ผมอ่านหนังสือเล่มนึง น่าสนใจดีเลยเอามาเล่าต่อกันฟังครับ
หนังสือชื่อ Ghost Story
เขียนโดย Carol Kinsey Goman, แปลโดยคุณ วรรธนา วงษ์ฉัตร
เป็นนิทานสอนผู้ใหญ่ สไตล์ who's move my cheese
- - เสียดายคุณวรรธนาแปลแข็งไปหน่อย ทำให้ขาดรสชาดของความเป็นนิทานไป
คำตินี้ถือเป็น positive speaking จากผู้อ่านเพื่อก่อประโยชน์ตอบแทนคืนแด่ผู้แปลนะครับ
............
ผมเคยได้รับการปลูกฝังสั่งสอนมาตั้งแต่กระบาลกะเปี๊ยกว่า..ความรู้เท่ากับทอง
ยิ่งหาความรู้มาสะสมไว้เท่าไหร่ ตัวเราเองจะยิ่งมีมูลค่ามากเท่านั้น
เมื่อเข้าวัยกระทง ผมก็เก็บงำความรู้(ที่มีน้อยนิด)ไม่ใช้มันอย่างฟุ่มเฟือย
ผมต้องมีความรู้ที่คนอื่นไม่มี เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ตนเอง
ผมเคยคิดแบบนั้น..
ปรากฏว่าทุกวันนี้สิ่งที่ผมได้พบเห็นก็คือ
ในแต่ละองค์กรเกิดปัญหาคือ คนมีความรู้ไม่พยายามถ่ายทอดความรู้แก่คนอื่นๆ
สาเหตุเนื่องจากความรู้สึกกลัวว่า หากถ่ายทอดออกไปจนหมด ตัวเองจะหมดความสำคัญในหน้าที่การงาน
เราจะพบคนประเภทนี้ได้ โดยเฉพาะในงานเฉพาะทาง
ตั้งแต่แอดมินในออฟฟิศ ไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญซีเนียร์ในแขนงต่างๆ
หนังสือเล่มนี้ตอบคำถามนี้ได้โดนใจผมมาก
ด้วยตัวอย่างง่ายๆ ทำให้ผมเข้าใจแล้วว่า..
ความรู้ ไม่เท่ากับ ทอง..
แต่ความรู้เท่ากับ นม!
............
โลกทุกวันนี้พัฒนาการด้านต่างๆเกิดขึ้นเร็วมาก
ความรู้ที่เคยร่ำเรียนมาในวันนี้ พรุ่งนี้อาจมีความรู้ใหม่ๆเกิดขึ้นแทนที่ได้เสมอ
ความจริงที่เคยจริงในวันนี้ อาจไม่ใช่อีกต่อไปในวันหน้า
เพราะฉะนั้น ความรู้ทุกชนิดคือนม..ความรู้มีวันหมดอายุเสมอ!!
หากเราเก็บมันไว้กับตัว ไม่ยอมใช้มันออกไป
ความรู้นั้นจะค่อยเสื่อมค่า และรอวันที่จะหมดประโยชน์ไปในที่สุด
ในขณะเดียวกัน การถ่ายทอดความรู้ต่อคนอื่น จะเป็นการขัดเกลาความรู้ที่เรามีให้กระจ่างขึ้น แหลมคมขึ้น
ความรู้จะมีค่าเป็นทองคำ ก็ต่อเมื่อเราถ่ายทอดมัน และร่วมกันนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เท่านั้น
............
และขอจบด้วยการเชิญเที่ยวเว็บที่มีแนวคิดเท่ๆว่า..
www.thickieteddies.com
(c)2007 positive speaking by หมีเซอะ
ไปอ่านเจอ post ของคุณหมีเซอะที่ห้องสมุด ถึงได้คลิกเข้ามาถูกนะนี่
การถ่ายทอดความรู้นี่ทำให้ความรู้เพิ่มค่าขึ้นอย่างประมาณไม่ได้เลยเนอะคะ และมันคือสิ่งหนึ่งที่ทำให้ Pantip มีคุณค่ามหาศาลสำหรับคนที่เข้ามาเก็บเกี่ยวและถ่ายทอดความรู้ ขอบคุณๆ
ส่วนความรู้ที่ได้รับมาแต่ไม่ได้ใช้(โดยที่ไม่ได้ตั้งใจจะไม่ถ่ายทอด แต่มันไม่มีโอกาสได้ใช้เอง) บางทีอาจดูเหมือนไม่มีประโยชน์อะไร แต่คิดอีกทีนึง "บางครั้ง" มันก็มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทัศนคติและกระบวนการคิดของคนเรา ทำให้ตัวเราแต่ละคนเป็นอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ และมีผลต่อตัวเราในอนาคตด้วยนะคะ น้ำมันพืชเก็บไว้เฉยๆ ก็หมดอายุ เหล็กเก็บไว้ก็ขึ้นสนิม แต่เอาเหล็กแช่ในน้ำมันเก็บไว้รวมกันทั้งสองอย่างก็เก็บได้นานขึ้น (แต่สักวันคงเสียอยู่ดีถ้าไม่ใช้ และทำแบบนี้น้ำมันคงเอามากินไม่ได้แล้ว ) ...เริ่มเพ้อเจ้อตามเคย