space
space
space
<<
กรกฏาคม 2563
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
space
space
12 กรกฏาคม 2563
space
space
space

ขุนช้าง ขุนแผน ตอนที่ 5/1 ขุนช้างขอนางพิม

ตอนที่  ๕/๑ ขุนช้างขอนางพิม
เรียบเรียงจากเสภา เรื่อง ขุนช้าง ขุนแผน
ขุนช้าง ขุนแผน

    ขอกล่าวถึงขุนช้าง ตั้งแต่วันฟังเทศน์มหาชาติ เฝ้าคิดถึงแต่พิมพิลาไลยตกอยู่ในห้วงแห่งความรักตลอดเวลา อยู่ในอาการเศร้าสร้อย หลับตื่นก็ละเมอถึงแต่พิม เวลาผ่านไปเป็นเดือน ก็ยังไม่สร่างซา รู้สึกรุ่มร้อน นั่งนอนไม่มีความสุข เอาแต่นอนกอดหมอน ไม่กินข้าวปลา เหม่อลอยเฝ้าคิดถึงแต่พิม ผู้ใดกล่าวอันใดก็ไม่ได้ยิน  ข้าไทในเรือนไม่มีใครกล้าเสนอหน้า

    อีกริมยืนอยู่ที่บันได ในเพลาจวนรุ่ง ขุนช้างงุ่นง่านอยู่ในห้องมองผ่านหน้าต่าง หูแว่วได้ยินคล้ายดังเสียงของพิม จึงรีบเดินไปเปิดประตู เหลียวมองหาไม่เห็นมีใคร ก็กลับเข้าไปในห้องนอน ร้องละเมอเรียกพิมไปเรื่อยเปื่อย อีกริมได้ยิน คิดว่าเรียกจึง รีบขาน และเข้ามาหา

ขุนช้างได้ยินเสียงขานรับฟังดูหวานจับใจ รู้สึกดีใจหนักหนา รีบแต่งหน้า แต่งตัว  ทั้งที่ยังมองเห็นสิ่งที่อยู่รอบกายไม่ถนัด ในท่ามกลางแสงขมุกขมัว อีกริม คลานมาจนถึงข้างมุ้ง ขุนช้างเห็นรีบคว้ามากอดด้วยความดีใจ กล่าวระล่ำระลักว่า
    “แม่เอ๋ยใยมาในเวลาจวนรุ่ง”
    จากนั้นก็กอดจูบ ลูบคลำไปทั่วกาย อีกริมดิ้น  ขุนช้าง หงุดหงิดบ่น
    “จะดิ้นไปทำไม”
    อีกริมดีใจนึกว่านายรัก จึงนิ่งเงียบ แม้ว่าขุนช้างจะทำเยี่ยงไรก็นิ่งเงียบ ขุนช้างเล้าโลมลูบคลำไปมา รู้สึกว่าทุกสิ่งที่ลูบคลำ มันจะหย่อนยาน ห้อยย้อยมากไป ทำให้คิดว่าไม่น่าจะใช่พิมพิลาไลย ที่ตนหมายปอง จึงถามไปว่า
    “ผู้ใดปลอมตัวมา”
    อีกริม ยิ้มจนเห็นฟันดำตอบว่า
    “อีกริมเจ้าคะ นายเรียกฉันเข้ามาแล้วว่าปลอม ครั้นมิยอมกลัวนายจะไม่พอใจ”
    จากคำตอบที่ได้รับขุนช้างถึงกับอึ้งตกตะลึง ไปชั่วขณะ บ่นโวยวายว่า
    “มันเกิดอันใดขึ้น ข้าเรียกน้องพิม ใยได้อีกริมรีบวิ่งเข้ามา กูเรียกพิม อีกริมขานรับ กูกำลังพล่านมิทันได้ดูหน้า มึงก็มีดในเรือนเหมือนกับพร้า ข้าเลยไขว่ขว้าเคล้าคลึงลูบคลำจนถึงใจ เอาวะไหนๆ ก็ๆไหนๆ แล้ว”

    จากนั้นก็เกิดสิ่งอัศจรรย์ในคงคา เรือแพกระฉอกสั่นไหว ขุนช้าง เพลิดเพลินเจริญใจ หยอกเย้าเคล้าคลึง ลูบคลำอีกริมจนรุ่งสาง ขุนช้างออกมาจากห้อง มาล้างหน้าที่หน้าต่าง หยิบพานหมากมาวาง รู้สึกจิตใจพลุ่งพล่าน คิดถึงแต่พิม อมหมากอ้าปากค้าง รีบออกจากเรือน เข้าไปกราบแม่เทพทอง นั่งนิ่งไม่พูดจา
    แม่เทพทองผู้มารดา เห็นหน้าขุนช้างสีหน้ามัวหมอง ท่าทางผิดปกติ ยกมือทั้งสองลูบศีรษะขุนช้าง ด้วยความเอ็นดู
    “เจ้าซูบผอมเอวไหล่บางลง หน้าดำคล้ำเหมือนดินหม้อ ขี้ไคลดูท่วมคอ มีทุกข์โศก เป็นโรคกระไร จึงหม่นหมองเป็นหนักหนา บอกแม่มาอย่าปิดบัง ดูซิถามก็ไม่พูด ปวดหัวบ้างฤาไม่”
    ขุนช้างฟังแม่ถามคิดจะบอก ได้แต่อัดอั้น พูดไม่ออก สะอึกสะอื้น สุดท้ายร้องไห้โฮ ใช้มือเช็ดน้ำตาพลาง กล่าวว่า
    “หลังจากแก่นแก้วตายแล้ว เป็นหม้ายทรมานมาปีกว่า ลูกไม่มีความสุข เฝ้าคิดถึงเมียรักเป็นหนักหนา ทุกเช้าค่ำได้กินแต่น้ำตา ทุกข์ของลูกนี้หนักนัก เหมือนคนโค่นต้นไม้ทับกระดูกแตกแหลกละเอียด อกเป็นหนอง โรคนี้ร้อยปีมิมีวันหาย มีแต่หนักขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันตาย
เงินทองมีอยู่มากมาย จะหายหรืออยู่มิได้สนใจ 

หญิงอื่นหมื่นแสนลูกไม่เห็นว่าผู้ใดจะเป็นแม่เรือน ช่วยประคับประคองรักษาทรัพย์ ลูกเที่ยวดูทั้งเมืองสุพรรณ เห็นแต่พิมพิลาไลยที่อยู่บ้านท่าพี่เลี้ยง ลูกยายศรีประจันเท่านั้น รักกันกับข้ามาช้านาน

กลัวว่าจะมีท้องจะได้อายเพื่อนบ้าน คอยรบเร้าให้ไปสู่ขอ เร่งเร้าเช้าค่ำลูกรู้สึกรำคาญและสงสาร ผู้ที่จะช่วยได้มีแต่มารดาเท่านั้น แม่จงปราณีกับลูกช้าง ไปขอนางดูสักหน ถ้าแม่ของหล่อนไม่ยินยอม ลูกจะพาพิมหนีจากเรือน แต่ถ้าแม่ของพิมยินยอมพร้อมใจ เรื่องสินสอดจะไม่ให้อายผู้ใดเป็นแน่ เดือนนี้ข้างขึ้นเป็นวันดี ลูกจะเสกขี้ผึ้งให้แม่สี แม่จงเมตตาปราณีวันนี้เป็นวันดี แม่จงรีบไปเถิด”
    นางเทพทองผู้เป็นมารดา ได้ฟังคำของขุนช้างหาเชื่อไม่ ตอบกลับคำขอของขุนช้างว่า
    “พิมพิลาไลยเป็นหญิงงามล้ำในเมืองสุพรรณ ส่วนเอ็งรูปอัปลักษณ์สุดทน พยายามไปจะเสียแรงเปล่า แม่จะเปรียบเทียบให้เข้าใจมากขึ้น พิมนั้นงามเด่นดังจันทรา ส่วนเอ็งนี้เหมือนเต่านาในโคลนตม มาปรารถนาชมจันทร์  เอ็งพอจะเข้าใจได้แล้วฤาลูก

เงินทองที่มีกองไว้ทำไม เอ็งก็ขนเข้าไปในกรุงศรีอยุธยา เลือกหางามๆ ที่ต้องใจ หรือจะหารูปร่างดุจกินนรก็ได้ เอ็งอย่ากังวลไป เงินทองมีมากมาย จะไปงอนง้อเขาทำไม แล้วที่เป็นเพื่อเล่นกันมา เมื่อยังเป็นเด็กมันด่า เอ็งไอ้หัวล้านชัดทุกคำ กูรำคาญ”
    ขุนช้างกล่าวแก้ว่า
    “เป็นผัวเมีย ฤาจะกลัวการบ่นด่า ตอนเป็นเด็กไม่ยำเกรง เพราะเล่นตามประสา จึงโดนด่า ครั้นโตเป็นหนุ่มสาว ได้อิงแอบเกิดความรักขึ้น รู้สิ่งควรมิควร จะวิตกในข้อนั้นไปใย สงสารเจ้าพิมพิลาไลย ลูกได้ให้สัญญาเป็นถ้วนถี่ รับคำมาเป็นมั่นเหมาะ ว่าจะมาแต่งในสามราตรี พิมว่าถ้าลูกไม่ไปขอ จะผูกคอตายเสียหาอยู่ไม่

ลูกคิดว่าถ้านางตาย ลูกมิขออยู่เป็นคน จะเอามีดพร้าผ่าหัว สับเนื้อตัวให้ปี้ป่น แม่ไม่ปราณี ลูกก็จนใจด้วยมิรู้ว่าจะไปพึ่งผู้ใด”
    จากนั้นยกเท้าของมารดาขึ้นมาบนศีรษะ แล้วเกลือกกลิ้งไปมาร้องไห้ สลับกับเอามือทุบหัวล้าน ทั้งที่น้ำตาน้องหน้า นางเทพทองทนไม่ไหวร้องตวาดว่า
    “อ้ายนอกครูอุบาทว์ ห้ามไม่ฟัง มึงกล้าพูดโกหก ว่าเป็นชู้ไปมาหาสู่พิม ไม่คิดเจียมตัวอ้ายหัวพรุน รูปร่างอ้วนกลมเหมือนกระชุนุ่น กูไม่เห็นใครเขาจะชอบใจ

นางพิมพิลาไทยเขางามนัก อกเอวอ้อนแอ้นดังกินนร ฤาจะมาสมสู่กับหมูหมา ให้เพื่อนบ้านติฉินนินทาได้ มึงช่างพูดแต่เรื่องไม่จริง เป็นไปไม่ได้ กูไม่อยากเดินไปให้เหนื่อย เมื่อยหัวแม่ตีนเปล่าๆ อย่ามาร้องไห้เซ้าซี้ กลับเรือนให้พ้นกู”
    ขุนช้างโดนแม่ด่า มิอาจทนอยู่ได้ รีบลุกกลับออกมา ถึงเรือนเปิดมุ้งเข้านอนคุดคู้คร่ำครวญ
    “โอ้พิมของขุนช้างเอ๋ยเมื่อใดจะได้เคียงคู่หนอ อกพี่นี้ดังไฟสุม เจ็บเจียนตายแล้ว รักใครไม่เหมือนรักพิม เจ้างามรูป งามจริต งามทุกสรรพสิ่ง ส่วนตัวข้านั้นกระไรเลยหัวล้านเลี่ยนเตียนโล่ง

ถ้ากูพบฤาษีชีพราหมณ์ จะให้ชุบให้เหมือนพระราม กรีดกรายให้นางสีดามารัก แต่อนิจจาตัวพี่นี้ มิมีอันใดที่น่าดู จะเกี้ยวผู้ใดก็ทำไม่เป็น ที่ผ่านมามีแต่เล่นปล้ำเอา กูจะนอนหน้าคว่ำนิ่งด้วยความ ทรมาน ทรกรรม อยู่ใย

เพลาบ่าย พิมจะออกจากบ้านกับข้าไทไปเล่นน้ำ กูจะพาบริวารไป เดชะบุญของขุนช้าง ถ้าพอจะติดสินบนผู้ใดได้บ้าง สิ้นไปสักเก้าชั่ง สิบชั่งจะเป็นไร เยี่ยงนี้คงได้การเป็นแน่”
    หลังคิดได้เยี่ยงนี้ รีบลุกดูท้องฟ้า เห็นว่าตะวันบ่ายแล้ว
    “อุแม่..ตะวันบ่ายได้เวลาแล้ว”
    ขุนช้างเรียกข้ามาหลายคนหยิบถุงใส่เงินได้ห้าชั่ง ผุดลุกผุดนั่งวุ่นวายไปมานุ่ งผ้ายก แต่งตัวทาน้ำมันจันทน์หอมฟุ้ง
คาดเข็มขัดดูรุ่มร่าม ไม่เข้ากันกับผ้านุ่ง มีขนอกขึ้นเต็มจนถึงพุง รีบไปจากเรือน ติดตามด้วยบ่าวไพร่จำนวนมาก เป็นขบวนใหญ่ ขุนช้างเห็นผู้คนต่างมุงดู จึงกล่าวว่า
“ผู้ใดทำให้ขายหน้ากูจะเฆี่ยนหลังให้ลาย”
ครั้นไปถึงท่าน้ำที่พิมพิลาไลยอาบ หันมากระซิบกระซาบกับบ่าวไพร่ ให้แอบซุ่มอยู่แต่ไกล เขามาก็อย่าให้เห็นตัว ส่วนขุนข้างแอบที่พุ่มชิงชี่ต้นหนึ่ง ฉวยผ้าขาวม้าคลี่พันหัว นั่งยิ้มหน้าบาน คอยพิมด้วยสีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข

ตอนที่ 5 ยังมีต่อ...



Create Date : 12 กรกฎาคม 2563
Last Update : 12 กรกฎาคม 2563 22:22:36 น. 1 comments
Counter : 2145 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร, คุณnewyorknurse


 
0000 Book Blog ดู Blog
ขุนช้างนี่ผู้แต่งไม่เข้าข้างเอาเสียเลยจ้า



โดย: หอมกร วันที่: 12 กรกฎาคม 2563 เวลา:22:36:28 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

0000
Location :
สุรินทร์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
space
space
[Add 0000's blog to your web]
space
space
space
space
space