สัมภาษณ์พิเศษ เปลือยใจ 'จักรภพ-นพดล' เสนาบดีใต้ร่มเงา 'ทักษิณ' (1)

สัมภาษณ์พิเศษโดย หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ และ สุเมศ ทองพันธ์
ที่มา : เว็บไซต์หนังสือพิมพ์มติชน (คลิก)


...'ผมรู้ว่าภายใต้รัฐบาลทักษิณ มีหลายอย่างต้องใช้เป็นบทเรียนปรับปรุงต่อไป โดยเฉพาะการบริหารความสัมพันธ์ในเชิงอำนาจ ซึ่งถือเป็นบทเรียนใหญ่ที่สุด'...


หลายครั้งที่ความจริงเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องฝัน โดยเฉพาะกับคนที่ 'ลงทุน-ลงแรง-ลงใจ' ทำอะไรเพื่อ 'ใคร' อีกคนหนึ่งซึ่งมากด้วยอำนาจ?

มีตัวอย่างให้เห็นจาก 2 คนการเมืองที่ออกมาเคลื่อนไหวด้วยท่วงทำนองต่างกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกัน คือการพิทักษ์ผู้ถูกโค่นอำนาจที่ชื่อ 'พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี

เมื่อ 15 เดือนก่อน...

จักรภพ เพ็ญแข คือแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ที่ประกาศตัวเป็นหัวหอกในการโค่นล้มระบบศักดินา

นพดล ปัทมะ ถูกแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ พ.ต.ท. ทักษิณ คอยแก้ต่างแทนลูกความทั้งประเด็นที่เกี่ยวกับงานหลวงและงานราษฎร์

6 กุมภาพันธ์ 2551…

'จักรภพ' กลายเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะที่ 'นพดล' ขึ้นแท่นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

จากบรรทัดนี้ไป คือคำบอกเล่าความรู้สึกของ '2 องครักษ์พิทักษ์นายใหญ่' ในโอกาสแรกที่ได้ร่วม ครม. 'สมัคร 1' พร้อมเผยความในใจที่ทำให้เขาต้องสู้ยิบตาเพื่อคนจากแดนไกล






จักรภพ เพ็ญแข
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

'ผมรู้ว่าภายใต้รัฐบาลทักษิณ มีหลายอย่างต้องใช้เป็นบทเรียนปรับปรุงต่อไป โดยเฉพาะการบริหารความสัมพันธ์ในเชิงอำนาจ ซึ่งถือเป็นบทเรียนใหญ่ที่สุด'



- ภายหลังได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ถือว่าชีวิตถึงฝั่งฝันอีกครั้งหรือไม่

(หัวเราะหึๆ) การได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีเป็นเกียรติประวัติของทุกชีวิต ไม่เฉพาะผมเอง ในฐานะที่เป็นผู้มาต่อท้ายแถวมีความรู้สึกไม่ต่างจากท่านที่ผ่านๆ มา ที่สำคัญคือได้รับพระมหากรุณาธิคุณร่วมกับ ครม.ทั้งหมดในพระบรมราโชวาทที่พระราชทานไว้ในวันถวายสัตย์ปฏิญาณตน (วันที่ 6 กุมภาพันธ์) ยิ่งดื่มด่ำเข้าไปในใจว่าเราต้องมีหน้าที่อะไร เพราะทรงรับสั่งว่าเราคือคน 35 คน ที่ต้องเสียสละเพื่อคน 63 ล้านคน จะต้องทำงานให้เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง จึงจะถือว่าเป็นเกียรติ เป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล พระราชดำรัสของพระองค์จะอยู่ในใจผมตลอดไป นี่คือสิ่งที่ผมจะใช้เป็นหลักการในการเริ่มต้นความเป็นรัฐมนตรีคราวนี้และต่อไป ถือเป็นโอกาสแรกของชีวิตที่ได้รับพระบรมราโชวาทโดยตรง ถือเป็นความพิเศษ


- ช่วงที่เป็นแกนนำ นปก.เคยพูดถึงความพยายามในการโค่นล้มระบบศักดินา แต่วันนี้กลับเข้ามาอยู่ในระบบศักดินาแบบกลายๆ

คำว่าศักดินาที่มีการพูดกันมากตอนนั้นมีความหมายถึงคนที่วางตัวเหนือกว่าบุคคลอื่น โดยไม่มีใครเขาเทิดทูนขึ้นไป ไม่ได้หมายถึงบุคคลอันเป็นที่สักการะของคนทั้งประเทศ และทั่วโลกให้ความยอมรับนับถือ อยู่ในฐานะบุคคลที่น่าเคารพบูชา คือเป็นปูชนียบุคคล พูดง่ายๆ ให้มันชัดขึ้นก็คือ ศักดินาที่พูดถึงในตอนนั้นคือคนที่ต้องการจะทำลายระบอบประชาธิปไตยด้วยการอ้างว่าตัวเองอยู่เหนือประชาชน แล้วสิ่งที่ประชาชนต้องการไม่ใช่ของสำคัญ ไม่ใช่ของถาวร สามารถโค่นล้มได้ นั่นต่างหากที่เราต่อสู้


- กังวลภาพลักษณ์การต่อสู้เพื่อล้มล้างระบบศักดินา ที่ยังติดตัวอยู่หรือไม่

ถามว่ายังคิดอย่างเดิมหรือไม่ โดยส่วนตัวผมไม่ได้เปลี่ยนความคิดเลย เพียงแต่วิธีการที่จะนำไปสู่จุดหมาย ผมต้องปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของประชาธิปไตย


- ขณะนี้มีอำนาจรัฐอยู่ในมือแล้ว จะบันดาลให้สิ่งต่างๆ เป็นไปตามธงในใจหรือไม่

คืออำนาจเนี่ย... มันเป็นของหนัก ถ้าไม่ถ่วงน้ำหนักให้ดี มันก็ทับหัวเรา ไม่ได้ทับคนอื่น ผมตั้งใจว่าจะสร้างกิจกรรมในทางบวก หรือทางที่เป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองแข่งกับการมีอำนาจรัฐซึ่งได้มาแบบชั่วคราว ผมถือว่ารัฐบาลประชาธิปไตยเป็นรัฐบาลชั่วคราวทุกชุด ไม่มีรัฐบาลถาวรหรอก เราก็ทำงานในระบอบประชาธิปไตยไปตามเวลาที่ประชาชนมอบให้ ไม่ว่าจะครบวาระ หรือก่อนครบวาระก็ตาม

ขอย้อนกลับมาตอบตรงนี้ ผมได้วางนโยบายส่วนตัวที่จะมีการใช้ประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่ที่ได้รับ เพื่อแข่งกับด้านลบของอำนาจที่มาพร้อมกัน เพราะถ้าเรานั่งเฉยๆ อำนาจมันจะจูงเราไปในทางที่ไม่ดีได้ง่าย แต่ถ้าเราพยายามทำสิ่งที่ดีคู่ขนานกันไป มันอาจจะพอถ่วงดุลกันได้บ้าง ผมไม่ค่อยไว้ใจกับตำแหน่งหน้าที่ที่มีอำนาจทั้งหลาย แม้แต่ตัวเราเอง เพราะเราไม่รู้ว่าคนอื่นที่เขาต้องการใช้ประโยชน์จากเรา เขาจะมาไม้ไหนอย่างไร เราอาจกลายเป็นเหยื่อของตำแหน่งหน้าที่เราเองก็ได้


- ตอนเป็น นปก.เคยประกาศต่อสู้เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงขั้นเอาชีวิตเป็นเดิมพัน กังวลหรือไม่ว่าสังคมอาจคลางแคลงใจว่าการต่อสู้ยังไม่จบ เพียงแต่ปรับรูปแบบใหม่

ไม่เป็นไร คือ... ความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณทักษิณยังเหมือนเดิม ผมเปลี่ยนความรู้สึกนั้นไม่ได้ คือ... ผมคิดว่าท่านอดีตนายกฯได้เปิดประตูสู่การปฏิรูปที่สำคัญในเมืองไทย บางเรื่องท่านก็เจตนา บางเรื่องก็ไม่เจตนา ผมขอพูดเรื่องนี้เลยเพราะมันจำเป็นที่คนอื่นต้องรู้ว่าผมคิดอย่างไร เหมือนกับเรื่องอื่นๆ ที่อยู่ในชีวิตของผมทั้งหมด ผมไม่ได้เอาความในใจมาบริหารงาน อะไรที่ผมรู้สึก ผมเปลี่ยนไม่ได้ แต่ไม่ได้แปลว่าผมต้องยกความรู้สึกขึ้นมาบริหารงานทั้งหมด ผมรู้ว่าภายใต้รัฐบาลของอดีตนายกฯมีหลายอย่างที่เราต้องใช้เป็นบทเรียนในการปรับปรุงต่อไป โดยเฉพาะเรื่องการบริหารความสัมพันธ์ในเชิงอำนาจ ซึ่งถือเป็นบทเรียนใหญ่ที่สุดของรัฐบาลทักษิณ โดยมีผมเป็นส่วนหนึ่งเล็กๆ อยู่ด้วย

ผมมีความรู้สึกผูกพันกับอดีตนายกฯ โดยที่ไม่จำเป็นต้องหวนหาอดีต ต่างกันนะ ผมต้องการให้ตรงนั้นถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์อย่างสมควร แล้วนำมาเป็นบทเรียนสำหรับการเปลี่ยนผ่าน เพราะแต่ละยุคมันไม่เหมือนกัน ต่อให้ในอนาคตอันไกล สมมุติ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาได้อีก ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว หลายอย่างจะเปลี่ยนไปแล้ว ต้องบริหารบนฐานใหม่ ไม่ใช่ย้อนกลับไปฐานเดิม นี่ไง นี่คือจุดที่ทำให้รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ (จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี) มีปัญหาเพราะคิดว่าจะย้อนเมืองไทยกลับไปได้ บางคนในนั้นคิดจะย้อนกลับไปถึงรัฐบาล พล.อ.เปรม (ติณสูลานนท์) โน่น ซึ่งมันทำไม่ได้ มันย้อนไม่ได้ พอจะย้อนกลับไปก็เหนื่อยกันหมดทุกคน เพราะฝืนกงล้อธรรมชาติ สังคมใหญ่กว่ารัฐบาล รัฐบาลแค่แปรตามและอำนวยความสะดวกให้การเปลี่ยนแปลงดีที่สุดเท่านั้นเอง รัฐบาลไม่ใช่คนวิเศษขนาดจะไปบังคับให้กงล้อหมุนไปได้


- หลังรู้ตัวแน่ๆ ว่าจะได้เป็นรัฐมนตรี เคยติดต่อ พ.ต.ท.ทักษิณบ้างหรือไม่

เคย แต่ท่านไม่ได้ให้คำแนะนำ ได้แต่บอกกว้างๆ ว่าต่อไปก็คนรุ่นพวกคุณแล้ว ผมเปิดประตูกันมา ต่อไปต้องเป็นคนรุ่นพวกคุณ ก็บอกเหมือนผู้ใหญ่พูดกับเด็ก ตอนนั้นผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้มาเป็นอะไร รู้แค่ว่าอาจจะมาเป็นรัฐมนตรี โดยที่ไม่ได้มาจากคุณทักษิณพูด มาจากคนใน พปช.พูด ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามาจากไหน ทุกอย่างไม่มีใครมาสั่งการอะไรเลย


- คิดว่าตัวเองมีอะไรดีถึงได้เป็นรัฐมนตรี ทั้งที่สอบตก

ใน พปช.ถือว่ามีคนช่วยงานหลายรูปแบบ คนที่ช่วยงานในฐานะเป็นผู้สมัคร เป็น ส.ส. เป็นฝ่ายสนับสนุนซึ่งอาจเป็นด้านวิชาการ หรือด้านอื่นๆ การจัดตั้ง ครม.ในส่วน พปช.สะท้อนถึงสัดส่วนตามการช่วยเหลือของพรรค ซึ่งไม่มีปัญหาอะไรภายใน แต่แน่นอนการเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง บทบาทของ ส.ส.ต่อรัฐบาลย่อมต้องมีมาก แต่ไม่จำเป็นต้องมาอยู่ใน ครม.อย่างเดียว อาจจะปรากฏอยู่ในกรรมาธิการหรืออะไรก็ตาม


- รู้สึกอย่างไรเสียงวิจารณ์ ครม.ปูนบำเหน็จแก่คนที่ร่วมพิทักษ์พรรค และต่อสู้เพื่อนายใหญ่

อืม... ไม่ใช่การปูนบำเหน็จต่อพรรค ถ้าจะมีการปูนบำเหน็จก็เป็นการปูนบำเหน็จต่อประชาธิปไตย ซึ่งไม่น่าจะเป็นเรื่องผิดนะ คนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเป็นคนที่ทุกพรรคการเมืองน่าจะให้คะแนน ส่วนจะให้คะแนนมากน้อยแล้วแต่นโยบาย ดังนั้น ถ้าถามว่าเป็นการปูนบำเหน็จหรือไม่ ความจริงไม่อยากใช้คำนี้นะ คือ... ถ้าจะเรียกว่าเป็นการตอบแทน ก็เป็นการตอบแทนเพื่อการต่อสู้ตามระบอบประชาธิปไตย แต่ขั้นตอนการตอบแทนจบแล้วนะ จากนี้ไปคือประสิทธิภาพในการบริหารงาน ดังนั้น การปรับปรุง ครม.ในโอกาสต่อๆ ไปเพื่อให้เกิดความเหมาะสมมากขึ้น จึงถือเป็นธรรมชาติที่ต้องมี ส่วนแนวความคิดเรื่องการต่อสู้เพื่อนักประชาธิปไตยมันจบแล้วนะ จบลงใน ครม.คราวนี้


- การที่คนอย่างคุณจักรภพยอมโกนหัว-ติดคุก แล้วได้เป็นรัฐมนตรี ถือว่าคุ้มหรือไม่

คุ้ม ถ้าย้อนกลับไปติดอีกก็เอา เพราะการติดคราวนั้นเป็นการแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายหนึ่งไปไกลเกินไป คือ... ถ้าอำนาจใดก็ตามถึงขั้นบิดเบือนอำนาจอิสระของอีกฝ่ายหนึ่ง มันแสดงให้เห็นว่าประชาชนเริ่มไม่มีที่พึ่งแล้ว มันเป็นกรณีศึกษานะ ไม่ใช่กรณีของตัวผมเอง แต่เผอิญผมเป็นตัวบุคคลที่ไปอยู่ตรงนั้น ดังนั้น การติดคุกครั้งนั้นมีประโยชน์มาก ผมมีความภาคภูมิใจ และไม่คิดว่าเป็นจุดปัญหาในชีวิต ถือเป็นจุดภาคภูมิใจด้วยซ้ำ นี่พูดด้วยความจริงใจเลย แต่ที่ดีใจกว่านั้นคือไปมีผลต่อการส่งสัญญาณ


- จะเกิดปัญหาการทำงานหรือไม่ เพราะชื่อคุณจักรภพกลายเป็นคู่ขัดแย้งกับอำนาจหลายฝ่าย

ต้องระมัดระวังการแสดงออก เพราะรู้อยู่เหมือนกันว่าเราอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่เพิ่งเสร็จศึกสงครามมาใหม่ๆ หลายคนยังคิดว่าสงครามยังดำเนินอยู่ด้วยซ้ำไป ดังนั้น การสื่อสารในระหว่างนี้ก็ต้องระวัง ซึ่งเราก็รับนโยบายจากนายกฯนั่นแหละ การระวังต้องระวังไปเรื่อยจนกระทั่งครบทุกคน ผมซึ่งเป็นลูกขบวนท่านก็ต้องทำอย่างเดียวกัน การออกไปท้าตีท้าต่อยต้องไม่มี แต่จะทำงานอย่างเงียบๆ เพื่อให้เกิดผลในระยะยาว





อ่านต่อ (คลิก)






Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2551 18:33:15 น. 0 comments
Counter : 626 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

snodgrass
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





แสงหนึ่ง - ครอบครัว "ศรีณรงค์"
บรรเลงสดในรายการ "จับเข่าคุย"



ทำให้ใจเต้นแรง


บล็อกล่าสุด

รวมรูปคนดัง (6 มี.ค. 51) - Catherine Zeta Jones, Rachel McAdams, Maria Sharapova และอีกมากมาย

รวมรูปคนดัง (ครั้งยิ่งใหญ่) - Winona Ryder, Natalie Portman, Maria Sharapova และอีกมากมาย

รวมรูปคนดัง (ครั้งยิ่งใหญ่) - Jessica Alba, Kate Beckinsale, Jennifer Hawkins และอีกมากมาย

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ในความทรงจำของ "หมึกแดง"

บทความเก่าของคุณ ปิติ เลิศลุมพลีพันธุ์ "สนามวิจารณ์ : คารวะแด่ Morricone"

: Users Online
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
15 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add snodgrass's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.