พาไปเที่ยวกลางดง (ต่อ)
ในตอนที่ 1 ฉันเขียนถึง เหตุการณ์และโปรแกรมการเที่ยวในวันที่ 14 ต.ค. 60 จบไปเรียบร้อยแล้ว
วันที่ 15 พ.ย. 60 เป็นวันเที่ยววันที่ 2 ของพวกเรา แต่โปรแกรมวันนี้ เปลี่ยนแปลงไป
แทบจะไม่ได้เป็นไปตามโปรแกรมเดิม เนื่องจากว่า มีปัจจัยหลายอย่างที่สมาชิกต้อง
ตัดสินใจเอง เจ้าของโปรแกรม ใจดี ให้ผู้มาเที่ยว เป็นคนลงมติเห็นชอบเอง จ้ะ ที่จริง
เช้านี้ พวกเราตามโปรแกรมเดิม เราต้องตื่นไปเดินตลาดกลางดง ซื้ออาหารเพิ่มมาทำกิน
ยังบ้านของปอนด์ แต่พวกเราก็ไม่ได้ตื่นเช้านัก อีกอย่างแยกสถานที่นอนเป็นสองแห่งด้วย
คณะที่พักที่โฮมสเตย์ ตื่นแล้ว ก็มาชุมนุมอยู่ที่ห้องทำการของทาง โฮมสเตย์ ที่นี่ เขามีกาแฟ
โอวัลตีน และขนม บริการด้วย ค่ะ พวกเราเลยมาชุมนุมนั่งกันที่นี่ ส่วนเจี๊ยบ นิด เดือน ก็ไป
ร่วมทอดกฐินกับชาวบ้านกลางดง กลับมาพร้อมกล้วยทอด น่าจะ 3 ถุง มาให้พวกเราทานกันด้วย
มาชมภาพสวย ๆ ของภูดงวดี โฮมสเตย์ กันค่ะ
ความสวยและร่มรื่นของโฮมสเตย์ ภูดงวดี
กาแฟ โอวัลติน และขนม จากโฮมสเตย์ ตอนเช้าตรู่
ถ่ายรูปหมู่ที่โฮมสเตย์ ช่วงเช้า
เก๋ โทรตาม หนึ่ง จากบ้านปอนด์ มารับกระเป๋าของคันที่ไปกับหนึ่ง และทุกคนเตรียมไปพบกัน
ที่บ้านของปอนด์ ไปถึงที่บ้านของปอนด์ ก็มีการทำอาหารมื้อเช้า ง่าย ๆ คือ ไข่เจียว สตูไก่ ฝีมือ เจี๊ยบ
ที่เหลือจากมื้อเมื่อคืนนี้ แล้วก็มีผัดผักที่ยังเหลือจากมื้อเย็นเมื่อคืนนี้ กับข้าวสวยร้อน ๆ
เป็นอาหารมื้อเช้าไป โปรแกรมเดิม จะไปเดินตลาดกลางดง ก็เปลี่ยนโปรแกรมไปเที่ยวสถานีรถไฟ กลางดง
สถานีกลางดง เป็นสถานีเล็ก ๆ แต่ก็จัดมุมสวย ๆ ไว้หลายมุม ให้คนมาเยือนถ่ายรูป
มีแม่ค้ามาขาย น้อยหน่าแก่คนที่มาเที่ยวด้วย ทุกคนรุมซื้อกันใหญ่ เพราะราคาถูก
เพียงกิโลละ 20 บาทเท่านั้น ฉันก็ซื้อกับเขาด้วย เป็นน้อยหน่าหนัง (กลับมาถึงบ้าน ไม่อร่อยเลย)
มาชมรูปของสถานีกลางดง ที่ฉันรวบรวมมาฝาก ค่ะ
อาหารมื้อเช้าที่บ้านปอนด์ มีแม่ครัวเพิ่ม คือ หนึ่ง พจน์ อิอิ
อาหารมื้อเช้า ผ่านไป พวกเราก็เดินไปที่สถานีรถไฟกลางดง ซึ่งไม่ไกลจากบ้านของปอนด์นัก
ไอเดีย ของตากล้อง หนึ่ง ที่ให้พวกเราทำท่าทางอย่างนี้ ค่ะ
อีกท่าหนึ่งของ ตากล้อง หนึ่ง
มุมสวยมุมหนึ่งของ สถานีรถไฟกลางดง
สัญลักษณ์ น้อยหน่า ของกลางดง
ถ่ายรูปหมู่ สาว ๆ กัน กับป้ายสถานีรถไฟ กลางดง
เซลฟี่ กันหน่อย
ซื้อน้อยหน่า กระจายรายได้กันหน่อย
ถ่ายกับเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟกลางดง ค่ะ
ได้เวลาอำลาสถานีรถไฟกลางดงแล้ว พวกเรา ก็ออกเดินทางเพื่อไปเที่ยวต่อ แต่ไม่ได้
ไปตามโปรแกรมเดิม ซึ่งจะขึ้นเขาใหญ่ ชมน้ำตกเหวสุวัต และจะเล่นน้ำที่น้ำตกผากล้วยไม้
อ่าวเก็บน้ำสายศร และผาเดียวดาย แต่สถานที่ดังกล่าว ไม่ได้ไปเลยสักแห่ง เพราะทุกคน
กลัวกลับบ้านดึก เนื่องจากสถานที่เหล่านั้นต้องเดินทางอีกไกลมากพอสมควร จึงตกลงใจ
เปลี่ยนสถานที่เที่ยว ไปเที่ยวกันที่ วัด ถนนโค้ง ซึ่งปอนด์เป็นผู้นำทางไป ก็ดีนะ ได้ไหว้พระด้วย
มาชม วัดถนนโค้งกันจ้ะ มีรูปหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่มาก เลยค่ะ
รูป ปิรามิด ใหญ่โต เป็นจุดเด่นของวัดเลย ค่ะ
พวกเราเข้าแถวกันเพื่อถ่ายรูปกับองค์หลวงปู่ทวด
รูปหลวงปู่ทวด องค์โตมาก พวกเราเข้าแถวกันไปกราบและถ่ายรูปที่มือท่านอยู่บนศีรษะเรา
พวกเราหลังจากไหว้พระแล้ว แล้วก็ออกเดินทางต่อไป ยังน้ำตก ดงพญาเย็น และจะทานอาหารเที่ยงที่นี่
น้ำตกดงพญาเย็น เป็นน้ำตกที่สวยและมีน้ำตกแรงมากพอสมควร อยู่เขตของจังหวัดสระบุรี
บริเวณที่จะเดินลงไป ไม่ไกลนัก มีร้านอาหาร เขาปลูกเพิงเล็ก ๆ ให้นักท่องเที่ยวมานั่ง
และสั่งอาหารของพวกเขา มีแพปลูกอยู่ในน้ำตกด้วย โดยมีสะพานให้เดินลงไปยังเพิงนั่ง
ทานอาหารกันอยู่ในแพน้ำตกด้วย นับเป็นบรรยากาศที่ดีมากทีเดียว มีต้นไม้ร่มรื่น ตรงสะพาน
ที่เดินไปยังเพิงที่นั่งนั้น น้ำไม่ลึกนัก สามารถเล่นน้ำได้อย่างสบาย ไม่ต้องกลัวจมน้ำ นัก
อาหารมื้อเที่ยงที่น้ำตก ดงพญาเย็น รสชาติใช้ได้ทีเดียว
ที่นั่งสำหรับให้นักท่องเที่ยวนั่งทานอาหารกัน อีกด้านเป็นน้ำตก
บรรยากาศขณะทานอาหารมื้อเที่ยงที่น้ำตก ดงพญาเย็น ค่ะ
ถ่ายหมู่ที่เพิงทานข้าวมื้อเที่ยง ค่ะ
นางงาม นิด ลุยน้ำไปถ่ายกับต้นไม้ที่กลางน้ำตก ค่ะ
หนูน้อย หลานชลอ เล่นน้ำอย่างสนุกสนาน
ไม่ได้ลงเล่นน้ำที่น้ำตก ได้แช่เท้าเล่นในน้ำตก ก็ยังดี เนาะ
เด็ก ๆ ถ่ายกับป้าย น้ำตกดงพญาเย็น เป็นที่ระลึก ค่ะ
หลังจากอยู่ที่น้ำตก ชื่นชมกับความสวยงามของน้ำตกได้น่าจะประมาณ 2 ชั่วโมง ก็เป็นเวลา
ประมาณ น่าจะบ่ายสองกว่าแล้ว และทุกคนลงความเห็นว่า จะไม่ไปต่อที่เขาใหญ่ น้ำตกเหวสุวัต
และ ผาเดียวดาย ตามโปรแกรมเดิม จึงอำลาจากกันที่น้ำตกดงพญาเย็น รถคันของฉัน
คือคันของ หนึ่ง มีเก๋ มีเดียร์ ขากลับมี ปอนด์มาอีกคน ที่ หนึ่งต้องไปส่งปอนด์ที่กลางดง
ก่อนจะไปส่งปอนด์ หนึ่งพาพวกเราไปเที่ยวที่ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ก่อน มาถึงที่เขื่อน
เป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว บรรยากาศ ดวงอาทิตย์ใกล้ตก ก็งดงาม ลมโชยมาเบา ๆ
เดียร์ไปซื้ออาหารปลา มาเลี้ยงปลาในเขื่อนด้วย
บรรยากาศ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
บริเวณเขื่อน ลมพัดเบา ๆ เย็นสบายดี
เซลฟี่กันอีกรูป
ปลาชนิดต่าง ๆ ในเขื่อน เช่น ปลาตะเพียนหางแดง ปลาสวาย ฯลฯ
จากนั้น เราก็ผ่านอุโมงค์ต้นไม้ เด็ก ๆ ลงไปถ่ายรูปกัน ฉันกับปอนด์ ขี้เกียจลงไปถ่ายรูป
เลยนั่งรอในรถ มาชมภาพ ค่ะ
อุโมงค์ต้นไม้ งดงามตามธรรมชาติ
ขอแชะกับอุโมงค์ต้นไม้หน่อยนะ
หนูเดียร์ ขอบ้าง ซี่ อิอิ
จากอุโมงค์ต้นไม้แล้ว ก็ไปส่งปอนด์ที่บ้าน และพักกินขนมและน้ำดื่มที่บ้านปอนด์อีกพักใหญ่
เราจึงออกจากบ้านปอนด์ ประมาณ หกโมงกว่าแล้ว หนึ่ง ขับรถดิ่งเข้ากรุงเทพฯ หา โลตัส
เพื่อที่จะพาฉันไปซื้อ ไดร์โว่ เพื่อไปสูบน้ำที่ท่วมตั้งแต่ คืนวันที่ 13 แล้ว แต่อนิจจา
โลตัส ไม่มีขาย ฉันชักกังวล นึกได้ จึงบอกเดียร์ว่า ลองหาจาก อากู๋ ซิ ว่า เครื่องนี้ มีขายที่ไหน
ปรากฎว่า มีขายที่โฮมโปร์ แต่โฮมโปร์ที่ใกล้ ดันปิด สามทุ่ม เราออกจากโลตัสก็สองทุ่มครึ่งแล้ว
แต่โฮมโปร์แถวพระรามเก้า จะปิด สี่ทุ่ม หนึ่งจึงต้องเร่งสปีครถ ขับเร็วมาก มาถึงโฮมโปร์ที่พระรามเก้า
ก็อีก 15 นาที ก็จะ สี่ทุ่มแล้ว หนึ่งให้ฉันกับเดียร์ เก๋ ลงไปที่ร้านก่อน เขาไปหาที่จอดรถ
กลัวร้านจะปิดเสียก่อน เฮ้อ! อะไร ๆ ดูฉุกละหุกกันไปหมด เราก็ถามพนักงานขาย เขาก็พา
ไปดูเครื่องสูบน้ำ มีราคาตั้งแต่พันกว่า ไปถึงสามสี่พัน แล้วแต่ความแรงของวัตต์ ที่จะสูบน้ำ
ฉันเลือกเอาที่มันแรงวัตต์ มาก ๆ แพง ช่างมัน จะได้สูบน้ำได้รวดเร็ว นอกจากเครื่องไดร์โว่แล้ว
ต้องซื้อสายยางอีก รองเท้าบูทยาง กันไฟดูดอีก รูดบัตรไป สี่พันกว่าบาท เฮ้อ !
แล้วก็ต้องไปส่งเดียร์ที่บ้านก่อน จากนั้นจึงขับรถมาส่งฉัน ถึงบ้านก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว หนึ่ง และ เก๋
ช่วยยกกระเป๋าและน้อยหน่าที่ซื้อจากกลางดง แต่ต้องไปฝากไว้ที่บ้านของ พี่นพรัตน์ก่อน
หนึ่งมาช่วย เอาเครื่องไดร์โว่ มาช่วยต่อสายยาง เสียบไฟ เพื่อดูดน้ำ ให้ดูเป็นตัวอย่าง
แล้ว เขา กับเก๋ ก็ลากลับบ้านไป เพราะพรุ่งนี้ทุกคน ต้องทำงาน กัน ฉัน สูบน้ำไปถึงเกือบเที่ยงคืน
น้ำก็ยังเหลืออีกเยอะ เล็ก จึงบอกให้ฉัน สูบน้ำพรุ่งนี้เถอะ คืนนี้ให้ไปนอนที่บ้านของเขาก่อน
พรุ่งนี้ ค่อยมาสูบน้ำต่อ เพราะคืนนี้ดึกมากแล้ว ยังไงก็สูบไม่หมดเร็วนัก
ฉันจึงได้นอนที่บ้านพี่นพ
เล็ก ก็ดีกับฉัน เปิดห้องลูกชายเขา (ซึ่งไม่ได้อยู่) ให้นอน เปิดแอร์ หมอนผ้าห่มพร้อม
อาบน้ำ อาบท่า แปรงฟัน ล้มลงนอนอย่างอ่อนเพลีย อ่อนแรง เมื่อคิดถึงการจัดการบ้าน
ในวันรุ่งขึ้น กรรมจริง ๆ กับเรื่องน้ำท่วมในครั้งนี้ ค่ะ แต่อย่างน้อย ก็ได้ไปพักผ่อนแก้เครียด
กับลูกศิษย์มาแล้ว ก็จะได้มีแรงต่อสู้กับเรื่องราวในวันพรุ่งนี้ค่ะ อิอิ
ขอจบเรื่องทริปกลางดง ไว้เพียงเท่านี้ ค่ะ
ทุกภาพมีแต่รอยยิ้มและความสนุกสนานเลยนะครับ
ลูกศิษย์ของอาจารย์น่ารักมากจริงๆครับ
คอยมาดูแล และพาไปเที่ยว
แบบนี้เชื่อว่าอาจารย์บาดเจ็บของอาจารย์
จะต้องหายเร็วขึ้นอย่างแน่นอนเลยครับ