กองทัพอากาศเกาหลีใต้สั่งซื้อ F-15K เพิ่มเติม

ในที่สุดกองทัพอากาศเกาหลีใต้ก็ประกาศเลือก F-15K สำหรับโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบใหม่ในรุ่นที่สอง (F-X Fighter Batch 2) จำนวน 21 ลำ โดย 1 ลำเป็นของแถมที่ทดแทน F-15K ที่ตกไปเมื่อปี 2549 ครับ
ทอ.เกาหลีใต้วางแผนที่จะสั่งซื้อเครื่องบินในโครงการ F-X ให้ได้ทั้งหมด 120 ลำ ซึ่งในการแข่งขันสำหรับ Batch แรกมีผู้เข้าร่วมคือ Rafale, Typhoon, และ F-15K โดย ทอ.เกาหลีใต้เลือก F-15K จำนวน 40 ลำ และใน Batch ที่สองนี้ผู้ผลิตเครื่องบินทั้งสามแบบยังคงส่งข้อเสนอเข้าแข่งขัน แต่ต่อมาได้ทะยอยถอนตัวออกไปจนเหลือแต่ข้อเสนอของ Boeing เพียงรายเดียว
ความแตกต่างที่สำคัญของ F-15K ใน Batch แรก และ Batch ที่สองคือเครื่องยนต์ครับ โดย Batch แรกนั้นเกาหลีใต้เลือกเครื่องยนต์ F110-GE-129 ของ General Electric มาใช้งาน แต่ใน Batch ที่สองนั้นกองทัพอากาศเกาหลีใต้กลับเลือก F100-PW-229EEP ของ Pratt & Whitney เครื่องยนต์รุ่นนี้ได้รับการปรับปรุงตามมาตราฐาน Enhanced Engine Package (EEP) ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ ลดการผิดพลาดและการซ่อมบำรุง รวมไปถึงเพิ่มเติมระบบตรวจสอบสถานะเครื่องยนต์อัตโนมัติ เราไม่ทราบเหตุผลเหมือนกันว่าการเปลี่ยนยี่ห้อของเครื่องยนต์เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุของ F-15K ในปี 2549 หรือไม่
การสั่งซื้อ F-15K จำนวน 21 ลำนี้ จะทำให้สายการผลิตของ F-15 ยังคงอยู่ไปได้จนถึงปี 2555 ครับ โดยปัจจุบัน Boeing กำลังผลิต F-15K 8 ลำสุดท้ายใน Batch แรกของกองทัพอากาศเกาหลีใต้ และจะเริ่มการผลิต F-15SG ของกองทัพอากาศสิงคโปร์จำนวน 24 ลำ จากนั้นจึงทำการผลิต F-15K ใน Batch ที่สองอีกครั้ง ซึ่งถ้าไม่มีคำสั่งซื้อเพิ่มเติม Boeing ก็คงต้องปิดสายการผลิตลงและจะทำให้บริษัทเหลือสายการผลิตเครื่องบินขับไล่เพียงแบบเดียวนั่นคือ F/A-18E/F
ทั้งนี้ Boeing ก็พยายามหาลูกค้าเพิ่มเติมเพื่อขยายเวลาการเปิดสายการผลิตของ F-15 ให้ได้นานที่สุดครับ โดย Boeing คาดหวังคำสั่งซื้อจากลูกค้าเก่า ๆ นั้นเอง ในกรณีของซาอุดิอารเบียนั้น Boeing ออกมาประกาศเมื่อปลายปีที่แล้วว่าทาง Boeing คาดหวังว่าจะได้รับคำสั่งซื้อ F-15 เพิ่มเติมอีก 24 - 48 ลำ แต่ที่น่าสนใจก็คือซาอุดิอารเบียเพิ่งประกาศจัดหา Typhoon จากยุโรปไปในจำนวนมากถึง 72 ลำ คำสั่งซื้อที่ Boeing คาดหวังอาจจะกลายเป็นคำสั่งซื้อ Typhoon เพิ่มเติมก็เป็นได้ครับ
นอกจากนั้นก็ยังมี ญี่ปุ่นที่กำลังดำเนินโครงการ F-X (ชื่อเดียวกันแต่คนละโครงการกับเกาหลีใต้) เพื่อจัดหาเครื่องบินขับไล่ทดแทน F-4J จำนวนราว 50 ลำ โดยญี่ปุ่นแสดงเจตจำนงมาตลอดว่าต้องการจัดหา F-22 เข้าประจำการ แต่สภาคองเกรสกลับยังไม่อนุญาตให้ทำการส่งออก F-22 แม้ว่าสายการผลิตของ F-22 ใกล้ที่จะต้องปิดลงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ในตอนนี้ญี่ปุ่นจึงยังมองหาตัวเลือกอื่น ๆ ทั้งการปรับปรุง F-15J ที่มีอยู่เดิม และมองหาเครื่องบินแบบอื่นคือ Rafale, Typhoon, F/A-18E/F และ F-15E ซึ่งโดยรวมนั้นเรายังคาดเดาไม่ออกว่าโครงการ F-X ของญี่ปุ่นจะออกมาในรูปแบบไหนจนกว่าจะมีความชัดเจนด้านสายการผลิตและการส่งออก F-22 ครับ
ในอีกแง่มุมหนึ่ง สิงคโปร์ก็อาจจะเพิ่มคำสั่งซื้อ F-15SG จากเดิมที่สั่งซื้อไปแล้ว 24 ลำก็ได้ ถ้าโครงการ JSF ยังประสบปัญหาล่าช้ารวมถึงยังมีความเสี่ยงที่จะล้มเหลวอยู่ รวมไปถึงกองทัพอากาศสหรัฐเองที่ Boeing คาดหวังให้กองทัพอากาศสหรัฐสั่งซื้อ F-15E+ รุ่นใหม่เพื่ออุดช่องว่างในระหว่างที่ต้องรอโครงการ JSF เสร็จสมบูรณ์ แต่ในกรณีของกองทัพอากาศสหรัฐดูจะเป็นไปได้ไม่มากนัก เนื่องจาก F-15E+ ไม่มีคุณสมบัติตรวจจับได้ยากเหมือน F-22 และ F-35 ที่สหรัฐต้องการ
เราคงต้องตามดูกันต่อไปครับว่าสายการผลิตของ F-15 ที่เปิดมายาวนานกว่า 35 ปีจะไปสิ้นสุดที่ไหน การเมืองระหว่างประเทศและความสามารถของทีมการตลาดของ Boeing เองจะเป็นผู้ให้คำตอบครับ
Create Date : 28 เมษายน 2551 |
Last Update : 28 เมษายน 2551 14:52:16 น. |
|
9 comments
|
Counter : 5990 Pageviews. |
 |
|
|