Group Blog
 
<<
กันยายน 2568
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
15 กันยายน 2568
 
All Blogs
 
@Norge : ^^คู่มือมาดามเมียฝรั่งมือใหม่ 101^^

ถ้าติดตามเพจของแบนศรีมาตั้งแต่เริ่มต้น จะรู้ว่าหัวข้อส่วนใหญ่ที่เขียนจะมาจากประสบการณ์ส่วนตัวในการใช้ชีวิตในต่างแดน มีสาระบ้าง สาระแนบ้าง บางทีนินทาแม่บ้านเมียฝรั่งบ้างอะไรบ้างให้พอหายมันส์คันปาก ฮ่าาาาา

ยอมรับว่าก่อนมาอยู่นอร์เวย์ สมัยวัยสะรุ่นนั้น ก็เหมือนหลายคนวาดหวังอยากไปเที่ยวต่างประเทศ หรืออาจจะมีโอกาสได้อาศัยอยู่ โลกสวย...มองผ่านแว่นตาสีกุหลาบอันสวยงาม ฮ่าาาา อาจจะเพราะเวลาได้ดูหนังละครไทย หรือแม้แต่ซีรีส์หรือหนังฝรั่ง บ้านเมืองเขา คนเขาดูดีจังเลย อยากไป๊ อยากไป โดยไม่ได้คิดว่า ณ ที่แห่งนั้นก็คือประเทศของคนเดินดินกินขนมปังอยู่นี่ล่ะ

บ่อยครั้งที่ดิฉันได้คุยกับแม่บ้านเมียฝรั่งที่กำลังจะย้ายมา ภาพฝันของพวกนางสวยงามนัก ซึ่งก็ไม่แปลกค่ะ เวลาเราที่เราจะไปเริ่มต้นใหม่ เรามักคาดหวังสิ่งที่ดีกว่าสิ่งที่เราเป็นอยู่เสมอ แต่การแต่งงานไม่ใช่การเล่นขายของ พอเล่นเสร็จ ไม่สนุกก็เลิกเล่น เปลี่ยนหาเกมส์อื่นเล่นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ามีบุตรธิดาเข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อเจอปัญหาหนักหน่วง คุณขาคงไม่สามารถบังคับพวกนางให้กลับไปทางเดิม ยกเลิกการมีลูกการสมรส แล้วย้อนทุกอย่างกลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นคงไม่ได้

หลายครั้งที่ได้ยินเรื่องราวความยากลำบากในการปรับตัวในต่างแดน รู้สึกแปลกแยกไม่เข้าพวก เพื่อนกินหาง่ายเพื่อนตายหายาก สามีหรือภรรยาฝรั่งเปลี่ยนแปลงไป ปัญหาแม่เลี้ยงหรือพ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยงฝรั่งหรือแม้แต่ครอบครัว ปัญหาการส่งเสียเลี้ยงดูครอบครัวที่ไทย ฯลฯ อีกมากมาย

ภาพที่คิดไว้ก่อนมา vs สิ่งทีเกิดขึ้นจริง ทำไมมันต่างกันดั่งฟ้ากับเหวขนาดนี้!?! Happily ever after มันหายไปไหน (วะ)

ถามว่าอยู่เมืองนอกดีไหม? ยากง่ายอย่างไร?

ตอบแบบตรงๆ ตามประสบการณ์จริง ไม่มีสลิงและตัวแสดงแทนเลยว่า...

จะว่าดีก็ดี จะว่าไม่ดีก็ไม่ดี จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก

อ้าว...ตอบงี้ มีตบเลยดีไหมแบนศรี ฮ่าาาาาา

ไม่ได้ตั้งใจตอบกวนตรีนแต่อย่างใด แต่มันคือข้อเท็จจริง เพราะถ้าพูดถึงประเทศที่พัฒนาแล้ว (ย้ำ ประเทศที่พัฒนาแล้ว ถ้าคุณย้ายไปประเทศกันดารอดอยาก อันนั้นไม่นับนะคะ) สวัสดิการสังคมนั้นช่วยเหลือคุณได้อย่างมากมาย โดยไม่ต้องกลัวว่า วันดีคืนดีจะต้องไปนอนตามท้องถนน หรืออดมื้อกินมื้อแต่อย่างใด เพราะแน่นอน อยากได้สวัสดิการดี ก็ต้องจ่ายภาษีกันเต็มเหนี่ยวเช่นกัน และประเทศส่วนใหญ่เหล่านี้ก็มักจะสามารถรักษาสมดุลชีวิตเมืองไฮเทคกับธรรมชาติได้ดีเยี่ยม บ้านเมืองถึงได้สะอาดสะอ้านสวยงามดั่งภาพฝัน แม้แต่ด้านการงานการเงินก็ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย อาชีพใดก็ตาม หากสุจริต ไม่อดตายแน่นอน

แต่ทำม้าย ทำไม มาดามหลายท่านเมื่อย้ายมาอยู่เมืองนอกแล้ว ถึงมาบ่นกันไม่หยุด บ่นเช้าสายบ่ายเย็น บางคนถึงขั้น ขอเก็บเงินให้ได้สักก้อนใหญ่ๆ จะหนีกลับไทยให้รู้แล้วรู้รอดไป หึยยยยย

แบนศรีเลยวิเคราะห์จากประสบการณ์ส่วนตัว สภาพแวดล้อมรอบตัว รวมถึงไปสาระแนชีวิตมาดามทั้งหลาย ก็พอได้ข้อสรุปคร่าวๆ ทำอย่างไรให้เมืองนอกเป็นสวรรค์ของจริง ไม่ใช่นรกบนดิน

ข้อแรก...เรียนรู้ดูใจก่อนแต่งงาน เคยมีมาดามท่านหนึ่งบอกดิฉันว่า ฝรั่งรักจริงกว่าคนไทยนะ เจอกันไม่นานเขาก็ขอแต่งงานเลย เอิ่ม มาดามคะ การขอแต่งงานไม่ใช่เครื่องพิสูจน์ความรักเสมอไปค่ะ เคยเจอกรณีเจอปั๊บ ขอแต่งงานปุ๊บ พอย้ายไปอยู่บ้านสามีฝรั่ง โดนใช้เยี่ยงทาส แถมเมียเก่ามาร่วมจิกหัวโขกสับอีกต่างหาก ดิฉันเชื่อว่าชาติพันธุ์ไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่ามีความรักยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่บ่อยครั้งที่ฝรั่งตกลงปลงใจแต่งงานหญิงไทยหรือชายไทยค่อนข้างไว เพราะเรื่องของระยะทางเป็นสำคัญด้วค่ะคุณ เวลาคิดถึงอยากเจอ มันไม่ง่ายเหมือนขึ้นรถเมล์จากอนุสาวรีย์มาเจอกันแถวสยามนะคะ ทำให้บ่อยครั้งการตัดสินใจแต่งงานเกิดขึ้นในเวลาไม่นานหลังจากเจอกัน แต่คำพูดที่ว่าระยะทางพิสูจน์ม้า การเวลาพิสูจน์คน สำนวนนี้ยังใช้ได้ดี อย่างน้อยอยากให้คุณขาได้มีโอกาสขอวีซ่าท่องเที่ยวมาลองใช้ชีวิตดูกับอนาคตสามีหรือภรรยาฝรั่งสักเดือนสองเดือนก็ยังดี เพราะเวลาเขาไปเมืองไทย ส่วนใหญ่ไปพักผ่อนท่องเที่ยวลั้นลานั้นจะแตกต่างกับเวลาใช่ชีวิตธรรมดาค่อนข้างมาก ที่สำคัญมาดูนิดว่าสภาพอากาศบ้านเมือง ภูมิประเทศ ความเป็นอยู่เป็นเช่นไรบ้าง หลายคนขอมาตายเอาดาบหน้าเลย...ก็ตายเอาดาบหน้าจริงๆ ก็มีเยอะเด้อค่ะ 

ข้อสอง...ภาษารู้ไว้ใช่ว่า มีมาดามรุ่นแม่ท่านหนึ่งเคยมาคุยกับแบนศรีว่า เห้ย แบนศรี ป้ามาพบรักตอนจะหกสิบละอ่ะ จะให้เรียนรู้ภาษาใหม่ๆ คงไม่ไหว แหม คุณขา ดิฉันไม่ได้ให้คุณขาลงเรียนให้จบปริญญาตรีด้านภาษาศาสตร์นะคะ ภาษาในที่นี้คือ ภาษาของประเทศที่คุณไปอยู่ค่ะ หรือแม้แต่แค่ภาษาอังกฤษ เอาแค่ให้พอสื่อสารได้ ไม่ให้อยู่บ้านอึดอัด เป็นกล้วยตานีหลายหวีเหี่ยวเป็นพอค่ะ วันๆ จะภาษากายกับสามีหรือภรรยาฝรั่งอย่างเดียวเหนื่อยนะคุ้ณณณณ แล้วแบบยิ่งถ้ามีลูก จะเลี้ยงสั่งสอนลูกเต็มที่ได้อย่างไร เมื่อยังเรียนชื่อลูกในภาษานั้นๆ ไม่ถูกเลย อันนี้ไมไ่ด้ล้อเล่นนะคุณ ดิฉันเจอมาดามท่านหนึ่งออกเสียงชื่อลูกตัวเองไม่ได้ แม้ตอนนี้เด็กน้อยโตจนเข้าโรงเรียนมัธยมแล้วก็ตาม หรือมาดามบางท่านหมดความมั่นใจแบบชะนีม้าเหล็กที่เป็นหัวเรือใหญ่ของครอบครัวสมัยอยู่ไทยไป เพราะเมื่อมาอยู่เมืองนอกภาษาสื่อสารไม่ไ้ด้ ฟังไม่รู้เรื่อง เลยขาดความมั่นใจ แถมสามีฟังไม่รู้เรื่อง เลยไม่ค่อยให้เป็นเพื่อนคู่คิด จะแนะนำอะไรก็เรื่องคาอยู่ที่ลิ้น วันๆได้แต่พยักหย้าหงึกหงักตามสามีไปเท่านั้น

ข้อสาม...ปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมฝรั่ง เคยได้ยินสำนวนเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่่วตาตามไหมคะ มาอยู่บ้านเมืองเขาแล้ว แต่ไม่รับไม่ฟังไม่เอาอะไรเลย อันนี้คุณขาจะมีความสุขได้อยางไรกัน ขนาดคนวัฒนธรรมเดียวกับเรา เรายังมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งได้เลย แล้วคนต่างวัฒนธรรมจะไม่มีปัญหาเลยคงเป็นไปไม่ได้ ดิฉันจำได้ดี ทะเลาะกับอวบบ้านแทบแตก เพราะอวบเอาตรีนสะกิดหลัง ให้หยิบรีโมทให้ ฮ่าาาาา เรื่องเล็กแค่นี้ยังเป็นปัญหาได้ เรื่องใหญ่กว่านี้จะบูมๆ ขนาดไหน

ข้อสี่...งานการและเงินทอง อันนี้ปัญหาโลกแตกที่มาดามหลายท่านถกเถียงกัน ว่า ย้ายมาเมืองนอกแล้ว มีผัวดีคอยเลี้ยงดู ยังต้องทำงานอีกหรือ อันนี้ดิฉันก็มองว่าแล้วแต่คุณขาเลือกเลยค่ะ หากมั่นใจว่าผัวเป็นอมตะ ไม่ตายห่านตายโหง เอ๊ย โรยราในวันข้างหน้า หรืออนาคตข้างหน้า เขาไม่อยากเป็นภรรยาคนอื่นแทนเป็นผัวเราขึ้นมา ฮ่าาาา คือ อยากจะทำงานหรือไม่ทำงานก็ตามแต่ต้องการค่ะ แต่สิ่งที่สำคัญคือ วางอนาคตเลยค่ะ ถ้าไม่ทำงาน เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในอนาคตที่ทำให้ต้องเป็นหม้ายขึ้นมา ยิ่งหม้ายลูกติดด้วย ควรวางแผนว่าจะมีเงินสำรองจากทางไหน เช่น เปิดบัญชีเงินออมจากเงินที่ได้จากสามีทุกเดือน ทำประกันชีวิต ทำประกันสังคม สามีเขียนพินัยกรรม เงินช่วยเหลือจากรัฐบาล หรือแม้แต่ทำประกันเงินเกษียณ ฯลฯ ก็ว่ากันไปค่ะ ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน ท่องไว้ค่ะ 

ข้อห้า...อย่าปิดหู ปิดตา ปิดปาก ปิดใจ...เปิดหู: มีอะไรใหม่ๆ สิ่งเกิดขึ้นรอบตัวทั้งจากข่าวสารบ้านเมืองและเรื่องชาวบ้านฟังไว้ค่ะคุณ เผื่อว่ามันจะมีผลกระทบต่อคุณไม่ว่าจะทั้งทางตรงหรือทางอ้อม เปิดตา: อย่าทำเป็นมองข้ามสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นในครอบครัว ดิฉันไม่ได้ให้คุณจู้จี้คิดเล็กคิดน้อยนะคะ แต่บ่อยครั้งจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม เรามักจะมองข้ามปัญหาในครอบครัวของเราไป กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินแก้เสียแล้ว เปิดปาก: เมื่อเห็นปัญหาในครอบครัวที่ดูท่าทีจะเป็นอันตรายต่อทั้งร่างกายและจิตใจของคุณ อยากปิดปากเงียบค่ะ เพราะสันดานคนนั้นเป็นสิ่งที่คนๆ นั้นกระทำจนเป็นนิสัยเป็นความเคยชิน ถึงเขาจะบอกว่าจะแก้ไข จะเปลี่ยนแปลงใหม่ แต่ไม่มีใครการันตีได้ว่าจะเกิดขึ้นจริงๆไหม บ่อยครั้งที่หนังม้วนเก่าฉายซ้ำไปซ้ำมาจนนักแสดงสะบักสะบอบ และถึงขั้นเสียชีวิตก็มีมาให้เห็นอยู่หลายกรณี เปิดใจ: เมื่อมีปัญหา เปิดใจรับมันค่ะ เพราะคุณไม่สามารถซ่อนมันได้ตลอดไป เมื่อถึงจุดหนึ่งมันจะระเบิดออกมา แต่เมื่อระเบิดออกมาแล้วคุณทำใจรับมันไม่ได้ แล้วคุณจะแก้ปัญหานั้นหรือคนอื่นจะช่วยคุณได้อย่างไร

ข้อสุดท้าย อริยสัจ 4 แหม ข้อนี้มาธรรมะธรรมโมเชียว แต่จริงๆ แล้วมันคือแนวคิดที่ช่วยแก้ปัญหาได้ดีที่สุดค่ะ เพราะปัญหาจะคอยผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด คอยดูดกินความสุขตลอดเส้นทางชีวิตของเราค่ะ มากบ้าง น้อยบ้างแตกต่างกันไป ดังนั้น ตั้งสติให้มั่น เจอปัญหาเมื่อไหร่ ทุรนทุรน โวยวายไปให้พอใจค่ะ พอได้สติแล้วก็มาคิดค่ะว่า ทุกข์มันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่มีใครที่จะหนีพ้นความทุกข์ไปได้ เมื่อทุกข์เกิดแล้ว ก็คิดเลยค่ะคุณว่ามันเกิดจากอะไร อย่าเอาหัวแม่เท้าคิด ฟูมฟายไม่สิ้นสุด หายใจลึกๆ ตั้งสติแล้วมองค่ะว่าทุกข์มันมาจากไหน แล้วก็ค่อยๆ คิดค่ะว่าจะจัดการอย่างไรดี เลือกหนทางที่น่าจะเป็นไปได้สุด แล้วลุยเลยค่ะ...นั่งเอาตรีนก่ายหน้าอย่างเดียว ทุกข์คงไม่พ้นไปได้

อาจจะมีหลายคนคิดได้มากกว่านี้ แต่สำหรับแบนศรี 6 ข้อนี้ทำให้ดิฉันรอดชีวิต เป็นชะนีไทยยืนจังก้าท้าความลำบากในต่างแดนมาได้หลายปี ช่วงหลังๆ เริ่มปรับตัวกับการใช้ชีวิตที่นี่ได้ดีกว่าอวบศักดิ์เสียอีก ฮ่าาาา 

หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้คุณขาหลายๆ ท่านได้แง่คิดในการสร้างเมืองนอกเมืองสวรรค์นะคะ 

รักษาสุขภาพกายและใจให้แข็งแรงค่ะ...วันหน้าฟ้าใหม่จะแวะมาเม้ามอยให้ได้พอยซ์อีกนะคะ

ด้วยรักและใส่ใจ...แบนศรี ณ นอร์เวย์ 





Create Date : 15 กันยายน 2568
Last Update : 15 กันยายน 2568 18:42:51 น. 1 comments
Counter : 227 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณ**mp5**


 
แวะมาเยี่ยมครับ


โดย: **mp5** วันที่: 18 กันยายน 2568 เวลา:15:12:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BlogGang Popular Award#21


 
แบนศรี แอนด์ เดอะไวกิ้ง
Location :
Norway

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]









...สงวนลิขสิทธิ์...
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ. 2539

...ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิด...
ไม่ว่าการลอกเลียน ดัดแปลง
ตัดทอนหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใด
ทั้งข้อความ รูปภาพใดๆ
ใน blog แห่งนี้ไปใช้

ทั้งในการเผยแพร่
หรือเพื่อการอ้างอิง
โดยไม่ได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

โดยทั้งนี้เจ้าของบล็อก
จะดำเนินการตามคดี
ที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด

Kanie Mhamui Finebook

Create Your Badge

New Comments
Friends' blogs
[Add แบนศรี แอนด์ เดอะไวกิ้ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.