Welcome to my blog
3 วัน 2 คืน ฮานอย+นิงห์บิงห์ เมืองประวัติศาสตร์พันปีแห่งเวียดนามเหนือ (ตอนที่ 2: จ่างอัน+ไบ่ดิงห์)

สถานที่ท่องเที่ยว : แหล่งภูมิทัศน์จ่างอัน (Trang An Sceninc Landscape) Complex), Vietnam
พิกัด GPS : 20° 15' 39.42

วันที่สอง

หลังจากที่เราเที่ยวกรุงฮานอยในวันแรกไปแล้ว ในวันที่สองของทริป เราจะขยับไปเที่ยวปริมณฑลของกรุงฮานอยกันบ้าง ซึ่งจังหวัดที่นักท่องเที่ยวชอบไปกันก็คงหนีไม่พ้น จังหวัดนิงห์บิงห์ (Ninh Binh) ซึ่งเป็นที่ตั้งของแหล่งมรดกโลกชื่อดังที่คนไทยรู้จักกันในนาม ฮาลองบก ครับ


นิงห์บิงห์ (Ninh Binh) เป็นจังหวัดที่อยู่ในภูมิภาค ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแดง (Red River Delta) ซึ่งถือเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของเวียดนาม เช่นเดียวกับกรุงฮานอย

ที่นี่มีประวัติการตั้งถิ่นฐานของผู้คนชาวเวียดนามมานับพันปี ทำให้มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน อดีตราชธานีของเวียดนามอย่าง ฮวาลือ (Hoa Lu) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการปกครองในยุคราชวงศ์ดิงห์ และราชวงศ์เล ก็ตั้งอยู่ในจังหวัดนี้ครับ

นอกจากนี้ สิ่งที่โดดเด่นมากๆของจังหวัดนิงห์บิงห์ ก็คือภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตาที่มีความสวยงาม ว่ากันว่า จังหวัดนี้มียอดเขาจำนวน 99 ยอด จึงถือกันว่าเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ คณะปฏิวัติของโฮจิมินห์ จึงตั้งฐานทัพขึ้นที่นี่เป็นแห่งแรกก่อนทำการสงครามกับฝรั่งเศสเพื่อแยกเวียดนามเป็นประเทศเอกราช

นิงห์บิงห์ถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดของเวียดนามที่มีที่เที่ยวเยอะมาก พวกนักท่องเที่ยวฝรั่งโดยเฉพาะสายแบ็กแพ็คเกอร์จะนิยมมาพักค้างคืน จากนั้นก็จะเช่ามอเตอร์ไซค์เที่ยวตามจุดต่างๆ แต่สำหรับคนที่มีเวลาน้อยแบบเรา ก็สามารถซื้อทัวร์แบบ One day trip จากกรุงฮานอยมาเที่ยวที่นี่ก็ได้ โดยทัวร์จังหวัดนิงห์บิงห์จะมีให้เลือกหลายโปรแกรม ส่วนใหญ่ในช่วงเช้า เค้าจะพาเราไปเที่ยว วัดไบ่ดิงห์ (Bai Dinh Pagoda) หรือ เมืองโบราณฮวาลือ (Hoa Lu) อย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนในช่วงบ่ายก็จะพาเราไปล่องเรือชมภูเขาหินปูน ซึ่งจะมีให้เลือกหว่าง ตามก๊ก (Tam Coc) หรือ จ่างอัน (Trang An) นอกจากนี้ บางทัวร์ก็อาจจะมีโปรแกรมในช่วงเย็นด้วย แต่ราคาก็จะบวกขึ้นไป เช่น พาไป จุดชมวิวถ้ำมัว (Mua Cave), ปั่นจักรยาน, เรียนทำอาหาร เป็นต้น

ทัวร์พวกนี้ยังแบ่งได้ออกเป็น 2 เกรดคือ รถบัสมาตรฐาน (Standard bus) กับ รถลีมูซีน (Limousine) ครับ ข้อดีของรถลีมูซีนคือ จำนวนลูกทัวร์จะน้อยกว่า ที่นั่งกว้างกว่า และอาหารกลางวันดีกว่า แต่ราคาจะแพงกว่า

สำหรับในทริปนี้ ผมเลือกเป็น ทัวร์ไบ่ดิงห์+จ่างอัน+ถ้ำมัว (Bai Dinh + Trang An + Mua cave) โดยจองผ่าน klook ในราคาคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,400 บาท โดยจองเป็นรถบัสมาตรฐานรวมอาหารกลางวัน

ถ้าใครสนใจโปรแกรมนี้ สามารถดูรายละเอียดและจองได้ที่ลิงค์นี้ครับ

https://www.klook.com/activity/50822-bai-dinh-trang-mua-cave-tour-hanoi/?spm=Experience_SubVertical.Activity_LIST&clickId=c840925293

อันนี้เป็นรถที่ใช้พาทัวร์ครับ เป็นรถบัส ข้างในสะอาด ไกด์พูดภาษาอังกฤษได้ดี แต่เนื่องจากเพื่อนร่วมทริปเกือบทุกคนเป็นคนเวียดนาม เค้าเลยพูดภาษาเวียดนามเป็นหลัก แต่ก็ให้ข้อมูลกับเราเป็นภาษาอังกฤษด้วย

วัดไบ่ดิงห์ (Bai Dinh Pagoda) เป็นจุดแรกที่เราแวะเที่ยวครับ เนื่องจากที่นี่เป็นวัดที่ใหญ่มาก จนไม่สามารถเดินดูได้ทั้งหมด เค้าเลยมีรถรางให้บริการ ซึ่งเราต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกนอกจากค่าทัวร์คนละ 30,000 ดอง

วัดนี้เป็นวัดโบราณที่มีอายุนับพันปี แต่สถาปัตยกรรมที่เราเห็นส่วนใหญ่เพิ่งสร้างเสร็จไปเมื่อปี พ.ศ.2553 ไปนี่เอง โดยการก่อสร้างจะยึดแบบแผนการก่อสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมของเวียดนาม ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากจีนค่อนข้างมาก



สิ่งก่อสร้างที่นี่ล้วนมีขนาดใหญ่โตอลังการทั้งอาคาร ลานพิธี และสวน สถาปัตยกรรมของวัดนี้สร้างขึ้นด้วยหิน ไม้ และกระเบื้อง ด้วยผีมือช่างพื้นถิ่นชั้นครู



ภายในวิหารนี้ มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ประดิษฐานอยู่ 

ระฆังของวัดไบ่ดิงห์ครับ เป็นมีระฆังที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามสูง 22 เมตร หนัก 36 ตัน

ภายในบริเวณระเบียงวิหาร มีการตั้งรูปพระอรหันต์จำนวน 500 องค์ เรียงรายยาวที่สุดในโลก เป็นระยะทางรวมกันถึง 3 กิโลเมตร





ไกด์ของเราให้ข้อมูลว่า วัดนี้เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน ถ้ามาเที่ยวเองคงใช้เวลาเป็นวันกว่าจะเที่ยวครบ นอกจากนี้ วัดนี้ยังเคยเป็นเจ้าภาพในการจัดงานวันวิสาขบูชาโลกเมื่อปี พ.ศ.2557 อีกด้วย

โดยรวมผมชอบที่นี่มากนะครับ เป็นวัดที่สวย ใหญ่ และเงียบสงบ แต่อย่างที่บอก เนื่องจากเรามากับทัวร์ เวลาในการเยี่ยมชมเลยน้อย ถ้ามีโอกาสมาเวียดนามครั้งหน้า อยากมาแวะเที่ยวที่นี่เต็มๆสักวันครับ

มาต่อกันที่มื้อเที่ยงกันบ้าง จริงๆแล้วของขึ้นชื่อของจังหวัดนิงบิงห์ก็คือ เนื้อแพะภูเขา ครับ ทางทัวร์นี้เลยจัดให้เป็นอาหารกลางวันสำหรับพวกเรา ซึ่งทั้งหมดนี้รวมอยู่ในค่าทัวร์หมดแล้ว



อาหารที่ทานวันนี้ ไฮไลท์คือ เนื้อแพะคลุกกับสมุนไพรต่างๆ เพื่อดับกลิ่น เรียกว่า dê tái chanh ถ้าใครทานเนื้อแพะเป็น จะอร่อยครับ แต่ถ้าทานไม่เป็น ก็กินอย่างอื่นไปล่ะกัน อาหารก็ไม่ได้ดีมาก เรียกว่ากินประทังหิว เพื่อไปทัวร์ต่อ

หลังทานมื้อเที่ยงเสร็จ ก็ได้เวลาเที่ยวต่อที่จุดต่อไป นั่นก็คือ แหล่งภูมิทัศน์จ่างอัน (Trang An) ครับ

ปัจจุบันเวียดนามมีมรดกโลกอยู่ 8 แห่งด้วยกัน ในจำนวนนี้ ประกอบไปด้วย มรดกโลกทางธรรมชาติ 2 แห่ง มรดกโลกทางวัฒนธรรมอีก 5 แห่ง ส่วนอีก 1 แห่ง เป็นมรดกโลกแบบผสม ซึ่งเป็นเพียงแห่งเดียวของเวียดนาม และของอาเซียน นั่นก็คือ แหล่งภูมิทัศน์จ่างอัน (Trang An Scenic Landscape Complex) ที่เราจะไปชมในช่วงบ่ายของวันนี้

ที่นี่จะเป็นการล่องเรือแบบที่มีคนพายในแม่น้ำที่มีภูเขาหินปูนล้อมรอบ มีการลอดถ้ำต่างๆ ซึ่งถ้าใครมาเอง เค้าจะให้เราเลือกรูทอยู่ด้วยกัน 3 เส้นทาง (Routes) ได้แก่

  • เส้นทางแรกลอด 3 ถ้ำ
  • เส้นทางที่สอง ลอด 4 ถ้ำ
  • เส้นทางที่สาม ลอด 9 ถ้ำ

ราคาแต่ละรูทจะเท่ากัน ตกคนละ 250,000 ดอง หรือคนละประมาณ 350-400 บาท แต่สำหรับทัวร์นี้ ค่าเรือจะรวมอยู่ในค่าทัวร์อยู่แล้ว โดยจะเป็นการลอด 4 ถ้ำครับ



ที่นี่ค่อนข้างเคร่งเรื่องความปลอดภัยครับ ผู้โดยสารทุกคนต้องใส่เสื้อชูชีพ

คนพายเรือให้เราวันนี้ครับ เป็นคุณป้าอายุ 60 กว่าแล้ว แต่แข็งแรงมาก พายเรือให้เราได้เป็นชั่วโมงๆ เลยครับ (ป้าแกพูดภาษาอังกฤษไม่ได้นะ แต่พอดีผมนั่งเรือไปกับครอบครัวชาวเวียดนาม เค้าเลยแปลให้เราฟัง)

บรรยากาศชมภูเขาหินปูนสวยๆ คล้ายกับที่ ฮาลองเบย์ (Halong Bay) ทางทัวร์ไทยเลยตั้งชื่อว่า ฮาลองบก แต่อย่าเผลอเอาคำนี้ ไปพูดกับคนเวียดนามนะครับ เค้าไม่รู้จัก ต้องเรียกว่า จ่างอัน (Trang An) ครับ







นั่งเรือไปชิลล์ๆ ระหว่างทางมีการลอดถ้ำ 4 ถ้ำ บางถ้ำเราต้องนอนขนานไปกับเรือ เพราะระดับน้ำในแม่น้ำสูงมาก 



เรือจะมีการแวะให้เราเดินลงไปสักการะวัดริมน้ำแถวนั้นด้วยครับ





ช่วงที่ผมไป โชคดีตรงที่อากาศดีมาก ไม่มีแดด แต่ฝนไม่ตก และมีลมเย็นๆพัดมาตลอด ทำให้ทริปที่จ่างอันประทับใจมากครับ แต่ถ้าใครมาช่วงตั้งแต่พฤษภาคมจนถึงตุลาคม แนะนำให้เตรียมร่ม ครีมกันแดด และหมวกมาด้วยนะครับ ไม่งั้นอาจจะเปียกฝน หรือผิวไหม้ได้

โดยรวมผมพอใจกับที่นี่มากนะครับ สถานที่สวย บรรยากาศดี นอกจากนี้ สิ่งที่ผมชอบคือ การบริหารจัดการสถานที่ท่องเที่ยว ถ้าใครเคยไปทัวร์ฮาลองบกสมัยก่อน อาจจะเจอหลายเรื่องที่ไม่ประทับใจ เช่นโดนคนพายเรือบังคับให้เราให้ทิป ไม่งั้นจะไม่พายเข้าฝั่ง หรือบางคนก็เจอคนพายเรือขายของตามตื๊อให้ซื้อของ ทำให้เสียบรรยากาศในการเที่ยว แต่สำหรับผมที่ไปจ่างอันล่าสุดในทริปนี้ ไม่เจออะไรแบบนี้เลยครับ 

มากันที่จุดสุดท้ายของทริปในวันนี้ นั่นก็คือ จุดชมวิวถ้ำมัว (Mua Cave) จริงๆแล้ว ถ้ำมัวก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดนิงห์บิงห์ ซึ่งทัวร์แบบ one day trip ไม่ว่าจะเป็น จ่างอัน+ไบ่ดิงห์ หรือ ตามก๊อก+ฮวาลือ ก็มักจะใส่ที่นี่เป็นสถานที่สุดท้ายของโปรแกรม แล้วคิดเงินเพิ่ม แต่ถ้าใครไม่อยากแวะ ก็สามารถตัดที่นี่ออกได้ ค่าทัวร์จะได้ถูกลง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หรือคนที่มีปัญหาสุขภาพต่างๆ (โดยเฉพาะข้อเข่า) สามารถตัดที่นี่ออกได้เลยครับ เดี๋ยวมาดูกันว่าทำไม ผมถึงแนะนำอย่างนั้น

ถ้ำมัว มีความหมายแปลได้ว่า ถ้ำเต้นระบำ (Dancing cave) ครับ เพราะมีเรื่องเล่าว่าสมัยก่อนที่นี่ถูกใช้สำหรับให้จักรพรรดิเวียดนามชมการแสดงเต้นระบำของนางกำนัล ปัจจุบันถ้ำนี้ก็ยังมีอยู่ แต่คนส่วนใหญ่ ไม่มีใครสนใจถ้ำนี้กันเท่าไหร่ เพราะที่นี่มีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้น นั่นก็คือ จุดชมวิวถ้ำมัว (Hang Mua Viewpoint)

การขึ้นไปยังจุดชมวิวต้องปีนบันไดมากถึง 500 ขั้น นี่คือสาเหตุว่า ทำไมผมถึงไม่แนะนำให้ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพมาที่นี่



มีคนกล่าวว่า การขึ้นไปยังจุดชมวิวถ้ำมัว เหมือนการไต่อยู่บนกำแพงเมืองจีน ทำให้มีคนเปรียบเทียบว่า ที่นี่เป็น Mini version of the great wall

ที่จุดสูงสุดของจุดชมวิวนี้คือ มังกรหินแกะสลัก ซึ่งเราสามารถขึ้นไปถ่ายรูปกับรูปปั้นนี้ได้ แต่ทางขึ้นอันตรายมากครับ ถ้าก้าวพลาดนิดเดียว อาจจะตกเขาได้เลย ผมเลยตัดสินใจไม่ขึ้นไปดีกว่า เพื่อความปลอดภัย

ถ้ำมัวเป็นสถานที่สุดท้ายของทัวร์นี้ เราจบทริปวันนี้ตอน 6 โมงเย็น จากนั้นก็เดินทางกลับถึงกรุงฮานอยตอน 2 ทุ่มกว่าๆครับ โดยรวมผมประทับใจทัวร์นี้มาก อาจจะเป็นเพราะว่า วันที่ไปอากาศดี ไม่ร้อน ไม่หนาว ไม่มีฝนหรือแดดเลย เพิ่อนร่วมทัวร์ที่มีแต่ชาวเวียดนามก็น่ารัก เห็นเราเป็นชาวต่างชาติเพียงกลุ่มเดียวก็พยายามช่วยแนะนำและดูแลพวกเราเป็นอย่างดี ใครที่มีแผนจะไปเที่ยวกรุงฮานอย ผมแนะนำทัวร์นี้เลยครับ

สำหรับรีวิวตอนนี้ก็ของจบเพียงเท่านี้นะครับ ในตอนหน้าผมจะมารีวิวการเที่ยวทริปนี้ในวันสุดท้ายของทริป ฝากติดตามต่อในตอนหน้าด้วยนะครับ

บล็อกอื่นที่เกี่ยวข้อง




Create Date : 27 พฤศจิกายน 2565
Last Update : 28 ธันวาคม 2566 23:32:44 น. 0 comments
Counter : 3684 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณnewyorknurse, คุณtuk-tuk@korat


ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจ้าสำนักคันฉ่องวารี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ชอบท่องเที่ยว สนใจประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และการเมืองระหว่างประเทศ

Blog นี้จะใช้เขียนความทรงจำในการเดินทาง และวิธีการเดินทางอย่างละเอียด เผื่อใครจะมาตามรอย หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

ถ้าชอบ blog เนื้อหาประมาณนี้ ฝากกดติดตามด้วยนะครับ
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เจ้าสำนักคันฉ่องวารี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.