|
||||
ลู่หมินซีรีส์ The Writer 4 / AI Tale 4.2 (นิทานจักรกล) ภาพที่เห็นก่อนที่เขาจะหลับตาเป็นเวลาแค่เสี้ยววินาที แต่สมองก็ประมวณผลได้อย่างฉับไวเพราะประสาทสัมผัสทุกส่วนตื่นตัวเต็มที่ เขาเห็นจักรยานคันเก่งของตัวเองและเก้าอี้ไม้ที่คุณตาเป็นคนประกอบทาสีเขียวเข้ม .....มีคนนั่งอยู่ เปลือกตาที่ค่อยๆยกขึ้นสั่นระริก "คนที่นั่งอยู่" ถูกสายตาหวาดระแวงสำรวจเร็วๆตามจังหวะการเต้นของหัวใจ หัวจรดเท้าวนไปมา เมือ่ไม่เห็นความผิดปกติที่อาจทำให้โยงไปในเรื่องเร้นลับ ลู่หานถึงค่อยๆข่มความตื่นตระหนกของตัวเองลงได้ "นาย...รู้จักชื่อฉันได้ยังไง" อีกฝ่ายมองนิ่งไม่ตอบคำถาม แต่ยื่นรูปถ่ายในมือให้ลู่หานแบบเหยียดสุดแขน ลู่หานพยายามเพ่งมอง แต่ในที่สุดก็ต้องปล่อยมือจากลูกบิดประตูเดินเข้าไปหาเพราะอีกฝ่ายก็ไม่ยอมขยับตัวเหมือนกัน เขาเข้าใกล้เพียงแค่ระยะที่ตัวเองจะมองเห็นรูปถ่ายได้ เป็นรูปที่เขาถ่ายกับคุณตาก่อนจากบ้านไปใช้ชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัย "รู้จักคุณตาฉันเหรอ" คำตอบคือการพยักหน้าจนผมหน้าม้าเพยิบ มือที่ยื่นมาข้างหน้ายังค้างอยู่ ลู่หานเลยดึงรูปออกมา ถึงได้เห็นว่าที่ด้านหลังมีข้อความลายมือคุณตาอยู่ ...ถ้าคุณตาจำเป็นต้องไปอยู่กับคุณแม่ น้องมินซอกรอพี่ลู่หานที่บ้านนะ ห้ามออกไปเล่นซนข้างนอกเด็ดขาดมันอันตรายมาก แล้วก็ต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังพี่ลู่หานอย่าทำให้คุณตากับคุณแม่เสียใจนะ รัก....คุณตา "อ้าว มาแล้วเหรอ" ลู่หานสะดุ้งสุดตัว หันไปตามเสียงแล้วแทบอยากจะหาอะไรใกล้ๆมือปาใส่ "เข้ามาเงียบๆ เคาะประตูไม่เป็นรึไง" "ก็ประตูข้างนอกไม่ได้ล็อก แล้วประตูห้องนี้ก็เปิดอยู่จะให้เคาะอะไรล่ะ" "โด คยองซู สวัสดีครับ" ชายหนุ่มถึงกับหันควับมองตัวปัญหาที่ลุกยืนโค้งให้คนที่เพิ่งเข้ามาแบบเก้าสิบองศา จะอ้าปากถามคยองซูก็เดินเฉิบออกจากห้องไปหน้าตาเฉย ลู่หานได้แต่ชกลมเปะปะระบายความหงุดหงิด พอเจ้าของบ้านเดินตามมานั่งที่โต๊ะอาหาร คยองซูก็ดันรูปที่ใส่กรอบสำหรับวางหน้าศพไปข้างหน้า ลู่หานเลยดันต่อมาไว้ข้างๆตัว มองภาพคุณตาแล้วความหงุดหงิดก็เริ่มคลายลง "ขอบใจมากนะ แล้วไว้จะแวะไปหาคุณปู่ขอบคุณที่ช่วยจัดการทุกอย่างให้" "ไม่เป็นไร สนิทกันยิ่งกว่าญาติอีกเรื่องแค่นี้เอง" ชายหนุ่มเงียบไป นึกถึงช่วงเวลาที่คุณแม่ไม่อยู่แล้ว คุณตาก็คงมีแต่คุณปู่ของคยองซูเป็นเพื่อน เพราะสนิทสนมกันตั้งแต่ย้ายมาใหม่ๆความที่คุณปู่คยองซูมีคุณพ่อเป็นคนจีนปักกิ่งเหมือนกัน ลู่หานได้แต่พยักหน้า คยองซูเลยทำท่าจะลุกกลับ "เดี๋ยวๆ นายยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น นั่งลง" อีกฝ่ายเลยต้องหย่อนก้นลงนั่งตามเดิม แต่ปากอิ่มค่อนข้างหนาก็ยื่นยาวแบบไม่สนว่ามันจะเสียมารยาท "เรื่องเด็กมินซอกนั่นนายต้องรู้ดีแน่ๆ" "ก็รู้" "ก็รู้....งั้นก็เล่ามา" "เจ้านั่นเป็นผลงานของแม่พี่" "ผลงาน?" ลู่หานขึ้นเสียง แต่คยองซูก็พูดอธิบายต่อด้วยโทนเสียงเดิม "ก็แม่พี่ทำงานด้านนี้ไม่ใช่เหรอ แต่เจ้าหุ่นกระป๋องนี่เป็นงานส่วนตัว" "หุ่นยนต์!!! เด็กนั่นเป็นหุ่นยนต์เอไอเหรอ" คยองซูทำมือเป็นสัญญาณให้ลดเสียงลง เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัย ลู่หานเลยยกมือเป็นเชิงขอโทษแล้วกอดอกตั้งท่าฟังต่อเต็มที่ "เรื่องมันยาว ท้องก็หิว พี่ต้มรามยอนให้กินหน่อยจะได้มีแรงเล่าต่อ" โดนตัดบทดื้อๆแบบนี้ คนวัยมากกว่าแปดปีเต็มถึงกับขบฟันแน่น เอานิ้วชี้เคาะโต๊ะรัวๆเป็นการหยั่งเชิง แต่อีกฝ่ายยังเฉย ลู่หานเลยต้องเป็นฝ่ายยอม ห้านาทีที่ทำรามยอนกับอีกห้านาทีที่รอให้เจ้าเด็กจอมกวนกินเสร็จลู่หานรู้สึกเหมือนมันนานเป็นชั่วโมงๆ พออีกฝ่ายเลื่อนถ้วยรามยอนที่แทบไม่เหลือน้ำซุปสักหยดไปข้างๆ เขาก็รีบขยับเก้าอี้ตั้งท่ารอฟังอีกรอบ "ขอน้ำหน่อย" มีเสียงฮึดฮัดสวนขึ้นมาชัดเจน ความซาบซึ้งน้ำใจตอนนี้แทบไม่เหลือแล้ว แต่แต้มต่อในมือของเด็กมีมากเกินกว่าผู้ใหญ่จะขัดขืนได้ คยองซูดื่มน้ำรวดเดียวหมดแก้ว เอนหลังกับพนักพิงพรูลมหายใจแล้วลูบท้องไปมา ลู่หานประสานมือไว้บนโต๊ะ จ้องอีกฝ่ายไม่วางตา คาดคั้นด้วยสีหน้าเพราะหงุดหงิดเกินกว่าจะพูดอะไรได้ในตอนนี้ คยองซูประสานมือไว้ที่โต๊ะบ้าง คล้ายจะล้อเลียนแต่ก็ยากที่จะมองเจตนาออก "คุณป้าแอบสร้างเจ้าเด็กหุ่นกระป๋องกับเพื่อนอีกคนที่ทำงานด้วยกัน เพราะต้องการให้เป็นตัวแทนของลูกชาย..." "เดี๋ยวๆ..ลูกชายอะไร" ข้อมูลใหม่ทำให้ชายหนุ่มต้องขยับเก้าอี้จนอกชิดกับขอบโต๊ะ "ก่อนแต่งงานกับพ่อพี่คุณป้าเคยมีลูกชายกับแฟนเก่า แต่ตายตอนยังไม่ถึงขวบเลย คุณป้าเผลอทิ้งเด็กไว้ในอ่างอาบน้ำแล้วไม่ได้ปิดก็อกน้ำตอนออกไปรับโทรศัพท์ เด็กก็เลย..." "ทำไมไม่มีใครเคยเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังเลย" "ไม่รู้ คุณตาไม่ได้บอก" ลู่หานเม้มปากแน่นเพราะรู้ว่าโดนกวนประสาท แต่คยองซูก็เล่าเรื่องตามที่ฟังคุณตาเล่ามาไปตามปกติ "พ่อพี่น่ะค้านเรื่องนี้หัวชนฝา แต่คุณป้าไม่ยอมก็เลยทะเลาะมาเรื่อยจนต้องเลิกกัน แล้วพ่อพี่ก็ขอถอนตัวจากโครงการณ์อ้างว่าอยากไปเรียนต่อต่างประเทศ จากนั้นก็ตามที่พี่รู้นั่นแหละ" "ฉันหลงโกรธพ่อมาตลอด คิดว่าที่เลิกกันเพราะพ่อนอกใจแม่ซะอีก" "ก็รวมๆกันอะพี่ สถานการณ์มันพาไป ผัวเมียทะเลาะกัน ต่างคนต่างมีคนนอกมาปลอบ ปลอบแล้วรู้สึกดีต่อกัน ปันใจให้กัน โอ้ย มันก็เบสิกป่ะ" ลู่หานหมั่นไส้กับท่าทีเจนโลกของเด็กตรงหน้านี้เหลือเกิน แต่เรื่องที่อยากรู้ยังมีอีกเยอะเลยยังไม่อยากปะทะคารม "แล้วเจ้าหุ่นตัวนั้นมาอยู่ที่บ้านนานแค่ไหนแล้ว" "ก็หลังคุณป้าเสียประมาณปีกว่าๆ...ตอนแรกอยู่ที่ห้องทดลองลับตรงป่าไผ่ไปทางหลังบ้านผมหลายกิโลเหมือนกัน แต่พอทางการเริ่มระแคะระคายส่งคนมาสำรวจแถวนั้นบ่อยๆ คุณตาเลยพามาอยู่บ้าน จากนั้นแค่อาทิตย์เดียวห้องทดลองก็โดนเจอแล้วถูกเผาทิ้ง แต่ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าหุ่นกระป๋องสร้างสำเร็จแล้ว เพื่อนคุณป้าก็ต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ" "ทำไมคุณแม่ต้องทำอะไรที่มันเสี่ยงอันตรายแบบนี้ด้วย" ลู่หานฮึดฮัดกระแทกหลังกับพนักพิง "ก็ลูกทั้งคน แล้วไหนจะความรู้สึกผิดในใจอีก คนเราต้องการโอกาสแก้ตัวกันทั้งนั้นแหละ" "เรื่องแบบนี้มันแทนกันได้ที่ไหน คนกับหุ่นยนต์นะ เจ้าหุ่นนั่นควรถูกกำจัดทิ้งไปตั้งแต่ตอนที่หน่วยงานถูกปิดแล้ว" "พี่ก็พูดได้ดิ" "ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ ก็เห็นมั๊ยล่ะสุดท้ายก็เป็นฉันที่ต้องรับผิดชอบแบบโดนมัดมือชกแบบนี้" "พี่แม่งใจร้ายว่ะ มันก็สมควรแล้วที่คุณป้าไม่บอกอะไรพี่เลย" "แต่หุ่นยนต์ต้นแบบผิดพลาดขนาดที่ว่ายิงตำรวจกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยตาย จนรัฐต้องสั่งปิดหน่วยยกเลิกการทดลองทั้งหมด แล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่าเจ้าตัวนั้นจะไม่มีอะไรผิดพลาด" ชายหนุ่มชี้นิ้วไปที่ห้องใต้บันได "เดี๋ยวก็รู้ แต่คงต้องรอให้มันยิงพี่ก่อนมั้ง" "นายนี่มัน....." มือที่ชี้นิ้วค้างอยู่ถูกดึงวกกลับมา นิ้วแทบจะชนจมูกของคยองซู คยองซูบึนปากแล้วรีบดึงของในกระเป๋าเสื้อออกมาวาง ก่อนจะลุกพรวด ทิ้งคำพูดไว้สั้นๆแล้วเดินจ้ำอ้าวออกไป "รูปเด็ก" ลู่หานอ้าปากจะห้ามแต่ก็มีแค่เสียงถอนหายใจเพราะคยองซูแทบจะวิ่งไปที่ประตูด้วยซ้ำ เขาหันมามองรูปที่วางอยู่เป็นเด็กหน้าตาจิ้มลิ้มตัวอ้วนกลมอยู่ในอ้อมแขนของแม่ ถึงจะยังเล็กมากแต่ก็ดูออกว่าเจ้าหุ่นยนต์ตัวปัญหาหน้าตาถอดแบบมาจากเด็กในรูปไม่ผิดเพี้ยน เขาหยิบรูปมาดูใกล้ๆ แม่ของเขาในวัยที่อ่อนเยาว์กว่าเขาในตอนนี้ กำลังยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกายสดใสแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ที่เคยคิดมาตลอดว่าแม่เป็นคนตาเศร้าแบบนั้นเอง...แต่มันไม่ใช่เลย เสียงนาฬิกาแบบโบราณบอกเวลาสามทุ่มครึ่ง ลู่หานลุกไปปิดไฟครัว แล้วตรงไปที่ส่วนนั่งเล่นเก็บรูปทั้งสองใบไว้ในลิ้นชักตู้วางทีวี บรรยากาศในบ้านเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจากตอนแรกที่เขาก้าวเท้าเข้ามา บ้านที่เขาคุ้นเคยรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนแปลกหน้า ลู่หานเดินสืบเท้าช้าๆไปที่ห้องใต้บันได ประตูยังแง้มอยู่ มีแสงไฟลอดเป็นเส้นเฉียงพาดกับพื้น เขาค่อยๆดันประตูแสงไฟไล้อาบพื้นเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกครอบไว้ในร่างจักรกลที่เลียนแบบคนมาอีกที ยังคงอยู่ในท่าโค้งเก้าสิบองศาแบบเมื่อชั่วโมงก่อน ชายหนุ่มถึงกับกุมขมับ ไม่คิดว่าสิ่งประดิษฐ์จากความรู้ด้านเทคโนโลยีที่เรียกได้ว่าเป็นความหวังของมนุษยชาติจะดูไร้สติปัญญาจนน่าขำแบบนี้ เขาไม่แปลกใจเลยที่คยองซูเรียกเจ้านี่ว่าหุ่นกระป๋อง "นี่...จะยืนท่านั้นทั้งคืนรึไง" ร่างที่เรียกตัวเองว่าน้องมินซอกค่อยๆขยับหัวเงยหน้าขึ้นมอง ทั้งที่ลำตัวท่อนบนยังขนานกับพื้นอยู่เหมือนเดิม "น้องมินซอกขออนุญาตครับ" "แค่นี้ก็ต้องรอให้อนุญาต คิดเองไม่เป็นเหรอ" "คุณตาบอกให้น้องมินซอกเชื่อฟังพี่ลู่หานครับ" คำตอบทึ่มๆ ยิ่งทำให้ลู่หานหงุดหงิด "จะบ้าตาย...ฉันอนุญาตให้นายทำอะไรก็ได้ไม่ต้องรอให้ฉันสั่ง" "ทำอะไรครับ" "โอ้ย อะไรกันวะเนี่ย....ก่อนอื่นนะ ยืนให้มันตัวตรงๆปกติเหมือนคนก่อนเถอะ แบบนี้มัน....ขนลุก" "ขนลุก" "มันน่ากลัว เข้าใจมั๊ย" "น้องมินซอกเข้าใจครับ" 'น้องมินซอก' รับคำแล้วยกตัวขึ้นจนเป็นท่ายืนตรงแบบคนปกติอย่างที่ลู่หานต้องการ ลู่หานหลับตา พยายามสงบอารมณ์คลายเส้นตึงๆในหัว นี่ยังไม่ผ่านวันแรกเลย เขารู้สึกเหมือนจะประสาทเสียรอมร่อ ชายหนุ่มเดินจ้ำออกมาจากห้อง กลับเข้าครัวไปเอารูปคุณตามาวางไว้บนหิ้งเดียวกับคุณแม่และคุณยายที่อยู่ตรงทางเดินไปห้องหนังสือ แล้วก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ดวงตาโตสวยหม่นแสงมองรูปคนที่รักที่สุดทั้งสามคนที่ตอนนี้พากันจากเขาไปหมดแล้ว ความรู้สึกที่เหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลกมันเหงาจับหัวใจ กับเพื่อนสนิทก็ทำร้านอาหารด้วยกันไม่รอดแล้วยังทะเลาะถึงขั้นแตกหัก กับคนรักก็ไม่เคยคบใครได้ยืดยาว กับความฝันก็เลือนลางลงไปทุกที เขาอายุยี่สิบแปดแล้วแต่ชีวิตยังว่างเปล่าเคว้งคว้างไม่มีจุดหมาย ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าเผลอคิดอะไรจนเหม่อลอยลืมเวลาไปนานแค่ไหน น้ำตาที่มันรื้นขึ้นมาช่วยเรียกสติให้เขามาอยู่กับปัจจุบัน ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วปาดน้ำในตาลวกๆ รู้สึกหงุดหงิดที่ตัวเองอ่อนแอไม่เข้าท่าแบบนี้ "โอ๋เอ่ๆ ไม่ร้องนะครับ" ความอบอุ่นที่แผ่นหลัง วงแขนที่กอดรัดเอวเขาเอาไว้ และเสียงเล็กๆที่เริ่มจะคุ้นหู ถึงอย่างนั้นลู่หานก็ยังรู้สึกตกใจอยู่ดี พอคิดว่าจะดึงมือที่ประสานกันอยู่ตรงหน้าท้องออก อีกฝ่ายก็แนบแก้มตามลงมาและยังไม่หยุดปลอบเขาเหมือนเด็กๆ "พี่ลู่หานคนเก่ง ไม่ต้องร้องนะครับ เดี๋ยวน้องมินซอกจะเล่านิทานให้ฟัง พี่ลู่หานจะนอนหลับฝันดี ตื่นมาก็จะมีแต่ความสุข" มือที่ตั้งท่าจะแกะนิ้วเล็กๆออกกลับถูกทิ้งลงข้างลำตัว น้ำตาที่เช็ดออกไปแล้วก็เอ่อท้นขึ้นมาใหม่และไหลออกมาอย่างรวดเร็ว ทุกถ้อยคำปลอบโยนจากหุ่นยนต์ ไม่ต่างจากที่เขาได้ยินจากปากของคุณแม่เมื่อตอนยังเป็นเด็กเลย ............................................................................. .......................................... .......... สวัสดีค่ะ แต่งด้วยแรงรักผสมแรงแค้นที่แท้จริม 555555555 คือถึงตอนนี้ก็ยังไม่ดีขึ้น เพราะคนจีนยังไม่ทำอะไรให้ดีขึ้น อยู่กับความเชื่อล้วนๆเลย มีแต่น้องมินซอกช่วยเยียวยาหัวใจ คุณแม่จิสู้ววววว ( ͡ಥ‿ ಥ)━☆ |
สมาชิกหมายเลข 2090139
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
Group Blog All Blog
| |||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |