space
space
space
<<
สิงหาคม 2563
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
space
space
16 สิงหาคม 2563
space
space
space

ขุนช้าง ขุนแผน ตอนที่ 7/3 พลายแก้วแต่งงานกับนางพิม จบตอน


ขุนช้าง ขุนแผน
เรียบเรียงจากเสภา เรื่อง ขุนช้าง ขุนแผน

    
รุ่งเช้าซึ่งเป็นวันดีตามที่ได้กำหนดไว้ นางทองประศรีจัดเรือกัญญาลำใหญ่ (เรือมีเครื่องบังแดดหลังคาทรงจั่ว) ให้บ่าว ข้า ขนขันหมากลงเรือ  เอามโหรี ไปอยู่ด้านท้ายของเรือ

ผู้ที่ถือขันหมากเอก เลือกเอาคนที่จัดว่าสวยๆ ให้นุ่งยกห่มผ้าผวย (ผ้าฝ้ายนุ่ม) ที่งามจับเข้ากันกับผิว   หลังจากจัดการ ทุกสิ่งทุกอย่าง เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ฤกษ์ออกเรือพอดี

ครู่หนึ่งขบวนขันหมาก ก็ถึงท่าบ้านศรีประจัน จึงจอดเรือไว้ที่หน้าสะพานใหญ่ ตาผลวิ่งไปเอาไม้กั้น ต้องเสียเงินทอง ขบวนขันหมาก จึงได้ขึ้นบนบันได ยายเป้าเป็นเถ้าแก่ฝ่ายเจ้าสาว นับขานเงินตราและผ้าไหว้
เห็นว่าครบถ้วนตามจำนวนที่ได้สัญญากันไว้ จึงให้คนขนเข้าไปไว้ในเรือนทันที

จากนั้นฝ่ายเจ้าของงาน ให้คนยกข้าวปลาอาหาร มาเลี้ยงดู คนในขบวนขันหมาก ครั้นกินอิ่มหนำเป็นที่เรียบร้อย ก็พากันกลับมาที่เรือ พอกลับไปถึงท่า ก็แยกย้ายกันไป
เวลาบ่าย พลายแก้ว เอาเหล้ามาทั้งไห ทั้งกับแกล้ม ต้มแกงที่ได้เตรียมไว้ จากนั้นเรียกอ้ายไทยมาสั่งทันที

“เอ็งจงรีบไปบอกขุนช้าง ว่ากูเชิญให้ไปด้วยกัน วานท่านมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวกู”

อ้ายไทยรับคำแล้ว รีบเร่งไปบ้านขุนช้าง ครั้นถึงแล้วมองดู จากนั้นก็ขึ้นเรือนไป เพลานั้นขุนช้าง มานั่งเล่นอ้ายไทย มองเห็นรีบยกมือไหว้ แจ้งเรื่องที่รับหน้าที่มา

“เดี๋ยวนี้พลายแก้วผู้แววไว ได้สู่ขอแม่พิมในที่สุดก็ได้แต่งงานกัน พลายแก้วขัดสนเพื่อนเจ้าบ่าว ให้ฉันมากราบเท้าท่าน ขออย่ารังเกียจ พลายแก้วขอเชิญพ่อไปในวันนี้  ขอให้แต่งตัวไปในเพลานี้เลยขอรับ”

ขุนช้างได้ฟังคำอ้ายไทย เหมือนโดนใครเอาดาบมาผ่ากลางกบาล รู้สึกเสียดายพิมที่ตนชอบพอผูกพันมานานปี ใจเต้นสั่นรัว น้ำตาไหลพราก รีบหันหน้าเข้าข้างฝา คิดว่า

“โอ้ว่าอนิจจาแก้วตาของพี่ เพลานี้เห็นจะไม่ได้เจ้ามาครองดังใจหวัง แต่พี่จะไม่ยอมแพ้ ถึงเจ้าจะเป็นเมียผู้อื่นแล้ว ก็ช่างมันเป็นไร”

จากนั้นไปอาบน้ำ นุ่งผ้ายกทอง ที่พระยาละครให้ ห่มผ้าส่าน (ผ้าขนสัตว์) ปักทอง เสร็จแล้วออกไปทันที พร้อมสะพรั่งด้วยบ่าวไพร่

ครั้นขุนช้างถึงที่อยู่ของพลายแก้ว  เพื่อนเจ้าบ่าว มาถึงแล้ว  นั่งกันพร้อมหน้า จึงชวนกันนั่งดื่มสุรา พอเมามายพูดจากันอื้ออึงไป ตอนหนึ่งพลายแก้วกล่าวว่า

“เจ้าเกลอเอ๋ย อย่าถือสาเลยที่เรากับพิมรักใคร่กัน รู้ว่าเป็นเมียเอ็งกูเกรงใจ เอ็นดูเถิด จงให้แก่เรา”

ขุนช้างได้ฟังดังนั้น งุนงง ทำหน้าเก้อ
“อนิจจา...เป็นของเกลอดอก หาไม่จะไม่ให้เจ้า หากแม้นเอ็งไม่รัก กูจักเอาเอง”

ว่าแล้วก็กรอกเหล้าเข้าปากอย่างสำราญใจ
ครั้นเวลาบ่าย พลายแก้ว พร้อมกับเพื่อนเจ้าบ่าว ออกจากบ้าน ไม่นานก็พร้อมลงเรือ


จากนั้น พากันรีบมายังบ้านศรีประจัน ทั้งหมดก้าวขึ้นบนหอ พบว่าพระสงฆ์สำรวมรอพร้อมสวดมนต์แล้ว เพื่อนเจ้าสาวเข้าห้อมล้อมกัน ออกจากเรือนมาทันที นั่งลงตรงหน้าท่านสมภาร

จากนั้นท่านส่งด้ายมงคลให้ ขุนช้างเห็นพิมกระหยิ่มใจ ตะลึงเขม็งตาเพ่งดู หยิบหมากจากพานจะกิน ผิดจากปาก กลับส่งไปในรูหู เคี้ยวเล่นทั้งที่ไม่มีแม้แต่พลู เพื่อนๆ มองเห็นพากันหัวเราะเฮฮา

พระสงฆ์เริ่มสวดมนต์ กระหน่ำไป เอาน้ำซัดสาดฉุ่มฉ่ำ นางมั่น แม่แปรก แทรกเข้ามา ขุนช้างฉุดข้อมือไว้ นางมั่น ดึงดันจะแทรกไปให้ได้ หันมากล่าวกับขุนช้าง

“พ่อเงาะวางมือฉัน”
ขุนช้างคว้าผ้าจิ้มสะดือ
“ไม่วางฤาไอ้ถ่อย”

ขุนช้างโดนต่อยล้มกลิ้งคะมำหงายท้อง พระสงฆ์สวดมนต์จบลง  ประเคนน้ำชา พระท่านฉันเสร็จเรียบร้อย ก็กลับวัด
นางศรีประจันให้คนยกอาหารหวานคาว เลี้ยงพวกเจ้าบ่าว กินกันอิ่มหนำ ก็พากันกลับ พร้อมของที่ยกมา วางเรียงราย มีตลับถมตะทอง(ถมทอง) กระทงเมี่ยง เป็นต้น

พอตะวันพลบค่ำ ขุนช้าง ก็ลากลับบ้าน เจ้าพลายแก้ว และเพื่อนเจ้าบ่าวคนอื่นๆ พากันมาหานางทองประศรี พูดกับมารดาว่า

“งานเสร็จแล้วจะอยู่ไปใย ช้าง ม้า วัว ควาย  ไร่ นา รวมทั้่งบ้านเรือน หามีใครอยู่ไม่”

นางทองประศรีตอบทันทีว่า
“ค่อยๆ ไปเถิดคงช้า สักห้าวัน ผู้คนทำงานเหน็ดเหนื่อย พึ่งจะเสร็จงานยังไม่ควรเดินทาง เจ้าจงไปอยู่บ้านศรีประจัน ไป กิน นอน อยู่ที่นั่นเถิด เจ้าพลาย”

ครานั้นพลายแก้ว ครั้นถึงเพลาตะวันบ่าย แต่งตัวเรียบสำอางแล้วไปยังบ้านศรีประจัน ขึ้นบนบันไดเข้าไปในหอ ก็มืดค่ำพอดี นอนหอรอครบวันที่กำหนด ด้วยความสุดคิดถึงพิมพิลาไลย

พอครบสามวัน นางศรีประจัน กอดลูกประโลม ด้วยไม่รู้ในกลมารยา

“โอ้เจ้าพิมนิ่มนวลของแม่เอ๋ย  เจ้าไม่เคยให้ชายเสน่หา ร้อยชั่งจงฟังคำของแม่ นี่เป็นคู่เคยครองของเจ้ามาแต่ก่อนแล้ว ร้อยคน พันคน ไม่เคยดลใจ จำเพาะเจาะจงมาได้พลายแก้ว แม่เลี้ยงมิให้สิ่งใดแผ้วพานเจ้า

แม้แต่แนวไม้เปรียะหนึ่งมิเคยต้องตัว พอโตเป็นสาวจะไปเสียจากอก แม่วิตกอยู่ด้วยเจ้า จะทำผิด เนื้อเย็นการจะเป็นซึ่งแม่เรือน ให้ทำเหมือนแม่สอนมาแต่หนหลัง

เข้านอกออกในให้ระวัง จะลุก จะนั่ง ให้นบนอบแก่สามี อย่าหึงหวง จ้วงจาบ ประจานผัว แม่เลี้ยงเจ้ามาก็หวังว่าจะให้ได้ดี ขอให้เจ้ามีความสุขความเจริญทุกเพลาเถิด”

    ศรีประจันสอนลูก จนล่วงเลยเข้ายามแรก ใจคิดว่าพลายแก้วจะคอย จึงกอดปลอบโยนเอาใจ แล้วพาพิมเข้าไปในหอ พอมองเห็น พลายแก้ว เสียงกรุกดังขึ้นพร้อมกับพลายแก้วลุกขึ้นจากเตียง

พิมเมียงมองแอบแฝงแม่ ใบหน้าต้องแสงชวาลา (เครื่องตามไฟชนิดหนึ่ง) ขาวนวลเด่นท่ามกลางแสงไฟ พอสบตาพลายแก้ว ก็ชม้อยก้มหน้าหลบตา นางศรีประจันกล่าวว่า

    “แม่พาพิมมาส่ง จงกล่อมเกลี้ยงดูแลกัน และกัน ให้ยาวนาน ตราบนานเท่านาน จนกว่าชีวิตจะหาไม่ หากผิดพลั้งพลาดไป ให้สั่งสอนกันและกัน ก่อนหนา อย่าตี ด่ากันอึงมี่ หาดีไม่ อยู่ดีเถิดเจ้าทั้งสองมารดาจะไปละ”

    พิมเหนี่ยวดึงแม่ไว้ไม่ปล่อยมือ ฉุด ผลัก วิ่งหมุน ไปมา
    “แม่จะทิ้งฉันไว้ที่นี่ฤา”

    ศรีประจันต้องปลอบนางอีกครา พิมจึงปล่อยมือ จากนั้นนางศรีประจันค่อยๆ เปิดประตูห้อง ย่องออกไป
    พลายแก้วเห็นผู้ใหญ่ไปแล้ว กระหยิ่มยิ้มผ่องใส ด้วยเห็นพิมพิลาไลยนั่งนิ่ง จึงเข้านั่งแอบแนบใกล้ชิดแล้วกล่าววิงวอน

    “ร้อยชั่ง นั่งนิ่งเสียไปใยเล่า พี่อยู่รอคอยเจ้าที่นี่ ถึงสามวัน เข้ามา ร่วมมุ้ง ร่วมหมอนเถิด ร้อนฤา พี่จะพัดให้นอน”

    พลางกระถดเข้านั่งชิดกอดประทับแล้วจูบรับขวัญ
    “นั่งไปใยเล่า ไปนอนเสียด้วยกันเถิด”

    พิมรู้สึกสะดุ้งจั๊กจี้ จึงยิ้มหันหน้ามากล่าวว่า
    “ไฮ้..อย่าเล่นเยี่ยงนี้ ฉันทนไม่ได้ สะกิด เซ้าซี้ จี้ไช อยู่ได้ ไปนอนเถิด ฉันจะยังไม่นอน”
    พลายแก้วลุกเข้าไปในมุ้ง
    “ยุงเจ้าเอ๋ย จุดเทียนมานี่ก่อน”

    พิมยิ้มยืนขึ้นถอดกลอน
    “ร้อนนักจักไปนั่งเล่นให้เย็นๆ”
    เสียงกรุก พลายแก้วฉวยชายผ้าพิมไว้

    “ฟ้าผ่าเถิดเจ้าแก้ว ช่างเป็นคนน่ารำคาญนัก ใช่ว่าจะเร้นหนีไปไหน มาจับมือยื้ออยู่ หิวเหมือนอยากข้าวเจียวฤา ฉันร้อนเหลือเหงื่อตกประปรกกระปรอย มีแป้งหอมน้ำอบลูบตัวบ้าง เอามาทา พอให้เย็นใจบ้างเถิด”
    

พิมเปิดผ้าออกเห็นหน้าอกกลมเปล่งปลั่งดังดอกบัว แม้ว่าแสงสว่างในเพลานี้จะน้อยนักยังดูกระจ่างตา
    “พี่จะหยิบแป้ง ฤาจะแย่งผ้าห่มไว้ นี่กระไร จะสว่างแล้ววฤา เมื่อตอนหัวค่ำทำเป็นซึม”

    พลายแก้วจำใจปล่อยผ้า เปิดโถน้ำอบยื่นให้ กลิ่นหอมตระหลบไปทั่วห้อง
    “รินให้เยอะหน่อย แบ่งกันทา”

    พลายแก้วกล่าวแล้วย่องไปด้านหลัง พิมรู้สึกได้ รินน้ำอบสั่นกระฉอก
    “โอ๋ย..รินรั่วเสียแล้วพิม

    พิมยิ้มละไม
    “มิใช่การวาน อย่ามาจู้จี้ หกแล้วของยังมี จะรินใหม่ อย่ามากวนฉันถอยออกไป ลูบไล้ตัวแล้วค่อยกลับมา”
    “ฟังพี่ว่า เอามานี่้เถิดพี่จะทาให้ ทาด้วยกันเถิดจะเป็นไร”
    ว่าพลางละลายแป้งทา
    “ผินหน้ามาจะผัดให้เป็นนวล”

    จากนั้นจับพัดมากระพือให้แป้งแห้ง ดูดังแตงร่มใบ กอดเคล้าเย้าหยอก เฝ้ายียวน เอาแป้งปะกันไปมา
    “พี่ช่างแกล้งน้องนัก ดูน่าเวทนาเหลือเกิน แต่จะนั่งทาแป้งก็มิได้ ทาตัวให้เย็นหน่อยจะเป็นไร เหงื่อไคลมันน่ารำคาญ”

    “ไหน..เหงื่ออยู่ที่ใด พี่มองไม่เห็นสักนิด เจ้าลวงพี่จริงๆ มาไปนอนเถิด อย่าให้วอนอยู่เนิ่นนาน”

    จากนั้นพลายแก้วกอดสะพาน สะพัก (ระหว่างไหล่กับหน้าอก) จูบเบาๆ พิมยิ้มค้อนด้วยอาการงอน
    “ไฮ้..เหงื่อไคลเปื้อนแก้มเขาแล้วเจ้า”
    “ไหนเหงื่อเจ้าช่างว่าเอา ส่องกระจกดูเอาจะเป็นไร ในมุ้งยุงอออกบินว่อน พี่จะไปดูเสียก่อน”

    พลายแก้วว่าพลางยังคงแอบชิด จะอุ้มไปให้ได้ แม้โดนพิมผลักปัดป้อง แต่ความพยายาม และเรี่ยวแรงของพลายแก้ว มีมากกว่า สุดที่พิมจะขัดขืนไหว

    ครั้นนำพิมเข้าไปในม่านมุ้งได้แล้ว พลายแก้ว ยิ้มระรื่น ประโลมจูบลูบไล้ผมชมชื่น พูดคุยกระซิกกระซี้ด้วยใจเบิกบาน พูดพลอด กอดเคล้า เล่นนิทาน

    พระนารายณ์ อวตารเป็นพระราม เที่ยวตามหานางในท่ามกลางป่าเขา เพราะความงามของนาง ต้องทุกข์ยากลำบาก ตรอมใจจนผอมเหลือง มายังเกาะลังกา ล้างผลาญยักษ์ให้ตายไปมากมาย สิบสี่ปีจึงได้นางกลับมาคืนเมือง พอจบเรื่องก็หลับลงไปด้วยกันทั้งสองคน

จบตอน ที่  7



Create Date : 16 สิงหาคม 2563
Last Update : 16 สิงหาคม 2563 10:16:20 น. 0 comments
Counter : 2472 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

0000
Location :
สุรินทร์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
space
space
[Add 0000's blog to your web]
space
space
space
space
space