ตำนานรักของสมเด็จพระจักรพรรดิชาห์จาฮาน และมเหสีมุมตัช มาฮาล เกิดขึ้นเมื่อครั้งจักรพรรดิยังทรงพระยศเป็น"เจ้าชายขุร์รัม" และทันทีที่พบหน้า อรชุมันท์ พานุ เพคุม ธิดาของรัฐมนตรี เชื้อสายเปอร์เซีย ขณะที่พระองค์มีพระชนมายุเพียง 14 พรรษา พระองค์ทรงหลงใหลและหลงรักสาวงามนางนี้ จึงซื้อเพชรด้วยเงิน 10,000 รูปี และไปบอกพระบิดาว่าพระองค์มีความประสงค์ที่จะแต่งงานกับบุตรสาวของรัฐมนตรี มุมตัช มาฮาล ได้พบกับสมเด็จพระจักรพรรดิชาห์จาฮานเป็นครั้งแรก เมื่ออายุ 14 ปี ขณะนั้นพระองค์ยังเป็นเจ้าชายขุร์รัม (Prince Khurram) ตั้งแต่ที่ได้พบกันครั้งแรก ทั้งคู่ก็รู้สึกเหมือนเป็นรักแรกพบที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ความรักก็ยังคงอยู่ตลอดไป อีก 5 ปีถัดมา เมื่อพระองค์อายุ 19ทั้งคู่จึงได้ตกลงแต่งงานกัน (ตรงกับ พ.ศ. 2155) และหลังอภิเษก ทั้งสองก็มิเคยอยู่ห่างกันเลย แม้ครั้งนี้จะเป็นการแต่งงานครั้งที่สามของเจ้าชายขุร์รัม แต่ มุมตัช มาฮาล เป็นภรรยาคนที่สามที่เจ้าชายทรงมอบความรักให้ ส่วนภรรยาสองคนแรกนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการแต่งงานเท่านั้น ต่อมา ในปี พ.ศ.2171 เจ้าชายขุร์รัม ทรงขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชบิดา พระองค์นำพาราชวงศ์โมกุลและอินเดียอยู่ในจุดสูงสุด ประชาชนมีความมั่งคั่ง อยู่ดีกินดีส่วนพระองค์และมุมตัช มาฮาลใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดแทบจะทุกช่วงเวลา แม้กระทั่งพระองค์ออกไปรบกับศัตรู พระนางมุมตัช ก็จะเสด็จตามไปด้วย พร้อมทั้งให้คำแนะนำกับพระองค์ในทุกๆพระนางมุมตัซ ไม่เคยห่างจากพระสวามีไม่ว่าจะอยู่ในพระราชวังหรือสนามรบ ต่อมาในนามจักรพรรดิชาห์ จาฮาน พระองค์ก็ให้ อรชุมันท์ พานุ เพคุม เปลี่ยนพระนามเป็น"มุมตัซ มาฮาล" ที่แปลว่า"อัญมณีแห่งราชวัง กระทั่งเมื่อจักรพรรดิ์ ชาห์ จาฮาน ยกทัพไปปราบกบฏข่าน พระราชินี มุมตัช มาฮาล ก็ติดตามไปด้วยทั้งที่ทรงครรภ์ใกล้มีพระประสูติกาล และเมื่อปราบกบฏราบคาบ ทั้งสองเสด็จกลับเมืองมุระหันปุระ พระราชินีมุมตัช มาฮาล ก็ทรงคลอดพระราชโอรส แต่พระนางตกเลือดมาก หลังทรงคลอดเพียงชั่วโมงเดียว พระองค์ก็สิ้นพระชนม์ในอ้อมกอดของพระสวามี 17 มิถุนายน พ.ศ. 2174 มุมตัช มาฮาล สิ้นพระชนม์หลังจากให้กำเนิดบุตรองค์ที่ 14 หลังจากเหตุการณ์อันโศกเศร้านี้ สมเด็จพระจักรพรรดิชาห์จาฮานทรงเก็บตัวอยู่แต่ในห้องและอดอาหารนาน 8 วัน พระองค์ไม่สวมอัญมณี ไม่ใช้เครื่องหอมและไม่ฟังดนตรีเป็นเวลา 2 ปี สีผมและเคราเปลี่ยนเป็นสีขาว ใบหน้าแห้งเหี่ยวดูชรากว่าอายุจริง จะสิ้นพระชนม์ พระราชนิ มุมตัช มาฮาล ทรงขอร้องพระสวามี 2 ข้อด้วยกัน คืออย่ามีภรรยาใหม่ และขอให้ทรงสร้างอนุสาวรีย์ที่ฝังศพของเธอให้งดงาม เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกให้ได้ ซึ่งจักพรรดิ์ทรงรับปากปฏิบัติตามทุกอย่าง ตามประวัติศาสตร์การเสด็จขึ้นครองราชย์ของบรรดาพระราชโอรสในจักรพรรดิโมกุลนั้นไม่จำเป็นจะต้องเรียงลำดับพี่น้อง คือ พระราชโอรสองค์แรกไม่จำเป็นจะต้องเป็นกษัตริย์เสมอไป ทำให้พระราชโอรสทุกพระองค์ของกษัตริย์ต้องแย่งชิงอำนาจและบัลลังก์กันเอง ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม พ.ศ. 2175 หลังจาก มุมตัช มาฮาล สิ้นพระชนม์ได้เพียง 6 เดือนโครงการก่อสร้าง “ทัชมาฮาล” (Taj Mahal) ได้เริ่มต้นขึ้น สมเด็จพระจักรพรรดิชาห์จาฮานทรงสั่งให้สร้างทัชมาฮาลขึ้นริมฝั่งแม่น้ำยมุนา (Yamuna river) ในเมืองอักรา โดยใช้หินอ่อนสีขาวอันหมายถึงความรักอันบริสุทธิ์ และศิลาแลงบ่งบอกถึงความรักมั่นคงที่พระองค์มีให้กับพระนาง รวมถึงประดับลวดลายด้วยพลอย หิน และโมรา “ทัชมาฮาล” เป็นโครงการที่ยิ่งใหญ่มาก ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล แต่พระองค์ก็หาได้สนใจไม่ ยังคงเดินหน้าสร้างทัชมาฮาล ใช้คนงานและผู้ออกแบบกว่า 20,000 คน ก่อสร้างเป็นเวลานานถึง 22 ปี (พ.ศ. 2175 – 2197) บนพื้นที่ 42 เอเคอร์ ตัวอาคารของทัชมาฮาลถูกออกแบบให้มีความสมมาตรมากที่สุด ล้อมรอบด้วยสวนสวย พระองค์ทรงเนรมิตสุสานแห่งนี้ให้เป็นดั่งสรวงสวรรค์เพื่อมอบให้กับคนรักเป็นสิ่งสุดท้าย และภายหลังจากที่สมเด็จพระจักรพรรดิชาห์จาฮานสิ้นพระชนม์ใน พ.ศ. 2209 พระศพของพระองค์ถูกนำมาไว้ในชั้นใต้ดินเคียงคู่อยู่กับมุมตัช มาฮาลพระมเหสีผู้เป็นที่รัก |