|
|
|
| | 1 | 2 | 3 | 4 |
| 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
| 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
| 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
| 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
 |
|
|
เที่ยวเมือง หนานจิงและหลันโจว ตอนที่ 1 |
|
เที่ยวเมือง หนานจิงและหลันโจว ตอนที่ 1
ทริปเมืองจีน ครั้งนี้ สืบเนื่องจาก แต๋วส่งโปรแกรมทัวร์ เห็นสถานที่เที่ยวสวย ๆ น่าไป จึงบอกฉันว่า ชวนเกด จัด (ลูกศิษย์ที่เคยจัดไป เลย์ ดาลัด ) ฉันก็เลยสนอง บอกเกด สนใจไหม เพราะเกดเองก็กำลังต้องการหาคนไปจอยค่าใช้จ่าย เพื่อเที่ยวแถวเส้นทางสายไหม อยู่แล้ว เขาก็ยังไม่เคยไปแถบนี้เหมือนกัน ปรากฏว่า เกด ตอบรับทันที่ คงอยู่ในความสนใจของเขาด้วยที่จะไปศึกษาเส้นทางสายไหมด้วย ทริปนี้ เป็นทริปเที่ยว หนานจิง เพิ่งมาอีก 1 วัน เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของสายการบิน จากเดิมบินตรง ได้ยกเลิกไป เพิ่มเงินอีก เก้าร้อยกว่าบาท เพราะต้องค้างคืนที่เหมืองนี้ 1 คืน ทริปนี้ กำหนดเวลาเดินทาง 12-21 ก.ย. 68 จ่าย 70% 21,686 อีก 30% 9,942 รวม 30,980 บาท (เพิ่มอีก 1000 บาท เพราะทางสายการบินเปลี่ยนเที่ยวบิน ต้องค้างที่ หนานจิง อีก 1 คืน เป็นเงิน 31,980 บาท ค่าทริปนี้ เฉพาะ ตั๋วเครื่องบิน ค่ารถไฟไประหว่างเมือง ค่าโรงแรม เท่านั้น เรายังต้องจ่ายค่าประกันการเดินทาง เงินหยวนติดตัว เพื่อใช้ในการกิน ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ (ซึ่งค่อนข้างแพง ) ค่ารถรับจ้างไปยังสถานที่ ต่าง ๆ ค่ารถไฟความเร็วสูงไปเที่ยว เป็นต้น วันที่ 11 ก.ย. ฉันกับจอย มารับฉันที่บ้าน ประมาณ 21.00 น. เพราะทุกคนนัดกันที่สุวรรณภูมิ 10.00 น . เครื่องบินจะบินประมาณ ตีสองเศษ ๆ จอยและฑูรย์ มาเร็วกว่าเวลานัดน่าจะ 10 นาที จอย อยากกินก๋วยเตี๋ยวเป็ดร้าน เซียะ แถวพระราม 4 กินกันคนละชาม แล้วก็ไปสนามบินสุวรรณภูมิ ตรงเวลาตามกำหนด ฉันให้ทริป 200 บาท แก่ฑูรย์ตามที่เคยปฏิบัติทุกครั้งที่ไปรับ ไปส่ง เวลาไปต่างประเทศ ค่ะ เกด พาฉันไปที่ เลานจ์ เพื่อไปใช้สิทธิ์ ขอฝลูกค้า วีไอพี ของธนาคารทหารไทยธนชาต คือเข้าไปกินข้าวหรือกินอะไร ๆ ในเลานจ์ได้ ปีหนึ่งเขาให้กินได้ 2 ครั้ง ไม่เคยกินครบตามสิทธิ์เลย ค่ะ ส่วนใหญ่เป็นอาหารพวกเซนวิช ไวน์ (ซึ่งเราไม่ดื่น ) มีก๋วยเตี๋ยวไก่ ซาลาเปา ฉันเอามาอย่างสองชิ้น เผื่อเอามาให้เพื่อน ๆ ที่ไม่ได้มีบัตรกินด้วยเอาไอศกริม 2 ถ้วย น้ำเปล่าอีก 2 ขวด มาเผื่อเพื่อน ปรากฏว่า เพื่อน ๆ บอกอิ่มอยู่ มีน้ำกินไอศกริมไป 1 ถ้วย เอาน้ำให้จอย 1 ขวด คราวหน้า ไม่เอามาเผื่อใครละ หนักกระเป๋าเราเปล่า ๆ ใกล้ตีสองแล้ว พวกเราก็ขึ้นเครื่องบิน ซึ่งใช้เวลาในการอุ่นเครื่อง นานพอควร เราไปลงที่สนามบิน หนานจิง ตอนเช้า รับกระเป๋ากันแล้ว เรายังเข้าโรงแรมไม่ได้ เพราะยังไม่ถึงเวลา เราจึงต้องเอากระเป๋นไปฝากไว้ที่ สนามบิน ค่าฝากได้ยินกว่า คิดเป็นใบ ใบละ 10 หยวน เลยต้องเอาเป้ใส่กระเป๋าใหญ่ จัดการเรื่องฝากกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เกด จัดการซื้อตั๋วนั่งรถไฟความเร็วสูง เดินไกลมาก ได้รับเหรียญคนละเหรียญเหมือนเมืองไทยเรา นะ เจอที่สวนหย่อมเล็ก ๆ ก่อนถึงช่องทางรถไฟ พวกเราเลยถ่ายรูปที่บริเวณนี้ คนละรูป ค่ะ

สวนหย่อมเล็ก ๆ อยู่ตรงทางที่จะไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน ความเร็วสูง

นั่งรถไฟใต้ดินความเร็วสูง ไม่น่าจะถึงชั่วโมง ก็ออกจากรถไฟใต้ดิน เดินอีกไกลมาก จึงถึงวัดที่ต้องการมาเที่ยว วัดนี้ ต้องเดินขึ้นไปสองด้าน ฉันหมดแรงเดิน ยกมือไหว้อยู่ด้านล่าง ส่วนจอย ก็ขึ้นบันไดไปไหว้พระ แล้วก็ไม่ได้ไปเที่ยวอีกด้านหนึ่ง ซึ่งต้องเดินเยอะ คงมีที่เที่ยวด้านบน ฉันกับจอย นั่งรอ เกด แต๋วและน้อง อยู่ด้านล่าง รอพวกเขาที่ขึ้นไปเที่ยวด้านบน น่าจะชั่วโมงกว่า พวกเขาจึงลงมา วัดนี้ ถามจาก AI บอกว่า ชื่อ วัด จีหมิง มาทราบความเป็นมาสักเล็กน้อย ค่ะ วัดจีหมิง (鸡鸣寺 / Jiming Temple) เป็นวัดพุทธที่เก่าแก่ มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์สามก๊ก (ประมาณ ค.ศ. 300) ตั้งอยู่ใน เมืองหนานจิง (Nanjing / 南京市) มณฑลเจียงซู (Jiangsu) ประเทศจีนเป็นวัดสำคัญและมีชื่อเสียงในหนานจิง โดยเฉพาะช่วงฤดูซากุระ เพราะมีต้นซากุระจำนวนมาก ทำให้เป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยม


รถไฟฟ้าความเร็วสูง ใต้ดิน ค่ะ


วัดจีหมิง ที่หนานจิง สถานที่เที่ยวแห่งแรกของทริปนี้


รูปต่อจากนี้ เป็นรูปทางด้านขวามือของวัด ที่เกด น้อง แต๋ว ขึ้นไปเที่ยว ฉันกับจอยไม่ได้ขึ้นไป ค่ะ


เพื่อน ๆ ขึ้นไปเที่ยวอีกทางบันไดด้านขวามือ ค่ะ




เมืองหนานจิง (Nanjing) เป็นเมืองหลวงของมณฑลเจียงซู ประเทศจีน เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่สำคัญ มีสถาปัตยกรรมโบราณผสมผสานกับความทันสมัย เป็นศูนย์กลางการศึกษา เทคโนโลยี และเศรษฐกิจที่สำคัญ หนานจิงเคยเป็นเมืองหลวงของจีนหลายยุคหลายราชวงศ์ และยังเป็นที่ตั้งของโบราณสถานและสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม มากมาย เช่น สุสานซุนยัตเซ็น วัดขงจื่อ และสุสานหมิง (ไม่ได้ไปสักแห่ง ค่ะ ) ออกจากวัด จีหมิงแล้ว ก็ประมาณเที่ยงแล้ว ก็ต้องเดินหาร้านอาหารกินมื้อเที่ยง กว่าจะได้กินมื้อเที่ยง ก็น่าจะบ่ายกว่า ๆ แล้ว อาหารส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารที่มีการใสหมาล่า เผ็ดและทำให้ลิ้นชาด้วย ฉันกินไม่ได้เลย เพราะมันเผ็ด มื้อนี้ ดูเหมือน ฉันสั่งเกี๊ยวน้ำ ชามใหญ่มาก กินไม่หมด ไม่มีหมาหล้า ออกจากร้านนี้ เราก็ต้องเดินอีกไกล เพื่อไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินความเร็วสูง ลงจากสถานี รถไฟฟ้าความเร็วสูง ก็ต้องเดินต่อไปเจอร้านอาหารในสนามบิน พรรคพวกอยากกินอีกฉันกินอะไรไม่ลง ไม่ได้สั่งอะไร น้องกินเส้นหมี่ น่าจะเป็น ฮาจิบัง 1 ชาม จอยสั่งเป็ด ไม่ได้เหมือนอย่างที่อยากกิน เนื้อก็เหนียวมาก เรียกฉันชิม ฉันหญิบมาชิมชิ้นเล็ก ๆ เหนียวมากเคี้ยวไม่ไหว ชาดา ไม่สั่งกิน ชิมของจอยเหมือนกัน ฉันคิดว่า กลับไปโรงแรม กินไวไว ที่เตรียมมา อร่อยกว่า แน่ กินเสร็จ ก็ไปรับกระเป๋าที่ฝากไป จากนั้น ก็เรียก แท็กซี่กลับโรงแรม เกด น้อง แต๋ว ไปเดินเที่ยวต่อ แต่ฉันกับจอย ไม่ได้ไป ถนอมขาไว้ก่อน เพิ่งวันแรก ๆ ให้สาว ๆ ที่เดินเก่งไปเที่ยวกัน
13 ก.ย. เช้านี้ อาหารมื้อเช้า กินที่ โรงแรม แล้วก็ต้องลากกระเป๋าเพื่อขึ้นรถไฟ ประมาณ 8.50 น. ประมาณ 9.40 น. ถึงสนามบิน เพื่อขึ้นเครื่องบินไปที่เมืองหลันโจว

ชั้นล่างของโรงแรมแห่งแรก ค่ะ

นั่งรถไฟมาสนามบิน เพื่อจะไปหลันโจว เจอภาพภูเขาสายรุ้งของ เมืองหลันโจว เลยถ่ายรูปไว้ ก่อนที่จะไปเจอของจริงที่หลันโจวและจางเย่ ค่ะ


มาถึงเกด ไปจัดการเรื่องเช็คอินตั๋วเครื่องบิน กว่าเครื่องบินจะออกบิน ก็ประมาณ 11 โมง ใช้เวลาเดินทางไปถึงเมืองหลันโจวกว่าจะรับกระเป๋า ออกจาก สนามบิน เดินก็ไกล ดีที่มีจอยช่วยลากกระเป๋าฉันให้โดยจอยไถกระเป๋าไปคนเดียว 2 ใบ ทำไมเขาเชื่อคนที่มา ติดต่อเพื่อให้เราจ้างเขาไปเที่ยวในวันพรุ่งนี้ ว่า โรงแรมนี้ไม่ไกลจาก โรงแรมที่เราจองไว้ เกดเลยไม่จ้างรถ ให้เดินไป คนนั้นบอกว่า ประมาณกิโลกว่า แต่การเดิน มันต้องข้ามถนนตั้งหลายครั้ง รถก็เยอะ เหนื่อยก็เหนื่อย บางที่ต้องข้ามถนนให้เร็ว มีแต๋วคอยเรียก คอยลากมือฉันให้ข้ามถนนเร็ว ๆ เฮ้อ ! เหนื่อยจนลิ้นห้อย นี่สะพายเป้เพียงใบเดียว ฉันยังเดินจนหอบ คนอื่นที่อ่อนกว่าฉัน ฉันเห็นทุกคนหน้าตาก็เหนื่อยไม่น้อย กว่าจะถึงโรงแรมดังกล่าวที่เราจะมาพัก ต่างก็นั่งพักกัน อย่างเหนื่อยอ่อน เมื่อได้ห้องพักกันแล้ว ก็ขึ้นห้องพัก ตอนนั้น ก็น่าจะ บ่าย 3 กว่าแล้วมั้ง นัดกัน ลงไปด้านล่าง เดินไปแถวโรงแรม เจอร้านหนึ่ง ก็เข้าไปสั่งของกิน ร้านนั้น อาหารพอกินได้ ไม่เผ็ด กินเสร็จเดินไป เจอร้านไอศกรีมกิน ฉันกัลจอย กลับเข้าห้องพัก ส่วนเกด น้อง และแต๋ว เขาจะไปเดินเที่ยวต่อ ฉันกับจอยคืนนี้ได้พักผ่อนเต็มที่
ต่อไป เป็นรูปที่ เกด น้อง แต๋ว ไปเที่ยวตอนคืนนี้ แต่ฉันกับจอย ไม่ได้ไป ค่ะ






ภาพนี้ถ่ายที่ สะพานจงซาน (Zhongshan Bridge, 中山桥) หรือที่มักเรียกกันว่า “สะพานเหล็กหลันโจว (Lanzhou Iron Bridge of Yellow River, 黄河铁桥)” ค่ะ ตั้งอยู่เหนือแม่น้ำเหลือง (Huang He, 黄河) กลางเมืองหลันโจว มณฑลกานซู่ เป็นสะพานเหล็กเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1909) ปัจจุบันกลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเมือง โดยเฉพาะเวลากลางคืนที่มีการเปิดไฟสีสันสวยงามดังในภาพ 📍 ดังนั้น ภาพที่คุณถ่ายคือบริเวณริมแม่น้ำเหลือง มองไปยัง สะพานจงซาน (Zhongshan Bridge) ค่ะ



จบไปอีก 1 วัน ฉันกับจอยเลยไม่มีรูปไปเที่ยว จบการเที่ยว 12-13 ค่ะ ติดตามการเที่ยวตอนที่ 2 ต่อไป ค่ะ
| Create Date : 02 ตุลาคม 2568 |
| Last Update : 4 ตุลาคม 2568 8:45:58 น. |
|
10 comments
|
| Counter : 357 Pageviews. |
 |
|
|
| ผู้โหวตบล็อกนี้... |
| คุณร่มไม้เย็น, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณทนายอ้วน, คุณhaiku, คุณtoor36, คุณสองแผ่นดิน, คุณmultiple, คุณดอยสะเก็ด, คุณกะว่าก๋า, คุณNior Heavens Five, คุณชีริว, คุณMeanangtatalim |
โดย: หอมกร วันที่: 2 ตุลาคม 2568 เวลา:18:10:09 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 2 ตุลาคม 2568 เวลา:20:20:33 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 2 ตุลาคม 2568 เวลา:23:20:24 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 4 ตุลาคม 2568 เวลา:5:33:02 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 4 ตุลาคม 2568 เวลา:9:36:54 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 ตุลาคม 2568 เวลา:5:37:40 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 ตุลาคม 2568 เวลา:10:31:05 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 6 ตุลาคม 2568 เวลา:22:04:09 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 ตุลาคม 2568 เวลา:4:32:42 น. |
|
|
|
|
|
 |
|
|
BlogGang Popular Award#21
|
|
|
 |
ฝากข้อความหลังไมค์ |
 |
Rss Feed |
 | Smember |  | ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]

|
เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ
http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif |
|
 |
|