พฤษภาคม 2562
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
22 พฤษภาคม 2562

Yinchuan-Zhangye-Dunhuang-Jiayuguan-Urumqi-Kanas-Qinghai-Xian

Journey through the silk road

Yinchuan - หยินชวน - ไข่มุกแห่งตะวันตกเฉียงเหนือ
https://tanpu2.wixsite.com/mysite/yinchuan
Zhangye - จางเย่ - หุบเขาสีรุ้ง
https://tanpu2.wixsite.com/mysite/zhangye
Dunhuang - ตุนหวง - ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว
https://tanpu2.wixsite.com/mysite/copy-of-dunhuang
Jiayuguan - ป้อมกลางทะเลทราย
https://tanpu2.wixsite.com/mysite/copy-of-jiayuguan
Urumqi - อุรุมชี - เมืองหลวงสุดขอบตะวันตก
https://tanpu2.wixsite.com/mysite/copy-of-dunhuang-th
Kanas - คานาสือ - ทะเลสาบแห่งเทือกเขาอัลไต
https://tanpu2.wixsite.com/mysite/copy-of-urumqi-th-1

เพิ่มเติม
https://tanpu2.wixsite.com/mysite

การเดินทางผ่านทางสายไหมของฉันเริ่มต้นจากปักกิ่งไปหยินชวน (Yinchuan- 银川) -จางเย่ (Zhangye-张掖) -เจี่ยหยูกวน (Jiayuguan-嘉峪关) - ตุนหวง (Dunhuang-敦煌) -อุรุมชี (Urumqi-乌鲁木齐) -คานาสือ (Kanas-喀纳斯) -ซีหนิง (Xining-西宁) -ซีอาน (Xi'an-西安) แล้วค่อยกลับปักกิ่ง

รถไฟสายทางสายไหม ปักกิ่ง-หยินชวน ต้อนรับกันด้วยผ้าม่านรถไฟรูปคาราวานอูฐ
 
รถไฟออกจากปักกิ่งตอนบ่ายสองโมงและมาถึงหยินชวนตอนเช้า พี่คนจีนที่นั่งรถไฟตู้เดียวกันเป็น
คนหยินชวน เห็นว่าเราเป็นชาวต่างชาติ เลยแนะนำอาหารขึ้นชื่อของหยินชวนให้ แถมยังชวนไปกิน
อาหารท้องถิ่นของหยินชวนเรียก  Yangzasui(羊杂碎)เป็นบะหมี่เครื่องในแพะ แต่เส้นหมี่ทำ
มาจากไขมันแพะผสมกับแป้งแล้วยืดเป็นเส้นๆ เอาจริงๆ อยากกินปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้ร้านข้างๆ มาก
แต่คุณพี่เค้าภูมิใจนำเสนอมากแถมยังยืนยันว่าร้านนี้เด็ดสุด เลยต้องจำใจกิน โดยส่วนตัวแล้วน้ำซุป
อร่อย แต่กลิ่นแพะแรงมาก ไม่ค่อยถูกปากเท่าไร
 


แต่เผื่อใครอยากไปชิม ออกจากสถานีรถไฟ เดินไปทางขวามือจนเจอสามแยก เลี้ยวซ้าย เดินตรง
ไปจนเจอสี่แยกเลี้ยวขวาแล้วข้ามไปฝั่งตรงข้าม จะเจอร้านบะหมี่ (ถ้าหาไม่เจอก็ไม่ต้องกังวล
อาหารชนิดนี้มีขายเกือบทุกที่ในหยินชวน)

กินข้าวเช้าเรียบร้อย เดินทางไปที่เที่ยวแรกในหยินชวน Xixia Tomb (西夏王陵)



Xixia Tomb เป็นสุสานของกษัตริย์แห่งอาณาจักร์ xixia ในช่วงค.ศ.1038-1227
ค่าตั๋วปกติ 75 หยวน รวมค่ารถ Shuttle bus แล้ว



ตอนหาข้อมูลทางสายไหม ไปเจอรูปนี้จาก Baidu เลยเป็นแรงบันดาลใจว่าต้องมา Xixia Tomb
ให้ได้ แต่พอหาข้อมูลจริงจังตอนกลางคืนเข้าไม่ได้ค่ะ เลยอดถ่ายรูปตอนกลางคืนไปตามระเบียบ

ถ้าช่วงหน้าร้อน (หลังเดือนเมษาเป็นต้นไป) สามารถนั่งรถบัสท่องเที่ยวสาย 1 มาจากสถานีรถไฟ
หยินชวนได้ในราคา 2 หยวน หรือสามารถนั่งแท๊กซี่มาได้ในราคา 40 หยวน
ปล. รถเที่ยวแรกเริ่มเก้าโมง

จากซีเซี่ย นั่งแท๊กซี่ไป Helan Mountain’s Rock Paintings (贺兰山岩画)ช่วงที่ไปเปิดให้เข้า
ชมฟรีเพียงแค่โชว์พาสปอร์ต เสียเพียงค่ารถ shuttle bus ภายในอุทยาน ราคา 10 หยวน





ตัวพิพิธภัณฑ์ด้านในจัดแสดงภาพเขียนโบราณที่เขียนไว้บนหิน หลังจากชมพิพิธภัณฑ์
แล้วสามารถนั่งรถ Shuttle bus ไปดูภาพเขียนจริงที่สลักไว้บนก้อนหินต่างๆ ในเทือกเขาเหอหลานต่อได้



Art Museum





ก่อนถึงทางออกของ Art Museum มีคาเฟ่เล็กๆ นั่งพักเหนื่อยนั่งชมวิวเก๋ๆ ได้ ภาพบนคือวิวที่ถ่ายจากคาเฟ่
ถ้าช่วงหน้าร้อน (หลังเดือนเมษาเป็นต้นไป) สามารถนั่งรถบัสท่องเที่ยวสาย 2 มาได้ในราคา 2 หยวน
หรือสามารถเรียกแท๊กซี่ได้ในราคา 60 หยวน จากสถานีรถไฟ
ถ้ามาจาก xixia tomb ถ้าโชคดีได้แท๊กซี่มิเตอร์ก็ดีไป
แต่ถ้าหาแท๊กซี่มิเตอร์ไม่ได้อาจโดนโขกราคา ตั้งแต่ 70-150 หยวน ต้องต่อรองให้ดี
(เจ้าหน้าที่บอกว่าปกติราคาแค่ 50 หยวน)
 
จาก Helan Mountain’s Rock Paintings นั้งแท๊กซี่ต่อไปยัง Chinese Western Film Studio (镇北堡西部影城)
สตูดิโอถ่ายหนังของจีนมีใหญ่ๆ อยู่สองที่ ที่แรกอยู่ทางใต้ในมณฑล zhejiang อีกที่อยู่ที่หยินชวน
โดยที่นี่จะใช้ถ่ายหนังที่มีฉากของภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน อารมณ์ทะเลทรายๆ
โดยหนังดังที่ถ่ายที่นี่มีหลายเรื่อง เช่นไซอิ๋ว เป็นต้น ค่าเข้า 80 หยวน









ถ้าช่วงหน้าร้อน (หลังเดือนเมษาเป็นต้นไป) สามารถนั่งรถบัสท่องเที่ยวสาย 1 มาได้ในราคา 2 หยวน
หรือนั่งแท๊กซี่มิเตอร์มาจากสถานีรถไฟหยินชวน ในราคา 40 หยวน จาก xixia tomb หรือ helan mountain's rock painting ราคา 40 หยวน
(ทั้งนี้ถ้าเรียกแท๊กซี่ไม่ใช้มิเตอร์ หรือพวก black car อาจถูกเรียก 70-100 หยวน ต้องต่อราคาให้ดี)

ทั้ง Xixia Tomb - Helan Mountain's Rock Painting - Chinese Western Film Studio อยู่ในโซนเดียวกัน
สามารถรวบเที่ยวในวันเดียวกันได้ หากเป็นไปได้เหมารถทั้งวันโดยให้ไปทั้งสามที่นี่+โรงแรม จะถูกกว่า เรทอยู่ที่ 200-250 หยวน



โรงแรมที่จองไว้อยู่ในเขตเมืองเก่าของหยินชวน ติดกับหอกลอง (鼓楼)
ถัดจากหอกลองไปคือ Gulou South Street (鼓楼南街)
เป็นถนนคนเดินสองข้างทางเต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้า ถือเป็นถนนสายช๊อปปิ้งของเมือง


วันรุ่งขึ้น นั่งรถเมล์ไป Hui Ethnic Culture Park (永宁文化园)
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดโชว์วัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมของชาวหุยที่อาศัยอยู่ในหนิงเซี่ย
โดยสถาปัตยกรรมส่วนมากเป็นสถาปัตยกรรมแบบอิสลาม ค่าเข้าชมปกติ 60 หยวน
ช่วงโลว์ซีซัน 30 หยวน









นั่งรถเมล์กลับมา Nanguan Mosque (南关清真大寺) ปกติค่าเข้าชม 10 หยวน
แต่พนักงานบอกเข้าๆ ไปเถอะ ไม่ต้องจ่าย







ข้างๆ มัสยิดมีถนนอาหารฮาลาล ใครชอบกินเนื้อวัวเนื้อแพะ ตรอกนี้มีทั้งบะหมี่เนื้อสับ เนื้อย่าง ให้เลือกหลายร้าน

จากนั้น นั่งรถเมล์ไป Yuehai Mosque (阅海清真大寺)จริงๆ เห็นรูปมัสยิทนี้จาก Instagram แล้วแบบ
เฮ้ย สวยอ่ะ อยากไปจัง แต่ปรากฎมาแล้วแป๊กจ่ะ ของเค้าสวยจริงแต่ว่าตอนที่ไปถึงเป็นเวลาละหมาดพอดี
เลยเข้าไม่ได้ ได้แต่ถ่ายรูปอยู่ด้านนอก วันศุกร์-เสาร์ และเวลาละหมาด ไม่เปิดให้เข้าชม
 



รูปต้นเหตุจากไอจี

จาก Yuehai Mosque นั่งรถเมล์ต่อไป The Axis of Zhong-Ah (中啊之轴)
เป็นถนนเส้นสถาปัตยกรรมแบบอิสลามและจีนยาวประมาณสองกิโลเมตร






ที่โรงแรมแนะนำให้มาถ่ายรูปตอนกลางคืน แต่ด้วยความที่หยินชวนยังไม่มีรถไฟใต้ดิน
ต้องเดินทางด้วยรถเมล์หรือแท๊กซี่อย่างน้อย 40 นาทีจากโรงแรมเลยขี้เกียจรอถ่ายรูปถึงเย็น
รูป Zhong-Ah ด้านล่างเลยเป็นรูปที่เอามาจาก  https://www.mafengwo.cn เอามาให้ดู
เผื่อใครเห็นแล้วอยากไปถ่ายรูปไฟตอนกลางคืน




ปลายสุดถนนมีสวนสาธารณะอารมณ์ยุโรปมาก ชื่อ Lanshan Park (览山公园)
เสียค่าเข้า 2 หยวน ไว้ถ่ายรูปเก๋ๆ ประดุจมายุโรป แต่เมื่อยมาก เลยไม่ได้แวะ
ด้านล่างเลยเป็นรูปที่เอามาจาก  https://www.mafengwo.cn เอามาให้ดูกันเผื่อใครเห็นแล้วอยากไปถ่ายรูปเล่นๆ




วันถัดมา นั่งรถ บัสจาก Yinchuan South Bus Station ไป  108 Pagodas (一百零八塔)
ซึ่งเป็นหมู่เจดีย์โบราณ 108 อันริมแม่น้ำเหลือง ค่าเข้าชม 50 หยวน



นั่งรถบัสมาลง Qingtongxia(青铜峡)ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ราคา 13 หยวน
ถึง Qingtongxia แล้วเหมาแท๊กซี่ไป 108 Pagodas ราคาประมาณ 100 หยวน
ถ้าเป็นแท๊กซี่มิเตอร์ประมาณ 120 หยวน (ไปกลับ) ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที

จาก Qingtongxia นั่งรถไป  Zhongwei (中卫) เพื่อไป Gaomiao Bao-an Temple (高庙保安寺)



ฟรี ตัดสินใจไปวัดนี้เพราะเห็นรูปจากไอจีแล้วรู้สึกว่าโอ้วว อลังการดีจัง แต่พอไปถึงจริงๆ แล้วต้องร้องว่าคุณหลอกดาว !



รูปต้นเหตุจากไอจี




 

นอกจากจะรู้สึกว่าคุณหลอกดาวแล้ว สิ่งที่พีคแบบไม่คาดคิดคือวัดนี้มีนรกจำลองให้ได้ลองเดินทัวร์เล่นๆ
มีทั้งแสงสีเสียงหุ่นขยับได้น้องๆบ้านผีสิง เดินไปเดินมาในอุโมงนรกก็สนุกดี
 






สามารถนั่งรถมาจาก Qingtongxia มา Zhongwei ได้ ใช้เวลา 40 นาที ประมาณ 13-20 หยวน
หรือนั่งรถไฟมาจากหยินชวนมา Zhongwei ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ตั๋วรถไฟประมาณ 25 หยวน
ตัววัดเดินจากสถานีรถไฟ Zhongwei ได้



สถานีรถไฟ Zhongwei


สถานีรถไฟหยินชวน
วันรุ่งขึ้น นั่งรถไฟจากหยินชวนไปจางเย่ (Zhangye 张掖) เป็นเมืองการค้าตามทางสายไหมโบราณ
แต่ปัจจุบันจางเย่เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวจากหุบเขาสายรุ้ง หรือ Danxia National Geological Park (张掖丹霞国家地质公园)
ค่าเข้าชม 60 หยวน รวมค่า sightseeing bus แล้ว

ซื้อแพ๊กเกจจากโฮสเทลในราคา 40 หยวน เป็นบริการรับส่งจากโฮสเทลไป Danxia และจาก Danxia กลับมาโฮสเทล
ราคานี้ไม่รวมค่าตั๋วเข้า Danxia









ที่ลานจอดรถ Danxia  มีแผงขายของที่ระลึกและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของจางเย่อยู่เพียบ
โดยของขึ้นชื่อของจางเย่คือ ชาบลูเบอร์รี่ และเก๋ากี้ ลองซื้อชาบลูเบอรรี่มาขวดนึง
(ส่วนเก๋ากี้ คนจีนบอกว่า เก๋ากี้ที่ดีที่สุดต้องเป็นของหนิงเซี่ย ดังนั้นใครมาหยินซวนต้องไม่ลืมซื้อเก๋ากี้กลับบ้าน)
ซื้อที่นี่ถูกกว่าซื้อที่สนามบิน กว่างตง ปักกิ่ง หรือเซี่ยงไฮ้เยอะ



ตัวเมืองจางเย่มีถนนคนเดินซึ่งเป็นถนนโบราณชื่อ ถนนหมิงชิง Mingqing Street (明请街)
ถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยร้านอาหารจีนหลากหลายประเภท



ปลายถนนหมิงชิงมีสวนสาธารณะชื่อ Ganquan Park (甘泉公园) เป็นสวนเล็กๆ
(ถือว่าเล็กตามมาตรฐานคนจีน) ที่มีบึงอยู่ในสวน คนท้องถิ่นนิยมมาออกกำลัง
เต้นลีลาสและเล่นหมากรุกกันในสวน หน้าสวนมีตลาดสด ใครสนใจสามารถมาเดินเล่นได้



จากจางเย่ นั่งรถไฟต่อไปเจี่ยหยูกวน


เจี่ยหยูกวน (Jiayuguan 嘉峪关) ขึ้นชื่อเรื่องป้อมปราการกลางทะเลทราย
ป้อมเจี่ยหยูกวนนี้เป็นหนึ่งในป้อมปราการหลักของกำแพงเมืองจีนส่วนที่ป้องกันพวกคนเถื่อนจากทางตะวันตกเฉียงเหนือ



Jiayuguan fortress (嘉峪关城) ตั๋ว 110 หยวน (หน้าร้อน) 90 หยวน (หน้าหนาว)
ด้านในแบ่งเป็นสามโซน สามารถเดินถึงกันได้ พอผ่านที่ตรวจตั๋วเข้ามาจะเจอโซนแรก
เป็นบึงใหญ่ เดินผ่านบึงไปไม่ไกลเป็นโซนที่สองคือตัวป้อม และโซนที่สามคือพิพิธภัณฑ์





ด้านในป้อมมีการแสดงกลางแจ้งโชว์เป็นรอบๆ เป็นการแสดงกังฟู และโชว์ฝึกทหาร
แน่นอนว่าเป็นภาษาจีน ไม่มีซับจ่ะ 55+



นั่งรถเมล์สาย 4 หรือสาย 6 ในราคา 1 หยวน ลงสุดสาย ลงรถแล้วจะเจอที่ขายตั๋วเข้าชมป้อม

จากเจี่ยหยูกวนนั่งรถไฟต่อไปตุนหวง (Dunhuang 敦煌)
ไฮไลท์คือทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว (The Crescent Lake 月牙泉)
ที่เป็นโอเอซิสกลางทะเลทราย แถมยังเป็นโลเคชั่นถ่ายหนังจีนหลายเรื่อง



ครั้งนี้เลือกโรงแรมที่อยู่ติดทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวเพื่อที่จะได้ไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกในทะเลทรายได้สะดวก
ใกล้ขนาดเดินไป 5 นาทีก็ถึง สะดวกมาก แถมตั๋ว 1 ใบสามารถใช้ได้ 3 วัน
ดังนั้นจึงสามารถไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกตอนเย็นได้
แถมวันรุ่งขึ้นไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นได้อีกต่างหาก
ค่าตั๋วปกติ 110 หยวน ช่วงโลว์ซีซัน 55 หยวน





รอบๆ ทะเลสาบพระจันทร์เป็นเนินทราย หมิงซาซาน Mingsha Shan (鸣沙山)
ซึ่งค่าเข้าชมรวมอยู่กับทะเลสาบพระจันทร์แล้ว ใครอยากขี่อูฐ นั่งรถออฟโรดเที่ยวทะเลทราย
หมิงซาซานมีบริการพร้อม









ถ้าต้องการจะใช้ตั๋วซ้ำก่อนออกจากทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวจะต้องถ่ายรูปกับเครื่องถ่ายรูปที่ตั้งไว้ข้างๆ ทางออกก่อน
โดยวันต่อไปสามารถเข้าทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวได้โดยไม่ต้องถือตั๋วมาโชว์เจ้าหน้าที่
สามารถเดินไปแสกนใบหน้าที่ทางเข้าได้เลย
 

 
​จากตุนหวง นั่งรถไฟต่อไปอุรุมชี (Urumqi 乌鲁木齐)
เนื่องจากปัญหาเรื่องชาวอุยกูร์และเหตุผลด้านความมั่นคง
ชาวต่างชาติที่นั่งรถไฟเข้าซินเจียงทุกคนจะต้องโดนเจ้าหน้าที่รถไฟตรวจพาสปอร์ตซ้ำเมื่อเข้าเขตซินเจียง
โดยส่วนตัวคิดว่าซินเจียงมีธรรมชาติที่สวยมาก แต่เดินทางไม่สะดวก
เพราะไม่ว่าจะไปไหนก็ต้องผ่านด่านตรวจ เดินเข้าแมคโดนัลก็ต้องแสนกกระเป๋าผ่านเครื่องตรวจอาวุธ
เดินเข้าร้านขายยาก็ต้องแสกนกระเป๋าผ่านเครื่องตรวจอาวุธ
นั่งรถไปนอกเมืองก็ต้องผ่านด่านตรวจ ต้องลงจากรถ แสกนกระเป๋าตรวจอาวุธ
โชว์พาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ลงทะเบียน ตอบคำถามว่ามาจากไหนจะไปไหน ค่อนข้างน่ารำคาญ
คิดเล่นๆ อุรุมชีอาจเป็นเมืองที่มีอัตราการจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเปลืองที่สุดในจีนก็เป็นได้
เพราะเกือบทุกตึกต้องมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เครื่องแสกนกระเป๋า เครื่องตรวจอาวุธ
 




แกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar 新疆国际大巴扎)เป็นตลาดขายของสไตล์อาหรับขนาดใหญ่
มีทั้งถั่วเครื่องเทศผลไม้อบแห้ง พรม ชุดพื้นเมือง เครื่องประดับของที่ระลึก 4-5 ตึก
ลานตรงกลางมีการแสดงโชว์เป็นรอบๆ 







ตัวเมืองอุรุมชี





จากแกรนด์บาซาร์ นั่งรถเมล์ไปพิพิธภัณฑ์ซินเจียง (Xinjiang Regional Museum 新疆博物馆) เป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ
โชว์ประวัติและวัฒนธรรมของชนชาติต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในซินเจียง
ตัว collections ของพิพิธภัณฑ์อาจไม่ได้อลังการนัก
แต่ว่าของเด็ดคือร้านขายของที่ระลึกของพิพิธภัณฑ์ คือดีงามมาก ของดีไซน์สวยๆ เยอะมาก
ใครอยากได้ของฝากชิคๆ มาที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน



โปสการ์ดการ์ตูนรูปถนนอาหารของอุรุมชีที่ซื้อจากร้านของพิพิธภัณฑ์



ค่าเข้าชม ฟรี



วันรุ่งขึ้นไป TianShan Grand Canyon (天山大峡谷)
ขอบอกเลยว่า TianShan Grand Canyon เป็นที่ที่มาแล้วประทับใจที่สุดในอุรุมซี
ขนาดเทียนฉือที่ว่าเป็น The must ของอุรุมชียังเทียบไม่ติด
ใครชอบทุ่งหญ้ากว้างๆ ภูเขา ดอกไม้ หอบอาหารมาปิคนิคกลางทุ่งหญ้า สูดอากาศบริสุทธิ์
ขอแนะนำที่นี่ ค่าตั๋ว 60 หยวน ค่า Sightseeing bus 50 หยวน


รูประหว่างทางไปเทียนซานแกรนด์แคนยอน













นั่งรถบัสจาก Nanjiao Bus Station มา Tianshan Grand Canyon
บอกคนขับว่าลงเทียนซานต้าเสียกู่ ค่ารถ 12 หยวน
พอถึงที่คนขับจะปล่อยลงตรงถนน (แถวๆ รูปคนขี่ม้าด้านบน)
เดินต่อไปอีกหน่อยจะเจอด่านตรวจตั๋วของเข้าอุทยาน ซึ่งจุดตรวจตั๋วนี้ไม่มีที่ขายตั๋ว
เจ้าหน้าที่อุทยานจะให้เรารอติดรถของอุทยานลงไปซื้อตั๋วเข้าอุทยานด้านล่างอีกที
นั่งรถลงไปเกือบสามสิบนาทีถึงหน้าอุทยาน ซื้อตั๋วเรียบร้อยก็ต้องนั่งรถขึ้นมาอีก
ผ่านจุดตรวจตั๋วเดิม ถึงจะเข้าไปด้านในอุทยานได้

ขากลับให้ลงที่จุดตรวจตั๋วเดิม แล้วเดินกลับไปยังจุดที่ลงรถบัส
จะมีป้ายรถอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่ลงรถ นั่งรถคันเดิมกลับหรือคันไหนก็ได้ที่เขียนว่า 乌鲁木齐
(อ่านว่า อู่หลูมู่ฉี เป็นคำอ่านของอุรุมชีในภาษาจีนแมนดาริน) ซื้อตั๋วกับคนขับ 12 หยวน

วันถัดมานั่งรถไปเทียนฉือ (Tianshan Mountain's Heavenly Lake 天山天池)
เที่ยนฉือหรือสระสวรรค์ ใครๆ ก็บอกว่าถ้ามาอุรุมซีที่นี่พลาดไม่ได้
แต่ว่าวันที่เราไปดันหมอกลง มองอะไรแทบไม่เห็น
หมอกบดบังสระสวรรค์จนแทบไม่เห็นอะไร
เลยรู้สึกว่าเทียนฉือไม่ฟินเท่า Tianshan Grand Canyon



แถมค่าตั๋วขูดเลือดขูดเนื้อ 220 หยวน แพงมาก แถมจะเข้าก็ใช่ว่าจะเข้าได้เลย
เป็นชาวต่างชาติต้องไปลงทะเบียนที่สถานีตำรวจหน้าที่ขายตั๋วก่อน
พอเอาพาสปอร์ตไปลงทะเบียน ได้ใบลงทะเบียนเป็นกระดาษสีขาวแผ่นเล็กๆ
มาก่อนถึงจะผ่านด่าน security check เข้าไปได้

อีกทั้งการเดินทางมาก็ใช่ว่าจะง่ายๆ ต้องนั่งรถจาก Beijiao Bus Station ไป Fukang 15 หยวน
ถึงสถานี Fukang ต้องนั่งรถตู้ไปเทียนฉือ 10 หยวน ระหว่างทางไป Fukang ผ่านด่านตรวจ 2 รอบ
รอบแรกตำรวจเดินขึ้นมาตรวจบนรถ รอบที่สองทุกคนบนรถต้องลงไปแสกนบัตรประชาชน
สัมภาระต้องแสกน คนต้องผ่านเครื่องตรวจอาวุท เราเป็นคนต่างชาติก็ต้องทำเหมือนกัน
ต่างกันตรงที่เราต้องเอาพาสปอร์ตให้ตำรวจลงทะเบียน วุ่นวายมาก
ถ้ารถมีเราเป็นชาวต่างชาติคนเดียวก็จะกดดันมาก เพราะทุกคนบนรถจะรอเรา
เนื่องจากคนจีนใช้เวลาไม่นาน แค่แสนกบัตรประชาชน แสกนกระเป๋า ตรวจอาวุท
แต่เราต้องรอเจ้าหน้าที่ลงทะเบียน







พนักงานที่โรงแรมแนะนำว่ามาอุรุมชีต้องกินต้าผานจี (大盘鸡) ติงติงเมี่ยน (丁丁面)
และพิลาฟ (抓饭) หรือข้าวผัดแพะ



ต้าผานจี อารมณ์ประมาณสตูไก่ใส่มันฝรั่ง พริกหยวก เผ็ดๆ เค็มๆ กินกับข้าวหรือจิ้มกับนานก็อร่อย



นาน



ติงติงเมี่ยน เป็นบะหมี่ที่ถูกตัดเป็นท่อนสั้นๆ แล้วเอามาผัด จริงๆ อาจจะอร่อยก็ได้
แต่ร้านที่ไปกินคือทำไม่อร่อยเลย เรียกได้ว่าทนกินไปได้ไม่กี่คำก็ทำใจกินต่อไม่ลง



พิลาฟ หรือข้าวผัดแพะ โดยส่วนตัวไม่ชอบ มันเยิ้มเลี่ยนมาก ถ้าใครเจอร้านอร่อยก็โชคดีไป
สรุปอาหารเด็ดที่พนักงานแนะนำมีอร่อยจริงจังแค่ต้าผานจี ไปกินร้านไหนก็อร่อย
กินกับข้าวสวยร้อนๆ ฟินมาก



อีกเมนูที่ว่าเด็ดของซินเจียงคือโยเกิร์ต โยเกิร์ตที่นี่อร่อยจริงๆ

ตอนเย็นนั่งรถไป Buerjin (布尔津) เพื่อไป คานาสือ (Kanas 喀纳斯)
สำหรับเราแล้วคานาสือ (喀纳斯) กับเหอมู่ (禾木村) เป็นสถานที่ที่ประทับใจที่สุดในทริปทางสายไหม
ทะเลสาบคานาสเป็นทะเลสาบสีเทอควอยส์ทอดตัวอยู่ในเทือกเขาอัลไต
ส่วนเหอมู่ขึ้นชื่อเรื่องหมอกยามเช้าที่ลอยปกคลุมไปทั่วหมู่บ้าน


  photo fromwww.mafengwo.cn

นั่งรถรอบสองทุ่มจากอุรุมชี มา Buerjin (布尔津) ใช้เวลา 14 ชั่วโมง
รถมาถึง Buerjin ตอน 10 โมง พอลงรถจะมีรถตู้ไปคานาสือ
(ไม่ต้องเข้าไปซื้อตั๋วในสถานี ลงรถปุ๊ป ให้มองหารถในลานจอดได้เลย)
รถตู้จะยังไม่ออกรถจนกว่าจะเต็มคัน รอตั้งแต่สิบโมงถึงเที่ยงรถถึงออก
ทั้งรถมีผู้โดยสารแค่ 4 คน
(คาดว่าถ้าคนจีนไม่โวยวายว่าเมื่อไรจะออกรถสักที คนขับก็น่าจะยังรอผู้โดยสารต่อ)

จาก Buerjin มาถึงคานาสใช้เวลา 2 ชั่วโมง
ค่าตั๋วเข้าอุทยาน Kanas Nature Reserve Park (喀纳斯湖景区) 185 หยวน รวมค่ารถโดยสารภายในอุทยานแล้ว
จากหน้าอุทยาน นั่งรถเข้าไปถึง transfer station ด้านในอุทยานใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
transfer station ด้านในเป็นจุดที่มีโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร และป้ายรถที่ใช้เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในอุทยาน




เกสเฮาส์และโอสเทลถัดจาก transfer station ถ้าไปช่วงหน้าร้อนของจีนแนะนำว่าให้จองไปก่อน
เพราะที่พักเต็มเร็วมาก ใครคิดจะไปวอกค์อินอาจจะไม่ได้ที่พัก

โซนโรงแรมอยู่ถัดไปจาก transfer station นิดนึง ใครที่กำลังขาแข็งแรงสามารถเดินไปได้
แต่แนะนำว่านั่งรถอุทยานไปดีกว่า
(หลังจากลงรถที่มาจากด้านหน้าอุทยานแล้ว ให้มาเปลี่ยนรถไปโซนโรงแรมได้ที่ transfer station)
จริงๆ ที่นี่ไม่ได้มีแต่โรงแรมหน้าตาแบบรูปบน โรงแรมหรูดีๆ ก็มี แต่ว่าไม่ได้ถ่ายรูปมา
พนักงานที่โรงแรมแนะนำว่าวันนี้ให้ไปที่ทะเลสาบคานาสก่อนเพราะเดินจากรร. 20 นาทีก็ถึง
พรุ่งนี้ค่อยไปศาลาหางปลา (Guanyu Terrest) กับโค้งน้ำต่างๆ ของแม่น้ำที่ไหลมาจากทะเลสาบ
(Six bays ที่เรียก six bays เพราะมี 6 อ่าวที่เป็นไฮไลท์ แต่จำชื่อแต่ละอ่าวไม่ได้)


ทางเดินไปทะเลสาบคานาส จริงๆ นั่งรถไปก็ได้ ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม เพราะค่ารถรวมกับค่าตั๋วแล้ว



รูปจาก https://www.mafengwo.cn
​รูปจาก https://www.mafengwo.cn


โดยส่วนตัวคิดว่าศาลาหางปลางานดีสุด คุ้มค่าแก่การไปมากถึงแม้ต้องเสียค่าเข้าเพิ่ม 60 หยวนก็ตาม

from https://www.mafengwo.cn
​​รูปจาก https://www.mafengwo.cn

รูปที่ถ่ายจากศาลาหางปลา

จากคานาสือ นั่งรถไปเหอมู่ (Hemu Village 禾木村)ด้านหน้าอุทยานคานาสือ จะมีรถรับจ้างไปเหอมู่กับ Buerjin.
ใช้เวลาจากหน้าอุทยานคานาสือไปหน้าอุทยานเหอมู่ประมาณ 1ชั่วโมง
ค่าเข้าเหอมู่ 160 หยวน รวมค่ารถในอุทยานแล้ว
เราออกจากคานาสตอนบ่ายสอง ถึงหน้าอุทยานประมาณบ่ายสามกว่าๆ
หารถไปเหอมู่และรอคนเต็มรถ กว่าจะได้ไปก็ประมาณหกโมงทุ่มนึง
ถึงเหอมู่ตอนสองทุ่ม จากหน้าอุทยานเหอมู่ นั่งรถอุทยานเข้าไปในหมู่บ้าน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
กว่าจะถึงโรงแรมก็สามทุ่มแล้ว





แต่เพราะซืนเจียงใช้เวลาของปักกิ่ง ถึงแม้จะสามทุ่มแล้วแต่ฟ้ายังสว่างอยู่
ตอนแรกกะว่าจะนอน   ชิลๆ ที่เหอมู่สองคืน แต่พอเห็นสภาพโรงแรมแล้ว
แค่พ้นคืนนี้ไปได้ก็บุญแล้ว เลยตัดใจทิ้งค่าห้องที่จ่ายไป นอนคืนเดียวพอ
(แอบเสียใจ จริงๆน่าจะนอนคานาสือสองคืน เหอมู่คืนเดียว ที่พักที่คานาสือน่ารักและดีงาม)

ตื่นมาดูหมอกตอนเช้าที่เหอมู่



















จริงๆ ถ้าโรงแรมที่เหอมู่ดีกว่านี้ จะนอนสองคืนก็ไม่มีปัญหา

จากหมู่บ้านเหอมู่ มีรถบัสไป Buerjin วันละรอบ ตอน 4 โมงเย็น
หรือสามารถกลับไปยังหน้าอุทยาน เหอมู่แล้วเหมารถหรือนั่งแชร์แท๊กซี่ไป Buerjin ได้

โชคดีมากที่คนจีนที่แชร์รถแท๊กซี่มาจากคานาสือด้วยกันจะกลับ Buerjin เหมือนกัน
เลยตกลงว่าจะกลับด้วยกัน เค้าเลยช่วยคุยเรื่องตั๋วให้ ไม่งั้นคงไม่ได้ตั๋ว เพราะวิธีการซื้อลำบากลำบนมาก
คือตั๋วรถขายตอนบ่ายสองของวันนั้น ไม่ขายก่อนเด็ดขาด แถมที่ขายตั๋วก็คือร้านขายของชำเล็กๆ
เจ้าของโฮสเทลบอกให้เราไปที่ร้านก่อนแล้วรอจนถึงบ่ายสองเพื่อซื้อตั๋ว
เราไปถึงร้านขายของชำเล็กๆ ที่ขายตั๋วรถบัสด้วยตอนบ่ายสองห้านาที
ปรากฎตั๋วรถเหลือแค่ใบเดียว เจ้าของร้านบอกให้ซื้อตั๋วไปก่อน อีกใบค่อยไปต่อรองกับคนขับ
รถมาจอดที่หมู่บ้านตอนบ่ายสาม พวกเรารีบไปคุยกับคนขับ จนได้ที่นั่งที่เป็นเบาะพับหน้ารถตรงบันไดทางขึ้นรถมาได้
ตั๋วครบสองใบ สบายใจแล้ว 555+
พอบ่ายสามครึ่งคนขับให้ขึ้นรถได้ มีอีกหลายคนที่ไม่มีตั๋วและอดขึ้นรถ ต้องถือว่าเราสองคนโชคดีมาก

รถออกจากหมู่บ้านเหอมู่ตอนสี่โมงเย็น โดยวิ่งจากในหมู่บ้านออกจากอุทยานไป Buerjin
รถถึง Buerjin ตอนสองทุ่ม ตอนแรกยังกังวลว่าต้องนอนค้างที่ Buerjin แน่ๆ เลย เพราะรถไปอุรุมชีมีรอบสองุท่ม
ปรากฎพอถึงท่ารถที่ Buerjin โชคดีมากที่พอลงรถแล้วคนขับรถที่จะไปอุรุมชีมาตะโกนว่ามีใครจะไปอุรุมชีมั้ย
ถ้าไปให้รีบมาขึ้นรถ เราเลยได้รถไปอุรุมชีรอบสองทุ่มโดยไม่ต้องค้าง
รถไปถึงอุรุมชีตอน 10 โมงของวันรุ่งขึ้น



จากอุรุมชีไป Buerjin มีด่านตรวจตลอดทาง ต้องขึ้นๆ ลงๆ รถ ผ่านเครื่องแสกน
โชว์พาสปอร์ต ลงทะเบียน พอจาก Buerjin ไปคานาส ก็ผ่านด่านตรวจ
แถมก่อนจะเข้าอุทยานที่คานาสกับเหอมู่ได้ เราต้องลงทะเบียนกับตำรวจที่สถานีตำรวจ
หน้าอุทยานก่อน ถึงจะเข้าอุทยานได้

ที่พีคสุดคือขากลับจาก Buerjin ไปอุรุมชี คนขับรถจอดแวะให้เข้าห้องน้ำที่ลานจอดรถใหญ่พอสมควร
พอรถจอด คนรถตะโกนบอกผู้โดยสาร ด้วยความที่ภาษาไม่แข็งแรงเราก็ไม่แน่ใจว่านี่คือต้องลงเพราะเป็นด่านตรวจรึเปล่า
พอลงจากรถก็งง ทำไมลานจอดรถนี้มืดๆ เลยจะเดินไปที่อาคารแถวนั้น
แต่คนรถตะโกน ผู้หญิงไปทางโน้น เลยยิ่งงงเข้าไปใหญ่ งงๆ อยู่แป๊ปนึง
เลยเดินตามกลุ่มผู้หญิงจีนข้างหน้าไป ยิ่งเดินยิ่งมืด ปรากฎนางมองซ้ายมองขวา
จูงมือเพื่อนเข้าพุ่มไม้แล้วปลดกางเกงลง  เท่านั้นแหละ เก็ททันทีทันใด
แวะให้ปลดทุกข์จ่ะ แต่ห้องน้ำไม่มีนะจ๊ะ เลือกมุมกันตามสบาย

ค่ารถจาก Urumqi - Buerjin 180 หยวน.
รถตู้จาก Buerjin - Kanas 60 หยวน
รถจาก Kanas - Hemu 90 หยวน
รถบัสจาก Hemu - Buerjin 60 หยวน
รถนอนจาก Buerjin - Urumqi 180 หยวน
ค่าเข้าชมและค่าเดินทางเป็นข้อมูลจริงในปี 2562 เท่านั้น

จากอุรุมชี นั่งรถไฟต่อไปซีหนิง (Xining 西宁) เมืองหลวงของชิงไห่ (Qinghai 青海)
ทะเลทุ่งหญ้าสีเขียวสุดลูกหูลูกตาแห่งตะวันตกเฉียงเหนือ



โชคดีที่ช่วงที่ไปเป็นช่วงดอกคาโนล่าบานพอดี



ชิงไห่เป็นมณฑลที่เหมาะแก่การเช่ารถเที่ยว เพราะสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่อยู่ค่อนข้างไกล
เลยตกลงซื้อแพ๊กเกจจากโรงแรม เป็นแชร์รถ 4 คน ไป Kumbum Monastery (塔尔寺)ทะเลสาบชิงไห่ (Qinghai Lake 青海湖)
และทะเลเกลือ (Chaka Salt Lake 茶卡盐湖) สองวันหนึ่งคืน ราคา 300 หยวน
แค่ค่ารถไม่รวมค่าเข้าชม ค่าโรงแรม



Kumbum Monastery ค่าเข้า 80 หยวน ผู้หญิงห้ามใส่ขาสั้นหรือกระโปรงสั้นเหนือเข่า
วันที่ไปฝนตกค่อนข้างหนัก คนเยอะมาก ทางเดินเชื่อมตึกแต่ละหลังในวัดก็เล็กมาก
เบียดเสียดกันสุดๆ แถมวัดห้ามถ่ายรูป คนเยอะเบียดแบบไหลแทบไม่ได้ดูอะไรเลย
เลยรีบๆ เดินรีบๆออกดีกว่า





ระหว่างทางไปทะเลสาบชิงไห่ จะมีพวกกระโจมกับธงมนตราให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปเยอะมาก
บางที่เสียค่าเข้า แล้วสามารถขี่จามรีถ่ายรูป ใส่ชุดพื้นเมืองถ่ายรูปได้ฟรี มีเนื้อย่างขาย






ทุ่งคาโนล่า (ถ้าจะเข้าไปถ่ายรูปต้องเสียเงินค่าเข้า)

พีคกว่าคือคนขับรถไม่ได้ขับพาไปทะเลสาบชิงไห่จุดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของรัฐ
แต่เป็นทะเลสาบชิงไห่ที่อยู่ในที่เอกชน แน่นอนว่าค่าเข้าแค่ 10 หยวน
แต่การจัดการแย่มาก ขยะเต็มไปหมด ไม่ค่อยเจริญหูเจริญตาเท่าไร









ด้วยความที่ชิงไห่เป็นทุ่งหญ้ากว้าง วิวสวย เอกชนหลายรายเลยเปิดทุ่งหญ้าเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
เรียกเก็บเงินจากนักท่องเที่ยว มีกระโจม มีม้าให้ขี่ มีบาร์บีคิว
(เนื้อแกะเนื้อแพะเสียบไม้ย่าง สไตล์ชิงไห่) บางที่มีวัวมีแกะและแพะภูเขาเป็นจุดขาย
แต่สิ่งที่เหมือนกันทุกที่คือการจัดการขยะที่มากับนักท่องเที่ยวแย่มาก
ขยะเกลื่อนเต็มทุ่งหญ้า อย่างภาพม้าด้านบน จุดขาวๆ บนหญ้าไม่ใช่ดอกไม้ดอกหญ้า
แต่เป็นขยะทั้งนั้น สกปรกมาก

ตามรูทยอดนิยม หลังจากไป Kumbum Monastery และทะเลสาบชิงไห่แล้ว
ต้องมาแวะค้างคืนที่ เพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้นที่แม่น้ำเฮยหม่าเหอ
เรียกได้ว่าโรงแรมที่นอนคืนนั้นเป็นโรงแรมที่สกปรกสยองที่สุดที่เคยเจอมาในชีวิต
เหมือนเจ้าของไม่เคยกวาดห้อง จ่ายค่าห้องคืนละพันแต่เหมือนได้ห้อง 200
ไม่มีห้องน้ำห้องอาบน้ำใดๆ ทั้งสิ้น
หลายคนหลายรีวิวเตือนไว้แล้วว่าห้องที่เฮยหม่าเหอแพงแต่คุณภาพแย่
ไม่นึกไม่ฝันว่าจะแย่ขนาดข่มตาหลับไม่ลง ผ้าห่มไม่กล้าใช้
แทบอยากจะขอคนขับไปนอนในรถแทน

วันต่อมาไป Chaka Salt Lake ฝนตกฟ้าครื้ม กว่าฝนจะหยุดฟ้าใสก็ได้เวลากลับ เสียดายมาก







ที่ Chaka Salt Lake จะมีจุดที่ให้นักท่องเที่ยวลงไปลุยน้ำในทะเลเกลือได้
เอาจริงๆ จุดนี้ถ่ายรูปสวยมาก เสียดายที่ตอนไปถึงฟ้าครื้ม ฝนพรำ  รูปออกมาเลยไม่ว้าว



ขากลับคนขับแวะให้เข้าห้องน้ำสาธารณะที่ตั้งอยู่แถวทะเลสาบชิงไห่
ช๊อกมากถึงมากที่สุด ทริปนี้เจอมาแล้วทั้งห้องน้ำแบบจ้องหน้ากัน ห้องน้ำราง
ห้องน้ำไม่มีประตู จนถึงแบบไม่มีห้องน้ำ แต่นี่เป็นห้องน้ำที่ทรมานจิตใจที่สุด สยองที่สุด
ผิดหลักสุขอนามัยที่สุดที่เคยเจอมา
ด้านหน้าดูดีปกติ เป็นตึกกล่องเล็กๆสองชั้นมีบันไดขึ้นชั้นสองอยู่ด้านข้างตึก
ตอนแรกก็งงๆ ว่าทำไมต้องเดินขึ้นบันไดข้างตึกไปเข้าห้องน้ำบนชั้นสอง
พอเดินไปใกล้บันไดเท่านั้นแหละ กลิ่นเหม็นมาก พอเห็นบันไดแทบช๊อก ขยะเต็มไปหมด
มีที่ว่างแค่พอเหยียบเดินขึ้นไปแค่นั้น ถ้าไปคนเดียวนี่ถอยแล้ว
แต่สาวจีนสองคนข้างหน้าเดินนำขึ้นบันไดไป พอถึงข้างบนเท่านั้นแหละ โอแม่เจ้า
เป็นห้องโล่งๆ เต็มไปด้วยขยะ ไม่มีคอกกั้นใดๆทั้งสิ้น พื้นเป็นรูเห็นด้านล่างชัดเจน
ด้านล่างเป็นกองภูเขาขยะหลายลูกตามจำนวนรูปลดทุกข์ด้านบน
วิธีการเข้าห้องน้ำคือคล่อมรูแล้วปล่อยลงไปข้างล่าง
คือแบบ กริ๊ดดดดด นี่สินะ แกถึงต้องให้ห้องน้ำอยู่ชั้นสอง
ทำใจไม่ได้จริงๆ รีบกลั้นใจวิ่งกลับมาขึ้นรถเอาแอลกอฮอล์ล้างมืออย่างด่วน
(ไม่มีภาพประกอบให้ดูนะคะ มันทำร้ายจิตใจกันมากจริงๆ)

พอกลับถึงโรงแรมที่ซีหนิงนี่ดีใจมาก รีบอาบน้ำนอนยาวๆ
พักฟื้นจากสภาพโสโครกเสื่อมโทรมทำร้ายจิตใจของชนบทชิงไห่



อาร์ตมิวเซียมที่ซีหนิง





มัสยิทตงกวน






ถนนคนเดินและฟู้ดสตรีท Mojia Street
จากซีหนิงนั่งรถไฟไปซีอาน ลงจากรถไฟปุ๊ป โดนอากาศร้อนของซีอานต้องรับอย่างอบอุ่นจนเหงื่อไหลเหมือนเปิดก๊อก จาก 14 องศาชิลๆ ในชิงไห่ มาเป็น 39 องศาในซีอาน
 




มาถึงซีอานแล้วรู้สึกเหมือนจิตใจได้รับการเยียวยา
โชคดีที่โรงแรมตั้งอยู่ในโซนผับสตรีท เลยมีร้านดีๆ เยอะมาก
ได้กินข้าวในห้องแอร์ จิบโกโก้ปั่นเย็นๆ มีฟรี WiFi ใช้แล้วทำให้รู้สึกว่า
อา...นี่เรากลับมาสู่ความเจริญแล้ว
ซีอานเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำกับความซกมกของชิงไห่ได้เป็นอย่างดี
แต่เอาจริงๆ แค่ราคาค่าอาหารมื้อนี้มื้อเดียวกินที่ชิงไห่ได้หลายวัน


ทางเข้าผับสตรีทแถวๆ ที่พัก



ปั่นจักรยานจากที่พักไป Muslim Quarter (回民街)
อากาศร้อนมาก ของกินเล่น อาหารขึ้นชื่อของซีอานเรียงรายกันเต็มสองข้างทาง
เสียดายมากที่แวะกินข้าวจนอิ่มแล้วค่อยมา











ใครมาซีอานแน่นอนว่าต้องไม่พลาดสุสานจิ๋นซี ซึ่งเป็นไฮไลท์สำคัญของซีอาน

สุสานจิ๋นซี (Terracotta Army 兵马俑) ค่าเข้า 120 หยวน
ที่นี่แบ่งเป็นหลายหลุมขุด แต่ละหลุมจะมีอาคารสร้างคลุมไว้ แถมด้านในไม่เปิดแอร์
ตอนไปอากาศร้อนมาก แถมคนก็เยอะมาก แออัดเบียดเสียดโดนตัวชุ่มเหงื่อกันแบบแฉะๆแหยะๆ
จะเอาตัวเบียดเข้าไปเกาะขอบหลุมดูหุ่นดินเผาก็ไม่ไหว ทั้งเหงื่อแหยะๆ ทั้งกลิ่น เลยขอบาย ไปดีกว่า

จริงๆ ซีอานยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายที่ที่น่าสนใจ แต่ว่าร้อนมากแถมคนเป็นล้าน
จะให้ไปเบียดๆกันแบบเหงื่อไหลไคลย้อยคงไม่ไหว ขอไว้มาเก็บใหม่ช่วงหน้าหนาวดีกว่า



Create Date : 22 พฤษภาคม 2562
Last Update : 6 มิถุนายน 2563 15:46:19 น. 1 comments
Counter : 3350 Pageviews.  

 
รูปสวยดูเพลินเลยค่ะ


โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 28 พฤษภาคม 2562 เวลา:14:09:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ส่งข้อความถึงดาวโลก
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add ส่งข้อความถึงดาวโลก's blog to your web]