Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2567
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
23 ตุลาคม 2567
 
All Blogs
 
ส่องสำรวจ อ.เกาะคา จ.ลำปาง


กลับมาอัพบล็อกท่องเที่ยวอีกครั้ง หนนี้พาขึ้นเหนือเที่ยวแถวบ้านพี่กิ่ง ที่ อ.เกาะคา จ.ลำปางครับ

เกาะคาอยู่ทางใต้ของ อ.เมืองลำปาง มีสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียงอย่างพระธาตุลำปางหลวง ที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะก่อนเข้าเมืองลำปาง บล็อกนี้เคยอัพสารพัดวัดทั้งหลายอย่างวัดพระธาตุลำปางหลวง วัดพระธาตุจอมปิง และวัดไหล่หินมาแล้ว ในเอนทรี่ เที่ยวเมืองลำปาง อดีตเขลางค์นคร นับเป็นเอนทรี่ประวัติศาสตร์รุ่นแรกๆ ของบล็อกนี้เลย

ก่อนอื่นขอบรีฟประวัติศาสตร์ลำปางแบบสั้นสุดๆ เพื่อความอินในเนื้อหาประวัติศาสตร์กันก่อนเที่ยวครับ ขอแนะนำสองวีรชนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อลำปางคือ พระนางจามเทวี และหนานทิพย์ช้าง

(ภาพประกอบคืออนุสาวรีย์หน้าวัดปงยางคก)
 
พระนางจามเทวี เป็นพระราชธิดาของกษัตริย์ละโว้ที่ฤาษีวาสุเทพผู้นำชาวลัวะได้เชิญขึ้นมาปกครองอาณาจักรหริภุญชัย (ปัจจุบันคือลำพูน) ซึ่งได้นำภิกษุและช่างฝีมือจากละโว้ไปด้วยจำนวนหนึ่ง ร่วมกันสร้างบ้านแปงเมืองจนหริภุญชัยกลายเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคเหนือกว่า 6 ร้อยปี ก่อนถูกพญามังรายยึดครองและสร้างอาณาจักรล้านนาขึ้น จากนั้นล้านนาก็เสียแก่พม่าช่วงใกล้กับอยุธยาเสียกรุงครั้งที่ 1
หนานทิพย์ช้าง ผู้ปลดแอกเมืองลำปางจากการควบคุมของท้าวมหายศในปี พ.ศ.2275 อันที่จริงกลุ่มของหนานทิพย์ช้างยังคงพึ่งพิงอำนาจของพม่า เพื่อกำจัดกลุ่มอำนาจเก่าคือท้าวลิ้นก่านที่สืบเชื้อสายมาจากเจ้าเมืองลำปางเดิมนะครับ พอหมดท้าวลิ้นก่าน เจ้าสกุลล้านนาในลำปางก็ถือว่าถูกล้างบางไปหมดสิ้น หลังจากนั้นเจ้ากาวิละหลานของหนานทิพย์ช้างจึงค่อยร่วมกับพระยาจ่าบ้าน ต่อสู้ปลดแอกล้านนาจากพม่าอย่างแท้จริงด้วยความช่วยเหลือจากสยาม กว่าจะสำเร็จก็ล่วงไปถึงสมัย ร.1 แล้วครับ เกิดเป็นราชวงศ์เจ้าเจ็ดตนครองเมืองต่างๆ ในภาคเหนือในฐานะประเทศราชของสยาม


เข้ามาในเขตจังหวัดลำปางจะมีร้านโกแดง เป็นร้านเก่าแก่อยู่ อ.เถิน ริมถนนสาย 1 มีอาหารป่าอาหารพื้นเมืองอย่างผัดผักเชียงดาไข่ ลาบหมูคั่ว ผัดมะเขือยาว ไก่ทอดมะข่วง ต้มยำปลาคัง ฯลฯ มีน้ำส้มเกลี้ยงคั้นสดขายด้วย รอบที่ไปลำปางสองครั้งหลังกินร้านนี้ละครับ อร่อย - -b

 

355 356 367

กินเสร็จเข้าเขตเกาะคากัน นอกจากประวัติศาสตร์ยุคล้านนาแล้ว เกาะคายังเป็นสถานที่ที่พบกะโหลกมนุษย์โฮโมอิเร็คตัสอายุมากกว่า 500,000 ปี บริเวณบ้านหาดปู่ด้าย ถือเป็นการค้นพบที่สำคัญให้นักโบราณคดีใช้เชื่อมโยงการเดินทางของมนุษย์กลุ่มต่างๆ ในยุคดึกดำบรรพ์ของพื้นที่ประเทศไทย

ตอนนี้ไม่มีอะไรให้ชมแล้วนะครับ มีแค่รูปปั้นมนุษย์โบราณที่ระลึกที่กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปเรียบร้อย 149 ไว้เดี๋ยวค่อยเข้าเกาะคาเที่ยวพิพิธภัณฑ์ที่เขารวบรวมซากดึกดำบรรพ์ไว้จุใจกว่านี้

 


เขาส่องกระจกถ้ำผาบ่อง เป็นอันซีนของลำปาง บริเวณนี้เรียกว่าดอยแก้ว ตามคำบอกเล่าทุกขึ้น 15 ค่ำ จะมีดวงแก้วลอยออกมาจากดอย ทำให้คนในพื้นที่นับถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ด้านบนมีปล่องคล้ายกรอบกระจก ถ้าจะขึ้นไปถ่ายใกล้ๆ ก็ขึ้นบันไดไป 200 ขั้นครับ ซึ่งวิวก็ไม่สวยอะไรแถมเวลาน้อย ขอส่องจากด้านล่างพอ




ตอนเที่ยวเกาะคารอบล่าสุดเดือน ก.ค. 2023 เป็นหน้าฝน ทุ่งนาเขียวขจี ทริปนี้ไปต่อถึงปัวและบ่อเกลือใน จ.น่าน ด้วยนะครับ ลงบล็อกนี้ไว้แล้ว ชุ่มฉ่ำไปกับความเขียวตลอดทริป
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=shiryu&month=10-2023&date=28&group=9&gblog=108



ใกล้ถ้ำผาบ่อง มี วัดพระธาตุจอมปิง สร้างในสมัยพระเจ้าติโลกราชยุคล้านนา สิ่งก่อสร้างสำคัญคือองค์พระธาตุจอมปิง สูง 34 เมตร


อุโบสถประดิษฐานพระพุทธจอมพิงค์ชัยมงคล

 


ในอุโบสถหลังเก่ามีเงาสะท้อนพระธาตุตามหลักการกล้องรูเข็มเช่นเดียวกับที่วัดพระธาตุลำปางหลวง แต่คมกริบแบบ 4K เกิดจากผู้ดูแลซึ่งจัดฉากรับแสงได้โฟกัสพอดี คราวก่อนคุณลุงมาเลื่อนฉากให้ดูหลายๆ แบบนะครับ คราวนี้ลุงไม่อยู่แล้ว

 


ศาลาในวัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ สร้างใน พ.ศ.2544 รวบรวมโบราณวัตถุจากชาวบ้าน

 


ขับรถขึ้นมาตามสาย 1 ต่อจะเข้าสู่ตัวเมืองของเกาะคาแล้วนะครับ ริมถนนสาย 1 มี พิพิธภัณฑ์ซากดึกดำบรรพ์ ธรณีวิทยา และธรรมชาติวิทยา จ.ลำปาง (ชื่อยาวจัง) เพิ่งเปิดในปี พ.ศ.2558 รวบรวมตัวอย่างทางธรณีวิทยาและซากดึกดำบรรพ์ในภาคเหนือ แบ่งโซนนิทรรศการเป็น 3 โซน
(1) มหายุคพาลีโอโซอิก ก่อนไดโดนเสาร์
(2) มหายุคมีโซโซอิก ยุคไดโนเสาร์ และมหายุคซีโนโซอิก หลังไดโนเสาร์
(3) โซนกิจกรรม


เวลาเดินจะเดินจากชั้นบนลงมาชั้นล่างนะครับ ชั้น 3 บอกเล่าเรื่องราวกำเนิดโลกและมหายุคพาลีโอโซอิก มีหุ่นจำลองและซากฟอสซิลของสัตว์ดึกดำบรรพ์ยุคก่อนไดโนเสาร์


ชั้น 2 บอกเล่าเรื่องราวของไดโนเสาร์ในมหายุคมีโซโซอิก มีหุ่นไดโนเสาร์ (บางตัวเคลื่อนไหวได้ด้วย) หุ่นจำลองโครงกระดูก และฟอสซิลชิ้นส่วนไดโนเสาร์


ฟอสซิลที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์เป็นฟอสซิลที่ค้นพบในพื้นที่ภาคเหนือ มีบางชิ้นจำลองฟอสซิลอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ


ต่อด้วยมหายุคซีโนโซอิกของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมครับ
 


โคราชพิเทคัส เชียงม่วนเอนซิส เป็นเอปยักษ์
อายุ 13.5-10 ล้านปี พบที่ อ.เชียงม่วน จ.พะเยา

 


ห้องจัดแสดงซากดึกดำบรรพ์ของช้างโบราณ
และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ

 


และนี่คือซากของมนุษย์เกาะคาครับ เป็นเศษกะโหลกที่ค้นพบ
ในเหมืองฟอสเฟตที่บ้านหาดปู่ด้าย ในปี พ.ศ.2542

 


ห้องนี้รวมซากดึกดำบรรพ์ที่ได้นามพระราชทานทั้งหลาย เช่น
ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน, สิรินธรนา โคราชเอนซิส,
ทาร์เชียส สิรินธรเน ฯลฯ
เป็นแบบจำลองนะครับ ส่วนใหญ่พบที่ภาคอีสาน

 
 

ผมไปที่นี่วันที่ 27 ธ.ค. 2022
บอกพี่กิ่งไว้ว่าจะแวะแถวๆ ที่พี่กิ่งทำงานอยู่น้า
พี่กิ่งและเพื่อนๆ มาต้อนรับและพาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ด้วยครับ

ขอบคุณพี่กิ่ง พี่ดา และพี่แมว เจ้าบ้านที่น่ารักครับผม ^^

120120120

 
 
 

ขับมาตามถนน 1034 ตามป้ายพระธาตุลำปางหลวงไปเรื่อยๆ รับรองไม่มีหลงครับ ป้ายเยอะเว่อร์

ก่อนถึงพระธาตุจะมีอนุสาวรีย์พระนางจามเทวีเล็กๆ อยู่ตรงมุมถนน

 


วัดพระธาตุลำปางหลวง เป็นวัดโบราณอดีตศูนย์กลางของเวียงลำปางหรือลัมพกัปปนคร ที่มีฐานะเป็นรองเขลางค์นครในยุคแรกสร้างเมืองในสมัยพระเจ้าอนันตยศ บุตรชายคนเล็กของแม่นางจามเทวี ผู้สร้างอาณาจักรหริภุญชัยในพุทธศตวรรษที่ 13 แต่สิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่เห็นในตัววัดส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นในสมัยพุทธศตรวรรษที่ 20-21 หลังเขลางค์นครถูกควบรวมเป็นอาณาจักรล้านนาไปแล้ว

วัดแห่งนี้มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์อีกครั้ง หลังล้านนาตกเป็นเมืองขึ้นของพม่ายาวมากว่าสองร้อยปี จนกระทั่งหนานทิพย์ช้าง คนดูแลช้างผู้มีความเชี่ยวชาญในการใช้ปืนได้ลอบยิงท้าวมหายศที่เข้ามายึดเมืองลำปางโดยใช้วัดนี้เป็นที่มั่น ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการปลดปล่อยหัวเมืองต่างๆ ในล้านนา

ทางเข้าวัดสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ตัวซุ้มประตูโขงสูง 13 เมตร มีลวดลายปูนปั้นงดงาม สร้างในปี พ.ศ.2331 เป็นสัญลักษณ์ของป่าหิมพานต์ที่เชื่อมโลกมนุษย์เข้ากับดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีเขาพระสุเมรุเป็นแกนกลาง


องค์พระธาตุลำปางหลวง เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำปิดทองจังโกสูง 45 เมตร และเป็นตัวแทนของเขาพระสุเมรุ ตามตำนานลัวะอ้ายกอนได้นำน้ำผึ้งบรรจุกระบอกไม้ป้าง มะพร้าว และมะตูม ถวายพระพุทธเจ้าที่เสด็จมาที่บ้านลำปางหลวง พระพุทธเจ้าได้มอบพระเกศาให้บรรจุในเจดีย์ ตามประวัติศาสตร์เจดีย์นี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ.1992 ในสมัยพระเจ้าหมื่นหาญแต่ท้อง


วิหารพระพุทธ สร้างในปี พ.ศ.2019 มีพระเจ้าพระพุทธเป็นพระประธาน


วิหารน้ำแต้ม มีภาพจิตกรรมฝาผนังอายุ 300-400 ปี เหลืออยู่ แสดงรูปแบบการแต่งกายและวิถีชีวิตชาวล้านนาในยุคนั้น แต่จางไปมากแล้วนะครับ


วิหารหลวง มีกู่พระเจ้าล้านทอง หล่อขึ้นในปี พ.ศ.2019 และกู่ได้รับการบูรณะในปี พ.ศ.2106 หลังเชียงใหม่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ด้านในยังคงมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยล้านนาเหลืออยู่


มาเดินชมสิ่งน่าสนใจรอบวัดกันครับ... 117


บริเวณรั้วล้อมพระธาตุด้านหน้าจะมีร่องรอยกระสุนปืน
ตามเรื่องราวที่เล่ากันมาคือรอยกระสุนปืนที่หนานทิพย์ช้าง
ยิงใส่ท้าวมหายศขณะเล่นหมากรุกอยู่ในวัดแห่งนี้ทะลุไปถูกลูกกรง
 


พระนาคปรกในวิหารด้านหลัง เป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่ที่สุดในละโว้
ซึ่งพระบิดาของพระนางจามเทวีมอบให้มาประดิษฐานที่นี่ในปี พ.ศ.1215

 


สถูปอัฐิเจ้านางศรีอโนชา เชื้อสายของหนานทิพย์ช้าง
และเป็นอัครชายาของกรมพระราชวังบวร (บุญมา)

 


พระพุทธสิงห์เพชรมิ่งมงคล คนนิยมมาขอพรเรื่องความมั่งคั่ง

 


พระเจ้าแสนแซ่ทองคำ คนนิยมมาบูชาเพื่อให้มีความสุขความเจริญ

 


พิพิธภัณฑ์วัดพระธาตุลำปางหลวง

 


หอพระแก้ว ด้านในสุดพระดิษฐานพระเจ้าแก้วมรกต หรือพระแก้วดอนเต้า นำมาจากวัดพระแก้วดอนเต้าทีเป็นศูนย์กลางเมืองเขลางค์นครในยุคแรกตั้ง

 

 
ในบริเวณวัดยังมีต้นไม้เก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์หลายต้นนะครับ
 


ต้นขนุนจามเทวี ตามตำนานวัดเวียงเล่าว่า
พระนางจามเทวีได้ปลูกต้นขนุนเพื่อเป็นหลักเมือง 3 ต้น
คือที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ วัดเวียง อ.เถิน
และที่วัดพระธาตุลำปางหลวง คือต้นนี้

 


ต้นโพธิ์ศรีลังกา ปลูกในสมัยพระเจ้าติโลกราช พ.ศ.2019
โดยพระอุตตมะปัญญาเถระที่ถูกส่งไปศึกษาพระไตรปิฎก
ที่ประเทศศรีลังกาได้นำกิ่งต้นโพธิ์มาปลูก
ที่วัดเจ็ดยอด จ.เชียงใหม่ และวัดพระธาตุลำปางหลวง
ต้นปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 4

 
 


ต้นขะจาว เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองลำปาง และเป็นรุกขมรดกของแผ่นดิน*
สูง 15 เมตร ตามตำนานเล่าว่าปลูกในสมัยพุทธกาลโดยลัวะอ้ายกอม
ใช้กิ่งขะจาวเป็นคานหาบของถวายพระพุทธเจ้า
พอถวายเสร็จก็ปักไม้ขะจาวลงพื้น งอกมาเป็นต้นนี้
 
*รุกข มรดกของแผ่นดิน เป็นโครงการการคัดเลือกรุกขมรดกและขึ้นทะเบียนโดยกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่และมีอายุยาวนาน ที่มีคุณสมบัติอยู่หนึ่งในเกณฑ์ คือ มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และมีความสำคัญต่อชุมชน หรือมีตำนานเรื่องเล่าประกอบ

ส่วนเงาสะท้อนพระธาตุหลังๆ ไม่ชัดเลยครับ ถ่ายมาดูบ่ฮู้เรื่องเลยเจ้า และยังคงไม่ยอมให้ผู้หญิงขึ้นไปดู


วัดเสลารัตนปัพพตาราม หรือวัดไหล่หินแก้วช้างยืน สร้างโดยพระเกษรปัญโญเจ้าร่วมกับชาวเชียงตุงในปี พ.ศ.2226 เป็นวัดที่มีรายละเอียดสวยงามสมบูรณ์ เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องสุริโยไทด้วยนะ

 


รูปปั้นมะพร้าว ตามตำนานเล่าว่าพระมหาเกษรปัญโญได้เดินทางไปถึงเชียงตุง มีชาวบ้านมากราบไหว้ ท่านจึงได้มอบซีกกะลาให้เป็นของที่ระลึกแล้วจากไป จากนั้นชาวเชียงตุงผู้นั้นก็ได้มาพบท่านอีกครั้งที่ลำปางอย่างน่าอัศจรรย์ และสามารถนำกะลาของตนมาประกบกับอีกซีกที่ท่านเก็บไว้ได้พอดี

 


วิหารเป็นฝีมือช่างชาวเชียงตุงจากพื้นที่เชียงแสน

 


ด้านหลังพระประธานมีรูปเหมือนของพระเกษรปัญโญ
นับเป็นรูปเหมือนบุคคลที่เก่าแก่ที่สุดในล้านนา

 


พิพิธภัณฑ์ ริเริ่มโดยเจ้าอาวาสได้รวบรวมของเก่าจากชาวบ้านในปี พ.ศ.2502 และสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ ปัจจุบันมีสามหลัง
สำหรับเก็บข้าวของเครื่องใช้ของครูบามหาป่าเจ้า
เก็บคัมภีร์ใบลาน และเก็บโบราณวัตถุอื่นๆ

 


ขับออกมาทางตะวันตกจะมี โป่งร้อนเกาะคา เป็นบ่อน้ำร้อนที่บ้านโป่งร้อนริมแม่น้ำแม่แก้ เดิมทีชาวโป่งร้อนอพยพมาจากประเทศลาวในสมัย ร.1 และสร้างวัดโป่งร้อนขึ้นในปี พ.ศ.2435 ที่นี่เป็นบ่อน้ำร้อนเล็กๆ ผู้คนไม่พลุกพล่าน แต่มีทั้งบ่อแช่เท้า ห้องอาบน้ำร้อน (ห้อง 1 คน ห้องละ 50 บาทเอง) มีนวดแผนไทยด้วยนะครับ แต่รอบนี้ไม่ได้แช่นะ ต้องเที่ยวทำเวลานิดนึง



ขึ้นมาทางเหนือตามเส้น 1034 มี วัดปงยางคก เป็นอีกหนึ่งวัดเก่าแก่ที่มีความสวยงามและคงรูปแบบศิลปะดั้งเดิมไว้ได้มาก ตามตำนาน พระนางตามเทวีได้มาเยี่ยมพระเจ้าอนันตยศที่เขลางค์นครในปี พ.ศ.1253 ขณะเดินทางไปพระธาตุลำปางหลวง ช้างได้หมอบชูงวงจึงเชื่อกันว่าบริเวณนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และพบแสงพระบรมสารีริกธาตุพุ่งขึ้นมาจากจอมปลวก พระนางจามเทวีจึงสร้างมณฑปครอบจอมปลวกไว้ และสร้างวัดปงจ๊างนบขึ้น จากนั้นชื่อก็เพี้ยนเป็นวัดปงยางคก

หนานทิพย์ช้างวีรบุรุษของลำปางก็เคยบวชที่วัดนี้ในปี พ.ศ.2235 ก่อนสึกไปทำอาชีพพรานป่า-เลี้ยงช้าง และกลายเป็นบรรพบุรุษของราชวงศ์เจ้าเจ็ดตนในกาลต่อมา


วิหารพระนางจามเทวี สร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย ภายในประดิษฐานโขงพระเจ้า (ซุ้มพระพุทธรูป) แบบล้านนา เป็นมณฑปทรงปราสาทที่พระนางจามเทวีสร้างไว้ครอบจอมปลวก

 


ขื่อคาเสาในวิหารเขียนลายทองสวยงาม
ผิดกับวิหารในล้านนาส่วนใหญ่ที่วาดลายน้ำแต้ม

 


ธรรมาสน์โบราณที่หนานทิพย์ช้างใช้แสดงธรรมสมัยบวชที่วัดนี้
ยังคงเก็บอยู่ในวิหารจามเทวี

 


ข้างวิหารมีคำบรรยายบอกว่าเป็นรอยดาบการต่อสู้ระหว่างหนานทิพย์ช้างและท้าวมหายศ
(จะมาสู้อะไรกันแถวนี้ล่ะครับ เขาลอบยิงกันที่วัดพระธาตุลำปางหลวง)
บางตำนานก็ว่าเป็นรอยดาบตอนหนานทิพย์ช้างสู้กับทหารพม่า
ตอนมาเกณฑ์หญิงสาวชาวเมืองไป

 


รูปบูชาช้างทรงของเจ้าแม่จามเทวีในกู่ช้างนบหน้าวิหาร

 


ถ้าขึ้นเหนือไปอีกก็ชนสาย 11 เข้าลำพูน-เชียงใหม่ต่อได้เลยครับ

 


นับเป็นอำเภอที่มีทั้งประวัติศาสตร์ แหล่งโบราณคดี และธรรมชาติแบบอันซีน ใครชอบขับรถขึ้นเหนือผ่านลำปาง นอกจากตัวเมืองลำปางแล้ว เกาะคาก็น่าสนใจแวะเที่ยวนะครับ

25



 


Create Date : 23 ตุลาคม 2567
Last Update : 23 ตุลาคม 2567 12:33:26 น. 25 comments
Counter : 647 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณกะว่าก๋า, คุณmultiple, คุณทนายอ้วน, คุณสองแผ่นดิน, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณหอมกร, คุณThe Kop Civil, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณSweet_pills, คุณtoor36, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณkae+aoe, คุณ**mp5**, คุณอุ้มสี


 
เวลาอ่านบล็อกท่องเที่ยวของน้องชีริว
จะรู้สึกเสมอว่า
เป็นการเที่ยวที่ทำการบ้าน มีการศึกษาหาความรู้ก่อนเสมอ
สุดยอดครับ

ลำปางเป็นจังหวัดที่น่าสนใจ
มีวัดสวยๆเยอะมาก
แต่ขนาดอยู่ใกล้เชียงใหม่
พี่ก๋ายังไปเที่ยวแค่ 2-3 ครั้งเองครับ 555




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 ตุลาคม 2567 เวลา:14:58:47 น.  

 
พูดถึง ลำปาง ในบล็อกนี่ ต้องนึกถึงน้องกิ่ง เธอหายไปเลยนะครับนี่

อาจารย์เต๊ะ ดูแล้ว มีแต่เรื่อง วัดกับ พิพิธภัณฑ์ ของโปรด ซะด้วยแฮร่555 แบบนี้ต้องอ่านละเอียด เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่นะครับ



โดย: multiple วันที่: 23 ตุลาคม 2567 เวลา:18:34:41 น.  

 
ตอนเด็กๆ มีคุณลุงทำงานที่สถานีวิทยุทหารเรือที่เกาะคาครับ เลยได้ไปเที่ยวลำปาง เชียงใหม่บ่อยๆ


บอลชอบวัดไหล่หินหลวงกับวัดปงยางคกมากที่สุดครับ เดินถ่ายรูปได้นานๆ ไม่เบื่อเลย ถ่ายจนลูกทัวร์ตามตัวให้ไปที่อื่นบ้าง ฮ่าๆๆ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 23 ตุลาคม 2567 เวลา:18:50:55 น.  

 
เดี๋ยวผมมาอีกที


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 23 ตุลาคม 2567 เวลา:21:35:12 น.  

 
ตามเที่ยวด้วยครับ
ลำปางทางผ่าน ไหว้พระธาตุลำปางหลวงทีเดียว

วิ่งไม่บาดเจ็บสำคัญที่สุดครับ



โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 23 ตุลาคม 2567 เวลา:22:26:01 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องชีริว



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 ตุลาคม 2567 เวลา:4:30:09 น.  

 
รีบมาแต่เช้า นั่งอ่านประวัติ หนานทิพย์ช้าง แต่ไม่มีสมาธิเลย เพราะ ต้มยำปลาคัง กับ ผัดไข่ใบเหลียง รบกวนจิตใจไส้พุงมากกก555

ส่วน มนุษย์โฮโมอิเร็คตัส ที่ให้หวยได้ จนชาวบ้านเอาพวงมาลัย 7สี7ศอกมาถวายนี่ อย่างฮาเลยนะครับ แหม อย่าดูถูกระบบนะคร้าบ555

ส่วนเรื่องขึ้นเขา แต่บันได 200 ขั้นนี่ เกิดวูบตกบันได
ค่าผ่าตัด สงสัยจะไม่คุ้มเอานะครับ ไม่ต้องคิดเลยว่าจะขึ้นไม่ขึ้น แฮร่ 555

แล้ว หูย ทริปนี้ได้เจอ น้องกิ่ง ตัวเป็นๆ แถมเป็นไกด์พาชม เอปยักา์ กับตุ๊กแกล้านปีด้วย สุดยอดเลยนะครับนี่ อิอิ

ส่วน วิหารน้ำแต้ม โครงหลังคาเป็นไม้+ภาพจิตรกรรมเก่าแก่ นี่งามแล้วก็ดูขลังมากๆเลยเชียวครับ

ตรง วิหารหลวง นี่มีเรื่องราว น่าสนใจแยะเลยนะครับ
กว่าจะดูครบนี่ น่าจะหิวข้าวเอาเรื่องอยู่
แถมวันนี้ ได้รู้เรื่องใหม่ว่ามีการคัดเลือก รุกข มรดกของแผ่นดินกันด้วย ต้นไหนได้คัดเลือก รุกขเทวดา น่าจะยิ้มแก้มปริ ได้ฉลองกันลั่นป่า แน่นอน เย้ย 555

เห็น โป่งร้อนเกาะคา แล้วอยากกินไข่ข้าว เอ๊ย ไข่ลวกขึ้นมาทันที อิอิ

ซีริวบอก น้ำเค้าเอาไว้ล้างตรีนกัน ว้อย เอ็งอยากกินก็ตามใจ ข้าไม่ห้ามด้วย เย้ย555

ส่วน วิหารพระนางจามเทวี บรรยากาศ วังเวงน่ากลัวสุดๆ
กลางคืน อาจารย์เต๊ะ ไม่เข้าเด็ดขาด กลัวผีฟ้ามากคร้าบ

อุ๊ยๆ อุ๊ย จบแล้วอะ ดีใจ เม้นท์จบจนได้
ทริปนี้ เข้าวัดแยะ แต่เข้าร้านอาหารน้อย แบบนี้หุ่นดีแน่เลยนะครับ แฮร่ 555




โดย: multiple วันที่: 24 ตุลาคม 2567 เวลา:5:48:33 น.  

 
ขอบคุณที่พาไปเที่ยวจ้า
บางที่โบราณจนดูน่ากลัวนะ



โดย: หอมกร วันที่: 24 ตุลาคม 2567 เวลา:7:48:49 น.  

 
มาบล็อกคุณชีริวเหมือนได้ตามเที่ยวไปด้วยเลยครับ เป็นการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่ได้รับความรู้เต็ม ๆ เลย เอาจริง ๆ ผมอ่านบล็อกคุณชีริวแล้ว อยากไปเที่ยวซ้ำเลยอย่างพระธาตุลำปางหลวงต้องกลับไปอีกละครับ ผมว่าโชคดีมาก ๆ เลยที่อาณาจักรล้านนาเราเอากลับมาได้ ถ้าตกเป็นของพม่าไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเป็นยังงัย ยังแอบเสียดายเชียงตุงนะครับ 555
มาแอบปักหมุดร้านอาหารที่คุณชีริวแนะนำไว้ด้วครับ เวลาเดินทางกันต้องวัดดวงหาทางกูเกิ้ล อร่อยบ้างไม่อร่อยบ้าง


โดย: The Kop Civil วันที่: 24 ตุลาคม 2567 เวลา:11:02:08 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องชีริว

เซ็งมาก เม้นท์เสร็จ ตอนส่ง เน็ตดันหลุด หายหมดเลย เฮ้อ!
ต้องนั่งแม้นท์ใหม่
เที่ยวลำปาง ของเธอ ยังคงให้ความรู้หลายด้านเหมือนเดิม
ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ เรื่องสถานที่ที่ไว้ ลำปางเป็นเมืองที่ครูไป
น่าจะประมาณ 2-3 ครั้ง แต่ไม่เคยเจาะลึกเลย ไปไหว้พระธาตุ
ลำปางหลวงแล้วก็กลับคงเป็นเพราะแวะตอนจะกลับบ้านแล้วแหละนะ
เที่ยวลำปางที่เธอนำเที่ยว ไม่เคยไปสักแห่งเลย ก็ดีนะ ได้
เที่ยวโดยไม่ต้องเดินทางไปเอง อิอิ
บล็อกนี้ ทำให้รู้ว่า ลำปางก็มีวัดสวย ๆ มากมาย เช่น
วัดพระธาตุจอมปิง เขาส่องกระจกถ้ำผาบ่อง วัดเสลารัตนปัพพตาราม วัดปงยางคก (ชื่อแปลกดี )มีวิหารพระนางจามเทวีด้วย
ทางเหนือ ดูเหมือนมีรูปปั้นของพระนางจามเทวี หลายที่เลยนะ
แต่คิดว่า องค์ใหญ่มากและงดงามน่าจะ ที่จังหวัดลำพูนมั้ง ครูเคย
ไปสักการะองค์นี้มาแล้ว ช่วงที่ไป กำลังจัดงานฉลองด้วย ประดับ
โคมมากมาย ครูกับลูกศิษย์ ก็ซื้อโคม น่าจะ โคมละ 50 บาท
เขียนชื่อและนำไปแขวง อธิษฐานแล้วไปแขวนที่สถานที่ที่เขาให้
แขวน ตามความเชื่อ สายมู ห้าห้าห้า
พิพิธภัณฑ์ซากดึกดำบรรพ์ในภาคเหนือ และธรรมชาติวิทยา
จังหวัดลำปาง เธอคงชอบใจและสนใจมาก เนาะ สิ่งของเหล่านี้
ถือว่า มีประโยชน์ต่อการศึกษา นะ โดยเฉพาะ นักโบราณคดี จ้ะ
บล็อกนี้ ยังคงคุณภาพในการเขียนเหมือนเดิม จ้ะ ต้องใช้
เวลาอ่านอย่างละเอียด จึงจะเม้นท์ได้ ตามที่อ่านจากการเม้นท์
ของเพื่อนบล็อกหลาย ๆ คน เป็นหลักฐานว่า ครูไม่ได้กล่าวเกิน
จริง นะจ๊ะ

โหวดหมวด ท่องเที่ยว

สำหรับเรื่องไปแสวงบุญที่ สังเวชนียสถานที่อินเดีย ที่ชีริว
อยากไป ครูเห็นด้วยจ้ะ เพราะนอกจากความรู้เกี่ยวกับ สี่สังเวชนีย
สถานแล้ว เธอต้องชอบ เพราะเป็นโบราณสถานที่เธอสนใจ ทั้ง
4 แห่ง มหาวิทยาลัย นาลันทา ซึ่งสถานที่ต่าง ๆ ก็เป็นโบราณ
สถานที่ที่เหลือแต่ซากสลักหักพัง เป็นอนุสรณ์สถานที่ให้รำลึกถึง
ความเจริญรุ่งเรืองในยุคก่อน จ้ะ



โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 24 ตุลาคม 2567 เวลา:15:22:14 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องชีริว

พี่ต๋าผ่านเกาะคาเมื่อวานตอนเดินทางเข้ากรุงเทพฯค่ะ
ร้านโกแดงได้แวะอยู่บ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นขาไปเชียงใหม่
ต้มยำปลาคังเป็นเมนูที่สั่งทุกครั้งค่ะ

นอกจากวัดพระธาตุลำปางหลวงแล้ว
ยังไม่เคยเที่ยวที่อื่นในเกาะคาเลยค่ะทั้งที่พี่ต๋าอยู่ลำปางมานาน
วันหลังคงมีโอกาสจะเที่ยวตามรอยน้องชีริวอีกค่ะ

ตอนนี้ที่บ้านก็ทำความสะอาด ซ่อมแซมอยู่ได้ปกติแล้วค่ะ
ขอบคุณน้องชีริวมากนะคะสำหรับกำลังใจ






โดย: Sweet_pills วันที่: 25 ตุลาคม 2567 เวลา:0:10:49 น.  

 
ผมไม่ค่อยรู้เรื่องประวัติศาสตร์ท่องถิ่นของไทยเท่าไหร่ ที่รู้จะรู้จากพวกตามกระแสหลักเท่านั้น ตอนนี้มีหนังสือที่เป็นกระแสรองอยู่ แต่ยังไม่มีเวลาว่าอ่านเลย

จริงๆ ประวัติศาสตร์ที่เราเรียนผมเป็นจริงในมุมเดียวเท่านั้น อีกทั้งยังไม่ระบุด้วยซ้ำว่า เราเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในบริบทอย่างไร สมัยก่อนหน้านั้นยังไม่เป็นรัฐชาติสมัยใหม่แบบที่ใช้กันทุกวันนี้เลยด้วยซ้ำ

ร้านไหนดีเราก็อยากไปดินร้านนั้นแหละครับ สำคัญที่อร่อย คุ้มค่าสมราคา ประเทศเราอะไรๆ ก็ผูกผ้าสามสี แม้แต่แสตนดี้ VTuber ยังผูกผ้าสามสีเลย (อันนั้นเขาแซวกัน)

เขาส่องกระจกถ้ำผาบ่อง กลางคืนน่าจะมืดน่าดูเหมือนกัน บางครั้งไม่มีค่อยมีอะไรก็ต้องไปดูว่ามันไม่ค่อยมีอะไรยังไง

พิพิธภัณฑ์เล็กๆ ในวัดบางที่ก็แหล่งความรู้เหมือนกันครับ คุณชีริวชอบพิพิธภัณฑ์แบบจริงจังจริงๆ ครับ จริงๆ จะดูไดโนเสาร์ตามโรงเรียน หรือแถวทำเนียบก็น่าจะมีให้เห็นบ้าง (แกกล้าเล่นมุกแบบนี้เลยรึ)

พระธาตุลำปางหลวงโดเด่นสวยงามครับ ภายในวิหารดูสวยนะ รอยกระสุนปืนผมเห็นทีแรกนึกว่ารูจมูก ดูหลอนๆ แต่พอบอกเป็นรอยกระสุนก็ดูน่ากลัวเหมือนกันนะ

พระในวัดเสลารัตนปัพพตาราม ห่อจีวรดูแปลกดีครับ



จากบล็อกที่มาคุย
คงไม่จัดแบ่งตำแหน่งพวกม้าขนาดนั้นหรอกครับ กำลังว่าจะเพิ่มตุรอาชาคนที่ห้าอยู่


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 26 ตุลาคม 2567 เวลา:22:14:54 น.  

 
ไม่ค่อยเชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ ส่วนหนึ่งเพราะเรียนรู้แค่ตามตำราในห้องเรียน ยุคเรายังเป็นคนไทยมาจากเทือกเขาอันไตอยู่เลย 555 ที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้ชอบด่าว่า เด็กสมัยนี้ไม่ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์เกรงว่ามันจะเข้าตัวแล้วมั้ง

โดยส่วนตัวเราไม่ค่อยถูกปากอาหารเหนือเท่าไหร่ ไม่รู้ทำไม

ได้ไปเที่ยวหลายที่เลยมีหลายรูปแบบ เท่าที่สังเกตคุณชีริวมักจะชอบไปพิพิธภัณฑ์ มีเจอเพื่อนบล็อกด้วย (แม้จะนานมาแล้วก็ตาม)



โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 27 ตุลาคม 2567 เวลา:7:21:29 น.  

 
มีบล็อกนึงอยากชวนไปดูครับ 555


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 10 พฤศจิกายน 2567 เวลา:11:02:21 น.  

 
สวัสดีครับน้องชีริว

พี่ก๋ากำลังสนุกกับการเข้ากลุ่มหนังสือมือสอง
ได้หนังสือเก่าๆที่หายากมาอ่านหลายเล่มเลยครับ
อย่างเล่มนี้ปกราคา 10 บาท
แต่ตอนซื้อก็ประมาณ 100 -150 บาทนะครับ

ปล. ตอนนี้มีอะไรแปลกๆให้ดูเยอะมากครับในวงการศาสนา



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 พฤศจิกายน 2567 เวลา:22:06:21 น.  

 
สวัสดี ยามดึกจ้ะ น้องชีริว

ขอบใจจ้ะ ที่เข้ามาอ่าน ตะพาบ คำตอบสุดท้าย และเม้นท์
ให้กำลังใจ บล็อกแก๊งค์เราตอนนี้ คนเขียนหายไปเยอะมากเลยเนาะ
ยิ่งไม่มีรางวัลล่อใจไม่มีสายสะพาย ไม่มีการจัดงานพบปะสังสรรค์กัน
ยิ่งเงียบเหงาใหญ่เลย เนาะ อิอิ แต่ก็ยังโชคดี ที่คนเขียนที่เหลืออยู่
ยังคงเขียนและได้อ่านเรื่องราวดี ๆ คนเม้นท์ที่สนุกสนานของ น้อง
อ.เต๊ะ เนาะ อิอิ
ชีริวสบายดี เนาะ งานคงเยอะ ยังไม่เปลี่ยนหัวข้อเรื่องเลย
ช่วงนี้ ครูก็ยุ่งมาก เรื่องการช่วยงาน คืนสู่เหย้าชาวธาตุทอง ที่จะ
จัดในวันที่ 30 พ.ย. นี้จ้ะ


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 10 พฤศจิกายน 2567 เวลา:22:24:07 น.  

 
สวัสดีครับคุณชีริว

ผมพลาดบล๊อกคุณชีริวซะหลายบล๊อกเพราะยุ่งเหลือเกินระยะนี้
บล๊อกนี้ก็อ่านแล้วโหวตไว้ซักพักใหญ่ๆ แล้ว แต่ไม่ได้เม้นซักพัก

ลำปางนี่ผมไม่เคยไปเที่ยวแบบเที่ยวจริงๆ จังๆ เลยครับ ทั้งๆ ที่เป็นคนชอบจังหวัดที่มีศิลปะเหนือๆ นะ
เพราะส่วนใหญ่ก็จะไปเชียงใหม่ เขียงราย แม่ฮ่องสอน ซึ่ง ถ้าไปเชียงใหม่ ขับรถไปก็จะมาเช้าที่ลำปาง
ความทรงจำของผมคือการถุกปลุกที่ลำปาง หน้าพระธาตุลำปางหลวงนี่แหละครับ แล้วไปนั่งกินโจ๊กกินข้าวต้ม หรือต้มเลือดหมูที่ร้านแถวๆ นั้นทุกที
ที่เหลือก็นั่งกินอะไรไปดูรถม้าวิ่งรอบเมืองไป

ดูแล้วที่มีเที่ยวเชิงประวะวัติศาสตร์เยอะอยู่นะครับ
อย่างพิพิธภัณฑ์ซากโบราณฯนั้นน่าไปจัง

ครั้งหน้าถ้าไปเหนือจะไม่แค่ผ่านลำปางไปนั่งกินโจ๊กแล้วครับ จะหาโอกาสเที่ยวเลยละครับ


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 10 พฤศจิกายน 2567 เวลา:22:38:21 น.  

 
ขอบคุณน้องชีริวมากค่ะสำหรับกำลังใจ

ไก่บ้านต้มใบมะขามน่าอร่อยด้วย
ซุปก้อนพี่ต๋าใช้ซุปไก่ก้อนคนอร์ค่ะ
หรือน้องชีริวใช้ซุปก้อนของอะไรแนะนำได้นะคะ

ราตรีสวัสดิ์ค่ะน้องชีริว




โดย: Sweet_pills วันที่: 11 พฤศจิกายน 2567 เวลา:0:01:44 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องชีริว




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 พฤศจิกายน 2567 เวลา:5:20:24 น.  

 
มะเร็งนี่ หมอเป็นกันแยะมาก สงสัยมาจากความเครียดที่หาเงินได้แยะหรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับ ฮ่าๆๆ

เพื่อนถาปัดในรุ่นนี่ เป็นมะเร็งตาย สองคน หัวใจวายนึง
ส่วนอาจารย์เต๊ะ ถ้าจะไปก็น่าจะเพราะ กิน บิงซูราดน้ำแดงครึ่งขวด ของคุณซีริวนี่แหละครับ แฮร่ ฮ่าๆๆๆ

บ้านอาจารย์เต๊ะ ต้นไม้แยะครับ เดี๋ยวกิ่งหักเดี๋ยว ไปติดสายไฟ
เลยต้องมี เครื่องมือ เครื่องทุ่นแรงต้องมีประจำบ้าน
ให้มาเลื่อยมือ เดี๋ยวต้องไปเสียตัง ค่าทำกายภาพอีกซิครับ ฮ่าๆๆๆ

ขอบคุณที่แวะไปเม้าส์มอยกันนะครับ



โดย: multiple วันที่: 11 พฤศจิกายน 2567 เวลา:8:52:12 น.  

 
ที่มาคุยยัยมืดเล่ม 22 ออกมาได้พักใหญ่ๆ แล้วครับ แต่ผมก็ยังไม่ได้อ่านเลย ดองไว้ เล่ม 21 ก็ยังไม่ได้อ่าน รู้สึกว่าเรื่องนี้จะมี 25 เล่มมั้ง ไม่ไหร่ SIC จะเข็นๆ เรื่องนี้ให้จบสักทีก็ไม่รู้ ปล่อยทิ้งไว้อยู่ได้


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 11 พฤศจิกายน 2567 เวลา:22:35:59 น.  

 
เคยมาสักการะ
ที่วัดลำปางหลวง
วัดเดียวจาก blog นี้


โดย: อุ้มสี วันที่: 13 พฤศจิกายน 2567 เวลา:0:17:12 น.  

 
ได้เจอพี่กิ่งดีเลยนะคะ


โดย: kae+aoe วันที่: 14 พฤศจิกายน 2567 เวลา:8:18:55 น.  

 
เท่าที่ติดตามข่าวประมาทไม่ได้จริงๆ จริงอยู่ว่าเขาปลูกเองตอนนี้ก็ยังบริโภคในประเทศไม่พอ แต่อนาคตถ้าเขาปรับปรุงสายพันธุ์ได้ล่ะ อันนี้น่าห่วงเหมือนกัน


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา:21:21:03 น.  

 
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ


โดย: **mp5** วันที่: 19 พฤศจิกายน 2567 เวลา:14:50:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BlogGang Popular Award#20


 
ชีริว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]





**5 Latest Entries**
RedLife
เบตง
โดราเอม่อน ตอน ปืนหยั่งรู้ความคิด
ปัว-บ่อเกลือ
โดราเอมอน ตอน ฝาแฝดของโนบิตะ


Friends' blogs
[Add ชีริว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.