space
space
space
<<
มกราคม 2564
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
space
space
31 มกราคม 2564
space
space
space

ขุนช้าง ขุนแผน ตอนที่ 16/1กำเนิดกุมารทองบุตรนางบัวคลี่


ขุนช้าง ขุนแผน
เรียบเรียงจากเสภา เรื่อง ขุนช้าง ขุนแผน โดย ทักษภณ
ตอนที่   16/1 กำเนิดกุมารทองบุตรนางบัวคลี่

    
กล่าวถึงขุนแผนผู้เรืองฤทธิ์ นอนอยู่บนเตียงถึงเวลาเที่ยงคืน เกิดผวาตกใจตื่น รู้สึกใจไหวหวั่น ด้วยนอนอยู่ผู้เดียวเปลี่ยวใจมาหลายวันคืน ให้รู้สึกคิดถึงเมียรักเป็นยิ่งนัก

“อนิจจาอ้ายขุนแผนช่างร้างรัก มีแต่ถูกควักดวงใจเอาไป แม้แต่คนที่เคยเป็นเพื่อนกัน ยังทำเรื่องผิดน้ำใจกัน แกล้งมาแย่งเอาเมียไปเสียได้  มิหนำซ้ำ ยังไปทูลยุแยง ว่าปีนกำแพงเมืองหนีออกมาหาเมีย

คงเป็นคราวเคราะห์ ผลกรรมมาดลให้พระหฤทัย มิให้ไต่ถามหาความจริง ทรงพิโรธ โปรดปรับเอาเป็นความผิด จนลาวทองต้องถูกขังอยู่ในวัง ทั้งยังห้ามมิให้เข้าไปในวัง มิให้เข้าเฝ้า ซ้ำยังรับสั่งให้เที่ยวตระเวนไพร

ยิ่งคิด เหมือนจะขาดใจตายเสียให้ได้ อ้ายขุนช้างเจ้ากรรม ช่างทำกันได้ ถ้ามิได้ทดแทนมันทำให้หนำใจ ให้ตายเสียยังดีกว่า ฝืนมีชีวิตอยู่

กูจะไปลักวันทองของกูคืนมา ถ้ามันติดตาม จะฆ่าเสียให้ปี้ป่น เกรงก็แต่พระองค์เหนือหัว จะให้ยกรี้พลติดตามเท่านั้น แต่ถ้าเขาไม่เมตตาฆ่าฟัน จะป้องกันเยี่ยงใดได้ ถ้าพลาดพลั้งลงไป คงได้บรรลัยแหลกลงเป็นผงธุลี

ที่ในป่าเขา จะหมายพึ่งผู้ใดได้เล่า เห็นมีแต่โหงพราย กับหุ่นผี แต่ก็เก่าแก่ ฤทธิ์มีแต่เสื่อมถอยลง จะตีต่อ เห็นจะไม่ได้ดังใจนึก จำจะต้อง ตีดาบ ซื้อม้า หากุมาร ทบทวนวิชาให้เชี่ยวชาญ ถ้าได้สิ่งของสามสิ่งนี้ ตามที่ได้คิดไว้ จะอึกทึกมาเยี่ยงไร ก็ไม่กลัว”

ขุนแผน ยิ่งคิด ยิ่งเดือดดาล พลุ่งพล่าน จนฟ้าสางใกล้รุ่งขมุกขมัว รีบลุกขึ้นล้างหน้า จัดเตรียมสิ่งของสำหรับตัวเอง เรียกตาบัวคนเก่าแก่ ให้เข้ามา

“กูจะไปราชการที่ด่านไพร เจ้าเป็นผู้ใหญ่ในเรือนนี้ แต่ผู้เดียว กูจะด้นดั้นเข้าป่า จะเร็วช้าเยี่ยงไร ก็ไม่รู้ได้”

จากนั้นสั่งกำชับผู้คน จัดแจงเอาสิ่งของใส่ในย่าม  กับเงินสามสิบใส่ในไถ้(ถุงยาวสำหรับคาดเอว) เหน็บกริช ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาครู
พอเวลาเช้าตรู่ก็เดินทางมุ่งหน้าเข้าดงดอน นอนค้าง รอนแรม เที่ยวซอกซอน ดั้นด้นไปตาม ตรอก ป่า ซอกเขา เข้าบ้านกะเหรี่ยง ข่า ละว้า มอญ เพื่อเที่ยวค้นหาของสิ่งของที่ต้องการ สามประการ

กล่าวถึงนายเดช กระดูกดำ อยู่บ้านถ้ำ ตั้งตนเป็นซ่องใหญ่ ได้เป็นหมื่นหาญ ชาญชัย เห็นหัวไม้มีฝีมือ เป็นที่เลื่องลือ สูงเกือบสี่ศอก ตากลอกโพลง หนวดโค้งปลายงอนทั้งซ้ายขวา ขอบตาแดงฉาดดังเอาชาดทา ร่างกายแข็งแกร่งกำยำดูน่ากลัว ผมหยิก ยักศก หน้าอกเต็มไปด้วยขน ทนทรหดยากจะผู้ใดเทียบได้
ปลุกเศกเครื่องรางฝังไว้ทั่วตัว เป็นปมปุ่มทั่วไปทัังกาย ยืนยงคงกระพัน ทนทานทุกอาวุธ เหยียบ สะดุด ขวาก หนามปัก ก็หักปี้ป่น

มีทหารตัวดี อยู่ยี่สิบคน ล้วนอยู่ยงคงกระพันทุกคน มีโค กระบือ ช้าง ม้า และข้าไท ออกเกลื่อนกล่นพลุกพล่าน ในบ้านที่ใหญ่โต ตั้งบ้านเรือน เรียงรายกันไป หลายหลัง เครื่องใช้ไม้สอย โต๊ะ ตั่ง ต่าง ๆ อย่างครบครัน

มีสาวๆ ทั้งลาว และไทย รับใช้พรั่งพร้อม ทุกคนล้วนวัยรุ่น สวยคม หอนั่งปูเสื่ออ่อน พร้อมไปด้วยหมอน พรม เครื่องนาก เงิน ทองถม มีอยู่ทั้งสิ้น

ได้นางสีจันทร์เป็นภรรยา มีลูกสาวชื่่อบัวคลี่เป็นสาวรุ่น อายุราว 17 ปี ดูผุดผ่องสวยสำอางดุจนางใน เจ้าเมือง กรมการ ต่างๆ ได้แต่งคนมาสู่ขอ แต่พ่อไม่ยกให้ผู้ใด ได้ช่วยดูแล บ่าว ข้า ทั้งยังช่วยงาน พ่อแม่คุมผู้คน ทำไร่   ทุกๆ วัน

ถ้าแม้นมีแขกแปลกหน้ามาในเขตแดน พวกทหารจับจำไว้ไม่มีเว้น พอพลบค่ำ ก็พาไปป่าแล้วฟันทิ้งฝังดิน บางคนลักช้างเขาหนีมา ถ้าหนีเข้าไปในซ่องต้องห้ามนี้ ถึงเจ้าของเห็นก็ไม่กล้าตาม ต้องหาคนมาเจรจาไถ่ถอน

รุ่งเช้า บัวคลี่ เรียกบ่าวไพร่ไปไร่ สวน บ่าวหนุ่มสาวติดตามมากมาย  ไปรดน้ำผัก ผลไม้ บ้าง
เอาจอบเจาะดินเป็นร่องน้ำบ้าง บางพวก ทำหอห้างไว้ที่กลางไร่ ไว้เวลาแดดร้อนได้นอนนั่ง เป็นที่สบายใจ คอยดูแลข้า ไท ให้ทำงาน

ขุนแผนนั้น เดินทางไปทุกตรอก ทุกบ้าน ตัดลัดป่าเขามาช้านาน จนกระทั่งมาถึงไร่ของหมื่นหาญ พบว่ามีการตัดต้นยางยูงลงขวางลำ ทำเป็นแนวเขตไว้รอบๆ ไร่ เห็นคนทำงานพลุกพล่าน  ให้รู้สึกประหลาดใจ

จึงได้ลัดเลาะ แฝงตัวเข้ามาดู เห็นบัวคลี่อยู่ที่ห้าง นางดูสวยสำอาง ผิวพรรณผุดผ่องนัก ทั้งยังเป็นสาวรุ่น กะทัดรัด ดูงามตา ทำให้ขุนแผนถึงกับตื่นตะลึง ปลาบปลื้ม ลืมตัว ก่อให้เกิดดวงจิตคิดรักใคร่ อยากได้ไว้เป็นคู่เชยชิดชม ครั้นเพ่งพินิจดู ก็เห็นว่า

“นางนั้นต้องตามตำรับนัก เห็นแจ้งตามเป็นจริงทุกสิ่ง ถ้าเกิดบุตรด้วยกัน คนหัวปี จะเป็นชาย นี่นางเป็นลูกเต้าของผู้ใด ถึงได้มีบ่าวไพร่ให้ใช้สอยมากมายหนักหนา ทำไฉนจะได้รู้แจ้งให้มากไปกว่านี้ จะเข้าไปถาม ไถ่ บ่าวไพร่ดู”

คิดแล้วก็แหวกป่า แหวกหนามเข้าไปในไร่ เห็นพวกลาว ไทยนั่่งเล่นเป็นหมู่ๆ พอเห็นคนแปลกหน้ามาด้อมๆ มองๆ ชายหญิงทั้งหมดก็วิ่งพรูเข้ามา บ้างโบกมือร้องบอก

“ออกไป ๆ ไยเข้ามาทางนี้ ลูกสาวท่านอยู่บนห้างข้างต้นงิ้ว  ยังไม่รู้ตัวอีกว่า หัวจะปลิวไปจากตัว
เขาร้องบอก ยังไม่ยอมออกไปทางอื่นอีก กลับมายืนทำตาปริบๆ อีกอ้ายฉิบหาย พ่อของนาง ดุราวกับเสือร้าย เดี๋ยวจะมาตายเสียเปล่าๆ”

ขุนแผนได้ฟังคำบ่าวที่ตะโกนมา ก็แกล้งทำเป็นยอบตัวกลัวลนลาน

“ดีฉานมิได้ทราบว่าเป็นผู้ใด ที่คอยกำหราบ ห้ามผู้ชาย  แล้วนี่ลูกสาว เจ้านาย บ้านเมืองไหน ฉันเป็นคนชาวดง อยู่ป่า อยู่เขา ขออภัยเถิดที่เดินล่วงเกินเข้ามา”

อ้ายพวกบ่าวลาว ไทย ได้ฟังเสียง เห็นว่าสำเนียงการพูด และกิริยาท่าทางผิดไปจากชาวป่า จึงร้องบอกไปโดยพลัน

“ถ้าบิดาของนาง มาเห็นจะเดือดร้อนได้  นี่เซอะซะ เซ่อซ่า มาแต่ไหน แม่บัวคลี่นี่ไซร้ เป็นลูกสาวของหมื่นหาญ มิได้กลัว รั้วของแขวง กรมการใดๆ ใครผ่านมาแถวนี้ ต้องมาตายไปเสียหลายคน
เอ็นดูดอกนะ จึงได้บอกเอาบุญ ถ้าเจ้าคุณท่านมาเห็นจะลำบาก จงเร่งหนีออกไปเสียให้พ้น ข้าเห็นเจ้าเป็นคนกิริยามารยาทดี ถึงได้บอก”

ขุนแผนเมื่อรู้ว่านางชื่อบัวคลี่ เป็นลูกสาวหมื่นหาญอยู่บ้านนี้ เป็นคนดี มีฝีมือเป็นที่เลื่องลือ คิดจะบนบานบ่าวไพร่ให้ชักสื่อ คิดว่าคงจะไม่พ้นมือ ได้ครอบครอง สมอารมณ์หมายเป็นแน่
แต่กลัวว่า ผู้เป็นพ่อคงจะไม่ยินยอมง่ายๆ จะไม่ได้กันจริงจัง แล้วต้องแตกแยกจากกันไป

ครั้นจะสู้รบ ก็เกรงว่าจะอื้อฉาว แตกร้าวกันเสียเปล่าๆ ทั้่งยังจะไม่สมกับที่ได้คิดไว้ จำเป็นต้องไปทอดสนิท กับบิดาของนาง สู้ถ่อมตัว ยอมให้แกใช้สอย อยู่ไปสักหน่อย จะให้แกพอใจ ยอมยกให้เป็นภรรยาได้ไม่ยาก

เยี่ยงนี้น่าจะได้การ คิดดังนี้แล้ว ก็ลาบ่าว ผู้ที่หวังดี ลุกเดินบุกป่า ลัดดงตรงมายังบ้านหมื่นหาญ มาถึงศาลาหน้าตรอก หยุดอยู่นอกประตู เพื่อจะได้บอกกล่าวกับชาวบ้าน ก่อนที่จะเข้าไป อ้ายพวกซ่องมองเห็นก็จ้องมา คุกคามถามว่า


“จะไปไหน”
ขุนแผนบอกกลับไปว่า
“นายเขาใช้งานหนักหนา ทนไม่ไหว ก็เลยหนีมา หมายจะพึ่งพาอยู่ในซ่องของเจ้าคุณ จะได้พึ่งบุญ ไว้ป้องกันตัวในวันข้างหน้า”

พวกซ่องกล่าวว่า
“ถ้าเป็นจริงดังคำที่พูดมา อยู่ที่ศาลาก่อนอย่าได้เที่ยวซุกซนไปที่ใด หากแม้น เซอะเซ่อ เร่อร่า เข้าไป พวกทหารเข้าจับได้อาจดับสิ้นชีวิตได้ เราจะไปบอกกล่าวพวกที่อยู่ข้างใน ให้เข้าไปเรียนท่านหมื่นหาญก่อน”

ว่าแล้วก็ลุกตรงเข้าไปในวงบ้าน บอกกล่าวพวกเหล่าทหารว่า
“มีคนหลบหนีมูลนาย หมายจะมาพึ่งบุญเจ้าคุณเรา”
พวกทหารเข้ามาไต่ถามจนได้ความ ก็วิ่งเข้าไปประนม ก้มเกล้า แจ้งว่า

“มีชายหนีนายมา นั่งซึมเซาอยู่ ฉันห้ามไว้มิให้เข้ามาในประตู”
หมื่นหาญได้ฟังจึงสั่งทหารว่า
“ไปเอาตัวมาบ้านกู ขอดูตัวมันหน่อย”

ทหารรับคำจับหอกได้วิ่งออกไป เข้าไปลากถู ฉุดแขนขุนแผนมา พาขึ้นไปหมอบลงศอกอยู่นอกชาน  หมื่นหาญนิ่ง เพ่งพินิจดูหน้าตา แกเป็นคนเคยเรียนรู้ตำรา เห็นว่ามีลักษณะ ราศีแยบคาย มิใช่คนเซอะ สถุนชาติ 

ผิวพรรณละเอียดอ่อนสะอาด น่าประหลาดนัก คาดว่าคงเล่นเบี้ย เสียถั่ว เสียวัวควาย จนหมดตัว เป็นเหตุให้ตะเกียกตะกาย กระเซอะ กระเซิงมา คิดได้ดังนี้แล้ว ร้องถามไปว่า

“มึงเป็นข้าเจ้าบ่าวใครที่ไหน ชื่อเรียง เสียงไร ไปไหนมา จึงเซ่อซ่า ซมซาน มาบ้านเรา”
ขุนแผนบอกไปว่า

“ฉันชื่อแก้ว อยู่กองข้างหกเหล่า งานราชการที่ด่านมากหนักหนา เหนื่อยจนทนไม่ไหวก็เลยหนีมา พ่อแม่ ภรรยาก็หามีไม่ ยากจน ขัดสน ไปทุกอย่าง จึงได้ดั้นด้นหลบหนีมาเพราะความยากจน

ด้วยกลัวว่าจะหนีเขาไม่พ้นจึงได้มาทางนี้ หมายใจจะอยู่ในซ่องของเจ้าคุณ  ได้พึ่งบุญคุ้มภัยในภายหน้า ถ้าเจ้าคุณเมตตา ปราณี ฉันจะอยู่เป็นข้าไปจนตาย”

พลางเป่าละลวยล่อง ให้ต้องหมื่นหาญ งวยงง สิ้นความสงสัย เพราะฤทธิ์เดชเวทมนต์เข้าดลใจ ทำให้เกิดความรักใคร่ขุนแผน ดุจดังลูกของตน

“นี่แน่ เจ้าเราจะอยู่ด้วยกันไป ถ้าทำดี จะได้รับผลตอบแทนที่ดี ถ้าแม้นมีจิตคิดไม่ซื่อ คงจะป่นเป็นแป้งในแขวงเรา”

ว่าแล้วก็จัดที่พักให้อยู่ ให้ยายไข่ เป็นคนหาข้าวปลา ขุนแผนทำเป็นกลัว หมอบพินอบพิเทา แกล้งลงเข่า ลงศอกหลอกอยู่ทุกวัน จนหมื่นหาญรักใคร่ ไม่คิดหวาด ระแวง เอาไปไว้ใช้ใกล้ชิด

ในซ่องหมื่นหาญนี้ ลูกเมีย ข้า คนใช้ อยู่ปนด้วยกัน ขุนแผนนั้นต้องอดกลั้นใจไว้ ส่วนบัวคลี่นั้น เรียกขุนแผนว่าพี่ทุกครั้ง หาหมากพลูมาไว้ให้ ท่านผู้หญิงก็เอ็นดู โดยไม่ได้หวาดระแวงใดๆ

วันหนึ่ง หมื่นหาญคิดจะไปเที่ยวยิงกระทิงป่า เรียกพลายแก้วเข้ามาถามว่า
“เจ้าจะไปกับข้าฤาว่าไร”
ขุนแผนรับคำว่า
“เจ้าคะ จะไปด้วย”

หมื่นหาญ ฉวยเอาย่าม กับหอกคร่ำสำหรับไปเที่ยวป่า ยื่นมาให้ แล้วสวมใส่เสื้อกั๊ก กางเกงดำ เต้าชนวน สำหรับติดไฟ ใส่คาดไว้ที่เอว จากนั้นแกหยิบปืน และกระสุนแล้วแบกนำหน้าเข้าป่า

ขุนแผนถือหอก ออกไปตามข้างหลัง เข้าดง เดินลัดมาตามป่าไผ่ แลเห็นวัวแดงแฝงอยู่  จึงย่องเข้าไปแอบที่โคนต้นลำแพน ใส่กระสุนปืน เข้าไปบังตัวที่ซุ้มหวาย ยกปืนประทับกับไหล่อย่างมั่นใจ โดยไม่ได้สังเกตว่า วัวมันขยับแหงนหน้าขึ้น

พอแกลั่นไกไป ประกายไฟปราดลั่นเปรี้ยง เสียงสนั่น ปรากฏว่ายิงผิด วัววิ่งสวนขวิดมาทันควัน  หมื่นหาญล้มลงผางกลางแปลง วัวกระทิงวิ่งพุ่งเข้าจะชนซ้ำ

ขุนแผนเห็นรีบโผนจับคางกับเขาง้างไว้ วัวกับคนต่อสู้กันอย่างเต็มกำลัง วัวขวิด คนแข็งขืนไว้ ต่างไม่ยอมแพ้
ขุนแผนหลบเขาลอดขาเข้าคว้าหาง ชุลมุน วุ่นวาย เกิดขึ้นรวดเร็ว ดุจดังกังหัน ขุนแผนกระโดดว่องไว หลบได้หวุดหวิด วัวขวิดไม่ทัน

วัวแหงนหน้าขึ้น ขุนแผนถลันเข้าไปดั้นคอ พอวัวกระโดด ก็กระแทกเข้าเต็มแรง วัวสะดุ้งเฮือก นัยน์ตาเหลือกย่อตัวลง หมื่นหาญแทงซ้ำที่ซอกคอด้วยหอก วัวร้องมอๆ เหมือนจะล้มลง แต่กลับทะลึ่งตัวพุ่งขึ้นมาอีก

หมื่นหาญแทงซ้ำจนวัวเลือดไหลโทรมไปทั้งตัว แล้วมันก็กลิ้งเกลือก ดิ้นจนสิ้นใจตายไป หมื่นหาญถอนหอกออกแล้วออกปากว่า
“หากออแก้วไม่มาช่วยแก้ไข กระโจนเข้าจับได้อย่างว่องไว  กูคงได้บรรลัยในป่าเป็นแน่แท้”

แกเคืองขัดใจไม่เถือเนื้อกระทิง
“แทงทิ้งเสียเถิดออเจ้า เราไปบ้านกันเถอะ”
แล้วจับปืนขึ้นพาดบ่า เดินกลับอย่างลนลาน เดินง่านๆงกๆ บุกป่ามา ลัดเลาะอยู่ไม่นานก็มาถึงบ้าน ขึ้นบันไดได้ก็เดินตรงเข้าบ้าน ทิ้งปืนลงผาง พลางบอกกับภรรยาว่า

“พี่ไปป่าครานี้ เคราะห์ร้ายเกือบตาย ตอนที่เล็ดลอดดอดไปยิงกระทิงผิด มันสวนเข้ามาไล่ขวิดทันควัน ได้ออแก้วเข้าประจันไว้ เราสองคน ต่างออกแรงช่วยกัน มันถึงได้ตาย ถ้าเป็นคนอื่นมิใช่แก้ว เห็นแววว่าชีวิตพี่คงสิ้นเป็นแน่แท้ คุณเขามีอยู่กับเรามากมาย

แน่ ท่านยายอย่าได้น้อยใจไป เราจำเป็นต้องเกื้อหนุนแทนคุณเขา ข้าเห็นว่า ออบัวคลี่ลูกของเรา เหมาะสมเป็นผัวเมียกับแก้ว จึงอยากจะยกให้ ยายอย่าเสียใจ เห็นเยี่ยงไรให้ว่ามา”

ยายสีจันทร์พอได้ฟัง ก็สมดังใจที่คิดไว้ ด้วยแกรักพลายแก้วดังแววตา ครั้นผัวมาปรึกษาก็ดีใจ จึงตอบไปว่า

“ตามใจ สุดแต่ท่านจะปัน ฉันไม่ขัดข้อง ทัดทานใดๆ ถ้าเห็นว่าดีแล้ว ก็ตามใจ ด้วยแก้วมิใช่คนพาล ทุรพลชาติ”
ผัวเมียหลังจากปรึกษากันแล้ว  จึงเรียกพลายแก้วเข้ามาพูดจา

“เจ้าจะอยู่กับข้าไปช้านาน ฤาคิดจะกลับบ้านประการใด ข้าคิดจะปลูกฝัง ให้เป็นลูกเต้า เราจะยกออบัวคลี่ให้แก่ออเจ้า ชอบ ฤาไม่ชอบใจกัน ฉันใด อย่าได้เกรงใจขอให้บอกตามความเป็นจริงเถิด”

พลายแก้วพอได้ฟังดังนั้น รู้สึกสมใจที่คิดไว้ ตอบไปว่า
“ฉันเป็นคนลำบาก ยากจน เซซัง ท่านคิดจะปลูกฝังเป็นลูกชาย ถ้าเจ้าคุณเอ็นดู จะอยู่ด้วย จนกว่าจะตายเป็นผี ก็จะไม่หนีหายไปไหน ฉันเป็นคนกำพร้า ตัวผู้เดียว หมายใจว่าจะฝากชีวิตไว้ ไม่คิดจะไปที่ใดดอก”

หมื่นหาญและสีจันทร์ผู้ภรรยา ได้ฟังคำของพลายแก้ว รู้สึกดีใจยิ่งนัก รีบเรียกข้าไท ให้เข้าไปจัดแจงเรือนชาน เครื่องถ้วย โถ โอ ชาม กระถาง ถาด ทุกสิ่ง ถูกนำมาทำความสะอาด ตั้งวางในเรือนอยู่เกลื่อนกลาด

รวมทั้งโต๊ะ ตั่ง เตียบ ม่าน มุ้ง  ฟูก หมอน ที่นอน ของดีๆ และเครื่องประดับสำหรับห้อง อีกทัั้ง กระโถน ขัน คันฉ่อง กระจก หวี ก็มีพร้อมเพรียง คิดจะจัดให้มีสวดมนต์ แต่ก็ติดขัดที่ไม่มีวัด

“เราเซ่นผี เซ่นสาง อย่างโบราณก็แล้วกัน”
ยายสีจันทร์ผู้มารดา จัดแจงข้าวปลาอาหาร เนื้อหมู ปู ปลา สุรา มากมาย สำเร็จเสร็จสิ้น เรียบร้อยทุกสิ่ง


วันรุ่งขึ้น วันพฤหัสก็จัดแจงตกแต่ง เซ่นวัก แล้วทักขวัญ อวยพร สั่งสอนสารพัด สอนให้กล่อมเกลี้ยง เลี้ยงดูกันจนวันตาย  เมื่อเซ่นวัก ตกแต่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้พลายแก้วเข้าไปอยู่ในเรือนใหญ่ จากนั้นมอบทรัพย์สิน เงินตรา พร้อมทั้งข้าไท

ท่านผู้เฒ่าเข้าไปปูที่นอน พลายแก้ว ประนมมือไหว้ ก้มกราบ ผู้ใหญ่ สั่งสอน หลังจากเสร็จสิ้นแล้ว ก็พากันกลับ เป็นเวลาสิ้นแสงตะวันพอดี

ดึกสงัด เป็นเวลานอน พระจันทร์ส่องแสงสว่างสุกใส ยายสีจันทร์เข้าไป ปลอบประโลมลูกสาว ว่า

    “ดวงใจเจ้าจะไปอยู่กับผัว ให้รักษาตัว ทำตามคำที่แม่สอนสั่ง ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว อย่าได้อาวรณ์ไปเลย แม่จะพาออเจ้าไปส่งตัวแล้วหนา”

    บัวคลี่ ยังคิดวิตกกังวลกับการเข้าห้องหอ แม้ได้ฟังคำมารดา ยังรู้สึกประหม่า ใจสั่นกลัว
    “แม่ทูนหัวของลูก ขอจงได้เมตตา แม่จะไปมอบหมายให้ชายเชยชม ลูกนี้ไม่เคยรู้เดียงสา กับการมีคู่ ขอได้โปรดผ่อนผันก่อนเถิด ขอเวลาอีกสักหน่อยจึงได้ไปเถิดหนา”

    ยายสีจันทร์ ปลอบขวัญลูกสาวว่า
    “ประเวณี มีผัว ออเจ้ากลัวไปไย ไปเถิดแก้วตา อย่าได้กลัวไปเลย อันซึ่งการประเวณี ไม่ต้องมีครู เกรงแต่ว่าจะรู้มากเกินไปเสียมากกว่า ประเดี๋ยวใจจะได้สุข สิ้นทุกข์ร้อน พ่อแม่แต่ก่อนก็เป็นเช่นดังนี้

    ยามเมื่อยายออเจ้า เอาแม่ไปส่งตัว พอเข้าไปชิดใกล้ คิดกลัวจนตัวสั่น แต่พ่อแกช่างฉอเลาะ ออเซาะหนักหนา เฝ้าวอนว่าสารพันจะเอาใจ แม่ฟังไม่เท่าไรใจก็รัก ไม่ช้านักก็หย่อนผ่อนลง ประเวณีเช่นนี้ มีมาแต่ไรๆ จึงได้มีลูกเต้ามากมาย ไม่ต้องเรียนจากครูดอก เรื่องนี้เรียนรู้ได้ง่ายดายนักแล

    เหมือนหนึ่งร้อยด้ายสนเข้ากับเข็ม ยังพึ่งหัดเย็บต้องค่อยๆ เก็บเล็ม พอรู้รสก็หมดเล่มแล้วหนา ไปเถิดอย่ากังวลใจไปเลย ฝ่ายผัวเขาคงจะทำให้ออเจ้าได้เบาใจลงบ้างดอก คงจะได้รู้กันในเวลาชั่วครู่ เสียงไก่ขันมาแล้วลูกแก้วของแม่อา”

    จากนั้นแกเร่งรัด ให้ลูกสาวอาบน้ำแล้ว แต่งตัว หวีผม ผัดหน้า พอเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็นำนางเยื้องย่างมาให้เข้าห้องหอโดยทันที

ตอนที่ 16 ยังมีต่อ..



Create Date : 31 มกราคม 2564
Last Update : 31 มกราคม 2564 7:08:43 น. 1 comments
Counter : 2458 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร


 


โดย: หอมกร วันที่: 31 มกราคม 2564 เวลา:11:27:15 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

0000
Location :
สุรินทร์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
space
space
[Add 0000's blog to your web]
space
space
space
space
space