|
 |
 |
 |
 |
|
ตลุยย่างกุ้ง ตอน 2
วันแรกที่ไปถึงช่วงเช้าหลังจากที่ check in เข้าพักที่โรงแรม Beauty Land Hotel และไปกินอาหารเช้าแล้วก็พากันเดินต่อที่ตลาดสก๊อต
รถเมล์ที่พม่า

มีหลายแบบมาก ๆ

นี่ก็อีกแบบหนึ่ง

ที่พม่านี่น้ำแข็งจะหายาก ไม่ค่อยมีน้ำแข็งขาย จะมีแต่น้ำเย็นขายค่ะ เวลาจะกิน คนขายจะเอาน้ำแข็งก้อนมาตั้งไว้ แล้วก็ตักน้ำมาราดผ่านน้ำแข็งก้อนนั้น แล้วเอาแก้วรองไว้ด้านล่าง เห็นแล้วไม่กล้ากินอ่า

ร้านขายขนม แต่ไม่ได้ชิม เลยไม่รู้ว่ารสชาติเป็นไงบ้างค่ะ

ร้านขายผลไม้ดอง สีสันน่ากินมั๊ยคะ แต่ไม่ได้ซื้อมาชิมหรอกค่ะ กลัวท้องเสีย เพราะเป็นคนธาตุอ่อนท้องเสียง่ายอยู่แล้ว เดี๋ยวจะอดเที่ยว อิอิอิ

แม่ค้าขายมะละกอ

ที่พม่านี่จะมีร้านน้ำชาเยอะมาก ๆ นะคะ สงสัยเค้าชอบกินน้ำชากัน แต่ที่นั่งจะเป็นโต๊ะเตี้ย ๆ ค่ะ

ที่นี่จะไม่มีห้างสรรพสินค้าเหมือนเมืองไทย แต่เค้าใช้รถเป็นร้านขายของกันค่ะ

สนใจจะซื้อทองสักเส้นมั๊ยคะ อยากได้ยาวแค่ไหนสั่งเค้าได้เลยค่ะ เดี๋ยวเค้าตัดให้ ไม่รู้ว่าเป็นทองจริงรึเปล่านะคะ แต่ไม่เห็นร้านขายทองแบบเมืองไทยเลยค่ะ มีแต่แบบนี้ อิอิอิ

ร้านขายหมากค่ะ คนพม่ายังคงนิยมกินหมากกันอยู่มาก ทำให้หาร้านขายหมากได้ง่ายมากค่ะ เดินไปที่ไหนก็เจอ

ยอดเจดีย์สุเล เป็นศูนย์กลางของเมืองย่างกุ้งค่ะ

สถานที่ราชการของพม่าค่ะ ไม่รู้เรียกว่าอะไร ตอนแรกนึกว่าหอนาฬิกาซะอีก

ตกบ่ายนัดให้รถมารับเราไปเที่ยวกัน สถานที่แรกที่ไปก็คือเจดีย์กาบาอี

วัดที่พม่านี่เวลาจะเข้าจะต้องถอดรองเท้าก่อนเดินเข้านะคะ พระหรือเณรก็ไม่มีข้อยกเว้นค่ะ ถ้าไม่วางไว้ด้านนอกก็ต้องถือเข้าไปแบบนี้ล่ะค่ะ

รูปจำลองพระมหามุนีจากเมืองมัณฑะเลย์
มงกุฏ เครื่องทรงของพระมหามุนีจำลอง

พระอะไรไม่รู้เหมือนกันค่ะ อ่านภาษาพม่าไม่ออก

หลังจากนั้นเราก็ไปต่อกันที่วัดพระนอนกันค่ะ องค์พระหน้ายิ้มปากแดงสวยงามมากค่ะ

ดูกันชัด ๆ นะคะ ผิวจะขาว ปากแดง ยิ้มสวยเชียวค่ะ

ส่วนพระบาทจะต่างจากพระนอนของไทย เท้าจะวางทับกัน

ภายในวัดก็จะมี เทพทันใจ (นัตโบโบยี) ให้ไหว้ขอพรกัน (ไม่รู้จะได้รึเปล่า ขอไปหลายข้อเลย อิอิอิ)
วิธีการสักการะรูปปั้นเทพทันใจ เพื่อขอสิ่งใดแล้วสมตามความปราถนาก็ ให้เอาดอกไม้ ผลไม้ โดยเฉพาะมะพร้าวอ่อน กล้วย หรือผลไม้อื่นๆมาสักการะ นัตโบโบยี จะชอบมาก จากนั้นก็ให้เอาเงินจะเป็นดอลล่า บาท หรือจ๊าด ก็ได้ (แต่แนะนำให้เอาเงินบาทดีกว่าเพราะเราเป็นคนไทย) แล้วเอาไปใส่มือของนัตโบโบยีสัก 2 ใบ ไหว้ขอพรแล้วดึกกลับมา 1 ใบ เอามาเก็บรักษาไว้ จากนั้นก็เอาหน้าผากไปแตะกับนิ้วชี้ของนัตโบโบยี แค่นี้ท่านก็จะสมตามความปราถนาที่ขอไว้

เณรน้อยท่องตำรา

นั่งอยู่กันคนละมุมเลยค่ะ

เพื่อที่จะได้รูปออกมาดี ๆ ก็ต้องหามุมกันหน่อยค่ะ อิอิอิ

ต่อจากนั้นเราก็ไปที่วัดพระเขี้ยวแก้วกันต่อนะคะ (ในรูปเขียนชื่อวัดสลับกัน แบบว่าขี้เกียจแก้แล้วอ่า)

วัดที่พม่าสร้างได้สวยงามมาก ๆ เลยค่ะ

ถ้าเทียบกับที่อยู่อาศัยของชาวพม่าแล้ว เหมือนเค้าจะเน้นสร้างวัดให้สวยงามมากกว่าสร้างบ้านให้สวย ๆ

ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วที่อัญเชิญมาจากจีน

จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่วัดพระหินอ่อนกันค่ะ

วัดที่พม่านี่จะนิยมสร้างสิงห์ไว้ที่ปากทางเข้าวัดกันค่ะ ตัวใหญ่มาก ๆ เลยค่ะ

ด้านในจะเป็นพระพุทธรูปทำจากหินอ่อนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หนัก 60 ตัน สูง 37 ฟุค หินอ่อนนำมาจากเมืองมัณฑะเลย์และแกะสลักโดยช่างชาวมัณฑะเลย์

องค์ใหญ่มาก ๆ ค่ะ

ขออีกสักมุมก็แล้วกันนะคะ

ทางเดินเข้ามาจากหน้าประตูวัด เค้าทำได้สวยจริง ๆ ค่ะ เห็นแล้วประทับใจ

บาตรใหญ่ ทำด้วยหินอ่อนเหมือนกันค่ะ

เทพเจ้าสี่ทิศ


มองเข้าไปด้านใน อลังการมาก ๆ ค่ะ

ด้านในรู้สึกว่าจะเป็นฉัตรนะคะ (ถ้าเข้าใจไม่ผิด แบบว่าฟังไกด์พูดไม่ค่อยออกน่ะค่ะ)

องค์นี้เรียกว่าพระอะไรก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ

ทางเดินลงค่ะ เค้าสร้างหลังคาไว้ทำให้ไม่ร้อนเท้าดีค่ะ เพราะเค้าห้ามใส่รองเท้า + ถุงเท้าขึ้นไปในวัด

เดินลงมาเจอเด็กน้อยชาวพม่า ยิ้มสู้กล้องเชียวค่ะ

เดินมาเหนื่อย ๆ ร้อน ๆ เห็นอ้อยสด ๆ เลยให้แม่ค้าน้ำ ปั่นอ้อยให้กินซะเลย

เสร็จแล้วหน้าตาเป็นแบบนี้น่ะค่ะ สนนราคาก็อยู่ที่ 300 จ๊าต คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 9 บาทค่ะ

เดี๋ยวค่อยไปต่อกันที่มหาเจดีย์ชเวดากองกันนะคะ
Create Date : 27 มีนาคม 2551 |
Last Update : 27 มีนาคม 2551 16:02:05 น. |
|
5 comments
|
Counter : 3074 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: maxpal วันที่: 27 มีนาคม 2551 เวลา:16:04:39 น. |
|
|
|
โดย: Panzel วันที่: 27 มีนาคม 2551 เวลา:16:25:39 น. |
|
|
|
โดย: TripDD วันที่: 29 มีนาคม 2551 เวลา:18:23:31 น. |
|
|
|
โดย: Thewinner วันที่: 31 มีนาคม 2551 เวลา:9:03:21 น. |
|
|
|
|
|
|
|
 |
 |
 |
 |
|
|
สร้าง Comment ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง..คลิ๊กที่นี่