๑ กันยายน ๒๕๖๑ // 2018年9月1日 // September 1, 2018
วันนี้รู้สึกอ่อนเพลียและง่วงนอนมาก
วันนี้เป็นวันครบรอบ 22 ปีที่ยามะพีทำงานในวงการบันเทิงมา นานแล้วเนอะ เพราะเขาเข้าวงการมาตั้งแต่ยังเด็ก อายุ 11 ขวบเอง
ก็ขออวยพรให้เพื่อนรักของฉันคนนี้ ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานยิ่ง ๆ ขึ้นไป ส่วนบล็อกที่รวบรวมผลงานของยามะพี ก็รอแป๊บนึงนะ ตอนนี้ เหลือเพียงแค่แคปรูปมาใส่ ก็เสร็จแล้ว
ส่วนเรื่องการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ฉันก็ยังคงดูอย่างต่อเนื่องเหมือนเดิม ดูตั้งแต่วันแรกที่มีการแข่งขัน จนถึงวันสุดท้าย พรุ่งนี้ก็มีพิธีปิดแล้ว ฉันก็ทยอยทำบล็อกไปเรื่อย ๆ ยังไม่เสร็จเลย กีฬามันมีเยอะ มีตั้งหลายอย่าง ทีมชาติไทยเราก็ลงแข่งขันหลายอย่าง ก็ต้องทยอยทำบล็อกไป
ตอนนี้ ฉันก็กำลังเครียด ๆ เบื่อปัญหาที่ตัวเองไม่ได้ก่อ แต่ต้องมารับ มาแบกทุกข์ไปด้วย ฉันอยู่ของฉันดี ๆ อยู่สงบ ๆ ไม่อยากมีเรื่องมีราวกับใคร แต่ก็มาดึงฉันไปเกี่ยวข้อง แค่ปัญหาของตัวเอง ก็เหนื่อยพออยู่แล้ว ไหนจะเรื่องปัญหาสุขภาพร่างกายของตัวเองอีก เฮ้อ... เครียด
ฉันเบื่อการไม่ควบคุมอารมณ์ของคน เป็นคนปากไว มันส่งผลเสียกับตัวเองมาก ๆ ฉันเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ได้ค่อนข้างดี ตอนนี้ ก็จะพยายามควบคุมอารมณ์ให้มากกว่าเดิม
หน้าตาฉันมันเป็นยังไงวะ? (ขอโทษที่ไม่สุภาพ ) มันไม่น่าเกรงขาม มันไม่ดุเหรอวะ ถึงไม่มีใครเกรงใจ
ฉันมองหน้าตัวเองในกระจก "เออ หน้าตาฉันมันไม่ดุเลย แต่เป็นคนหน้าเฉย" ไม่ยิ้ม ไม่บึ้ง ไม่สดใส ไม่ดุ แต่เป็นคนหน้าเฉยชา ไร้อารมณ์ มิน่าล่ะ ถึงไม่มีใครกลัว ไม่มีใครเกรงใจ ฉันต้องทำยังไง หน้าตาถึงจะดุ ฉันอยากให้คนเกรงใจฉันบ้าง
ถ้าให้เปรียบว่าฉันทำหน้าคล้าย ๆ คนไหน ก็คงจะต้องบอกว่าคล้าย ๆ กับยามะพี ไม่ได้หมายความว่าฉันหน้าตาดีเหมือนยามะพีเขานะ 55555555555555 แต่หมายความว่า"ทำหน้าเฉย ๆ ไม่ได้ยิ้มเก่ง แต่ก็ไม่ได้หน้าบึ้ง" หน้าฉันเป็นแบบนั้นแหละ ทำหน้าตาแบบนั้นเหมือนยามะพี คนถึงไม่เกรงใจฉัน เห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอ คิดจะทำอะไรก็ทำ คิดจะขออะไรก็ขอ ฉันว่าฉันควรฝึกตัวเองให้หน้าดุบ้างแล้วแหละ เพราะถ้าจะฝึกตัวเองให้เป็นคนทำหน้าตาสดใส ร่าเริง คงจะยากแล้ว แต่ฝึกให้ตัวเองหน้าดุ ก็ยากเหมือนกัน 55555555555555555
เพราะฉันเอง ก็ทำหน้าแบบนี้ หน้านิ่งเฉย ไม่มีความรู้สึก ไม่แสดงว่าพึงพอใจหรือไม่พึงพอใจ ไม่แสดงออกอะไร ทำแค่เฉย ๆ นิ่ง ๆ เหมือนไม่รู้สึกอะไร ทำแบบนี้มาตั้งแต่จำความได้ มันก็ชินไปแล้วอ่ะ
ใครชมเรา เราก็ยิ้มนิด ๆ ใครว่าเรา เราก็ยิ้มนิด ๆ คือทำหน้าแบบเดิมตลอดเลยอ่ะ เบื่อตัวเองเหมือนกันที่เป็นแบบนี้
แต่พ่อกับแม่บุญธรรมของฉัน เป็นคนที่หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสนะ หน้าตาดูใจดีและเป็นมิตร ช่างพูดช่างคุย แตกต่างกับฉัน ที่ฉันเป็นคนเงียบเฉย หน้าตาเฉย ๆ ไม่ค่อยยิ้ม ไม่ค่อยพูด เก็บความรู้สึก ไม่ค่อยแสดงออก ยกเว้นว่าจะเหลืออดจริง ๆ ซึ่งมันก็น้อยมากที่ฉันจะเหลืออด เพราะฉันเป็นคนที่อดทนเก่ง ใครด่า ใครว่า ใครพูด ใครชม ใครพูดอะไร ฉันไม่สนใจเลย ไม่แสดงออกอะไรทั้งนั้น 55555555555555555555 เก็บความรู้สึกทุกอย่างไว้ในใจตลอด เก็บไว้พูดคนเดียว 55555555555555555 เก็บไว้ชิงชังคนเดียวที่หน้ากระจก 5555555555555555555 ไม่ว่าใครจะพูดอะไร ฉันอดทนได้เสมอ ขออย่างเดียว"ห้ามมาโดนตัวฉัน!!" ถ้ามาแตะต้องตัวฉัน ฉันคงจะไม่ทน
แต่วันนี้ ฉันรู้สึกอยากจะกล่าวขอบคุณพ่อบุญธรรมของฉัน เรื่องราวของวันนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้น ขอบคุณที่พ่อเลี้ยงฉันมาแบบนี้ เลี้ยงให้ฉันมีความอดทน ถึงแม้ฉันจะเป็นเด็กผู้หญิง เป็นลูกสาว แต่พ่อก็ไม่ได้เลี้ยงฉันให้ดูเป็นคุณหนูหรือเจ้าหญิง พ่อไม่เคยสอนให้ฉันทำตัวอ่อนแอ บอบบาง น่าทะนุถนอมเลย พ่อกลับสอนให้ฉันเป็นเด็กผู้หญิงที่เข้มแข็ง อดทน พ่อไม่เคยโอ๋ฉัน พ่อไม่เคยวิ่งเข้ามาเมื่อฉันล้ม พ่อไม่เคยเปิดโอกาสให้ฉันได้ทำตัวเป็นเด็กสาวผู้บอบบางเลย พ่อสอนให้ฉันเป็นเหมือนเด็กผู้ชายคนนึงด้วยซ้ำไป
ตอนที่ฉันเป็นเด็กหญิง ฉันถึงไม่เคยเรียกร้องให้ใครมาสงสารฉันได้ เพราะฉันไม่เคยอ่อนแอให้ใครได้เห็น
พ่อเป็นคนที่ขี้เกรงใจ พ่อก็เลยต้องสอนให้ฉันเข้มแข็ง และไม่รับความช่วยเหลือจากใครอย่างเด็ดขาด ถ้าไม่จำเป็น ขนาดตอนเด็กที่ขึ้นรถเมล์ พ่อยังไม่ให้ฉันนั่งเลย 555555555555 มีคนลุกให้ฉันนั่ง พ่อก็ไม่ให้นั่ง พ่อบอกกับคนที่ลุกให้ฉันนั่งว่า"ไม่เป็นไรครับ ผมอยากให้เขายืน"
ไม่ว่าจะยังไง จะไปไหน ทำอะไร ร้อนก็ต้องทน เดินไกลก็ต้องเดิน ฝนตกก็ต้องเปียก ไม่มีทางที่พ่อจะพาฉันไปหลบที่บ้านใคร ไม่มีทางที่พ่อจะขอความเห็นใจจากใคร ไม่มีทางที่พ่อจะอ้างฉันเพื่อขอความเมตตาจากใคร
ฉันเติบโตขึ้นมาในวันนี้ วันที่ฉันจะอายุ 31 ปี ความจริงแล้ว อายุเท่านี้ ฉันสามารถเป็นแม่คนได้ ฉันมองดูพ่อแม่ของเด็ก พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกแบบโอ๋ ๆ ไม่สามารถทนร้อนหรือทนฝนได้ ฉันก็ได้แต่แปลกใจ แล้วทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า "ทำไมฉันในตอนเด็ก พ่อถึงฝึกให้ฉันอดทนได้"
และตอนเด็ก ฉันเป็นเด็กที่ป่วยเป็นโรคหอบด้วยนะ แต่พ่อก็เลี้ยงฉันแบบนั้น แบบฝึกความแข็งแกร่ง 55555555555 ทนร้อน ทนฝน ทนทุกอย่าง ตอนนี้ เมื่อเกิดการเปรียบเทียบวัยเด็กของฉันที่พ่อเลี้ยงฉันมา กับเด็กผู้หญิงในตอนนี้ที่พ่อแม่ของพวกเขาคือรุ่นเดียวกับฉัน ฉันรู้สึกว่าการเลี้ยงดูมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เมื่อเกิดการเปรียบเทียบ ก็ทำให้ฉันรู้สึกดีใจที่พ่อเลี้ยงดูฉันมาแบบนั้น ฉันชอบที่จะเป็นคนที่มีความอดทน มีความขี้เกรงใจ อยู่ง่ายกินง่าย เข้มแข็ง แข็งแกร่ง เอาตัวรอดได้ ไม่พึ่งพาใครหรือถ้าจะพึ่งพาใคร ก็ต้องพึ่งพาให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ฉันรู้สึกขอบคุณพ่อที่สอนให้ฉันเป็นแบบนี้ "มีความอดทน มีความขี้เกรงใจ มีมารยาท" แม้ฉันจะเป็นลูกสาวของพ่อ เป็นเด็กผู้หญิง แต่พ่อก็ไม่เคยเอาเรื่องนั้นมาอ้างเพื่อขอความสงสารจากใคร พ่อสอนให้ฉันเป็นเหมือนพ่อ มีนิสัยเหมือนผู้ชาย
ฉันดีใจที่พ่อสอนฉันแบบนั้น นิสัยที่มีความอดทน มีความขี้เกรงใจ มีมารยาท เลยติดตัวฉันมาจนถึงตอนนี้ ทำอะไรก็ทำด้วยตัวเอง ทนแดด ทนฝน ไม่เคยบ่น จะหนัก จะยาก จะลำบาก ทำด้วยตัวเองทั้งนั้น ไม่เคยขอร้องหรืออ้อนวอนให้ใครมาสงสาร ดีใจมาก ไม่เสียใจเลยที่เป็นคนแบบนี้มาเกือบ 31 ปี
ถ้าวันข้างหน้า ฉันมีโอกาสได้มีลูก ฉันก็จะสอนลูกแบบนี้แหละ แบบเดียวกันกับที่พ่อสอนฉัน ไม่ว่าจะเป็นลูกสาวหรือลูกชาย ยิ่งลูกชาย ยิ่งต้องหนัก แต่ฉันคงไม่มีหรอก แก่แล้ว 555555555555555555555 อีกอย่าง ฉันก็ไม่อยากจะมี เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ก็ไม่แน่ วันข้างหน้า ฉันอาจจะมีลูกบุญธรรมก็ได้ เหมือนที่พ่อกับแม่มีฉันไง อืม... ถ้าแบบนั้น ฉันอาจจะมีก็ได้นะ
Facebook Twitter |