กุฏิสุนทรภู่ วัดเทพธิดารามวรวิหาร หนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวน่าประทับใจกลางกรุง
สวัสดีค่ะ ได้เวลาพาทัวร์กรุงกันต่อแล้วนะคะ
จริง ๆ แล้วช่วงนี้สาวค่อนข้างว่าง แต่เป็นเพราะแต่ละบล็อกที่สาวเอามาฝาก เป็นเนื้อหาที่อยากให้คนอ่านเยอะ เลยทิ้งช่วงนานหน่อย เหมือนวันนี้ก็เช่นกัน กับอีกหนึ่งสถานที่ในความทรงจำที่น่าประทับใจนั่นคือ กุฏิสุนทรภู่ วัดเทพธิดารามวรวิหาร ๆ เคยเป็นวัดที่สุนทรภู่จำพรรษา ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๓๘๕ รวมเป็นเวลาทั้งหมด ๓ ปี จริง ๆ แล้วเมื่อหลายปีก่อนสาวเคยมาแล้ว สาวเคยคาดหวังว่าจะมาเรื่องเล่า แต่กุฏิปิด ค่อนข้างผิดหวัง เลยไม่ได้มาอีกจนไปรอบล่าสุด เราผ่านไปทางวัดเทพธิดารามสาวเลยชวนพี่วันเข้าไปค่ะ
เรามาอ่านประวัติของสุนทรภู่สั้น ๆ กันสักนิดนะคะ ข้อมูลสาวเพิ่มในวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๒ เพื่อรำลึกในวันสุนทรภู่ ประวัติสุนทรภู่พระสุนทรโวหาร นามเดิม ภู่ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า สุนทรภู่ ( ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๒๙ - พ.ศ. ๒๓๙๘) เป็นอาลักษณ์ชาวไทยที่มีชื่อเสียงเชิงกวี ได้รับยกย่องเป็น เชกสเปียร์แห่งประเทศไทย เกิดหลังจากตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ได้ ๔ ปี และได้เข้ารับราชการเป็นอาลักษณ์ราชสำนักในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อสิ้นรัชกาลได้ออกบวชเป็นเวลาร่วม ๒๐ ปี ก่อนจะกลับเข้ารับราชการอีกครั้งในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเป็นอาลักษณ์ในสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น พระสุนทรโวหาร เจ้ากรมอาลักษณ์ฝ่ายพระราชวังบวร ซึ่งเป็นตำแหน่งราชการสุดท้ายก่อนสิ้นชีวิต สุนทรภู่เป็นกวีที่มีความชำนาญทางด้านกลอน ได้สร้างขนบการประพันธ์กลอนนิทานและกลอนนิราศขึ้นใหม่จนกลายเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางสืบเนื่องมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ผลงานที่มีชื่อเสียงของสุนทรภู่มีมากมายหลายเรื่อง เช่น นิราศภูเขาทอง นิราศสุพรรณ เพลงยาวถวายโอวาท กาพย์พระไชยสุริยา และ พระอภัยมณี เป็นต้น โดยเฉพาะเรื่อง พระอภัยมณี ได้รับยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าเป็นยอดของวรรณคดีประเภทกลอนนิทาน และเป็นผลงานที่แสดงถึงทักษะ ความรู้ และทัศนะของสุนทรภู่อย่างมากที่สุด งานประพันธ์หลายชิ้นของสุนทรภู่ได้รับเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งในหลักสูตรการเรียนการสอนนับแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน เช่น กาพย์พระไชยสุริยา นิราศพระบาท และอีกหลายๆ เรื่อง ปี พ.ศ. ๒๕๒๙ ในโอกาสครบรอบ ๒๐๐ ปีชาตกาล สุนทรภู่ได้รับยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านงานวรรณกรรม ผลงานของสุนทรภู่ยังเป็นที่นิยมในสังคมไทยอย่างต่อเนื่องตลอดมาไม่ขาดสาย และมีการนำไปดัดแปลงเป็นสื่อต่างๆ เช่น หนังสือการ์ตูน ภาพยนตร์ เพลงรวมถึงละคร มีการก่อสร้างอนุสาวรีย์สุนทรภู่ไว้ที่ตำบลกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง บ้านเกิดของบิดาของสุนทรภู่ และเป็นที่กำเนิดผลงานนิราศเรื่องแรกของท่านคือ นิราศเมืองแกลง นอกจากนี้ยังมีอนุสาวรีย์แห่งอื่นๆ อีก เช่น ที่วัดศรีสุดาราม ที่จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดนครปฐม วันเกิดของสุนทรภู่คือวันที่ ๒๖ มิถุนายนของทุกปี ถือเป็น วันสุนทรภู่ ซึ่งเป็นวันสำคัญด้านวรรณกรรมของไทย มีการจัดกิจกรรมเชิดชูเกียรติคุณและส่งเสริมศิลปะการประพันธ์บทกวีจากองค์กรต่างๆ โดยทั่วไป
“พิพิธภัณฑ์สุนทรภู่” ในวัดเทพธิดาราม คือพื้นที่ “ประวัติศาสตร์มีชีวิต” ที่สุนทรภู่ผู้เป็นกวีเอกและบุคคลสำคัญของโลกเคยอาศัยอยู่ในช่วงระยะหนึ่ง และเป็นพื้นที่ที่สุนทรภู่ได้รังสรรค์ผลงานมากมายภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ เมื่อเวลาผ่านไปหลายร้อยปี ทุกชีวิตที่เคยเกี่ยวข้องกับพื้นที่ดังกล่าวได้สูญหายไปตามกาลเวลา พิพิธภัณฑ์สุนทรภู่ จึงเกิดขึ้นเพื่อปลุกตัวอักษรของสุนทรภู่ให้กลับมามีชีวิตขึ้นอีกครั้ง พิพิธภัณฑ์สุนทรภู่ เดิมคือกุฏิที่สุนทรภู่เมื่อครั้งบวชเป็นพระภิกษุ ได้อยู่จำพรรษา และปัจจุบัน วัดเทพธิดาราม วรวิหาร ได้เก็บรวบรวมเครื่องอัฐบริขารของสุนทรภู่ไว้ที่กุฏิหลังนี้ ต่อมาในปี ๒๕๒๙ องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ได้ประกาศยกย่องสุนทรภู่ ว่าเป็นบุคคลที่มีผลงานทางด้านวัฒนธรรมดีเด่นของโลก ในวาระครบวันคล้ายวันเกิด ๒๐๐ ปี ของสุนทรภู่
ช่วงจำพรรษาสุนทรภู่ได้ประพันธ์และแต่งกลอนรำพึงถึงวัตถุสถานของวัดไว้หลายอย่างในงานชิ้นนึงชื่อ "รำพันพิลาป" สุนทรภู่ระบุไว้ในงานประพันธ์ว่าได้เขียนงานชิ้นนี้ขึ้นในปี พ.ศ. ๒๓๘๕ ขณะจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม เนื่องจากเกิดนิมิตเป็นฝันร้ายว่าจะต้องสิ้นชีวิต สุนทรภู่ตกใจตื่นจึงแต่งนิราศบรรยายความฝัน และเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตของตนไว้ หลังจากนั้นก็ลาสิกขาบท เนื้อหาในนิราศทำให้ผู้อ่านได้ทราบเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตของสุนทรภู่ซึ่งไม่เคยปรากฏที่ไหนมาก่อน ทำให้ทราบด้วยว่าสุนทรภู่เคยธุดงค์ไปยังหัวเมืองต่าง ๆ มากมาย เช่น พิษณุโลก และได้แต่งนิราศเอาไว้ด้วย แต่งานเขียนของท่านถูกปลวกขึ้นกุฏิ จึงสูญสลายไปหมด สุนทรภู่รำพันความเสียดายหนังสือของตนไว้ในเนื้อเรื่องด้วยว่า "เสียดายสุดแสนรักเรื่องอักษร"
หอระฆังของวัดเทพธิดารามซึ่งก่ออิฐถือปูนสูง ๙ เมตร มีรูปลักษณะคล้ายหอกลอง สุนทรภู่ก็บรรยายไว้ว่า “หอระฆังดั่งทำนองหอกลองใหญ่ ทั้งหอไตรแกลทองเป็นของหลวง ปลูกไม้รอบขอบนอกเป็นดอกดวง บ้างโรยร่วงรสรื่นทุกคืนวัน” สุนทรภู่อยู่ที่ไหนได้ไม่นาน จำพรรษาอยู่ทีวัดเทพธิดาราม ๓ พรรษาก็นับว่านานกว่าที่อื่น เมื่อยามที่ต้องจากไปจึงอาลัยอาวรณ์ไว้ว่า
“โอ้ชาตินี้มีกรรมเหลือลำบาก เหมือนนกพรากพลัดรังไร้ฝั่งฝา โอ้กระฎีที่จะจากฝากน้ำตา โอ้คอยลาเหล่านักเลงฟังเพลงยาว เคยเยี่ยมเยียนเพื่อนเก่าเมื่อเราอยู่ มาหาสู่ดูแลทั้งแก่สาว ยืมหนังสือลือเลื่องถามเรื่องราว โอ้เป็นคราวเคราะห์แล้วจำแคล้วกัน”
ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพิเดีย สำนักทรัพทย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และ manager sanook มาประกอบและเรียบเรียงใหม่
ปล.รูปบางส่วนของพี่วัน สาวเอามาใช้ พี่วันถ่ายรูปสวย ^^
ตอนนั้นที่มาเมื่อ ๕ ปีก่อนไม่มีอะไรเลย มาวันนี้ลองไปอีกรอบน่าประทับใจมาก พี่วันบอกให้สาวเป็นคนเล่า ^^
"ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน แม้เกิดในใต้ฟ้าสุธาธาร ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา" เสียงเพลงอมตะ ที่ขับร้องโดย มรว.ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ คลอเบา ๆ พร้อมกับแอร์ที่เย็นฉ่ำ ในกุฏิสุนทรภู่เมื่อก้าวเข้ามาทำให้ไม่อยากไปไหนเลย กุฏิสุนทรภู่ ปรับปรุงเพื่อรับนักท่องเที่ยวมาปีกว่าแล้ว เมื่อเรามาถึงจะมีวีดีโอสั้น ๆ แนะนำประวัติประมาณ ๑๐ นาที จากนั้นเจ้าหน้าที่จิตอาสาคือ พี่ตุ้มและพี่ต้อย พร้อมด้วยพระสงฆ์จะเริ่มพาเราไปชมตามห้องต่าง ๆ ความพิเศษในการเยี่ยมชมกุฏิสุนทรภู่ อยู่ที่การนำเอาเทคโนโลยีเออาร์ (Augmented Reality) เทคโนโลยีที่ผนวกโลกแห่งความเป็นจริงและโลกดิจิทัลเข้าไว้ด้วยกัน เราจะได้ถ่ายภาพแบบมีชีวิตด้วยกัน สำหรับใครที่อย่างใส่ชุดไทยถ่ายรูปจะมีให้เช่าครั้งละ ๑๐๐ บาท ไม่แพงเลย เงินทั้งหมดจะไว้บูรณะสถานที่ต่อไป ห้องทั้งหมด ๓ ห้อง ได้แก่ ๑. ห้อง "แรงบันดาลใจไม่รู้จบ" จัดแสดงเกี่ยวกับเส้นทางชีวิตและผลงานของสุนทรภู่ในประวัติศาสตร์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ ถึงรัชกาลที่ ๔ รวมทั้งยังมีรูปหล่อครึ่งตัวของท่านเมื่อครั้งยังเป็นพระภิกษุ ประดิษฐานไว้เป็นอนุสรณ์ ๒. ห้อง "มณีปัญญา"เพลิดเพลินและสนุกกับการเรียบเรียงบทร้อยกรองคำประพันธ์ของสุนทรภู่ ไม่ว่าจะเป็น กลอน กาพย์ โคลง และนิราศ ๓. ห้อง "ใต้ร่มกาสาวพัสตร์" จัดแสดงเครื่องอัฐบริขาร รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ของสุนทรภู่ เมื่อครั้งที่ท่านยังบวชเป็นพระภิกษุ
นอกจากนี้ ความพิเศษในการเยี่ยมชมกุฏิสุนทรภู่ อยู่ที่การนำเอาเทคโนโลยีเออาร์ (Augmented Reality) เทคโนโลยีที่ผนวกโลกแห่งความเป็นจริงและโลกดิจิทัลเข้าไว้ด้วยกัน มาช่วยในการนำเสนอองค์ความรู้ที่เชื่อมโยงกับสุนทรภู่ โดยผ่านเทคโนโลยีดังกล่าว นับได้ว่าเป็นการเปิดมุมมองการนำเสนอเรื่องเล่าอัตชีวประวัติของสุนทรภู่ กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ภายใต้บริบทสังคมสมัยใหม่ได้อย่างน่าสนใจ
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บกระปุก
ด้านหน้าทางเข้าค่ะ มีรูปปั้นสุดสาครกับม้านิลมังกรตัวละครเอกจากพระอภัยมณี
เราเข้าไปด้านในกันค่ะ
แผนผังกุฏิสุนทรภู่
ทีแรกเราจะดูแป๊บเดียวเพราะจะไปอีกสองแห่ง แต่วิทยากรทั้งสองคือพี่ตุ้มกับพี่ต้อยพยายามบอกว่าอยากให้อยู่ฟังสักนิด แถมพระช่วยเชียร์อีกคน เราเลยอยู่พระน่ารักจัดบรรยายแบบกระชับให้ ตามนี้
แถมพระยังช่วยถ่ายรูปให้เราด้วย กราบขอบพระคุณค่ะ
เริ่มจากดูวีดีโอสั้น ๆ แนะนำประวัติสุนทรภู่ประมาณ ๑๐ นาที ก่อนหน้าเรามีนักท่องเที่ยวชาวสิงค์โปร์นั่งอยู่แล้วสองคน
ช่วงที่เราไปใกล้เสร็จพอดี ระหว่างนี้เราก็เริ่มถ่ายรูปกันฉากจะเป็นแบบนี้
จากนั้นทางเจ้าหน้าและพระจะถ่ายรูปในแท็บแล็ตด้วยเทคนิค AR
จริง ๆ มีมุมเก็บชาด้วย แต่แสงไม่ได้เราเลยเข้าไปด้านในกัน ถ้าจะเช่าชุดก็ได้นะคะ
ป้ายประกอบ
ตอนนี้เข้ามาด้านในแอร์เย็นฉ่ำ แถมได้ยินเพลงคำมั่นสัญญาน่าจะเป็นเสียงของ มรว.ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ คลอเบา ๆ สาวงี้เพ้อ อยากอยู่นาน ๆ เริ่มจากห้องแรก
ห้อง "แรงบันดาลใจไม่รู้จบ" จัดแสดงเกี่ยวกับเส้นทางชีวิตและผลงานของสุนทรภู่ในประวัติศาสตร์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ ถึงรัชกาลที่ ๔ รวมทั้งยังมีรูปหล่อครึ่งตัวของท่านเมื่อครั้งยังเป็นพระภิกษุ ประดิษฐานไว้เป็นอนุสรณ์
รูปคู่ของเรา
ตรงนี้จะมีเรื่องราวประวัติเรียงตามปีค่ะ
ตรงนี้เป็นบทกวีของสุนทรภู่ไม่แน่ใจว่าเป็นของใหม่หรือของเก่า
มาถึงห้อง "มณีปัญญา"เพลิดเพลินและสนุกกับการเรียบเรียงบทร้อยกรองคำประพันธ์ของสุนทรภู่ ไม่ว่าจะเป็น กลอน กาพย์ โคลง และนิราศ เราไม่ได้เก็บรายละเอียดมากค่ะ
ด้วยความรีบ เราเลยเก็บรายละเอียดน้อยค่ะ สาวเอากลอนจากห้องแรกมาชดเชยให้
ไว้มาอีกจะอยู่ยาว ๆ
มีห้องนี้ด้วย
ถ่ายรูปกันค่ะ
มาถึงห้องสุดท้าย ห้อง "ใต้ร่มกาสาวพัสตร์" จัดแสดงเครื่องอัฐบริขาร รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ของสุนทรภู่ เมื่อครั้งที่ท่านยังบวชเป็นพระภิกษุ
ของใช้ของสุนทรภู่ค่ะ
ตอนนี้มาถึงรูปเรา
และรูปที่พระถ่ายให้
ก่อนกลับเราแอดไลน์พร้อมเขียนสมุดเยี่ยมค่ะ ระหว่างนี้พี่ ๆ เตรียมขนมให้
ถ้าไม่กินพี่ ๆ ไม่ยอมให้เรากลับ วันนี้มีเค้กกล้วยหอม กาแฟสด น้ำแดง และน้ำลำไย ประทับใจมาก
สาวเลยถามตรง ๆ ใครจ้างพี่ ๆ เหรอคะ ? แล้วงบค่าขนมละ ? พี่ ๆ บอกไม่เลย ทำด้วยใจล้วน ๆ น่ารักมากมาย ทราบมาว่าวันรุ่งขึ้นจะมีทำบุญใหญ่ มีพระมาจากหลายที่ สาวกับพี่วันเลยฝากพี่ ๆ ทำบุญไว้เลย ^^ขอบคุณพี่ตุ้ม พี่ต้อยสองจิตอาสาที่มาช่วยงานโดนไม่มีค่าตอบแทน แถมมีขนมกับน้ำอร่อย ๆ ให้เราด้วย แถมขากลับยังเดินไปส่งเราทางออกเพื่อไปหอศิลป์ด้วย ซึ้งใจมาก
ที่นี่เปิดให้ชมฟรีทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00 - 17.00 น.ไปชมกันเยอะ ๆ นะคะ ลืมบอกมีตู้ให้เราทำบุญด้วย เงินทั้งหมดเข้าวัดค่ะ
ขอบคุณที่แวะมา
Create Date : 25 มิถุนายน 2562 |
Last Update : 26 มิถุนายน 2562 21:05:30 น. |
|
18 comments
|
Counter : 3624 Pageviews. |
|
|