ไปกด Link ได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/skymantaf หรือ Follow ได้ที่ Twitter https://twitter.com/skymantaf หรือที่ http://www.thaiarmedforce.com นะครับ
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
29 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
ภารกิจและการปฏิบัติการจริงของ กองพันทหารม้าลาดตระเวนที่ 127 จังหวัดยะลา

ในวาระการขึ้นปีที่สองของ ThaiArmedForce.com ทีมงาน TAF ภูมิใจอย่างยิ่งที่จะนำเสนอบทความสองตอนใน ... TAF Special #17 - A Day In a Life of Southern Warrior | หนึ่งวันของภารกิจเหล่านักรบชายแดนใต้ ... ซึ่งจะนำทุกท่านไปเยี่ยมชมฐานปฏิบัติการและการทำงานในพื้นที่จริงของเหล่านักรบแห่งกองทัพบกไทย ... กองพันทหารม้าลาดตระเวนที่ 127 ซึ่งปฏิบัติภารกิจอยู่ในถนนสาย 418 เขตจังหวัดยะลา และกรมทหารพรานที่ 43 ซึ่งปฏิบัติภารกิจอยู่ในอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ... ตลอด 24 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 7 วัน สัมผัสเรื่องราวที่ไม่มีใครเขียนบทให้ แต่พวกเขาจำเป็นต้องเล่น ....

เพื่อปกป้องและคุ้มครองพื้นที่ปลายสุดด้ามขวานของไทย

ในบทความตอนแรกนี้ ทีมงาน TAF สองคนคือ Skyman และ Wingboy ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมและสังเกตุการณ์การทำงานของกองพันทหารม้าลาดตระเวนที่ 127 ขอเชิญทุกท่านรับชม ณ บัดนี้ครับ

หมายเหตุ: เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และเป็นไปตามหลักการที่ถูกต้องในการรักษาความลับทางการทหารในพื้นที่ปฏิบัติการจริง ทีมงานจึงปิดบังชั้นยศและชื่อนามสกุลของนายทหารที่เอ่ยถึง โดยจะใช้ชื่อสมมุติแทน รวมถึงอำพรางหน้าเมื่อเห็นว่าจำเป็น



ทางหลวงหมายเลข 418 คือทางหลวงเส้นใหม่ที่เชื่อมตั้งแต่บ้านคลองขุด ตำบลดอนรัก อำเภอหนอกจิก จังหวัดปัตตานีกับบ้านท่าสาป ตำบลยุโป อำเภอเมือง จังหวัดยะลา รวมระยะทางราว 34 กิโลเมตร ถนนเส้นนี้เป็นถนนตัดใหม่ เพิ่งเปิดใช้งานมาได้ไม่ถึงหนึ่งปี แต่ใช้ระยะเวลาการก่อสร้างนานหลายปี เนื่องจากเมื่อก่อสร้างไปได้เพียงไม่กี่กิโลเมตร ผู้รับเหมาเอกชนก็ทิ้งงานเพราะถูกลอบวางระเบิด ต่อมาทางการแก้ไขด้วยการใช้ทหารช่างของกองทัพบกมาทำการสร้างต่อจนแล้วเสร็จ และเปิดใช้อย่างเป็นทางการโดยนายกรัฐมนตรีเมื่อไม่นานมานี้

ในช่วงการเดินทางไปสู่กองทัพทหารม้าลาดตระเวนที่ 127 นั้น ทีมงานเดินทางจากแยกบริเวณบ้านคลองขุด เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 418 ครับ



ถนนเส้นนี้เป็นถนน 4 เลนส์ สองเส้นแยกจากกัน สภาพต่าง ๆ ยังดูใหม่ทีเดียวเนื่องจากเพิ่งสร้างมาไม่นาน ภูมิประเทศรอบ ๆ เป็นทุ่งนาหรือสวนยางเขียวขจี ถือว่าเป็นถนนที่สวยงามมากเส้นหนึ่งครับ



ขับรถไปสักพัก เราก็มาถึงฐานปฏิบัติการซึ่งเป็นกองบัญชาการของกรมทหารม้าลาดตระเวนที่ 127 ครับ โดยมี "ผู้พันเขตต์"
และ "ฝอ.3" ให้การต้อนรับเราครับ

เรามาหลังคณะสื่อมวลชนคณะใหญ่กลับไปสักสองวัน ดังนั้นทางกองพันจึงบรรยายข้อมูลให้พวกเราฟังอย่างสะดวกเพราะมีข้อมูลเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว

ผู้พันเขตต์เล่าให้เราฟังว่า กองพันทหารม้าลาดตระเวนที่ 127 เป็นกองพันเฉพาะกิจ จัดกำลังจากกองพันทหารม้าที่ 7 จังหวัดอุตรดิตถ์ กองพันทหารม้าที่ 10 จังหวัดน่าน และกองพันทหารม้าที่ 12 จังหวัดแพร่ โดยจัดกำลังมากองพันละ 1 กองร้อย และมีส่วนบังคับบัญชาจากกองพันทั้งสามกองพัน โดยแต่ละกองร้อยจะได้รับมอบภารกิจในการดูแลจังหวัดชายแดนใต้ 1 จังหวัด ส่วนในส่วนของบก.กองพันนั้นจะรับหน้าที่ดูแลทางหลวงหมายเลข 418 เท่านั้น

ซึ่งการจัดตั้งกองพันทหารม้าลาดตระเวนที่ 127 นี้ก็เพื่อดูแลเส้นทางหลักในจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส โดยใช้คุณลักษณะของทหารม้าลาดตระเวนให้เป็นประโยชน์ นอกจากนี้ ยังปฏิบัติภารกิจอื่น ๆ เมื่อได้รับการร้องขอ เช่นการเข้าสนับสนุนกำลังในหน่วยอื่น ๆ ด้วยรถเกราะล้อยาง V-150 เป็นต้น



ผู้พันเขตต์ยังเล่ารายละเอียดในการปฏิบัติการให้เราฟังอีกมาก ดังนั้น เพื่อให้ทุกท่านเห็นภาพ เราจะร่วมลาดตระเวนไปพร้อมกับ บก.กองพันที่ออกตรวจเยี่ยมการปฏิบัติการของทหารในเส้นทางที่ 418 ครับ

เราขึ้นรถฮัมวี่พร้อมกับนายทหารทั้งหมด รถฮัมวี่หนึ่งคันในขณะปฏิบัติการมีพลประจำรถสูงสุด 7 นาย สามารถทำการยิงได้ทุกทิศทางโดยใช้อาวุธประจำกายและปืนประจำรถครับ



นี่คือสถานการณ์จริง กำลังพลทุกนายต่างมีสมาธิอยู่กับบทบาทของตนเอง เช่น พลยิงบนป้อมปืนจะหันป้อมปืนไปให้สอดคล้องกับทิศทางการเคลื่อนที่ของรถเพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถยิงคุ้มครองตัวรถและขบวนรถได้ถ้าจำเป็น



"ปกติเราจะลาดตระเวนกันตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเน้นช่วงที่เราประเมินแล้วว่ามีความเสี่ยงที่อาจจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นได้ โดยการปฏิบัตินั้นส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การตรวจตราและเฝ้าระวังการก่อเหตุ โดยเฉพาะการลอบวางระเบิดใต้ถนน" ฝอ.3 เล่าให้เราฟังระหว่างเดินทาง

ทางหลวงหมายเลข 418 นั้นเป็นทางหลวงที่ไม่มีไฟเขียวไฟแดง รถสามารถวิ่งได้ตลอดเส้นทางโดยไม่ต้องหยุดพัก ซึ่งระหว่างเส้นทางจะมีถนนแยกออกจากทางหลวงหมายเลข 418 เป็นเหมือนก้างปลา ทุกแห่งจะมีสะพานข้ามทั้งสิ้น เมื่อรวมสะพานที่ข้ามทางย่อยและทางแยกหลักแล้วจะมีสะพานถึง 22 สะพานให้ดูแล ซึ่งจุดนี้ก็เป็นจุดเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเพราะผู้ก่อเหตุอาจจะขับรถมาจากถนนรองเหล่านี้หรืออาจจะก่อเหตุกับสะพานนี้ได้



สะพานอาจเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ผู้ก่อเหตุสามารถมาก่อเหตุได้ ดังนั้นการตรวจตราสะพานก็เป็นสิ่งที่ชุดลาดตระเวนเน้นมาก ในบางช่วงจะใช้การลาดตระเวนด้วยเท้าควบคู่ไปกับรถเกราะล้อยางแบบ V-150 และรถฮัมวี่

"เมื่อพบสิ่งต้องสงสัย กำลังพลจะเดินเท้าเข้าไปตรวจสอบ พร้อมกับรถเกราะให้การคุ้มกัน" ฝอ.3 กล่าว



"เราดูแลตลอดเส้นทางนี้ แผนจะเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ เช่นการตั้งด่านลอยซึ่งคนนอกจะไม่ทราบว่าด่านไหนจะโผล่มาเมื่อไหร่และตรงไหน นอกจากนั้นยังมีการลาดตระเวนตลอดเส้นทางอยู่ตลอดเวลา ที่ผ่านมาเราจึงยังสามารถป้องกันไม่ให้มีเหตุเกิดขึ้นได้ สถิติยัง 100% อยู่"



เราร่วมเดินทางไปกับขบวน ตลอดเส้นทาง รถทุกคนสื่อสารกันตลอดเวลาเพื่อคอยแจ้งข่าวและเพิ่มการรับรู้สถานการณ์ให้แก่รถทุกคันในการปฏิบัติภาริจ

"เราทำงานไม่มีวันหยุด โดยเฉพาะวันหยุดคนพลุกพล่าน ก็ยิ่งเป็นเวลาที่เราต้องทำงาน" ฝอ.3 เล่าให้ฟัง ตามสถิติแล้ว ช่วงที่พลุกพล่านที่สุดนั้นมีประชาชนใช้เส้นทางราว 660 คันต่อชั่วโมงเมื่อเวลาผ่านไปจำนวนรถก็อาจมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งนอกจากการลาดตระเวนบนพื้นแล้ว ยังมีการลาดตระเวนบนอากาศโดยเฉลิคอปเตอร์ร่วมด้วยในบางเวลา



การปฏิบัติภารกิจทั้งหมดนี้ แม้จะดูเหมือนกับว่าเป็นแค่การเดินลาดตระเวนคอยมองดูเท่านั้น แต่ในเนื้อหาลึก ๆ แล้ว มันคือการจำกัดเสรีภาพของการปฏิบัติการของฝ่ายผู้ก่อเหตุให้ไม่สามารถก่อเหตุได้อย่างสะดวก ซึ่งที่ผ่านมา พบแต่บุคคลต้องสงสัยที่คอยมามองดูเส้นทางเท่านั้น ยังโชคดีที่ยังไม่เกิดเหตุขึ้น



เมื่อเวลาผ่านไป เราก็โบกมือลาชุดปฏิบัติการพร้อมกลับที่ตั้งของเรา



เรานั่งพักเหนื่อยพร้อมกับรับประทานอาหารกลางวันสักพัก ผู้พันเขตต์จึงนำพวกเราเดินชมฐานปฏิบัติการของกองพัน ซึ่งก็เปรียบเสมือนบ้านของเหล่าสมาชิกกองพันทหารม้าลาดตระเวนที่ 127 นั่นเอง



ระหว่างทางนั้น เราก็สวนกับขบวนรถฮัมวี่ที่กำลังออกปฏิบัติการพอดี



"ที่นี่เราทำงานกัน 6 วันครึ่ง วันอาทิตย์บ่ายแบบนี้ถ้าใครไม่มีภารกิจก็จะเป็นเวลาพัก กำลังพลก็จะใช้เวลานี้พักผ่อน ดูแลอาวุธ หรือดูแลหน่วย" ผู้พันเขตต์เล่าให้ฟัง

"งานที่นี่ค่อนข้างหนัก ยิ่งยศสูงยิ่งหนัก สี่เดือนที่ผ่านมาผมได้พักรวมกันแค่สิบกว่าวันเท่านั้น ช่วงปีใหม่ไม่ต้องพูดถึง บางทีพักไปได้ไม่กี่วันก็ถูกเรียกกลับมาแล้ว เนื่องจากงานดูแลเส้นทางนั้นไม่มีวันหยุด"



ตรงนี้เป็นเหมือนโรงพยาบาลของฐานครับ จะมีเสนารักษ์คอยดูแลกำลังผลที่เจ็บป่วยอยู่ ซึ่งถ้าเจ็บป่วยมากก็จะส่งต่อไปที่โรงพยาบาลต่อไป



ส่วนตรงนี้คือโรงเก็บยุทธยานยนต์ต่าง ๆ ของฐานครับ ยุทธยานยนต์หลัก ๆ จะประกอบไปด้วยรถเกราะล้อยางแบบ V-150 รถฮัมวี่ติดปืนกล และรถบรรทุกทางทหารต่าง ๆ โดยรถเกราะล้อยาง V-150 นั้นมีทั้งรุ่นลำเลียงพลและรุ่นติดปืน ค.81 แต่ในการปฏิบัติงานในที่นี้นั้นทางหน่วยไม่ได้จัดค.81 มาร่วมด้วย



รถทุกคันจะถูกดูแลให้พร้อมตลอดเวลา โดยเฉพาะรถกู้ซ่อมขนาด 5 ตันคันนี้และกำลังทหารช่างประจำรถต้องพร้อม 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุบัติเหตุบนทางหลวงสาย 418 ซึ่งที่ผ่านมารถก็ออกปฏิบัติงานมาหลายครั้งแล้ว และถ้ามีผู้บาดเจ็บ ก็จะมีชุดเสนารักษ์พร้อมสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมงเช่นกัน



ไม่ไกลก็เป็นพื้นที่ของหน่วยซ่อมบำรุงซึ่งรับหน้าที่ดูแลรถทั้งหมดครับ หน่วยนี้สามารถซ่อมรถทุกชนิดได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถซ่อมในระดับโรงงานได้ ซึ่งหน่วยนี้มีส่วนสำคัญในการดำรงความพร้อมรบของรถให้สูงอยู่เสมอ และแน่นอน ต้องพร้อมปฏิบัติงานตลอดเวลาเช่นกัน



ชะโงกหน้าเข้ามาดูใน V-150 คันหนึ่งครับ V-150 มีอายุกว่า 40 ปีแล้ว แต่กองทัพบกยังใช้งานอยู่เป็นม้างานหลัก แม้ว่าจะเก่า แต่มันก็ยังใช้งานได้ดี และมันก็ช่วยปกป้องกำลังพลทั้งของหน่วยเองและหน่วยอื่นจากกระสุนของฝ่ายผู้ก่อการมาหลายครั้งแล้ว

"บางทีในสถานการณ์เฉพาะหน้าเราก็ใช้อะไหล่ของรถธรรมดามาซ่อมเหมือนกัน" ผู้พันเขตต์เล่าให้ฟัง



นี่คือโรงครัวครับ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ทหารก็ทำกับข้าวกินกันเองเหมือนกัน



"นี่ที่เราตัดเบี้ยเลี้ยงเสี่ยงภัยของกำลังพลมาคนละ 40 บาทต่อวัน ทำอาหารเลี้ยงทั้งฐาน พ่อครัวที่นี่ก็คือทหาร ทำกับข้าวกันทั้งวัน" ผู้พันเขตต์กล่าว



ต่อไปนี้คือเรือนพักของกำลังพลครับ

เรือนพักเป็นเหมือนห้องแถวทั่วไป ด้วยเคารพอย่างยิ่งก็คือ เหมือนบ้านพักคนงานตามไซต์งานก่อสร้าง แต่แตกต่างกันก็คือ คนงานที่อื่นสร้างบ้าน คนงานที่นี่สร้างสันติภาพ

และก็ไม่ค่อยมีใครกล้ามาสร้างด้วยสิ พวกเขาเลยต้องมาสร้างกัน



ด้วยข้อจำกัดของเราเรื่องเวลา หลังจากเยี่ยมชมกองพันเสร็จ เราจึงต้องบอกลาผู้พันเขตต์ก่อนกลับบ้าน ซึ่งเราก็ใช้เส้นทางที่ 418 เช่นกัน ระหว่างทาง ก็ยังคงเจอทหารของกองพันทหารม้าลาดตระเวนที่ 127 ออกตรวจตรารักษาเส้นทาง ทั้ง ๆ ที่วันนี้ควรจะเป็นวันพักผ่อนของกำลังพล

แน่นอน มันเป็นหน้าที่ที่พวกเขาต้องทำ และพวกเขาก็ทำตามหน้าที่โดยไม่ได้บ่นอะไร จะมีมากหรือมีน้อย จะพักมากหรือพักน้อย จะลำบากมากหรือลำบากน้อย จะเสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อย หน้าที่ก็คือหน้าที่ หน้าที่ของทหารและเจ้าหน้าที่ที่เสียสละตัวจริงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้



ในกรุงเทพหรือภูมิภาคอื่น สิ่งที่เรานึกถึงสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างแรกก็คือ "ระเบิด ก่อการร้าย ฆ่าตัดคอ ฯลฯ"

แต่เรามักจะลืมไปว่า พื้นที่ทุกตารางนิ้วในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งซึ่งทำงานไม่มีวันหยุด เพื่อให้ธงชาติไทยยังคงโบกสะบัดอยู่บนเสาธงต่อไป

ในระหว่างที่เราร่วมคณะลาดตระเวนไปกับชุดปฏิบัติการของกองพันทหารม้าลาดตระเวนที่ 127 นั้น ในช่วงจอดพัก เราแอบได้ยินนายทหารคนหนึ่งรับโทรศัพท์ ...

"สวัสดีลูก เป็นยังไงบ้าง? ...... พ่อสบายดี ..... มีเงินใช้พอหรือเปล่า? ..... เหรอ ดีแล้ว ........ พ่อทำงานอยู่ แล้วพ่อจะกลับไปหานะ"

แน่นอนมีนายทหารและเจ้าหน้าที่อีกจำนวนมากที่พูดประโยคนี้กับคนผู้เป็นที่รักที่รออยู่ที่บ้าน

แม้ว่าบางคนจะไม่ตั้งใจที่จะโกหก .... แต่น่าเศร้า ที่หลายคนไม่สามารถทำให้คำสัญญาในประโยคสุดท้ายเป็นจริงได้



ทีมงาน ThaiArmedForce.com ขอขอบคุณ

- ผู้พันเขตต์ และฝอ.3 รวมถึงกำลังพลทุกคนของกองพันทหารม้าลาดตระเวนที่ 127 ทางเรากราบขออภัยที่ปกปิดชื่อ-นามสกุลจริงของทุกท่าน เพื่อความปลอดภัยในการทำงาน
- พันตรีหญิง ผุสดี เติมยอด ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า
- พันเอกบรรพต พูลเพียร หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า
- พลโท พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4

ในตอนที่สอง ทีมงาน TAF เดินทางสู่ค่ายอิงคยุทธบริหาร เพื่อสังเกตุการณ์การปฏิบัติงานของเหล่าทหารพรานในกรมทหารพรานที่ 43 รอติดตามครับ




Create Date : 29 มกราคม 2553
Last Update : 31 มกราคม 2553 0:47:16 น. 5 comments
Counter : 5043 Pageviews.

 
รถสีเขียวเหมือนรถเหม่งเลยemo


โดย: น้าหนูนีล_น้องขวัญ วันที่: 29 มกราคม 2553 เวลา:22:00:00 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่โย

อยากเห็นเมืองไทยเีงียบสงบครับ










โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 มกราคม 2553 เวลา:6:04:05 น.  

 
หมั่นไส้คนแรกมากมาย


โดย: จูหน่านพ วันที่: 30 มกราคม 2553 เวลา:7:50:45 น.  

 
"สวัสดีลูก เป็นยังไงบ้าง? ...... พ่อสบายดี ..... มีเงินใช้พอหรือเปล่า? ..... เหรอ ดีแล้ว ........ พ่อทำงานอยู่ แล้วพ่อจะกลับไปหานะ"

ประโยคนี้ เด็ดครับ พี่โย ขอบคุณทหารแนวหน้าที่ทำให้พวกเราอยู่กันอย่างสบายครับ ขอบคุณจริง ๆ

ปล.พี่โย อัพอีกแล้ว ช่วงนี้ ไฟแรง!!!! ใช่ม่ะ


โดย: SkyWalKeR-TH วันที่: 30 มกราคม 2553 เวลา:15:38:31 น.  

 
อ่านจบแล้ว ขอบคุณที่นำประสบการณ์มาเล่าให้ฟังครับ มีคุณค่ามาก


โดย: แมวหอบ วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:1:02:53 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Analayo
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 56 คน [?]




หากโลกนี้มีความยุติธรรม เราคงไม่ต้องมีศาล ไม่ต้องมีทหาร ไม่ต้องมีตำรวจหรอก/Skyman
@ จ่อยน้องลิง @
@ จ่อยหัวหอม @
X
X



free counters


Friends' blogs
[Add Analayo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.