบ นานขนาดเม้นก็ไม่ได้เม้น โหวตก็ไม่ได้โหวตให้ใครกันครับ






อย่างแรก  งานที่ไทยผมชุลมุนมาก 
เพราะหลังจากพัทออก คุณ  VP ก็บอกว่า ไม่รับเทคนิกคนใหม่เข้ามาแล้วนะ พักก่อน

แต่รับป.ตรี วิศวะ ที่มหาลัยไม่ซ้ำกับพวกผม มาทำหน้าที่ซัพพอตงาน
ดีตรงผมไม่ได้เทรน  แต่คนเทรนจะเป็นระดับสต๊าฟในแผนก
แต่กว่าจะใช้งานได้จริง กว่าจะมาซัพพอตงานการที่เพิ่มขึ้นมาได้จริง
ก็คงต้องรออีกซักพัก ซึ่ง ก็โอเคครับ
Whatever will be, will be


อีกอย่างคือ ผมต้องบินไปทำงานต่างประเทศครับ 
บินกลับมาได้ไม่ถึง 2 สัปดาห์ดี ก็ต้องบินอีกรอบ 
ดังนั้น ผมต้องเตรียมตัว และเคลียร์งานเยอะมากๆ ครับ เพื่อให้พร้อมที่สุด









รอบแรก ผมบินไปคนเดียวครับ
เหมือนจะชิล!!! 
แต่ผมต้องบินไปเพื่อคุยงาน ดีลงานให้พร้อม เพราะอีก flight ถัดไปคุณ VP จะมาด้วย
ผมก็เอาชิลเลย 55555 บินจากไทย ไปเริ่มงานที่โอซาก้าก่อน
ซึ่งผมเลือกไฟลท์เช้าเลยครับ เรียกว่ามาถึงสนามบิน 6:30 ไม่ต้องถามว่าตื่นกี่โมง 5555 

สิ่งแรกคือ หิวมาก........

ปกติอาหารเช้ากับผมไม่ได้สำคัญเท่าไหร่ แต่วันนี้ตื่นเช้าเลยหิวตั้งแต่ 6โมง
ไม่ถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ด่วนเช็คอิน โหลดกระเป๋าแล้วเข้า ตม.
โผล่มาอีกทีก็ Lounge  
แล้วเดินไปสั่งออมเลทอย่างไวราวผู้หิวโหย















เดี๋ยวนี้ เค้ามีของหนักอย่าง
ข้าวต้มมัด ใน Royal Silk แล้วนะครับ
มียันมาม่า 55555  แต่ผมไม่กินโว้ยยยย เซเว่นก็มี











ด้วยความบินไฟลท์เช้า ผมก็ซัดกาแฟก่อนเลยครับ เพราะคิดว่ายังไงก็ไม่นอนอยู่แล้ว


เดินอยู่ 2 รอบก็อิ่มครับสำหรับอาหารเช้า
เพราะปกติเช้าผมก็ไม่ได้ทานเยอะอยู่แล้ว
จากที่นั่งบาร์ เลยย้ายไปหาที่นั่งสบายๆ 











ซึ่งห้องรับรองนี้รู้สึกจะเพิ่งทำใหม่นะครับ ห้องน้ำดีมากกกกก
แถมมีห้องอาบน้ำให้เสร็จเรียบร้อย ผมไม่ได้ใช้บริการ ใช้แต่บริการห้องน้ำ




มัวร์แต่นั่งชิลเพลินๆ เงยหน้ามาอีกที 7:40
คำพูดของน้องผึ้ง น้องธุรการแผนกเมื่อวันศุกร์ดังขึ้นมาในหูทันที
"บอร์ดดิ่ง ไทม์ 7:40 ไม่ใช่  8:25 นะคะพี่.....อย่าตกเครื่อง"

ชิบหาย!

คว้ากระเป๋าสะพายได้ก็เดินหน้าตั้งออกจากเล้าจ์เลยครับ
แล้วไปแวะซื้อของเอาไปฝากคู่ค้าต่ออีกราวๆ 10 นาทีราวจ่ายเงิน

ทีนี้ละ 4x100 เลยครับ เกทอยู่ สี่สิบกว่า
ยังดีที่ไม่ใช่อีกเทอร์มินอล ไม่งั้นละอวสารแน่










จำได้ไหมครับ ว่าเมื่อซัก 1 ชั่วโมงก่อน ผมเพิ่งดื่มกาแฟเข้าไป
พร้อมกับบอกว่า
"ไฟลท์เช้า ยังไงก็ไม่หลับ"
สรุป.....ผมหลับตั้งแต่ยังไม่ทันครุซเลยครับ 555555555 


ตื่นมาอีกทีก็ดู DUNE Part I จบก็เกือบถึงแล้วครับ
เพราะคันไซจะใช้เวลาแค่ประมาณ 5 ชั่วโมงนิดๆ 
หนังก็ 3 ชั่วโมงแล้ว ผมหลับไปอีกก็คงชั่วโมงกว่าได้ เรียกว่าบริหารเวลาดีมาก









ไปถึง สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือ.
......กูมาญี่ปุ่น ผิดเดือน.....
เพราะอากาศร้อนมากกกกกก มากกกกกกจริงๆ ครับ ฟ้าไม่มีเมฆซักก้อน
แดดกลางทะเลจัดมากๆ กับอากาศ 33 องศา ถึงแม้จะเป็นช่วง 17:00
ก็ไม่รู้จะอยู่ทำอะไรตรงนี้ เลยจัดการขนกระเป๋านั่งรถไฟ
Super Rapid ไปโรงแรม















ขนาดซุปเปอร์ จอดแค่ 3 ป้ายยังใช้เวลาร่วม 1 ชั่วโมงเลยครับ
ซึ่งไม่ต้องสืบว่าผมทำอะไร....แรกๆ ก็ดูวิว
ดูไปดูมาก็หลับ 5555 




งวดนี้ผมจองพัก  Holiday Inn  ให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ
และก่อนทำงานแน่นอนว่า ต้องไปเดินเที่ยว Dotonburi ก่อน 
พร้อมกับสะพานกุลิโกะ Land mark ที่คนไทยรู้จักประจำโอซาก้า














แพ้บเดียวก็เช้า
ด้วยความที่ระแวกโรงแรมมันไม่มีร้านอะไรเลยครับ 
เลยต้องอาศัยกินอาหารเข้ากับที่โรงแรม ซึ่งก็ถือว่าใช้ได้ครับ อร่อยทุกอย่าง
จากนั้นก็ทำงานแล้วครับ ประชุมงานที่โอซาก้า 2 วัน











อ้อ ไปโกเบ 1 วันครับ 
และไปจัด  Real Kobe beef ที่คู่ค้าเคลมให้ฟังว่า

ของแท้เนี้ย เค้าฆ่ากันปีละแค่ 4000 ตัวเท่านั้น และ 1 ในนั้น อยู่ในจานยู














อู้หู!!!! คนไม่กินเนื้อวัว (ไทย) อย่างผมนี่ใจฟู นั่งคุยไปดูเชฟเทปันยากิให้ดูไป
กลิ่นหอมๆ ของเนยและเนื้อย่าง ... ถือว่าเป็นบรรยากาศการคุยธุรกิจที่สุนทรีย์มากครับ









หลังจากนั้นตารางงานผมไปอยู่ที่โตเกียว
ด้วยความที่มาคนเดียว ก็ชิลครับ  มีเวลา เลยนั่งชินกันเซนจากโอซาก้า ไปโตเกียว

จริงๆ ผมเคยนั่งมาแล้วครับ ซึ่งผมเคยสาบานกับตัวเองว่า.....
ครั้งหน้ากูจะบิน....กูจะไม่นั่ง Shinkanzenทำงานอีกแล้ว.....


แต่เหมือนเจ็บไม่จำ ผมยังคงอยากลองนั่งชินกันเซนดูอีกครั้ง
พร้อมกับกระเป๋าเดินทาง 25นิ้ว หนัก 12kg

ได้ข่าวครั้งก่อน...กระเป๋า 20นิ้ว หนัก 7-8 โล......กูยังเข็ดเลย....
แต่ครั้งนี้ผมพักใกล้ Shin-Osaka มากครับ และโรงแรมมีบริการรถรับส่งไปสถานี
เลยไม่ลำบาก และผมซื้อตั๋วออนไลน์ไว้ตั้งแต่เมื่อวาน พร้อมมาก่อนเวลา 30 นาที










ชิลเลยครับ ไม่รีบไปร้อน เดินซื้อข้าวกล้องของกิน
แล้วไปยืนรอที่แพลทฟอร์มพร้อมกดไอติมบาสกินร๊อบบิ้นที่ไม่มีในไทยแล้วมากินรอ












การเดินทางด้วยชินกันเซนครั้งนี้ โคตรดีครับ
แค่สแกน QR code จบเลย พร้อมจองที่นั่ง สบายยาวๆ 2ชั่วโมงครึ่ง




โตเกียวฟ้าใสมาก ร้อนแบบไม่เคยจินตนาการญี่ปุ่นไว้แบบนี้
ผมที่เอาเสื้อเชิร์ตแขนยาวมาทั้งหมดพร้อมไทด์ พร้อมสูท 
ใส่แต่เสื้อเชิร์ตแล้วพับแขนเสื้อขึ้นมาถึงศอกทุกวัน
คู่ค้าที่นั่นบอกเลยว่า เดือนหน้าที่ยูจะมาอีกรอบ ยูใส่แขนสั้นมาเลยนะ
สูทนี่ไม่ต้องใส่เลย หน้าร้อนจัดไม่มีใครถือ











ทำงานที่โตเกียว ก็ประชุม กินข้าวกับคู่ค้าทุกมื้อ ประหยัดมาก
เสร็จงานผมก็เดินเล่นชิบูย่า   กินไอติมแก้ร้อน
แวะ Disney store ซื้อของไปฝากหลาน


















ทำงานไปเที่ยวเล่นไป จบทริปรอบแรกแบบชิลๆ ครับ
จนรู้สึกเหมือนตัวเองชอบทำงานคนเดียวแบบนี้มากๆ 





ผ่านไป 2 อาทิตย์......ผมก็ต้องบินกลับมาโตเกียวอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้มาพร้อมคุณ VP และพี่โฟล์ค ที่มาเพื่อแสดงความยินดีกับโปรเจคต่างๆ 

ที่ประสบความสำเร็จด้วยกันตลอดเวลาที่ผ่านมา
ดังนั้น ผมจะไม่ค่อยเหนื่อยเรื่องต้องพูดหรือต้องชวนคุย เอ็นเตอร์เทน
เพราะมี 2 คนนั้นมาช่วยกันคุยเพิ่ม



แต่พอมาทำงานรอบ 2 ได้แค่วันเดียว
ผมก็เห็นในไลน์ครอบครัวว่า 
หลานป่วย น้ำมูกไหลเป็นน้ำ 
ไม่มีไข้ ไม่อะไรทั้งนั้น แต่ไปหาหมอแล้วตรวจเจอว่าเป็นเชื้อไวรัสที่ค่อนข้างหนัก 

เลยต้องหยุดเรียนเฝ้าระวังและต้องไปหาหมอทุก 3 วันหรือเมื่ออาการแย่ลง
ผมก็เป็นห่วงเลย ถามทุกวัน ซึ่งผมเอาหลานไปเรียนว่ายน้ำมันเสาร์
เอาไปขี่จักรยานเมื่อวันเสาร์ ก็เห็นว่าน้ำมูกไหลเยอะมากผิดปกติ
พอวันอาทิตย์ผมบินถึงโตเกียวก็รู้เลยครับว่าเค้าป่วยจริงๆ ด้วย
เป็นห่วงเลยครับ แต่พี่สาวอัพเดทตลอดและหลาน Call หาผมทุกวันนะ 5555
ผมเลยทำงานหายห่วงไปทุกวัน













ซึ่งมาทำงาน แน่นอนว่าผมก็ใส่ยับทุกวัน....หมายถึง...เมายับทุกวัน 55555
จริงๆ ยับตั้งแต่ทริปแรกแล้วครับ ครั้งนี้ยิ่งพอมีคนมาด้วย ผมก็ปล่อยจอยเต็มที่
ดื่ม เมา กลับมาอาบน้ำเตรียมงานวันถัดไป นอนเที่ยงคืน ตื่น 7 โมงเช้า
แล้วอากาศร้อน เดินตรากตร่ำมากครับ เพราะผมอัดตารางงานแน่นมากให้คุณVP









เช้าวันอังคาร....ผมตื่นมาแบบเพลียๆ และไอนิดหน่อย
ซึ่งน่าจะเป็นผลพวงมาจากดินเนอร์แมทเมื่อคืนที่ผมอัด Highball ซะเมาแทบอ้วก
แถมพูดญี่ปุ่นได้ขึ้นมาแบบงงๆ  อ้อ....ภาษาจีนก็มาด้วยครับ 555555
ตอนเช้าผมเลยไปนั่งกินกาแฟร้อนซักแก้ว พร้อมซื้อส้มมากินให้สดชื่น
แล้วคืนนั้นก็ดื่มต่อ และเมาอีกตามระเบียง












เช้ามา ผมปวดกล้ามเนื้อไปทั่วตัว  ปวดตึงขา คาดว่าจะเดินเยอะจัด
ยังไอและคอแห้งเท่าเดิม แต่พี่โฟล์คก็บอกคอแห้งเหมือนกันครับ
เพราะอากาศร้อนจัดและเราได้กินน้ำน้อยกว่าที่ดื่มที่ไทยมาก

ยิ่งดื่มเบียร์ ดื่มเหล้ายิ่งทำให้กระหายน้ำ อันนี้รู้กัน .... ปกติ...


แต่ที่ไม่ปกติคือ....เดินจากโรงแรมไปสถานีรถไฟแล้วรู้สึกเหนื่อยผิดปกติ
เหนื่อยแบบเหนื่อยเลยครับ ไม่ใช่เมื่อยหรือเพลีย
ยังไม่ทันถึงแพลตฟอร์มทีนี้ผมเริ่มไอ แล้วไอมากขึ้นเรื่อยๆ จนไอๆๆๆ ไม่หยุด
ตอนนั้นรู้ตัวเองแล้วครับว่า
เกิดจากอาการหลอดลมตีบ หอบจะกำเริบ
ผมน่าจะแพ้อะไรจัด ๆ ขึ้นมา และน่าจะเริ่มแพ้มาตั้งแต่เมื่อวาน
แล้วไม่ต้องสงสัยครับ.....ผมไม่มียากับตัว 5555555555 T_T
จะรออะไร ผมตบไหล่พี่โฟล์คแล้วบอกว่า "พี่ไปกับนายนะ ฝากด้วย"
แล้วผมก็เดิน.....ครับ เดิน!!! จากแพลตฟอร์มไปราวๆ 700เมตร กลับโรงแรม
เพราะผมเอายามาพร้อม พร้อมมากๆ แค่อยู่ในกระเป๋าเดินทาง 555555









พ่นยาไป ผมก็นอนอยู่ที่ห้องละครับ
แต่เริ่มมีอาการไอเรื่อยๆ คือถี่ขึ้นกว่าเดิมมาก 
ดูเวลาแล้ว นัดหมายต่อไปมีตอน 16:00 ตอนนี้เพิ่ง 11 โมง ผมคงว่างๆ
พอรู้สึกดีขึ้นก็ลงไปทางหาอะไรกิน  แล้วช้อปปิ้งอยู่ที่ย่านกินซ่า








เดินเล่นร้านเครื่องเขียน ได้ปากกาดีๆ มาหลายแท่ง








เจอร้านเสื้อผ้าสวยๆ ซื้อกลับไปให้หลาน









ก่อนจะกลับไปนั่งทำงานตอบเมลล์ที่ห้องที่โรงแรม
ตอนนั้นไอมากครับ ไอเรื่อยๆ ผมก็ซัดยากินแบบแรงหน่อยเข้าไป

โอ้โห!!!!! 15 นาที เงียบกริ๊บ!!!! 
ผมก็ อ่ะโอเค....กุรู้ละ กุคงแพ้อะไรซักซักอย่างแบบหนักๆ 
ทำให้หลอดลมกุตีบ เลยไอ แล้วหอบ เพราะกินยาแก้แพ้ต้านหอบแล้วกริบเลย
ดังนั้น พอถึงเวลาต้องออกไปประชุม ผมเลยเอาแมสแบบป้องกัน PM2.5 มาใส่
แล้วก็ดีครับ ไอนิดหน่อย พอเป็นพิธี จิบน้ำก็หาย 
และกำกิ๊กเผี๋ย อมแล้วดี ชุ่มคอมาก 55555








แล้ววันนั้นก็........งดดื่มครับ 5555 วันนั้นผมไม่นัดคู่ค้าดื่ม
ก็จบแยกย้าย คุณ VP กับพี่โฟลค์ก็หาเบียร์ดีๆ ดื่มกัน ผมก็ขอชาเขียวร้อนมานั่งจิบ
แล้วคืนนั้นผมก็หลับเป็นตาย เหมือนเพลียมาก หมดแรงไปหมดครับ










เช้าวันพฤหัส....ผมแทบลุกไม่ไหวเลย 
ตื่นปุ๊บก็ไอปั๊บแล้วคือไอไม่หยุดอีกเลย ผมกินยาแก้แพ้ปกติก่อนเลยแต่เช้า
พร้อมพ่นยาเต็มสูบ  ก็ทำให้อาการเบาลง แต่วันนี้รู้สึกเดินไม่ไหวครับ 

เดินนิดนึงเหนื่อย เดินต่อเนื่องหน่อยนี่คือเหนื่อยเหงื่อแตก
ซึ่งผมออกปากพูดเหมือนกันนะว่าจะ
เดินไม่ไหวแล้ว

ผมก็ยังทำงานยังประชุมได้ในตอนเช้า 
แต่ตอนบ่าย ผมบอกคุณ VP กับพี่โฟล์คเลยครับว่า ผมเดินไม่ไหวแล้ว แท็กซี่เถอะ
ซึ่ง 2 คนนั้นก็ตามใจผม เพราะคิดว่าผมคงเหนื่อยจริงๆ จากงานด้วย
และผมดูป่วยด้วย .... ไอ่พี่โฟล์คนี่ดูไม่ค่อยรู้






เจอเพื่อนเต้าหู้ด้วย ถ่ายรูปให้หลานดูอย่างไว






แต่คุณ VP นี่ดูกังวลๆ มองหน้าผมเป็นระยะๆ แล้วถาม
"เป็นอะไรไหมเนี้ย"
ผมก็บอกแค่ว่า ผมยังโอเค ทำงานได้ แต่รู้สึกเหนื่อย แถมเพลียจัดมากๆ 
เริ่มรู้สึกทรมานกับการเดินทาง ทรมารกับทางทำงาน

และ.....ทรมานกับการดื่ม......


ซึ่งผมก็ต้องดื่มเป็นมารยาท.........
คืนนั้นผมเดิมเบียร์ 1 แก้ว เหล้า 2 แก้ว เลิก! 
รู้สึกเหนื่อยๆ ไม่ไหว เริ่มไอมากเมื่อเวลา take ยาจะครบ 24 ชั่วโมง
คือพอซัก 20 ชั่วโมงก็จะเริ่มเอาไม่อยู่แล้วครับ ไอ หลอดลมตีบแบบต้องพ่นยาตามถึงเบา
ภาวนาตลอดเวลาว่าจะให้ได้กลับห้องไวๆ จะได้พ่นยาสเตียร์รอยด์
แต่ก็ต้องพยายามดึงเวลาให้ดึกที่สุดที่ตัวเองทนไหว 
เพราะไม่อย่างงั้น......จะเป็นแบบคืนวันนั้น
คืนวันพฤหัส...




ด้วยความที่ผมไม่ไหว กลับถึงห้อง 3 ทุ่มผมอัดยาเลยครับ 
แล้วหลานก็คอลมาหา บอกว่าหายแล้ว รอไปฮาเบอร์แลนด์ด้วยนะ
ว่าแต่ น้าปริ๊นซ์เป็นอะไรทำไมไอเยอะจัง หอบรึป่าว

แหม่! รู้ดี!!!!!  แต่ผมไม่ได้บอกอะไรครับ แค่บอกว่าน่าจะแพ้ pollen grian









วันนี้ ยาใช้เวลา 30-45นาที กว่าความเข้มข้นยาจะเอาอาการผมลงได้
เท่ากับว่า
มันเริ่มนานขึ้นกว่าเดิมครับ ไม่ใช่สัญญาณที่ดี
แล้วมันก็เอาอยู่แค่ ตี 4 เพราะผมตื่นมาแล้วไอไม่หยุดจนถึงเช้า
จนต้องพ่นยาแล้วนั่งจนถึงเช้า....รู้สึกตัวอีกทีคือตัวเองหลับไปตอนเกือบเช้า

ด้วยความฤทธิ์ยายังอยู่ ก็พอยู่ได้รับ ดึงเวลาพ่นและกินยามาเป็น 9 โมงเช้า
เพื่อให้อยู่ได้ดึกที่สุดให้ทำงานจนเสร็จ เพราะวันนี้วันศุกร์แล้ว
และงานจะจบ 4 โมงเย็น ไม่ต้องกินต้องดื่มอะไรต่อแล้ว




และงานก็เสร็จเร็ว ซักแค่ บ่าย 3 ครึ่ง
และแน่นอน....ฤทธิ์ยายังอยู่ครับ
ผมก็ซ่า ไปเดินชิบูย่าเล่นเลย
แถมมีแรงเดินไปดองกี้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเข้าดองกี้มาก่อนนะครับ
แต่หลานสั่งให้ซื้อปลาเส้นงาดำ เลยต้องไปตามหาให้เค้าซักหน่อย
สรุปเดินเพลินๆ
หมดไป 2 หมื่นกว่าเยน.....
พอเงินหมด ก็กลับไปเจอกับคุณ VP พี่โฟล์ค ที่แยกกันไปเดินเล่นที่นัดหมาย
สรุปเราไปโรงเบียร์กันต่อครับ ซึ่ง....ตอนนั้นผมโอเค ไอตามประสาแต่เอาอยู่
ไหนๆ ก็ส่งท้ายทริป และคุณ VP อยากยินดีให้กับความสำเร็จในโปรเจคของผมที่นี่
ก็ไปครับ สั่งเบียร์ดีๆ มาดื่มกัน นั่งคุยกันเรื่องสัพเพเหระ








แต่..........จำได้ไหมครับว่า ยาแม่งชอบอ่อนตอน 20ชั่วโมง
2ทุ่มครึ่งผมดื่มเบียร์ไปได้ครึ่งแก้ว ก็ไอชิบหาย ไอแบบจะตายให้ได้
แล้วหลอดลมเจ้ากรรมก็ตีบอีกแล้ว เหนื่อยหายใจไม่ทัน
ต้องพ่นยาคาโรงเบียร์ไป 2 รอบ เพราะรอบแรกเอาไม่อยู่....



ตอนนั้นสาบานได้ว่า ในหัวคือ....ชิบหายจริงๆ แล้วกุงานนี้
ประกันที่ซื้อมาได้ใช้แน่นอน....
ผมไลน์หาน้องชายที่รู้จักซึ่งทำงานอยู่โตเกียว

ว่า....ผมจะไปโรงบาลได้แบบใด ถ้าผมหอบจัดขึ้นมา
น้องบอกว่า บอกผมๆๆ ผมจัดการให้ได้ ไม่ต้องกลัว จะให้ไปหาไหม
แต่พอดีกับที่ ได้พ่นยาซ้ำอีก 15 นาทีแล้วดีขึ้นครับ เลยไม่ได้ใช้บริการ
คุณ VP นี่เครียด หน้าตื่นเลย กลุ้มใจไม่แพ้ผม ส่วนพี่โฟล์คเหมือนจะไม่รู้....





กลับไปผมกินยา และยาใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่งในการกดอาการ
อีกวันเดียว
เชี้ยเอ้ย ทนให้ได้นะมึง..........





เหลือเวลาในโตเกียวอีก 1 วันครับ 
เพราะผมจะบินกลับไทยเที่ยงคืนวันเสาร์
เท่ากับผมจะต้องประคับประคองตัวเองให้ไม่ร่วงไปก่อนกลับไทยให้ได้
ซึ่งตอนนั้น ถ้าเอากันจริงๆ ผมตอบเลยว่า
"รู้สึกไม่ไหว"
แต่ต้องกลับบ้านให้ได้ ยังไงก็ต้องกลับให้ได้
อยู่มา 6 วันไม่ตาย แม่งไม่ตายเอาวันกลับหรอก!!!! 







ไว้มาต่อ....บล๊อกถัดไปนะครับ ว่า....
....ผมรอดมาได้ยังไง......


 



Create Date : 24 กันยายน 2567
Last Update : 24 กันยายน 2567 13:35:16 น. 18 comments
Counter : 336 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณกะว่าก๋า, คุณปัญญา Dh, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณmultiple, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณtoor36, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณnewyorknurse, คุณหอมกร, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณnonnoiGiwGiw, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณสองแผ่นดิน, คุณThe Kop Civil, คุณทนายอ้วน, คุณ**mp5**


 
อ่านจนจบ
มีทั้งเรื่องดีและหนักหนา
มีทั้งการงานที่ก้าวหน้า
และมีทั้งร่างกายที่อ่อนล้า

แต่ทั้งหมดพี่ก๋าเชื่อว่ามันผ่านไปได้ด้วยดี
น้องปริ๊นซ์เลยมานั่งพิมพ์เป็นบันทึกการเดินทางได้แล้ว

ได้ชิมเนื้อโกเบที่ว่าอร่อยแสนอร่อยด้วย

ในขณะที่หลานสาวของน้องปริ๊นซ์ป่วย
พี่หมิงก็ป่วยด้วยโรคเดิมเลย ไซนัสอักเสบ
วันนี้สอบเลยต้องลาสอบครับ 555



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 กันยายน 2567 เวลา:14:27:26 น.  

 
อวสานสะกดแบบนี้จ้าปริ้น
ญี่ปุ่นร้อนก็มีด้วยนะนี่
มีรูปหลานรักมาฝากกันอีก



โดย: หอมกร วันที่: 24 กันยายน 2567 เวลา:15:14:33 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องริ๊นซ์

บล็อกนี้ เป็นก่ีบันทึกก่ีเดินทางไปทำงาน ความสำเร็จในการ
ทำงาน และได้เดินเที่ยว กินอาหารอร่อย ๆ นั่นถือว่า เป็นความสุข
อย่างหนึ่งของชีวิต ในความสุขดังกล่าว ก็มีความทุกข์มารังควาญ
นั่นคือ การเจ็บป่วยไอ เจ็บคอ โชคดีที่เตรียมยาไปพร้อมแล้วก็ทุกข์
เพราะได้ข่าวหลานสาวที่รักไม่สบาย ต้องเกิดความทุกข์เพราะห่วงใย
หลานสาวที่รัก เรียกว่า การเดินทางไปทำงานที่ญี่ปุ่นครั้งนี้ มีทั้งสุข
และทุกข์ปะปนกันไป อันเป็นธรรมดาของมนุษย์เนาะ
แต่ตอนนี้ก็คิดว่า สบายดีแล้ว จึงมาเม้นท์บล็อกเพื่อน ๆ ได้
แล้วเนาะ รักษาเนื้อรักษาตัวด้วยจ้ะ

โหวดหมวด บันทึกประสบการณ์ชีวิต


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 24 กันยายน 2567 เวลา:20:43:25 น.  

 
ดื่มมากเกินไป ที่รอดมาได้เพราะความอึดของตัวเองนี่แหละ ทนๆ เอา อันตรายนะครับ

ได้ไผทำงานแล้วก็เที่ยวไปด้วย แต่เอาจริงๆ เที่ยวลักษณะนี้มันได้ก็แค่ไปเก็บบรรยากาศนิดๆ หน่อยๆ เที่ยวไม่ได้เที่ยวอะไรเท่าไหร่หรอก แต่อย่างน้อยก็ได้เปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนที่นอน รสชาติอาหาร แล้วก็ได้ซื้อขนมที่อยากกินครับ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 24 กันยายน 2567 เวลา:21:29:15 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องปริ๊นซ์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 กันยายน 2567 เวลา:5:04:03 น.  

 
โอ้ ที่แท้ไปญี่ปุ่นนี่เองนะครับ แถมไปคนเดียวซะด้วย
เป็นอาจารย์เต๊ะนี่ กรี๊ดดดเลย ต้องวางแผนหาที่เที่ยว ที่ช็อปกันอย่างเมามันแน่ อิอิ

น้องปริ๊นซ์ บอก ข้าไปทำงานๆๆๆๆว้อย

อาจารย์เต๊ะ บอก ก็นั่นแหละ รีบๆทำงานให้เสร็จเร็วๆจะได้มีเวลาไปเที่ยว 555

เอาตั้งแต่สนามบิน มื้อเช้านี่ อาจารย์เต๊ะ ต้องหาข้าวกิน
แต่ ข้าวต้มมัด ก็พอได้อยู่ แต่มาม่าไม่ไหว เดี๋ยวไตเสื่อมนะครับ แฮร่555

แล้วไปถึงญี่ปุ่น ร้อนตับแตกซะอีก อยู่แต่ในห้องแอร์ก็พอไหวนะครับ
ถึงญี่ปุ่นนั่งรถไฟไปต่อเลยอีก ไปญี่ปุ่นนี่พลาดไม่ได้เพราะเค้าขึ้นชื่อเรื่องรถไฟ แถมใจดี ส่งรถไฟมาให้คนไทยนั่งเล่นด้วย
รถไฟเค้าดูหรู สะอาดเอี่ยมเลยนะครับ

แล้วไปเดินเล่น Dotonburi นี่ ถ้าเป็นอาจารย์เต๊ะ ว่างละก็ต้องไปตามหา m's pop life ตึก 5ชั้นในตำนาน ของเล่นผู้ใหญ่ ก่อนเพื่อนเลย ไม่รู้อยู่เมืองไหน แฮร่555

แต่ได้ไปกิน เนื้อ โกเบ สุดยอดของดี นี่เยี่ยมที่สุด เคยดูสารคดี หูยเค้าเลี้ยงดูอย่างดี ยิ่งกว่าลูก เสร็จแล้วกินมันหน้าตาเฉยนะครับ แฮร่ 555

แล้วก็ หลานมาป่วยอีก แต่ได้คุยกันทุกวันส่งกำลังใจให้
ที่ลืมไม่ได้เด็ดขาดก็ของฝาก ตามสั่งนะครับ

กำลังจะดีอยู่แล้ว ก็มาป่วยซะอีก โรคหอบนี่ทรมาณมาก
เวลาเป็นจะนอนไม่ได้เลยเชียว
ยังดีที่เตรียมยาไปพร้อม ที่อาการกำเริบ น่าจะเพราะ ยาดอง ม้ากระทืบโรง อิอิ

น้องปริ๊นซ์ บอก ญี่ปุ่นไม่มีว้อยยย 555
แอลกอฮอล์ หลากหลายชนิด แต่เป็นธรรมเนียมบ้านเค้านะครับ
ที่เสร็จงานก็ต้องดื่มฉลองกัน ทริปนี้อาจจะแยะไปหน่อย
ยังดีที่ประคองตัว กลับมาได้

จริงๆ ไม่รู้ น้องปริ๊นซ์ มีนาฬิกาสุขภาพ แบบที่วัดออกซิเจนได้หรือเปล่า เอาไว้ดูเวลา ออกซิเจนในเลือดต่ำ จะได้ป้องกันพ่นยา กันไว้ก่อนเลย ก็จะช่วยได้แยะนะครับ

แต่กลับมาเขียนบล็อกได้แล้ว น่าจะสบายดีแล้วนะครับ
แต่ที่ อาจารย์เต๊ะ คาใจมากคือ ทริปนี้ ไม่มีของฝาก หวานใจ บ้างเลยหรือครับ เห็นซื้อแต่ของฝากหลาน แฮร่ 555



โดย: multiple วันที่: 25 กันยายน 2567 เวลา:5:17:55 น.  

 
สวัสดียามสายค่ะ น้องปริ๊นซ์

คนทำงานไม่พอเราก็จะเหนื่อยหน่อยค่ะ
ไปทำงานต่างประเทศแบบบินเดี่ยวซะด้วย เก่งอยู่น๊าาาา
ได้ทำงานด้วย เดินเที่ยวด้วย รู้สึกผ่อนคลายดีนะคะ ไม่เครียดเกินไป

แล้วสรุปรู้ไหมคะว่าวันนั้นที่แพ้ แพ้อะไร ดีนะพกยาไปเรียบร้อย
ก็น้าาาาา เบียร์ทำน้องแย่เลย
คุณVPดูห่วงใยน้องดีค่ะ พี่โฟล์คนี่..คงคิดว่าเดี๋ยวน้องก็หาย

ตอนไปเที่ยวปุ่น พี่ก็ไปโกเบเพื่อไปกินเนื้อโดยเฉพาะเลยค่ะ
ความรู้สึกคือ มันนุ่มเหมือนละลายในปาก
จนไม่รับรู้รสชาติเนื้อเลยอ่ะ 555555 แพงก็แพง

ไปปุ่นนี่ของฝากขาดไม่ได้เด็ดขาดค่ะ

รออ่านตอนต่อไปนะคะ ว่าพาร่างกายที่ป่วยกลับมาสภาพไหน

ตอนนี้น่าจะแข็งแรงดีแล้วเนอะ


โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 25 กันยายน 2567 เวลา:9:21:11 น.  

 
ตอนไปพม่า
ไกด์พม่าก็ยืนยันครับ
ว่าเค้าไม่ได้ขนทองจากไทยกลับพม่า
เค้าบอกพม่ามีเยอะแล้ว
จะเอาทำไม 555
เราก็ฟังยิ้มๆไปครับ

พี่ก๋าเป็นคนมีวินัยแต่ไม่ค่อยมีระเบียบครับ 555

เวลาป่วยหนักๆ
อยากป่วยในไทยมากกว่านะครับ
ยังไงการสื่อสารกับหมอก็น่าจะสะดวกกว่า

หมิงป่วยเพราะสองวันก่อนไปเดินถ่ายรูปในเมือง
เดิน 15 กิโลครับ 555 อยากเป็นช่างภาพแนว Street
เจอทั้งฝุ่น เจอทั้งฝน นอนดึกด้วย
เรียบร้อยเลย 555
นี่อยู่บ้านกินยามา 2 วันแล้ว
ดูแล้วน่าจะค่อยๆดีขึ้นครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 กันยายน 2567 เวลา:13:50:13 น.  

 
งานหนักเกินไปก็ต้องร้องขอชีวิตนะคะ 555
งานยุ่งเป็นยุงตีกัน สุขภาพก็ยิ่งต้องดีมาก ๆ ไม่งั้นจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาสู้กับงานได้
แต่ปรากฎว่า "เมายับทุกวัน" เหตุนี้หรือเปล่าคะที่ทำให้ป่วย

ยิ่งต้องบินเดี่ยวแบบนี้ เป็นอะไรขึ้นมางานกร่อยแน่
กลับมาอย่างปลอดภัยได้ก็เก่งแล้วค่ะ




โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 25 กันยายน 2567 เวลา:17:27:40 น.  

 
ทรหดอดทนมากจริง...


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 25 กันยายน 2567 เวลา:19:48:07 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องปริ๊นซ์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 กันยายน 2567 เวลา:5:54:06 น.  

 
สวัสดีครับน้องปริ๊นซ์
พี่ว่าได้ไปทำงานที่ญี่ปุ่น แถมได้ไปเดินเที่ยวด้วย ดีเลย แต่พอสุขภาพไม่ค่อยโอเคนี่ เป็นอุปสรรคเลย โดยเฉพาะเรื่องดื่ม โชคดีมาก ๆ ที่น้องปริ๊นซ์พกยาพ่นไปด้วย แต่มันอยู่ต่างประเทศทำอะไรก็ลำบากไปหมดเลยนะครับ พี่ว่าถ้าอยู่ที่เมืองไทยสบายหายห่วงเลย
พี่เล็ง ๆ ไว้ว่าจะไปวิ่งที่ญี่ปุ่นเหมือนกันครับ กำลังเล็ง ๆ เมืองไว้ เค้ามีวิ่งมาราธอนกันเยอะมาก ว่าจะไปกับทัวร์นักวิ่งนะครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 26 กันยายน 2567 เวลา:14:05:56 น.  

 
โรงพยาบาลและอาการป่วยไข้
พี่ก๋าว่ามันเป็นสิ่งที่ดึงสติเราได้ดีจริงๆครับ
เวลาเราป่วยหรือคนใกล้ตัวป่วย
จะมีแวบนึงเสมอที่ทำให้คิดได้ว่า

"ชีวิตมันก็แค่นี้เองนะ"

นี่จริงๆหมิงอยากไปถ่ายภาพนำ้ท่วมนะ
พี่ก๋าว่าร่างกายยังพังอยู่เลย
ใจเย็นพี่ 555

ปล. ความรักมันไม่มีคำตอบสำเร็จรูปแน่ๆ
การฟังเสียงหัวใจตัวเองก็สำคัญจริงๆครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 กันยายน 2567 เวลา:15:07:09 น.  

 
สลัดโรล ทำง่ายกินง่ายสบายท้องด้วยค่ะ
อะไรที่กินยาก ได้น้ำสลัดรสดี ๆ ช่วยได้เยอะเลยค่ะ

รออ่านบล็อกถัดไปนะคะ


โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 26 กันยายน 2567 เวลา:16:06:23 น.  

 
โชคดีนะเนี่ยะที่บล็อกไม่มีกลิ่น คริๆๆๆ


ไม่งั้นโดนน้องปริ๊นซ์บ่นหูตูบเลย คริๆๆๆ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 26 กันยายน 2567 เวลา:21:30:39 น.  

 
ไปทำงานแบบนี้เที่ยวได้ไม่เต็มที่นะ ดูแล้วต้องระวังให้มากๆ จริงๆ ดีแล้วที่ไม่ต้องใช้ประกัน พวกประกันถ้าไม่ฉุกเฉินจริงๆ คงไม่มีใครอยากใช้

ดื่มหนักเกินไป แต่ชีวิตวัยยรุ่นก็แบบนี้ล่ะ มีครั้งเดียว แต่ก็ต้องระวังหน่อย ชีวิตไม่เที่ยง


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 26 กันยายน 2567 เวลา:22:29:20 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องปริ๊นซ์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 กันยายน 2567 เวลา:5:24:16 น.  

 
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ


โดย: **mp5** วันที่: 30 กันยายน 2567 เวลา:9:43:47 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

BlogGang Popular Award#20


 
จันทราน็อคเทิร์น
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




* Engineer
* Guitar trainer
* Casual gamer



space
space
space
space
[Add จันทราน็อคเทิร์น's blog to your web]
space
space
space
space
space