space
space
space
<<
มิถุนายน 2562
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
space
space
19 มิถุนายน 2562
space
space
space

ไอ้ตี๋

แต่ละวัน-แต่ละเวลา ทุกทุก วินาที ใน ช่วงชีวิต ของ คนเรา นั้น จะ มี เหตุการณ์ มี ประสบการณ์ ใหม่ใหม่ เกิด ขึ้น กับ เรา เสมอ

เรื่องราว ต่างต่าง ที่ เคย ผ่านเข้ามา ใน ชีวิต ทั้งทุกข์-ทั้งสุขให้ เพื่อนเพื่อน ได้ ฟัง โดย ผ่าน ตัวอักษร มัน เป็น ความทรงจำ ที่ ถูก เลือกมา เล่า

เลือกเล่า แต่ เรื่อง ที่ ถูก กาละเทศะ และ มารยาท บางเรื่อง เล่า ไป แล้ว อีกหลายเรื่อง ยัง เก็บ ไว้ อยู่ เพราะ บางเรื่องมันก็เขียนยาก ทั้งทั้งที่เป็นเรื่องง่ายง่าย

บางเรื่องมันก็ง่ายเกินไปจนไม่น่าเขียนหากแต่มันประทับไว้ในความทรงจำอย่างลึกซึ้งบางเรื่อง ก็ เป็นความลับ เป็นเรื่องส่วนตัว ของ คน แค่ สองคน !

ชีวิตส่วนตัว ใน วัยหนุ่ม ที่ ร้ายแรง เสียขวัญ และ กระทบ-กระเทือน ใจ ไป ถึง คนอื่นมัน เป็น ความเลวร้าย ใน ทุกชีวิต ต้อง มี ซึ่ง ถูก จารึก ไว้ ด้วย ความเจ็บปวด เกินไป

**************************************************************************************

ตะนิ่นตาญี ชอบ เขียน ถึง ชีวิต รอบข้าง ที่ เต็มเปี่ยมไปด้วย สีสรรค์ ชีวิตจริงจริงที่เปี่ยมไปด้วย เลือดเนื้อและจิตวิญญาณ ... คราบน้ำตา กับ เสียงหัวเราะ

การสร้างสรร และ จินตนาการ ... จาก หัวดำ ไป จนถึง หัวหงอก ... ตั้งแท่น-จัดแท่น ไว้แล้ว สำหรับ คนที่ ตะนิ่นตาญี จำได้ฝังใจ

พวกเขาลุกขึ้นยืนเท้าเอว ให้ เพื่อนเพื่อน ได้ ทัศนา จังหวะชีวิต ของ พวกเขาที่ เต้น อยู่ หรับหรับ ให้หัวเราะ-ให้ร้องไห้-ให้ดีใจ-ให้เสียใจ ไป กับ พวกเขา !

**************************************************************************************

เพื่อนเพื่อน เคย เป็น เหมือน ตะนิ่นตาญี บ้าง ไหม?

เมื่อหลับตาลง จะ เห็น แผ่นภาพสีดำ ที่ พราวพราย ไป ด้วย ฝุ่นสะท้อนแสงสีต่างต่าง ระยิบ-ระยับ ซ้อน กัน อยู่ ไป มา ครั้นเมื่อเพ่งคิดไปที่เรื่องใดนานนาน

แผ่นสีดำ และ ฝุ่นสี ของ มัน ก็ จางหาย ...เรื่อง ที่ คิดถึง จึง จะ ปรากฏ เป็น นามธรรม ขึ้นมา ใน เบ้าตา แผ่กระจายไปยังขมับ แล้ว ค่อยค่อย พองโต ขึ้น เต็มปริมาตร ของ กระโหลก ศรีษะ

เพดาน กระโหลกศรีษะ ก็ เริ่ม มี ภาพ เป็น รูปธรรม เป็นรูป-เป็นร่างลุกลาม-ซึมซาบ ลงมาตามวงขมับ และ เว้า อยู่ใน กระโหลก ด้านหลัง

ภาพเกิดขึ้นแล้ว ... เป็น มโนภาพ เคลื่อนไหว อยู่ ใน กระโหลก นี้ แม้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ ที่ นานแสนนาน เกิดขึ้น ณ สถานที่ไกลแสนไกล

แต่ ก็ เริ่มชัดเจนและแจ่มใส ใน ทุกทุก วินาที ที่ ผ่านพ้น !

**************************************************************************************

โรงเรียน ของ ตะนิ่นตาญี มี ทั้ง ครูฟารั้ง ครูพม่า ที่ สอน ภาษาอังกฤษ เป็น การ เฉพาะ

ตะนิ่นตาญี จำ ครูฟารั้ง ไม่ได้ อาจ เป็น เพราะ ท่าน เป็น ผู้ชาย สูงวัย แล้ว กระมัง?

จำได้แต่ ครูพม่า จำได้ว่า ภาษาอังกฤษ ของ ท่าน ไพเราะ เหลือเกิน ชัด และ แจ่มใส

ทุกครั้ง ที่ เจอ ท่าน จะเห็นท่านแต่งตัว ใน ชุดประจำชาติ ของ ท่าน ทุกครั้งไป

ตะนิ่นตาญี ค่อนข้าง จะ สนิท กับท่าน ... อาจ เป็น เพราะ ท่าน รู้จัก กับ คุณแม่ ของ ตะนิ่นตาญี เป็น การส่วนตัว

ไม่รู้ว่า จะเป็นการ ทำนาย-ทายทัก หรืออย่างไร แต่ ท่าน เคย บอก ตะนิ่นตาญี ว่า ...

You have a lot of time to go. บอกตรงตรง ตะนิ่นตาญี ไม่กล้าแปลประโยคนี้ ว่า ... "เธอยังมีเวลาอีกเยอะที่จะก้าวหน้า"

แต่ ขอแปล ด้วย ความ เจียมเนื้อ-เจียมตัว ว่า ... "มึงยังต้องเหนื่อยอีกนาน"

**************************************************************************************

กาลเวลาได้ลากเส้นผ่านใบหน้า ของ ตะนิ่นตาญี ให้ เกิด รอยย่น เพิ่ม เส้นผม สีขาว-สีเทา ให้แก่ เรือนผม ...

มี ใครบางคน เคยกล่าวไว้ว่า "ชีวิตไม่ใช่เส้นตรง" จริงทีเดียว ตะนิ่นตาญี รับรองได้ "พระเจ้า ไม่ สร้าง เส้นตรง แน่นอน !"

ด้วย ความทรงจำ ที่ วก-วน กับ วิถี แห่ง ชีวิตคน นั้น ... เมื่อผ่าน ช่วงเวลา ที่ โหดร้าย ไปแล้ว ช่วงเวลา ที่ สวยงาม จึงจะตามมา

**************************************************************************************

สำหรับ ตะนิ่นตาญี แล้ว ที่ เรียกกันว่า นักกีฬาโรงเรียน นั้น ไม่ได้ เป็น กัน ง่ายง่าย

ต้องไปคัดตัว เพื่อให้ได้ เป็น นักกีฬา ของ โรงเรียน จะมียกเว้น ก็ เห็น แต่ ไอ้ป๊อก กับ ไอ้จ๋อ เท่านั้น

ทั้งสองคน เล่น ฟุตบอล ได้ สุดยอดมาก มันทั้งคู่ ติด ทีม โรงเรียน ตั้งแต่ อยู่ชั้น ป. ๖

ไอ้ป๊อก ผูกขาด ตำแหน่งปีกซ้าย ของ ทีม ใส่ เสื้อ เบอร์ ๑๑ ไอ้จ๋อ ได้ เสื้อ เบอร์ ๕ ประจำ ตำแหน่ง เซนเตอร์ฮาล์ฟ ทั้งคู่ ไม่ต้องมาคัดตัวแต่อย่างใด ...

ส่วน ตะนิ่นตาญี นั้น เล่น แค่พอใช้ได้ เท่านั้นเอง ... ก่อนวัน คัดตัว นักกีฬา สามวัน ไอ้ป๊อก จับ ตะนิ่นตาญี หัด เลี้ยง และ ยิงประตู

เพื่อ จับผลัด-จับพลู เหมือนหรืออย่างน้อย ก็ ให้ พอ มี เค้า สักนิด-สักหน่อย ใน แบบ"ลูกยิงใบไม้ร่วง ของ การินช่า"

สุดยอด นักฟุตบอล ชาวบราซิลเลี่ยน ใน ช่วงปี ๖๐-๗๐ นู่น หรือ จะเรียกว่า เผื่อ จะมีฟลุ๊ค บ้าง ก็ ยังดี ... จะได้ติดทีมโรงเรียน พร้อมพร้อมกันทั้งสามคน

**************************************************************************************

ตะนิ่นตาญี นึกถึงที่นี่เสมอ มันเคยเป็นชีวิตส่วนหนึ่ง ส่วนที่สำคัญเพียงพอจะยึดไว้เป็นความภูมิใจ และ อาจอวดอ้างได้ว่า

ตะนิ่นตาญี เป็น นักเรียน ของ ที่นี่ ใช้ชีวิต อยู่ ที่นั่น ๑๒ ปี จนโรงเรียนไม่ต่างอะไรไปจากบ้าน เพราะ มัน คือ บ้าน แห่ง ที่สอง ... แต่แล้ว มัน ก็กลาย เป็น อดีต ไปจนได้

เมื่อสถานี้แห่งนั้น ได้ ล้มหาย-ตายจาก ไป กลายเป็น ชุมชน ของ คนเมือง ไป จะด้วย เหตุผลทาง ธุรกิจ หรือ อย่างไร ไม่ทราบได้ และ ก็ ไม่อยากทราบ หรอก

เพราะ โรงเรียน ที่ ตะนิ่นตาญี เรียนมา-เล่นมา-มีความทรงจำมา นั้น คงไว้ อยู่ ในใจ ตลอด ไม่มี อะไร มา เปลี่ยนแปลง ได้ แม้นจะเป็นกาลเวลา ก็ ตาม !

นั่น เป็น ความรู้สึก ใน ด้านดี ที่ แผ่ซ่าน ขึ้น มา เฉกเช่น "วัว ที่ ไม่ลืม ตีน ของ มัน"

**************************************************************************************

บ่ายแก่แก่ ของ วันนั้น หลังจากคัดเลือกตัว นักฟุบอลโรงเรียน เสร็จแล้ว

ตะนิ่นตาญี ก็ ออกมาจาก โรงเรียน เดิน เตร็ดเตร่ อยู่ แถว ปากทางลาดพร้าว แถวแถว นั้น เป็น ตลาดสินค้า คับคั่ง ...

ทั้งสองฟากถนน มี ตึกราม ร้านรวง เยอะแยะ ไปหมด บางส่วน เป็น ห้องแถวไม้ ที่ เก่าชรารูปทรงโย้เย้ ...

บางส่วน เป็น ตึกสร้างใหม่ ทาสี ฉูดฉาด ... ตรงนี้เอง คือ ศูนย์กลาง ของ วัตถุที่เด่นสินค้าที่เด่น และ มนุษย์ที่ชอบเอาเด่น ...

นอกจากมันจะเป็น ตลาดสินค้า แล้ว มัน ยังเป็น ตลาดคน อีกด้วย !

**************************************************************************************

หนุ่มหนุ่ม นุ่ง กางเกง ขาลีบ-ขาบาน ใส่เสื้อ ทรง พระเอกหนังไทย เรื่องล่าสุด ที่ ฉาย สาวสาว ใส่รองเท้าส้นเกือบสูง เดินกี่ยวก้อยกันอยู่ในฟากถนน ที่ ร่ม

หลายคนนั่งคุยกันหลวมหลวม ตามโต๊ะ ใน ร้านขายอาหาร ... หลายคนเดินเข้าร้านขายของชำ เพื่อ หาซื้อเสื้อผ้า ของใช้ประจำวัน

นอกจากนั้น ยังมีคนจากที่ไหนไหนไม่รู้เยอะแยะไปหมด แทรกซึมไปทั่ว ประดุจดั่ง ตัวประกอบ ใน ภาพยนต์ ต้นทุนสูง สักเรื่องหนึ่ง !

**************************************************************************************

ตะนิ่นตาญี เดิน อย่าง เชยเชย อยู่ กลางตลาด จน กระทั่ง รู้สึกตัว ว่า ... เรา ไม่ควร เดิน ปะปน กับ ใคร เพราะ เราใส่เสื้อที่รีดไม่เรียบ ... กางเกง ที่ ไม่เข้ารูป

ของอย่างนี้ ไม่ฟิต ไม่พอดี กับ ตะนิ่นตาญี ที่มี ใบหน้าเกรียม และ ย่น เหมือน เปลือกต้นไม้ แก่แก่ จาก แดด

หลังจาก คัดตัว เป็น นักฟุตบอลโรงเรียน ... ทั้ง ซกมก และ มอซอ แม้น จะ ล้างหน้า-ล้างตา มาแล้วก็ตาม

ยังรู้สึกเหมือน ได้ กลิ่น เหม็นเปรี้ยว จาก เหงื่อ โซยมาเข้าจมูก แม้ จะ เคย มี สาวสาว บางคน บอก ตะนิ่นตาญี ว่า

กลิ่นอย่างนี้ arousing ดี ปุ่มปม ลุกขึ้นชูชัน ทุก ขุมขน ... เอาเถอะ ... ช่างมัน เรา เป็น ผู้ชาย และ ผู้ชาย ไม่จำเป็นต้องสวย !

**************************************************************************************

คิดได้เท่านั้น ก็ ประชดตัวเองให้เป็นผู้ชายยิ่งขึ้น ด้วยการบ่ายหน้า เข้า ร้านขายเหล้าเหล้าแม่โขง หนึ่งกั๊ก ... โซดา ที่ แช่เย็น จน เป็น เกล็ดน้ำแข็ง และ กับแกล้ม อีก เต็มโต๊ะ

กับแกล้ม สั่งไว้ กินรอ ไอ้จ๋อ กับ ไอ้ป๊อก ... แม่โขง กับ โซดา สั่งมาละเลียด ให้ ดู เป็น ลูกผู้ชาย ! ข้างนอกแดดร้อนเปรี้ยง แต่ข้างใน เย็นเฉียบ ด้วย โซดา

**************************************************************************************

ใน ร้าน นั้น กว้างขวาง พอที่ จะให้ ลูกค้า แต่ ละโต๊ะ ต่างคน-ต่างกิน ไม่จำเป็นต้อง เกี่ยวข้อง หรือ มองตา หาเรื่องกัน ...

ไอ้การกินเหล้า แล้ว เกิด เรื่อง นี่ มัน เป็น เพราะ สายตา และ นัยน์ตา ของ เรา นี่เอง ถ้าคนเราทุกคนตาบอดมองไม่เห็นไหนเลยจะเกิดเรื่องขึ้นมาได้

ต่อให้ส่งเสียงแขวะกัน ก็ ยัง คลำทาง ไป ชก กัน ไม่ถูก ... ด้วยเหตุนี้เอง ตะนิ่นตาญี จึง มัก จะ ตาบอด อยู่เสมอ ใน เวลา กินเหล้า !

**************************************************************************************

กระนั้นก็ตาม เมื่อ ตะนิ่นตาญี นั่งลง และ กวาดสายตา มองไป รอบรอบ แบบ แว๊บเดียวผ่านได้ เห็น เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน เขา แต่งตัว เรียบร้อย

จน แลเห็น กลีบแขนเสื้อ โง้ง ดั่ง ใบมีดโกน นาฬิกาเรือนทอง-สายทอง ที่ กระเป๋าเสื้อเหน็บ ปากกาปลอกทอง หนึ่งด้าม

มี แบงค์แดงแดง แลบ ออกมา ให้แลเห็น นั่ง ก้มหน้า-ก้มตา อ่านหนังสือไปพลาง- กินข้าวไปพลาง อยู่ โต๊ะหนึ่ง ไอ้ตี๋ นั่นเอง ...

ตอนนั้น แม้เราจะนั่งโต๊ะเรียนติดกัน แต่ ก็ ยัง ไม่ สนิทสนม อะไรกันมากนัก ส่วน อีก โต๊ะหนึ่ง นั้น เป็น เด็กต่างถิ่น ตะนิ่นตาญี ไม่คุ้นหน้า นั่งกินเหล้า ส่งเสียงดัง

เมื่อพวกเขามองมาครั้งใด ตะนิ่นตาญี รู้สึก ราวกับว่า ... พวกเขา ได้เอา ร่างกาย ของ ตะนิ่นฯ เป็น กระโถน สำหรับ บ้วน ความเหยียดหยาม ใส่มา

**************************************************************************************
แหม ... นัยน์ตา อย่างนี้ - สายตา อย่างนี้ ... เจอ กัน ใน วงไพ่สองใบเก ล่ะ ก็ เหมาะแต่ ใน ร้านเหล้า อย่างนี้ มัน ทำให้ กินเหล้า ได้ ไม่สนุก

แถม ยังรู้สึกเหมือนว่า ... ได้ ยิน เสียงหอบ ของ คน ที่ กำลัง จะ ชกกัน-ปล้ำกัน-ออกกำลังสร้างบาดแผล ให้แก่กัน

นั่นทำให้ จินตนาการ ไปไกล ถึง คาวเลือด และ ยาแดง มาแตะ จมูก อยู่ ฉุยฉุย

นาที นั้น ตะนิ่นตาญี อยากรู้เสียจริง แบงค์ ใบละร้อย ที่ เสียบกระเป๋า ยังอยู่หรือไม่ เพราะ นั่นคือ ความมั่นใน ประการเดียว ที่มีอยู่ ในตัวเอง ...

แต่ ก็ ไม่กล้าเอามือคลำ เพราะ เกรงจะถูกหมิ่นยิ่งขึ้น ได้แต่ เบียด-อก เข้ากับเสื้อ ให้ มัน มีเสียง กรอบแกรบ ออกมา จะได้อุ่นใจ ...

เอาล่ะวะ มื้อนี้ จับพลัด-จับพลู ล้มโต๊ะ จะ ได้ มี ตังค์ จ่าย ค่าปรับ ให้ เฮีย เจ้าของร้าน

**************************************************************************************

ดูเหมือน พวกเขาจะเข้าใจ ด้วย กระแสจิต ว่า ตะนิ่นตาญี ยินดี รับคำท้า หนึ่งในวัยรุ่น ต่างถิ่น ลุกขึ้นยืน เดิน เข้ามา หา ที่ โต๊ะ ลากเก้าอี้ เข้ามานั่ง

พลางเอ่ยปากถาม เรียน โรงเรียน นี้ เหรอ ... ตะนิ่นฯ ไม่ตอบ ย้อนถามกลับไปว่า ทำไม? ฝ่ายนั้น ขึ้นเสียงดัง ขึ้นมา "กู ... "

ไม่ทันจบประโยค ไม่รู้ตีนมาจากไหนเฉียดหน้า ตะนิ่นฯ ไป นิดหนึ่ง แต่เต็มหน้า จิ๊กโก๋ ต่างถิ่น จน ล้มหงายหลัง ทั้ง เก้าอี้

ยังไม่ทันได้ รู้เหนือ-รู้ใต้ ก็ มีมือมากระชากคอเสื้อด้านหลัง พร้อม เสียงร้องดัง "ไอ้นิ่นฯ วิ่ง ..." เท่านั้น เอง ก็ กระเจิง ... เรา วิ่ง กัน อย่าง อย่างไม่คิดชีวิต

รถเมล์ ผ่านมา พอดี ไม่รู้ สายไหน ไปไหน กระโดด ขึ้น กันไปก่อน แล้วค่อยคิดทีหลัง

**************************************************************************************

เช้าวันรุ่งขึ้น ตะนิ่นตาญี เดินเข้าห้องเรียน พร้อม ไอ้จ๋อ+ไอ้ป๊อก รี่ตรงไปที่โต๊ะ ไอ้ตี๋ ... ไอ้จ๋อ เริ่มก่อน “ต่อไปนี้ถ้ามึงอยากคบกับพวกกู ... เราไปไหนไปกัน มึงไปกับพวกกู”

ไอ้ป๊อก หัวร่อพร้อมทั้งบอกว่า “ 555+ มึงใช้ได้ “ ส่วน ตะนิ่นตาญี ได้เพียงแต่ยิ้มไม่ได้พูดอะไร เพราะเมื่อวานนี้พูดไปหมดแล้ว “มึงไม่ทิ้งกู กูก็ไม่ทิ้งมึง”

ตะนิ่นตาญี




Create Date : 19 มิถุนายน 2562
Last Update : 7 กรกฎาคม 2562 15:44:29 น. 0 comments
Counter : 549 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

วิหยาสะกำ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add วิหยาสะกำ's blog to your web]
space
space
space
space
space