นครเวียงจันทร์ ก้าวแรกเมื่อผ่านด่านตรวจหนังสือเดินทาง
จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้าประเทศ
50บาทไทย
แต่เมื่อตอนผ่านด่านออกจากประเทศไทย
ด้านจังหวัดหนองคายไม่เสียค่าธรรมเนียม
รถเมล์ปรับอากาศชั้นดีแอร์เย็นสบาย จอดรอผู้โดยสารที่ใกล้ๆ
ด่านเข้าเมืองนครเวียงจันทร์
ลุงแอ็ดขอแนะนำ ถ้าเราไม่รีบร้อนอะไร?ในการท่องเที่ยว
ขอแนะนำให้นั่งรถเมล์โดยสารปรับอากาศ
เข้าเมืองนครเวียงจันทร์ คุณจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวนครเวียงจันทร์
อีกทั้งพขร.ของรถโดยสารนั้นคุณจะแปลกใจ
และประทับใจไม่รู้ลืมแหละ
พขร.รถเมล์ปรับอากาศนั้น
จะมีไมตรีกับผู้โดยสารทุกๆคน มีอารมณ์ดี
พขร.จะทำหน้าที่ขับรถ/เกิบเงินค่าโดยสาร/...
แนะนำเส้นทางแก่นักท่องเที่ยวให้
ด้วยอารมณ์ดียิ้มแย้ม
ชาวนครเวียงจันทร์กับคนไทยคนหนึ่งเช่นลุงแอ็ด
พวกเขาจะมีไมตรีกับเรามั้กๆมาก
พอบอกว่าเราจะมาท่องเที่ยว
พวกเขาจะยิ้มแย้มยินดีแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว
เวียงจันทน์ (ลาว: ວຽງຈັນ, ออกเสียง: [ʋíəŋ tɕàn]) เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศลาว อยู่ในลุ่มแม่น้ำโขง ในพิกัด 17°58' เหนือ, 102°36' ตะวันออก (17.9667, 102.6) ประชากรในตัวเมืองมีประมาณ 200,000 คน (ค.ศ. 2005)
เวียงจันทน์มีชื่อที่ตั้งในรัชสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ว่า กรุงศรีสัตนาคคนหุต วิสุทธิ์รัตนราชธานีบุรีรมย์
อาณาจักรเวียงจันทน์ตกเป็นประเทศราชของสยามนับตั้งแต่นั้นมา
พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์ กษัตริย์แห่งเวียงจันทน์องค์สุดท้ายพยายามรวบรวมกำลังเพื่อก่อการกบฏและกู้ชาติจากสยาม สยามจึงส่งกองทัพยกขึ้นมาปราบปรามเมืองเวียงจันทน์ และจับเจ้าอนุวงศ์ไปลงโทษที่กรุงเทพมหานคร ส่วนเมืองเวียงจันทน์นั้นถูกทำลายย่อยยับ เหลือรอดเพียงแต่พระอารามสำคัญไม่กี่แห่ง เช่น หอพระแก้ว วัดสีสะเกด เท่านั้น
พ.ศ. 2436 ดินแดนลาวตกอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส เวียงจันทน์ถูกกำหนดให้เป็นศูนย์กลางการบริหารการปกครองของลาว ในอาณัติของฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2442 ต่อมาเมื่อประเทศลาวประกาศเอกราชจากฝรั่งเศส
ก็ได้กำหนดให้กรุงเวียงจันทน์เป็นเมืองหลวงของลาวจนถึงทุกวันนี้
ประตูไซกับลานแสดงน้ำพุประกอบดนตรี |
ข้อมูล | |
ที่ตั้ง | เวียงจันทน์ ลาว |
สถานะ | เสร็จแต่ไม่สมบูรณ์ |
เริ่มก่อสร้าง | ค.ศ. 1957 |
แล้วเสร็จ | ค.ศ. 1968 |
รายละเอียด |
จำนวนชั้น | 7 ชั้น |
มูลค่า | 63 ล้านกีบ |
บริษัท |
สถาปนิก | Tham Sayasthsena[ต้องการตรวจสอบความถูกต้อง] |
เจ้าของ | รัฐบาลลาว |
ปะตูไซ เป็นคำประสมมาจากคำว่า "ปะตู" (ປະຕູ) หมายถึง "ประตู" และ "ไซ" (ໄຊ) มาจากภาษาสันสกฤตคำว่า "ชะยะ" หมายถึง "ความชนะ" ความหมายของคำจึงเหมือนเช่นเดียวกับคำว่า "ประตูชัย" ในภาษาไทย ส่วนการถอดเป็นอักษรโรมันของคำว่า ปะตูไซ นั้นมีหลายรูปแบบ ได้แก่ Patuxai, Patuxay, Patousai และ Patusai[1]
"อะนุสาวะลี" (ອານຸສາວະລີ) ซึ่งหมายถึง "ความทรงจำ" เนื่องจากเป็นอนุสรณ์สถานสำหรับการสดุดีวีรชนจากการประกาศเอกราช[2] ต่อมาในปี ค.ศ. 1975 ขบวนการปฏิวัติฝ่ายคอมมิวนิสต์ปะเทดลาว ยึดอำนาจรัฐบาลได้เด็ดขาดและพระมหากษัตริย์สละราชสมบัติ ทำให้เปลี่ยนการปกครองจากแบบเดิมเป็นสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ จึงเปลี่ยนชื่ออะนุสาวะลีเป็น "ปะตูไซ" (ປະຕູໄຊ) เพื่อเป็นเกียรติแก่ชัยชนะของคณะปฏิวัติ จนใช้เรียกกันถึงปัจจุบัน[3]
การก่อสร้างประตูไซสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานสำหรับสดุดีแก่ทหารลาวที่เสียชีวิตในระหว่าง.....
การกอบกู้เอกราชจากประเทศฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้งที่สอง[2] ถูกออกแบบโดย นาย ทำ ไซยะสิทธเสนา สถาปนิกชาวลาว
ในปี ค.ศ. 1957 แบบของเขาได้รับเลือกจากกรมโยธาธิการ กรมวิศวกรการทหาร และสถาปนิกเอกชนอีกจำนวนมาก โดย Tham
ได้รับเงินค่าตอบแทนเป็นจำนวน 30,000 กีบสำหรับงานออกแบบของเขา วัสดุที่ใช้ก่อสร้างเป็นปูนซิเมนต์จากประเทศสหรัฐอเมริกา
ที่ไว้ใช่สำหรับสร้างสนามบินใหม่ในเวียงจันทน์ แต่รัฐบาลลาวในสมัยนั้นนำมาใช้ในการสร้างปะตูไซแทน[4]
ปะตูไซหยุดการสร้างในปี ค.ศ. 1968 แต่ไม่ได้สร้างเสร็จสมบูรณ์ตามแบบที่ออกแบบไว้ในตอนแรก
เพราะสถานการณ์บ้านเมืองที่ผ่านมาปั่นป่วน รวมมูลค่าทั้งหมดประมาณ 63 ล้านกีบ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี