BlogGang.com : : จันทราน็อคเทิร์น : Hongkong Disneyland แดนมหัศจรรย์

ผมเพิ่งกลับจากต่างประเทศมาครับ
ไปแค่ 3 วัน แต่นี่ต้องโด๊ปกาแฟวันละ 2 แก้ว มาแล้ว 2 วัน
เพราะไม่งั้น ไม่ไหวเลยครับ ง่วงมาก เหนื่อยมาก ล้ามาก

น่าจะเพราะผม recover มาได้ซัก 70-80%
พอต้องเดินทางต่างประเทศ ยิ่งเพลียไปกันใหญ่

รอบนี้ไปกับครอบครัวพี่สาวครับ
เพราะตั้งใจกันว่า จะพาหลานไปดิสนีย์แลนด์เป็นครั้งแรก
ผมก็ไม่ติดอะไร ไม่มีปัญหาอยู่แล้วที่จะไปด้วย ก็เลยเป็นอันว่า
ทริปนี้เลยมี พี่สาว พี่เขย หลาน แฟนผม และผม ไปด้วยกัน 5 คน
หลักๆ ไม่ได้อยากไปไหนมากไปกว่าพาหลานไปดิสนีย์แลนด์
ดิสนีย์แลนด์ที่ใกล้ที่สุด เดินทางไม่นาน หลานน่าจะไม่ลำบากก็คือ

ฮ่องกง ดีสนีย์แลนด์

คนที่ตื่นเต้นที่สุดของทริปนี้ ตื่นเต้นล่วงหน้ามา 1 เดือน

คือ ข้าวหอม

เพราะเป็นทริปต่างประเทศครั้งแรกของเค้า
และดิสนีย์แลนด์น่ะครับ...ดิสนีย์แลนด์กับเด็กผู้หญิงนี่แทบจะเป็นของคู่กัน
นี่ก็บ่นมาเกือบทุกวัน ว่าเมื่อไหร่เราจะไปฮ่องกง
และแน่นอนครับ ทริปนี้มันจองไว้ก่อนที่ผมจะป่วย
ดังนั้น ผมไม่มีทางเลือกเลยว่าจะไม่ไป 555555 เอาวะ ไปก็ไปตามสภาพ

ในที่สุดวันเดินทางก็มาถึง
หลานตื่นเต้นดีใจพร้อมเดินทางกว่าใคร และให้ความร่วมมือดีทุกอย่าง
พี่สาวบอกว่าตื่นแต่เช้าแต่งตัวนั่งรอเรียบร้อยกว่าทุกวัน
เนื่องจากเราไปแค่ 3 วัน และรวม 5 คน
ผมเลยตัดสินใจว่า จะเอารถไปครับ เพราะกระเป๋าก็ไม่ได้ใหญ่อะไร
ใส่ท้ายรถได้ครบ ... พี่สาวกับหลานรวม 1 ใบ ผมกับแฟนรวม 1 ใบ พี่เขยใบเล็ก 1 ใบ
ค่าจอดรถวันละ 250 บาท จอด 3 วันรวม 750 ถูกกว่าค่าแท็กซี่ไปกลับอีกครับ

เคาน์เตอร์เปิด ก็เข้าโหลดกระเป๋าอย่างไว ไม่ลังเล
เพราะพวกผมมีเป้าหมายชัดเจนอยู่ข้างใน Duty Free.....

อ้อ ผมไม่ได้ให้ข้อมูลไว้ตั้งแต่รอบที่บินญี่ปุ่น 2 ครั้งก่อนว่า
ตอนนี้ King power เค้าปิดเคาน์เตอร์ขาเข้าทั้งหมดเลยนะครับ
ดังนั้นหมายความว่า ไม่สามารถซื้อของแล้วฝากรับขากลับได้แล้ว
จำเป็นต้องซื้อแล้วหิ้วไปอย่างเดียว
ลำบากหน่อยครับ ที่ต้องพกของที่ซื้อไปด้วย แต่ทำไงได้
ทริปทำงานผมเลยไม่ซื้อเลยครับ เพราะไม่สะดวกจะเอาของไปด้วยจริงๆ
ทริปนี้ไปส่วนตัว กระเป๋าเรียกว่าโล่ง มีแค่ 50% ของพื้นที่ ก็จัดเต็มละครับ

เอ่อ....ยังไม่ทันได้ไปไหน บัตรก็จะ Max แล้ว
หลานก็ม่วนจอยช้อปปิ้งมาก อยู่กับผมบ้าง ไปกับแม่เค้าบ้างสนุกสนาน

วันนี้ไม่มีโปรแกรมอะไรครับ แค่กินข้าว ถ่ายรูปดูไฟที่ Bay
ซึ่งส่วนตัวผมไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เน้นประหยัดพลังงานนั่งชิลๆ รับลม

อ้อลืมบอกเลยครับ ครอบครัวพี่สาวเค้าซื้อทัวร์ไป
ส่วนผมกับแฟนไปกันเอง แล้วตามไปเจอกันที่ดีสนีย์แลนด์
แต่บอกเลยครับว่า ฮ่องกงเดือนตุลานี่ร้อนจัดมากๆ
ดังนั้น อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้คือ ร่ม
และน้ำดื่มในนั้นมันแพงมากครับ เตรียมได้ควรเตรียมไป
แล้วค่อยไปกดน้ำกรอกเพิ่มข้างในซึ่งมีบริการตามจุดต่อได้
แต่พวกอาหารกล่อง มาม่าคัพ แบบนี้จะนำเข้าไม่ได้ครับ
ด้านหน้าทางเข้าจะมีจุดตรวจกระเป๋าก่อนเลย

เข้ามาได้ ก็เดินมุ่งหน้าไปที่ หน้าปราสาทเจ้าหญิง ก่อนเลย
ระหว่างทางจะเดินผ่าน Disney store ยาวตลอดแนว
ผมแนะนำว่ายังไม่ต้องซื้อครับ เพราะ Store มาหลายจุด
และจะได้ไม่ต้องหอบหิ้วของที่ซื้อไปตลอดทั้งวัน

จากที่ทำการบ้านมา
สิ่งแรกที่ควรทำคือ ถ่ายรูปหน้าปราสาท ไม่งั้นคนจะเยอะ ถ่ายรูปยาก
ก็ให้สโนว์ไวท์ได้ถ่ายกับปราสาทก่อนเลย

เสร็จจากจุดหน้าปราสาทก็ใช้แอป Hongkong Disneyland ในการวางแผน
ว่าเครื่องเล่นไหนอยู่ใกล้ และเวลารอสั้น ก็เริ่มเล่นก่อนเลยครับ
แต่ไม่ต้องวางแผนอะไรมาก เพราะก็หลานเห็นม้าหมุนก็พุ่งไปเลยครับ 555

เริ่มจากโซนที่เรียกว่า
Fantasyland

1. Cinderella Carousel
ม้าหมุน นี่เอง

หลานชอบมากครับ มีความสุขกับม้าหมุนมาก
เหมือนเป็นการวอร์มเครื่องเบาๆ ก่อนจะเริ่มเครื่องเล่นอื่นๆ ต่อ
ผมก็เล่น 5555 ไม่ต้องกลัวเขินครับ จ่ายค่าตั๋วแล้ว ผู้ใหญ่เล่นกันตรึม

2. Dumbo the Flying Elephant
ดัมโบ้ ช้างบิน

อารมณ์เหมือนจานบินของดรีมเวิร์ล 5555 เวลารอแค่ 10 นาที
ก็จัดเลยครับ
ซึ่งนอกจากมันจะบินวนๆ แล้ว ยังสามารถบังคับลอยขึ้นลอยลงได้ด้วย
หลานสนุกบันเทิงมาก เรียกว่าเพิ่มความตื่นเต้นขึ้นมาอีกหน่อย

หันไปเจอ Winney the Pooh กับ Mickey's Philhar Magic ใกล้ ๆ
เวลารออย่างละ 5-10นาทีเท่านั้น เราเลยข้ามไปก่อน
เพราะเจ้าหญิงของผมอยากไปหาเอลซ่าแล้ว

โซน World of Frozen

เรียกว่าเป็นโซนใหม่ที่เพิ่งเปิดที่ฮ่องกงเลยครับ
แล้วผู้หญิงที่ชอบใส่ชุดเอลซ่าวิ่งไปวิ่งมาอยู่ที่บ้าน มีหรอจะไม่อยากไป

ส่วนตัวผมรีวิวไม่ได้นะครับว่า มันสวยงามเหมือนในการ์ตูนไหม
ด้วยผมไม่ได้อินเอลซ่า 5555 และอากาศก็โคตรร้อน เอาอะไรมาเอลซ่าก่อน
และหลานกับพี่สาวดูแฮปปี้นะครับ ถ่ายรูปกันเหมือนไม่เคยร้อนมาก่อน

โซนนี้มีเครื่องเล่นไครแม็กซ์อยู่ 2 อย่างครับ
คือ Frozen Ever After และ Wandering Oaken's Sliding Sleighs
เวลารอในแอป 45 นาที ทั้งคู่ แต่ตอนยืนจดๆ จ้องๆ Frozen Ever After
พนักงานด้านหน้าตะโกนว่า "มาเล่นกันเถอะ เวลารอแค่ 15 นาที"
อ้าว ก็เข้าสิครับ แถมด้านในแอร์เย็นสบายซะด้วย
แล้วก็จริงครับ ด้านในจริงๆ แถวยาวมากนะครับ ขดไปขดมาหลานตลบ
แต่เย็นสบายและแถวะเคลื่อนตลอดเวลา
เบ็ดเส็ดเวลารอน่าจะ15-20นาที ยืนรอแบบชิลๆ ก็ถึงคิว

3. Frozen Ever After

เครื่องเล่นนี้ เราต้องลงเรือไปครับ
แล้วเรือจะล่องไปตามลำน้ำ นำเราเข้าสู่อาณาจักร Frozen
ข้างในสวยงามมากๆ ครับ เหมือนเวทย์มนต์มีอยู่จริง
ขนาดผมไม่ได้อะไรกับ Frozen เข้าไปก็ชอบนะครับ
เพลงเพราะ ฉากสวยมากๆ เครื่องเล่นแอบมี secret ให้ตื่นเต้นเหมือนกัน
ตื่นเต้นซะจนหลานร้อง "อยากกลับบ้านนนนนนน" 5555

ระหว่างไอ่ Shot เสียวตรงนั้น มันจะมีแสงวาบบบ
ที่มองยังไงก็รู้ว่า มึงเอาละ มึงถ่ายรูปกูตอนเหวอแน่นอน
แล้วก็จริงครับ ภาพแต่ละคนโชว์หราอยู่ตรงทางออก 55555

สำหรับผมเสียวนิดๆ ชิลๆ
แต่เล่นเอาซะหลานเครื่องแฮ้ง ร้องไม่เอาแล้ว น่ากลัว กลัววว กลับบ้าน
พี่สาวต้องพาไปกินน้ำ เดินเล่นซื้อของกลับบ้านปลอบใจ
แล้วพาไปพักเข้าห้องน้ำ เปลี่ยนชุดจากสโนว์ไวท์เป็นมินนี่เม้าส์ ชุดโปรด
พี่นัทเอาขนมให้กินให้ฉ่ำหัวใจ จนจูนความสนุกกลับมาได้
และพร้อมจะเล่นเครื่องเล่นถัดไปในโซนเดียวกัน

4. It's a Small world

ที่จังหวะดีมากครับที่ด้านหน้า นาฬิกากำลังจะตี เที่ยงตรง
ก็มีตุ๊กตาออกมาเต้นรำกัน 1 รอบ ให้หลานได้ดู ได้ถ่ายรูปชิลๆ
เวลารอเครื่องเล่นนี้ 5 นาทีเท่านั้นครับ เรียกว่าสบายมาก คิวรันเร็วมาก

เครื่องเล่นนี้เป็นการล่องเรือเหมือนกันครับ
แต่เหมาะกับเด็กน้อยที่สุด เพราะข้างในจะเป็นเหมือนเมืองของเล่น
สีสันสวยงาม มีตุ๊กตาอารมณ์กล่องดนตรี พร้อมเพลง It's a small world
ที่หลานทีแรกไม่ไว้ใจว่ามันจะไม่น่ากลัวอีกใช่ไหม
แต่สุดท้านก็นั่งเรือร้องเพลง It's a small world อยู่ข้างหลังผมไปตลอดทาง
อันนี้หลานแฮปปี้มากครับ จนอยากเล่นอีกรอบ
น่ารักดีครับเหมาะกับเด็กมากๆ

ออกมาก็เที่ยงนิดๆ เลยจัดการเอาเสบีงออกมากิน
บ้านนั้นก็บังคับหลานกินขนมปังกินนมกันไป ผมกับแฟนก็มีของกินเล่นพกมา
แล้วออกไปซื้อไส้กรอกนั่งกินเปลี่ยนบรรยากาศกันด้านนอก

4. Mad Hatter Tea Cups
ถ้วยกาแฟหมุน

อยู่ทางออกจาก small world นั่นแหละครับ เวลารอ 5 นาที
เรียกว่ากินเสร็จก็มาหมุนต่อเลย อันนี้ผมขอพักก่อน เดี๋ยวอ้วก 5555
ให้พี่สาวกับแฟนพาหลานเข้าไป
ส่วนผมกับพี่นัทก็ไปเดินเล่นหาที่ซื้อไอติมมิกกี้ให้หลานกินตามคำสั่ง

หลังจากเค้าเล่นถ้วยกาแฟกันเส็ด
เราก็เดินต่อกันไปยังโซนที่เรียกว่า

Tomorrowland
ที่ไม่ใช่เทศกาลดนตรี 55555
โซนนี้ สาวก มาเวลห้ามพลาดครับ เพราะเป็นโซนมาเวลนี่แหละครับ

5. Hyperspace Mountain
เวลารอ 15 นาที

อันนี้ผมต้องเล่นละครับ เพราะผมเป็นแฟนสตาร์วอร์ส
เครื่องเล่นนี้จะกำหนดความสูงไว้ที่ 102cm ขึ้นไป
พร้อมบอกว่า มี Big drop โอเค....หลานไม่เอาแน่ๆ
ผมกับพี่นัทเลยไปลุยอวกาศกัน 2 คน
โอ้โห!!!! ดุเด็ดเผ็ดมันส์มากครับ ดีนะที่หลานไม่มาเล่นด้วย
เพราะไม่งั้นมีร้องไห้แน่นอน เพราะรถที่นั่งนี่พุ่งขึ้นๆ ลงๆ พรวดพราด
เรียกว่า ช่วยให้ Heart rate คุ้มค่าบัตรเข้าดิสนีย์เหมือนกัน 5555
แต่แสงสี บรรยากาศมืดๆ กับแรงเหวี่ยง ตื่นเต้นดีมากครับ ชอบๆ

ขณะที่พวกผมไปอวกาศ
3 สาวนั้นก็ไปเลย อันนี้ครับ

6. Astro Orbiter

เวลารอเครื่องเล่นนี้ 5 นาทีเองครับ เล่นแล้วเส็ดก่อนผมกับพี่นัทอีก
อารมณ์เหมือนดัมโบ้นั้นแหละครับ
แค่เปลี่ยนจากช้างเป็นจานบิน

ออกมาก็มาซื้อ ไอติมมิกกี้ให้หลานกินคลายร้อน
ไม่รู้ว่าร้อนจัดหรือตื่นเต้นห่วงเล่น หลานกิน 3-4 คำเองครับ
แล้วจะไปต่อทันที ผมกับแฟนเลยต้องกินกันต่อ
เพราะไอติมนี่ $45 (เกือบ 200บาท) อยู่นะ แม็กนัมไทยชิดซ้าย

7. Ant-Man and the Wasp

เวลารอ 10 นาที คนเยอะแต่แถวเลื่อนเร็วเหมือนกัน
ในแอปบอกว่าไม่จำกัดความสูง แต่หน้าทางเข้ามีวัดส่วนสูงนะครับ
รู้สึกจะ 80 cm ซึ่งหลานสูง 108 cm ไม่มีปัญหา
ด้านในจะเหมือนสงครามเลเซอร์ นั่งยานคู่ละลำแล้วทำภารกิจครับ
ยิงๆ ปืนตามเป้า ไม่หวาดเสียวใด ๆ สำหรับผมเรื่อยๆ แก้ร้อนได้

พอออกมาก็เจอกับซุ้ม Trick or Treat เทศกาลฮาโลวีน
หลานกับพี่สาวก็ไปต่อแถวเอา candy
ส่วนผม แฟน พี่นัท ก็ไปเล่นฆ่าเวลา

8. Iron Man Experence

เวลารอ 15 นาที เหมือนเป็นการดูหนัง 4DX ครับ
ขึ้นยานใส่แว่น 3มิติ ทำภารกิจไปพร้อมไอรอนแมน
แต่บอกเลยว่า หลานมาก็เล่นไม่ได้นะ เพราะโอ้โห เป็นหนัง 4DX แบบ advance
ตึงตังโยกจนตัวลอยเหมือนกัน แถมโยกซะน้ำที่กินเข้าไปแทบจะกลับออกมา 5555

ออกมาจากตรงนี้ เริ่มเหนื่อยครับ เลยกะว่าจะหาอะไรชิลๆ เล่น
เลยตั้ง Aim ว่าจะไปที่ โซน Advanger ที่จะแนวๆ เหมือนซาฟารีเวิร์ล
แต่เดินได้แค่ main steet ผมดันปวดหัว คลื่นไส้ ทรงว่าจะเป็นลมขึ้นมาดื้อๆ
ชาวคณะเลยรีบหาที่นั่งพัก เดชะบุญเจอที่นั่งร่มๆ พอดี
พี่เขยรีบวิ่งไปซื้อป๊อบคอร์นมาเอ็นเตอร์เทนหลาน ไม่ให้ยุ่งกับผมเยอะ
พร้อมควักพารามาให้กิน 2 เม็ด และยาดมหงษ์ไทย

นั่งๆ อยู่สโนว์ไวท์ตัวจริงก็มาครับ พร้อมตั้งหลักรอ meeting กับแขก
พี่สาวกับพี่เขยเลยพาหลานไปต่อแถวรอถ่ายรูปด้วย
ผมสงสารแฟนเลยบอกให้ไปถ่ายรูปพร้อมๆ เค้า ส่วนผมก็ถ่ายรูปให้

ดูดิ....มือพี่ปาล์มนี่ขาวกว่าสโนว์ไวท์อีก 5555
พี่เขยถึงกับบอกว่า "เธอสองคนพี่น้องขาวกว่าสโนว์ไวท์อีกนะ"
หลานเลยบอกว่า "It's Oreo....คุณแม่ น้าปริ๊นซ์ เป็นไส้ คุณพ่อเป็นขนมปัง"

พาราออกฤทธิ์ พร้อมได้ดื่มน้ำไป 1 ขวดเต็มๆ ผมก็พอฟื้นอยู่ครับ
เดินกันต่อไป Advenger Zone

หลานก็เริ่มเหนื่อย ร้องให้อุ้ม พี่นัทเลยต้องจัดการอุ้มตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

9. Jungle River Cruise

เวลารอ 20 นาที ในแอป แต่เอาเข้าจริงน่าจะ 15 นาทีเองมั้งครับ
อ้อ ระหว่างทาง หลานเริ่มถามหา "บ้านผีสิง"
ดรีมเวิร์ดมี ดิสนีย์มีไหม อยากไป 5555555
อ่ะ ไอ่เนี้ย เป็นการล่องเรือผจญภัยเหมือนเราเป็นนักสำรวจป่าดงดิบ
เจอช้าง เจอจระเข้ ชาวป่า ปีศาจ อะไรไปตลอดทาง
มีตุ้งแช่ ให้ตกใจบ้าง อ่ะอย่างผมไม่ตกใจ แต่หลานตกใจงี้
เย็นดีครับ เย็นสบายได้นั่งพัก ถือพักเหนื่อย

แน่นอนว่า การจะไปบ้านผีสิงที่หลานว่า
เราต้องเดินต่อไปยังโซนที่เรียกว่า Mystic Point
แต่ต้องผ่าน โซน Toy Story ก่อน

โอ้ เดินไกลมากครับ ผมสลับมาอุ้มหลานให้พี่เขยนิดหน่อย
แต่หลานก็กลับไปให้พ่อเค้าอุ้ม บอกกลัวผมเหนื่อย 5555
คุณพ่อเลยต้องรับบทหนักสาหัสเลยครับงานนี้ ไอ่ที่จะมาให้ผมช่วยก็หมดสิทธิ์

10. Slinky Dog Spin
หลานเรียกไอ่นี่ว่า ไส้กรอกหมา!

คือเห็นปั๊บเค้าบอกเลยว่าจะเล่นๆๆ .... ชอบไส้กรอกหมา!!!!
ฟังแล้วฮามากครับ เรียกแม่งซะเสียเลย 55555
เวลารอ 20 นาที เพราะเริ่มตกบ่าย 3 กว่าๆ คนเริ่มเยอะ
ระหว่างยืนรอผมเริ่มควักยาดมมายืนดม
"คนจีนเค้าไหวได้ไง โดยที่ไม่มียาดมเนี้ย"
ผมพูด แล้วสูดยาดมอย่างต่อเนื่อง

แต่ไอ่หมาไส้กรอกนี่หลานชอบครับ อยากเล่นอีกรอบเลยทีเดียว
เพราะมันก็วิ่งของวันเรื่อยๆ เสียวแหละสำหรับเด็กน้อย

เล่นเสร็จเราก็แวะกรอกน้ำ เข้าห้องน้ำ
ผมล้างหน้าล้างแขนให้หายร้อนซักหน่อย พร้อมสกินน้ำหมดอีก 1 ขวด
แล้วหน้าผมคงออกว่าเริ่มร้อน เริ่มหมดแรง
พี่สาว นี่สะกิดแฟนผมตลอดว่ามองๆ ไอ่นี่บ้างนะ
ส่วนพี่เขยก็ออกปากว่า กินน้ำเยอะๆ เอาน้ำพี่ไปกินได้เลย

แต่อะไรดลใจหลานไม่รู้
อยู่ๆ หันไปเห็น หอ Drop ที่ขึ้นไปสูงๆ แล้ว drop ลงมาอ่ะครับ
แต่อันนี้ดรอปเบาๆ ไม่แรงอะไรเด็กเล่นได้ ก็อยากเล่นขึ้นมา
บอกจะเล่นเป็นอย่างสุดท้ายแล้วเพราะตัวเองก็ร้อน

11. Toy Soldier Parachute Drop

เวลารอ 30-40 นาที แต่หลานก็จะรอครับ แล้วใครจะทำไม 5555
ผมบอกเลยว่า บาย ไม่ไหวต้องขอพักก่อนไม่งั้นอาจจะเป็นลมจริงๆ
ก็ไปนั่งอยู่ร่มๆ เอาพักลมจ่อกันคนละอันกับแฟน รอ
ให้ 3 คนพ่อแม่ลูกเค้าไปเล่นกัน

แล้วเราก็เดินกันจนมาถึง
โซน Mystic Point

และไอ่บ้านผีสิงที่หลานว่า ก็คงจะเป็น

12. Mystic Manor

เวลารอ 45 นาที แต่หลานต้องเข้าให้ได้ ยังไงก็รอครับ
ประกอบกับด้านในเย็นสบายดี ก็รอได้อยู่
ผมนี่ควักยาดมอีกแล้ว แล้วยืนสูดไปตลอดเวลารอ
"เราจะไม่ไหวแล้วว่ะ เราเหนื่อย" ผมบอกแฟน
ส่วนหลาน ก็ยื่นถุงเจลลี่แบร์มาให้
"กินด้วยกันนะคะน้าปริ๊นซ์" ใจดีมาก.....

พอถึงคิว ไอ่ Mystic Manor นี่สนุกดีครับ เบาๆ
แต่เป็นความตื่นเต้นแบบสนุกสนาน เหมือนจิตนาการวัยเด็ก
เหมือนดูหนัง 4D ที่ไม่ต้องใส่แว่น
ทุกอย่างสวย ตื่นเต้น สยองสไตล์เด็กๆ
พี่สาวบอกว่า ตัวคนอยากมาบ้านผีสิงถึงกับออกปากว่า
"จะร้องไห้แล้วนะ" 55555

ออกมาได้ ผมขอนั่งพักก่อนครับ
และถือโอกาสเอาหลานกินข้าวเย็นไปด้วยเลย
มองนาฬิกา เชี้ยเอ้ย....เพิ่ง 5 โมงเย็น
แล้วต้องอยู่ดูพลุตอน 2 ทุ่มครึ่ง กุจะตายห่าอยู่แล้ว
หลานก็เริ่มงอแง เพราะง่วงจัดมาก กินข้าวได้ไม่เท่าไหร่ก็ขอให้แม่อุ้มนอน
เป็นอันว่าทุกคนได้พักผ่อน 1 ชั่วโมง ให้หลานนอน
ยกเว้น พี่สาว ที่ต้องนั่งอุ้มหลานหลับอยู่แบบนั้น

จนเวลาผ่านไป 6 โมงเย็น เราตัดสินใจปลุกข้าวหอม

ก็งอแงตามระเบียบครับ พ่อเค้าก็อุ้มต่อ ผมก็เดินป้อนเฟรนฟรายป้อนน้ำไป
โดยที่เป้าหมายของเราคือจะไปช้อปปิ้งของที่ระลึกกันที่ Store ด้านหน้า
แต่ระหว่างเดินไปก็ตื่นตาตื่นใจกับดิสนีย์ยามค่ำคืน
ที่ประดับไฟสวยงาม พร้อมกับแขกหลายๆ คนที่แต่งฮาโลวีน
แฟนยังบอกเลยว่า จริงๆ มาช่วงเย็นๆ มาดูไฟนี่ก็คุ้มค่าแล้วนะเพราะสวยมาก
แต่ผมเนี้ยบอกว่า ไม่คุ้มนะ เพราะค่าบัตรแพงมาก
เทอไม่ได้รูดเทอไม่รู้หรอก 5555

แต่ยังไม่ทันไปถึง Store หลานก็อยากเห็นม้าหมุนอีกรอบ
แต่ครั้งนี้เปิดไฟสวยกว่าเมื่อกลางวันมาก
ก็ขอเล่นอีกรอบสิครับ แผนของเราที่วางไว้ก็พังทันที
เพราะเวลารอครั้งนี้ 20 นาทีเลยครับ เพราะคนเริ่มเยอะมาก
ผมกับแฟนเลย แยกไปซื้อของ เพื่อจะได้ไม่เสียเวลา

เดินกลับมาอีกครั้ง ทุ่มกว่าๆ เค้าไปเล่นวินนี่ เดอะ พู กันมาแล้ว
และกำลังรอพวกเราเพื่อเข้า Mickey's Philhar Magic

12. Mickey's Philhar Magic
เวลารอตอนนั้นล่อไป 40 นาทีในแอป เล่นเอาเสียว

แต่เข้าไปจริงๆ รอแค่ 10 นาทีครับ เพราะ 1 รอบเข้าได้เยอะคนมากๆ
บรรยากาศจะเป็นการใส่แว่นดูหนัก 3D ที่แฟนดิสนีย์คลาสิกต้องหลงรัก
ระบบภาพระบบเสียง ระบบลมน้ำ เยี่ยมมากๆ ครับ
เพลงก็เพราะมากครับ ผมเคยดู The Fantasia ของ Disney
ดูแล้วชอบครับ เหมือนเป็นบรรยากาศเก่าๆ ของดิสนีย์คลาสิก
หลานก็ชอบมาก และเป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักกับโดนัล ดักค์

กลับออกมาอีกทีก็เกือบ 2 ทุ่ม สาวๆ รีบวิ่งกันไปที่ main street
เพื่อไปช้อปปิ้งของที่ระลึก ตุ๊กตาอะไรเทือกนั้นกัน
ส่วนผมกับพี่นัทก็ยืนผลักกันแบกหลาน เพราะเค้าเดินไม่ไหวแล้ว
แถมคนเริ่มมาปักหลักรอดูพลุกันที่วงเวียนหน้าปราสาทและ main street

ด้วยเวลาจำกัด สาวๆ บอกว่า แทบไม่ได้ของอะไรเท่าไหร่
เพราะต้องรีบมาจับจองพื้นที่ดูพลุตอน 2 ทุ่มครึ่ง

ซึ่งเมื่อการแสดงเริ่ม
ปราสาทที่เราเห็นตอนเช้า ถูกฉายไฟ เปลี่ยนสีไปตามธีมการแสดง
พร้อมแสงไฟ พลุที่สวยงามยิ่งใหญ่ เรียกว่าเป็น 15 นาทีที่สมกับเป็นไครแม็กซ์มากครับ

จบการแสดงก็จบครับ ทุกคนเดินกลับบ้านพร้อมๆ กัน
บอกเลยว่าเหนื่อยมากครับ แต่ละคนแทบสลายร่าง
เพราะเรามาตั้งแต่ดิสนีย์เปิด แล้วอยู่จนมันปิด
สำหรับหลาน พอใจสูงสุดกับได้ตุ๊กตามินนี่เม้าส์ตัวใหญ่มา 1 ตัวที่แม่เค้าซื้อให้
พี่ปาล์มส่งรูปในห้องนอนมาให้ดูว่าหลานแฮปปี้มาก

ต้องบอกว่า การมา Hongkong Disneyland รอบ Tier2 ถือว่าโอเคอยู่ครับ
เทียบกับTokyo Disneyland ที่นี่คนน้อยกว่าเยอะ
เวลารอเครื่องเล่นต่างๆ น้อยกว่าเยอะครับ
อย่างที่ผมไป คือไปสด เล่นสด ยืนรอสด
ไม่ได้ใช้เงินแก้ปัญหา ซื้อearly pess เข้าสวนสนุกก่อนรอบเปิด
ไม่ได้คือ Standby pass รอเครื่องเล่นก่อน
ไม่ได้ซื้อ Access pass ที่เหมือนเป็น Fast track ใด ๆ

ถ้าวางแผนการเล่นเครื่องเล่นดีๆ ก็เล่นได้เกือบครบอยู่นะครับ
อย่างแก๊งผมก็เกือบครบอยู่ น่าจะเหลือแค่ 2-3 เครื่องเล่นเท่านั้นที่ไม่ได้เล่น
และไม่ได้เข้าโซนสวนอะไรพวกนั้น
แต่อย่างพวกผมเราเลือกไม่ได้เข้าดูโชว์เลยครับ
จริงๆ แนะนำให้จัดการเวลาให้ดีแล้วแวะพาเด็กๆ ไปดูโชว์ด้วยจะดีมาก

ของผมถือว่าวางแผนเดิน และเล่นเครื่องเล่นค่อนข้างดี
และสมาชิกเราอึดด้วยครับ 5555 โดนเฉพาะหลาน
จะถึงพูดว่า "จะร้องไห้แล้วนะ" แต่ก็สู้เล่นด้วยตลอดนะครับ

คืนนี้ก็นอนกับมินนี่เม้าส์ละครับ

วันรุ่งขึ้น ครอบครัวพี่สาวไปกับทัวร์ก็ไปมูฯกัน
อย่างที่ทราบครับ ขนาดพระสงฆ์องคเจ้าปกติผมยังไม่อิน
แล้วจะเอาอะไรมาอินกับเทพ กับดวง

แต่ก็ตามไปเจอกับครอบครัวเค้าที่วัดหว่องไท่ซิน ซึ่ง......ต้องบอกว่า กูไม่น่าไปเลย

เพราะในวัดธูปนี่จัดมากครับ ผมที่อยู่ในช่วงไม่ค่อยจะดีนี่เรียบร้อย
ไอ แน่นหน้าอก แล้วไอมากไปอีกเป็นชั่วโมง
แต่ไม่ต้องห่วงครับ ทริปนี้ยาผมครบยิ่งกว่าร้านขายยาท้องถิ่นอีก
ส่งผลมาถึงตอนนี้ที่ผมก็ยังไอมากกว่าปกติอยู่เล็กน้อย

จบจากที่วัดผมกับแฟนก็ไปเริ่มปักหลักกันที่ย่านช้อปปิ้ง
ที่ Duty Free ว่าบัตรจะ Max แล้ว
มา จิมซาจุ่ย นี่ต้องเติมเงินเข้าบัตรtravaling เพิ่ม
ด้วยค่าเงินที่ค่อนข้างดี ทำให้ซื้อของที่นี่ได้ราคาดีกว่าที่ไทยหลายพันอยู่ครับ
แต่เตือนไว้ก่อนว่า Gucci ไม่ได้นะครับ ที่ King power+บัตรสมาชิก ถูกที่สุดแล้ว

อีกแบรนด์ที่ถ้าไม่จำเป็นหรือเป็นตัวแรร์จริงๆ ไม่ควรซื้อที่นี่คือ Goyard
ที่ฮ่องกงถือว่าแพงครับ ไปซื้อที่ญี่ปุ่นถูกกว่ามาก
แต่ก็ต้องไปวัดดวงว่าจะมีของ มีสีหรือไม่อีกที

เป็นอันจบทริป เพราะเงินหมด 55555
ได้กล่องสุ่มจาก Popmart มาแกะเล่นกัน
ผมไม่ได้อินอาร์ตทอยนะครับ แต่ราคาถูก เงินสดเหลือเลยซื้อมาครับ
ผมกับแฟนละคน 2 กล่อง

ทริปนี้จะว่าดีก็ดี จะว่าเหนื่อยก็เหนื่อยมากครับ
แต่ที่แน่ๆ ล้มละลายครับ
ไม่ลงของที่ซื้อมาแล้วกัน ด้วยศุลกากรตามมาเคลม 55555
แต่ผมกับแฟนเดินมาส่งครอบครัวพี่สาวที่จัดนัดพบ
ไกด์ของพี่สาวยังเดินมาเตือนว่า แยกของให้ดีๆ นะครับ ระวังโดนขาเข้าที่ไทย
ผมก็บอกไปว่า "ได้ครับ ผมมีวิธีอยู่แล้ว"

กลับมาหลายวันแล้ว หลานยังเล่าเรื่องฮ่องกงให้ตายายฟังไม่จบเลยครับ
ถือว่าคุ้มค่า แต่คราวหน้าขอยาดมเพิ่มด้วย 5555