Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2564
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
13 มิถุนายน 2564
 
All Blogs
 
[ฮาวทูทิ้ง] โศกนาฏกรรมของการไม่ลืม



ฮาวทูทิ้ง ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ หรือชื่อภาษาอังกฤษ Happy Old Year (สุขสันต์คืนวันเก่า) เป็นหนังของเต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ออกฉายปลายปี 2019 เรื่องนี้ผมดูจบแล้วอึนออกจากโรงโดยมีเพลง "กลับไปที่เก่า" คาอยู่ในหัวไปยาวๆ ทำเอาปี 2020 ของผมขมุกขมัวไปตลอดทั้งปี ตัวหนังว่าด้วย "โศกนาฏกรรมของการไม่ลืม" เป็นการเอาเรื่องที่พบเจอในชีวิตประจำวันทั่วไป มาแทงซ้ำบาดแผลในความทรงจำของมนุษย์เราๆ ว่าศัตรูที่ทรมานเราได้อย่างร้ายกาจที่สุด อาจเป็นความทรงจำอันแสนหวานของเราเองก็ได้นะ

เป็นหนังที่คนดูเสียงแตกมากครับ ทั้งคนที่โคตรรักและคนที่บ่นเบื่อหน่ายเสียดายตังค์ ส่วนผมก็รู้สึกทั้งสองอย่างนั่นแหละ หนังเรื่องนี้ขยี้ความสัมพันธ์ของมนุษย์ธรรมดาได้อย่างหนักหน่วง และมีลำดับเรื่องราวที่พาเราจมดิ่งลงไปพร้อมกับตัวละครหลักทุกตัว ดิ่งลงไปจนแม้กระทั่งจบเรื่องก็ไม่ได้โงกลับมาเห็นแสงสว่าง แต่ประเด็นที่หนักหน่วงเหล่านั้นถูกโยนลงมาโดยไม่ได้ร้อยเรียงให้ประณีตจนคนดูรู้สึกเหมือนวิ่งตามการดำเนินเรื่องที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ และบทพูดของตัวละครที่พาเข้าหาประเด็นเหล่านี้อย่างตรงไปตรงมาและมีประสิทธิภาพก็กลับทำให้ความเป็นธรรมชาติของตัวละครลดลงไปด้วย

 
**เอ็นทรี่นี้มีการสปอยล์สาระสำคัญของเรื่อง**

จีน (แสดงโดย ออกแบบ ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง) ที่เพิ่งกลับจากสวีเดนต้องการปรับบ้านเป็นสไตล์มินิมัลและใช้เป็นออฟฟิศ หลังได้รับการเสนองานจากที่นึง แต่การเคลียร์บ้านครั้งนี้ไม่ได้ราบรื่น นอกจากจะต้องต่อสู้กับแม่ที่ไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไรแล้ว ข้าวของต่างๆในบ้านยังเต็มไปด้วยความทรงจำ โดยเฉพาะของที่จีนต้องนำไปคืนเอ็ม (แสดงโดย ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) รุ่นพี่ที่เคยคบกันสมัยเรียน


ภาพบล็อกนี้ดูสั้นๆ ตันๆ ใช่ไหมครับ เพราะหนังเรื่องนี้ถ่ายด้วยสัดส่วนภาพ 3:2 ไงล่ะ
นี่ก็เป็นการทดลองอะไรแปลกๆ ที่ชวนให้รู้สึกอึดอัดไปกับมุมภาพในเรื่องนี้ด้วย อึดอัดจนอยากจะช่วยจีนเคลียร์บ้าน

หนังแบ่งออกเป็นบทตามขั้นตอนว่าต้องทำยังไงเราถึงจะทิ้งข้าวของได้ลงคอ ตามชื่อเรื่องฮาวทูทิ้ง
step 1 ตั้งเป้าหมาย หาแรงบันดาลใจ
step 2 อย่าโหยหาอดีต
step 3 อย่ารู้สึกเยอะ
step 4 อย่าหวั่นไหว อย่ามีหัวใจ
step 5 อย่าเพิ่มข้าวของเข้ามา
step 6 อย่ามองกลับไป

ถ้าให้มาริเอะ คอนโดะ ซึ่งจีนและพี่ชายเรียกว่าเจ๊จัดบ้าน แนะนำแล้ว หากอะไรที่จับแล้วไม่สปาร์คจอย ก็ทิ้งไปเลย แต่มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น โดยเฉพาะเมื่อของชิ้นนั้นมันเกี่ยวข้องกับคนอื่น พิงค์ เพื่อนที่จะช่วยจีนทำบ้านโกรธมากเมื่อรู้ว่าจีนจะทิ้งของขวัญที่ตัวเองเคยให้ไว้ ถ้าตัวเองไม่เห็นค่าก็ควรจะคืนเขาไปสิ พอคิดได้แบบนั้น จีนก็เปลี่ยนใจจากของที่จะทิ้ง ต้องทยอยเอาไปคืนเพื่อนหลายคนที่ไม่ได้พบมานาน

(ซึ่งถ้าเป็นคำแนะนำจากมาริเอะ คอนโดะ จริงๆ เธอจะให้แบ่งของเป็นห้ากลุ่ม ซึ่งกลุ่มสุดท้ายคือของที่มีคุณค่าต่อใจ ให้จัดการเป็นลำดับสุดท้าย เพราะเราจะเสียเวลากับมันมากที่สุดเลยหละ)


เดิมทีจีนเป็นคนไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่น คิดอยู่ตลอดเวลาว่าตัวเองควรจะมีสิทธิ์เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง อะไรที่มันไม่ใช่ก็ควรจะทิ้งไป ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือผู้คน และเมื่อทิ้งไปแล้วก็ไม่ต้องเก็บมาคิดอีก ความห่างไกลมนุษย์โลกทั่วไปนี้เองที่ทำให้คนดูโรลเพลย์ไปกับจีนได้ยาก แต่เมื่อจีนมีพัฒนาการขึ้นตามเรื่องราวที่ดำเนินไป มันกลับยิ่งทำให้จีนตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายลงไปเรื่อยๆ

การทิ้งคนมันไม่เหมือนกับทิ้งของ ด่านที่ยากที่สุดในการเอาของไปคืนคือกล้องของพี่เอ็มที่เคยฝากจีนไปถ่ายรูปที่สวีเดน แต่จีนไม่ได้เอากล้องไปด้วยซ้ำ แล้วเธอก็ทิ้งเอ็มไปเฉยๆ เพราะรู้สึกว่าคนนี้ไม่ใช่ เลิกติดต่อแถมบล็อคเบอร์ด้วย 3 ปีผ่านไป เมื่อได้กลับมาพบพี่เอ็มอีกครั้งเธอรู้ว่าทำผิดกับคนๆ นี้ไปมาก จึงยินดีรับคำด่า

แต่เอ็มตอบกลับอย่างอ่อนโยนว่า "เราดีใจที่เจอเธอ จะให้เราด่าอะไรล่ะ" การได้เข้ามาในบ้านเอ็ม และเห็นข้าวของเดิมๆ ทำให้จีนนึกถึงสมัยที่ยังคบกันอยู่ ตอนนี้เอ็มคบแฟนใหม่ชื่อมี่ ยิ่งทำให้จีนยินดีที่แฟนเก่ามูฟออน และสิ่งนี้ช่วยปลดเปลื้องความรู้สึกผิดที่จีนแบกไว้มายาวนาน


แต่ความสัมพันธ์เป็นเรื่องของคนมากกว่าหนึ่งคนเสมอ และการกลับมาของจีนครั้งนี้ ไม่ได้ให้ผลดีอย่างที่เธอคิดไว้

มี่ (แสดงโดย ฟ้า ษริกา สารทศิลป์ศุภา) แฟนใหม่ของเอ็ม ได้รับรู้เรื่องราวของจีนผ่านปากเอ็มมามากมาย เธอรู้ดีว่าเอ็มยังไม่ลืมแฟนเก่า จึงหวาดกลัวการกลับมาของจีนอย่างถึงที่สุด มี่ได้สั่งตีกลับไปรษณีย์ที่จีนส่งกล้องมาคืนเอ็ม ทำให้จีนต้องเอากล้องมาคืนด้วยตัวเอง ซึ่งนั่นให้ผลลัพธ์ที่เลวร้ายกว่ามาก เมื่อเอ็มและจีนได้พูดคุยถึงเรื่องราวเก่าๆ ครั้งที่ยังคบกันอยู่ ก็ทำให้มี่ยิ่งรู้ว่าเอ็มยังมีมุมที่เธอไม่รู้จักอีกมาก ไม่เหมือนจีนที่ผูกพันกับเขามายาวนาน และต่างฝ่ายต่างสร้างตัวตนที่อีกฝ่ายเป็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเปิดใจยอมให้จีนมาพบเอ็มได้ครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่ได้แสดงความหึงหวง แต่นั่นยิ่งทำให้เอ็มกับมี่รู้สึกอยู่ห่างไกลกันออกไปเรื่อยๆ


เต๋อวางแคแรคเตอร์ของมี่ให้เป็น Sad Cool Girl (คนที่เสียใจแต่ก็ต้องยิ้มออกมา)
แม้แต่เสื้อลายไอติมตัวที่มี่ชอบนี้ก็เป็นเสื้อเก่าของจีน มี่เพิ่งรู้ตอนที่จีนเปิดรูปเก่าในคอมเอ็มจึงเอามันมาคืน
GDH แจกเสื้อนี้ตัวจริงเป็นรางวัลให้กับคนที่เข้าไปดูหนังเรื่องนี้ในโรงหลายรอบมากที่สุด คนชนะดูไป 12 รอบครับ

มี่ได้มาหาจีนที่บ้านในตอนท้ายของเรื่อง ทำให้จีนได้รู้ว่าเอ็มทอดทิ้งมี่ไปแล้ว แม้จีนจะพยายามขอให้เอ็มกลับไปคบกับมี่ แต่สำหรับเอ็มแล้ว มี่ยังไม่ใช่ เขาคิดว่าตัวเองก็แค่ทำแบบที่จีนเคยทำ ขอแค่ให้ตัวเองได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองบ้าง เอ็มไม่ได้มูฟออน แม้เขากำลังจะมูฟออนสำเร็จแล้ว แต่การที่จีนกลับมาก็ทำให้มันพังพินาศลงไป การที่จีนพยายามคิดถึงหัวอกคนที่ถูกทิ้งเอาจริงๆ แล้วมันก็เป็นเพียงแค่การหนีไปจากความรู้สึกผิดเท่านั้นเอง

"เธอเอาของมาคืนเราก็เพื่อตัวเอง ที่มาขอโทษก็เพื่อตัวเอง ที่จะมาช่วยมี่วันนี้ก็เพื่อตัวเอง เธอจะได้ทิ้งเราแบบสบายใจไง จีนเราเอาจริงๆนะ ตอนที่เธอมาขอโทษเราตอนแรกน่ะเราโกรธนะ มันเหมือนแบบ เธอแค่มาขอโทษแล้วเธอก็รอดเลย เราต้องให้อภัยใช่มะ คือถ้าเราไม่ให้อภัยก็กลายเป็นเรื่องของเรา กลายเป็นว่าตัวเธอก็ไม่เกี่ยว มันเหมือนแบบ เธอเอาความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอ มาทิ้งไว้ที่เราแทน แล้วเธอก็ไป
ถ้าแคร์ไม่ต้องขอโทษ ก็รู้สึกผิดไปด้วยกันให้ตลอดสิ อย่าหนีสิ ทำได้หรือเปล่าล่ะ ถ้าเธอเคยรักใครจริงๆน่ะ มันไม่ได้ลืมง่ายเหมือนที่พูดออกมาหรอก เธอเคยรักใครจริงๆหรือเปล่าล่ะจีน เธอแค่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนเห็นแก่ตัว แล้วก็ใช้ชีวิต มันก็แค่นี้เองเว้ย เราอยากเห็นสิ่งที่เราอยากเห็น เราอยากจำสิ่งที่เราอยากจำ มันก็แค่เนี้ยแหละ แล้วก็ใช้ชีวิตกันต่อไป"


เรื่องราวของจีน เอ็ม และมี่ จบลงที่ประโยคนี้ ประโยคแสนยาวที่เอ็มเรียบเรียงสิ่งที่เก็บอั้นอยู่ในใจตลอดสามปี แถมยังต้องทนทุกข์ทรมานกับการกลับมาพยายามทำตัวเป็นคนดีของคนที่ทิ้งเขาไปอย่างไม่เหลือเยื่อใย ตอนที่แม่ของเอ็มเสียชีวิต วันสุดท้ายแม่บอกว่าอยากกินซุปข้าวโพดที่จีนทำ แต่ตอนนั้นจีนทิ้งเขาไปแล้ว และเขาก็ไม่สามารถทำอะไรให้แม่ได้ ทำได้เพียงใช้ชีวิตต่อแม้จะไม่เหลือใคร


การพยายามลืมจะยากยิ่งกว่า หากเป็นเรื่องราวที่คนมากกว่าสองคนมีร่วมกัน พิงค์คิดว่าเรื่องราวของเอ็มกับจีนเป็นศึกใหญ่ที่สุดที่จีนต้องเผชิญในการเคลียร์บ้านพร้อมๆ กับจัดการเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังแล้ว แต่อีกศึกที่ยากยิ่งกว่านั้นอยู่ในบ้านเธอเอง นั่นคือความทรงจำเรื่องพ่อ และมันยิ่งยากแสนสาหัส เมื่อจีนต้องการที่จะลืม ในขณะที่แม่ของจีน (รับบทโดย อุ๋ม อาภาศิริ นิติพน) ต้องการที่จะจดจำไว้ตลอดไป


บ้านของจีนปัจจุบันอยู่กันสามคน คือจีน เจย์ (พี่ชาย) และแม่ ส่วนพ่อทิ้งพวกเธอไปนานมากแล้ว เหลือเพียงภาพถ่ายตอนที่พ่อเล่นเปียโนฉลองวันเกิดให้จีน และเปียโนเก่าที่ถูกทิ้งไว้ชั้นล่างโดยไม่มีใครแตะต้อง จีนต้องการเคลียร์บ้าน จึงโทรไปหาพ่อซึ่งไม่ได้ติดต่อกันมานานมากแล้วเพื่อถามว่าจะขายเปียโนได้ไหม ในหนังเราไม่ได้ยินเสียงปลายสาย แต่จินตนาการได้ว่าคำพูดของพ่อทำให้จีนเจ็บปวดมาก แล้วจีนก็สรุปให้พี่ชายฟังว่า "เขาทิ้งเราแบบทิ้งจริงๆ" พ่อไม่มีวันกลับมาแล้ว ตอนที่โทรไปทีแรกพ่อจำเสียงจีนไม่ได้ด้วยซ้ำ

แต่แม่ไม่คิดแบบนั้น... หรือพยายามหลอกตัวเองว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอยังคงคิดถึงวันเก่าๆ ไม่ต้องการทิ้งอะไรของพ่อ ปกป้องเปียโนและบอกว่าตัวเองยังเล่นอยู่ แม้จะไม่ได้เล่น นอนบนเก้าอี้จนปวดหลังโดยไม่ยอมไปนอนบนเตียงที่เคยมีคนรักนอนอยู่ด้วย และร้องเพลงกุหลาบแดงวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาอยู่เพลงเดียว

เพลงกุหลาบแดง ของ ไก่ พรรณนิภา เป็นเพลงฮิตอมตะที๋โด่งดังในปี พ.ศ.2537 และกลายเป็นเพลงรักแห่งชาติที่ต้องเปิดในทุกงานแต่งแถวต่างจังหวัด ช่วงหลังๆ จะมีเพลงที่ทัดเทียมกันก็เห็นจะเป็นขอใจแลกเบอร์โทรของหญิงลี หากนับจากอายุของจีนแล้ว ช่วงที่เพลงกุหลาบแดงยังดังนี้น่าจะเป็นช่วงที่พ่อกับแม่จีนจีบกันใหม่ๆ มันคงเป็นความทรงจำที่สวยงามจนแม่พยายามจดจำพ่อไว้เพียงแค่ช่วงเวลานี้ เป็นพ่อที่พวกจีนยังไม่ทันได้รู้จัก หรือรู้จักในอดีตวัยเด็กที่แสนเลือนราง จีนกับเจย์จำได้เพียงคลับคล้ายคลับคลาว่าสมัยก่อนพ่อเขาไม่ได้เป็นคนแย่ขนาดนี้

แม่ไม่จดจำพ่อในฐานะผู้ชายคนเดียวกันที่ทิ้งครอบครัวไปแบบไม่เหลือเยื่อใย เพราะมันเป็นความจริงที่เจ็บปวด การที่จีนพยายามบอกให้แม่ออกจากหลุมพรางแห่งความทรงจำทำให้แม่โกรธมากที่จีนพยายามจัดการชีวิตคนอื่น การพยายามลืมก็ยากแล้ว การไปบังคับให้คนอื่นจำ หรือบังคับให้คนอื่นลืมนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้


ฉากจีนเถียงกับแม่บนโต๊ะกินข้าวช่วงท้ายเรื่อง ถูกคนดูยกให้เป็นฉากที่ทรงพลังที่สุดในเรื่องนี้อย่างเป็นเอกฉันท์
ทั้งลองเทค บทพูด และการแสดงของน้องออกแบบและคุณอุ๋ม เรียกได้ว่าไร้ที่ติ

ความสัมพันธ์ของจีนกับเอ็มในทีแรกเหมือนจะคลี่คลายออกมาในทางดี แต่สุดท้ายเอ็มไม่ได้มูฟออน และพาให้ชีวิตคู่ของมี่ต้องพังไปด้วย แต่มี่ยังสาวและสวย ยังมีโอกาสเลือกในอนาคตอีกมาก ผิดกับแม่ของจีนที่ทำได้เพียงเลือกจำคนรักในช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่พวกเขามีร่วมกัน ไม่มีวันหลุดพ้นจากอดีต และไม่มีโอกาสได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองเหมือนเอ็มหรือมี่อีกแล้ว แต่สุดท้ายจีนก็หลอกแม่ออกจากบ้านเพื่อขายเปียโนออกไป จีนทำลายความทรงจำเรื่องพ่อ ทั้งรูปถ่ายและเปียโน และเลือกที่จะหนีจากเสียงของแม่ที่ตะโกนร้องไห้อย่างเจ็บปวด นับเป็นการปิดเกมส์ที่เธอทำได้อย่างเลวร้ายยิ่งกว่าการเดินหนีออกจากบ้านของเอ็มมาในครั้งสุดท้าย

แม้การที่จีนคิดถึงจิตใจของคนอื่นในช่วงครึ่งหลัง จะทำให้คนดูรู้สึกเหมือนจีนค่อยๆ มีพัฒนาการที่ดีขึ้น แต่นั่นคือการที่เธออ่อนแอลง โดยเฉพาะเมื่อต้องต่อสู้กับสิ่งที่ถูกวางไว้ให้เป็นบอสของเรื่องนี้...

ปมของภาพยนตร์แต่ละเรื่อง ตัวเอกจะมีสิ่งที่ต้องต่อสู้เอาชนะ ยิ่งกับภาพยนตร์ที่ไม่ใช่แนวผจญภัย ศัตรูที่ต้องสู้ด้วยจะเป็นนามธรรม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็ร้ายกาจยิ่งกว่าศัตรูตัวเป็นๆเสียอีก ในเรื่องฉลาดเกมส์โกง ลินเอาชนะกลไกป้องกันการโกงข้อสอบได้ แต่เธอเอาชนะความยุติธรรมที่บิดเบี้ยวในสังคมไม่ได้ ในเรื่องลัดดาแลนด์ ธีร์เอาชนะความกลัวสารพัดผีได้ แต่เขาเอาชนะความแตกร้าวในครอบครัวไม่ได้ สำหรับเรื่องฮาวทูทิ้งนี้ ศัตรูที่จีนและหลายคนในเรื่องต้องเผชิญคือ "ความทรงจำ" ยิ่งกับมนุษย์ที่มีจิตใจแล้วมันยิ่งเป็นศัตรูที่ไม่มีวันเอาชนะได้

จีนไม่ได้ไร้จิตใจจนสามารถลืมได้ทุกสิ่งอย่างที่หลายคนคิด เธอจดจำสิ่งของของเพื่อนๆ ที่เก็บไว้ในบ้านได้ทั้งหมด จดจำวันเวลาที่อยู่กับเอ็มได้แม่นยำ จดจำเรื่องราวของคุณพ่อ แม้แต่เปียโนที่ถูกทิ้งอยู่ที่บ้านโดยไม่มีใครสนใจ เธอก็หัดจนเล่นเพลงสุขสันต์วันเกิดที่พ่อเคยเล่นให้เธอสมัยเด็กได้ นั่นคือหกขั้นตอนที่หนังสอนเรามาว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะทิ้งได้สำเร็จนั้น ตั้งแต่ข้อสองเป็นต้นไปถือว่าจีนล้มเหลวทั้งหมด

เราคาดหวังว่าปมทั้งหลายจะถูกเคลียร์ในตอนจบ แต่สุดท้ายจีนก็ทำได้เพียงกดทับทุกสิ่งไว้เพราะการทิ้งไม่ได้ทำให้ลืม และสุดท้ายเธอก็พังทลาย เป็นการจบแบบที่นางเอกของเราพ่ายแพ้ให้กับความทรงจำโดยสิ้นเชิง


Bad Ending ที่สวยงามจะนับเป็น Bittersweet Ending ได้ไหมครับ? เป็นฉากจบแบบที่ผมชอบที่สุดยิ่งกว่าจบแบบมีความสุขเสียอีก เพราะมันจะหลงเหลืออะไรประทับอยู่ในใจ ฮาวทูทิ้งเป็นหนังที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ก็กระทืบรอยเท้าคาลงในใจได้มากที่สุดในรอบหลายปีนี้แล้ว แม้ฟอร์มหนังช่วงหลังๆ ของ GDH จะดูดรอปลง แต่นี่คงเป็นพลังพิเศษตามยี่ห้อของเต๋อและ GDH ครับ

เอาไปสี่ถุงดำครับเรื่องนี้ 

เพลงประกอบเรื่องนี้คือ ทิ้งแต่เก็บ ของ The Toys เป็นเพลงที่ได้รับเสียงชื่นชมมากและชนะรางวัลสุพรรณหงส์ด้วย แต่ที่ตราตรึงอยู่ในใจผมยิ่งกว่าคือเพลง กลับไปที่เก่า เพลงของ Singular ตั้งแต่ปี 2012 ที่นำมาเปิดคลอไปพร้อมกับตอนจบ รู้สึกว่าเฮ้ย! เพลงนี้ทำไมมันเพราะจัง!? จนไม่อยากลุกออกจากโรง อันนี้เป็น MV เพลงกลับไปที่เก่าสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ เนื้อเพลงอย่างกับแต่งมาเพื่อหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ


 


Create Date : 13 มิถุนายน 2564
Last Update : 13 มิถุนายน 2564 19:26:53 น. 39 comments
Counter : 2735 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณThe Kop Civil, คุณcomicclubs, คุณTui Laksi, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณหอมกร, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณกะว่าก๋า, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณtoor36, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณmultiple, คุณSweet_pills, คุณทนายอ้วน, คุณInsignia_Museum, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณlovereason


 
เรื่องนี้กระแสนักวิจารณ์และคนดูเสียงแตกเลยครับมีทั้งที่ชอบและไม่ชอบ ผมจัดไปสองรอบเลยครับ รอบแรกเฉย ๆ รอบที่สองชอบมาก ชอบทั้งเพลงประกอบ การดำเนินเรื่อง หลายฉากที่กระทบกระเทือนใจจริง ๆ ผมเป็นคนชอบเก็บของเก็บเกือบทุกอย่าง ๆ รกห้องมาก นาน ๆ จะทิ้งที แต่สามารถมูฟออนได้ แต่ไม่ลืม มันย้อนแย้งกับในหนังครับ 555
ช่วงนี้บอลยูโรเตะละครับ บอลโคป้าอีก


โดย: The Kop Civil วันที่: 13 มิถุนายน 2564 เวลา:16:15:35 น.  

 
ยังไม่เคยดูเรื่องนี้เลยค่ะ แต่ต้องยอมรับว่าเราทิ้งสิ่งของได้ แต่เราทิ้งความทรงจำไม่ได้จริง ๆ

ความทรงจำเป็นเรื่องที่จัดการยากที่สุดจริง ๆ นะคะ

เห็นด้วยกับคอมเมนต์ของคุณชีริวในบล็อกคุณต่อที่บอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องชนะแต่แพ้ ใช่จริง ๆ ด้วย ชนะแต่แพ้จริง ๆ จากที่ได้อ่านที่คุณชีริวรีวิวน่ะนะคะ


โดย: comicclubs วันที่: 13 มิถุนายน 2564 เวลา:16:57:34 น.  

 
นั่นแน่...จขบ.เปลี่ยนเอนทรีย์ได้เร็วด้วยละ
มาโหมดหนัง...เหมือนเราเคยอ่านรีวิวหนังเรื่องนี้ของใครจำมะได้แย๊ววว..
รีวิวของคุณขีริว ก็สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ เขียนดีมากค่ะ
เราว่าการแคสนักแสดง เขาก็เลือกมาได้เหมาะสมดีด้วยละ
ทำให้กลมกลืนกับเนื้อเรื่องน่าติดตาม แต่การตัดต่อเราไม่รู้ว่าดีป่ะ
ไว้ชมจาก Netflix ตามละกัน...ขอบคุณค่ะ

ปล. คืนนี้ชอบดูเทนนิสม๊าย...ชิงแชมป์เฟรน โอเพ่นคร้า


โดย: Tui Laksi วันที่: 13 มิถุนายน 2564 เวลา:17:08:01 น.  

 
สวัสดีค่ะ

ได้ดูหนังเรื่องนี้ในช่วงโควิดบุกอิตาลีช่วงแรกๆเลยค่ะ ในเน็ตฟลิกซ์อิตาลีเค้าเอามาฉายให้ดูกัน ดีใจมากๆได้ดูหนังไทยค่ะ ^__^

ชอบหนังเรื่องนี้นะคะ เพราะว่าได้ดู ในช่วงเวลา ถูกที่และถูกเวลา หลังจากนั้นเริ่มเก็บข้าวของที่ไม่จำเป็นทิ้งไป เหลือไว้แค่ความทรงจำบางอย่าง มีที่อาจหลงลืมไปบ้าง แต่อะไรๆที่มันเยอะเกิน มันหนักนัก ปล่อยไปซะบ้างจะดีกว่า


โดย: settembre วันที่: 13 มิถุนายน 2564 เวลา:17:14:08 น.  

 
เรื่องนี้ไม่ได้ดู ขอบคุณชีริวที่เล่าให้ฟัง
รู้สึกนางเอกใจร้ายมากที่ทำร้่ยความรู้สึกแม่
ด้วยการเอาเปียโนของพ่อไปขาย
เป็นพวกสุขนิยม เลยไม่ชอบหนังหนักๆ จ้า



โดย: หอมกร วันที่: 13 มิถุนายน 2564 เวลา:19:41:00 น.  

 
สวัสดี ยามเย็น ท่ามกลางสายฝนโปรบปราย จ้ะ น้องชีริว

อ่านการวิเคราะห์วิจารณ์หนังเรื่อง ฮาวทูทิ้ง หรือ Happy Old Yearอ่านแล้วสองรอบ วิเคราะห์ ตามเธอไปด้วย อิอิ เรียกว่า
เป็นหนังหนักสมองไม่น้อยเลย เนาะ ชอบสำนวนวิเคราะห์เธอหลาย
ประโยค เช่น ขยี้ความสัมพันธ์ของมนุษย์ธรรมดา

ศัตรูที่ทรมานเราได้ร้ายกาจที่สุด อาจเป็นความทรงจำอันแสนหวาน
ของเราเอง (เห็นด้วยอย่างยิ่ง อิอิ)

วิ่งตามการดำเนินเรื่องที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ

การทิ้งคนไม่เหมือนการทิ้งสิ่งของ

จบแบบกระทืบรอยช้ำคาลงในใจได้มากที่สุด

โศกนาฏกรรมของการไม่ลืม เป็นต้น ใช้คำสวย เห็นภาพเลย ชอบ

พฤติกรรมของตัวละครแต่ละตัว มีจริงในชีวิต ที่จริงการเลือก
แต่เรื่องราวดี ๆ ในอดีต ไม่จำสิ่งที่เลวร้ายที่ได้รับ น่าจะเป็นสิ่งดีนะ
การที่แม่ของจีนจำเรื่องราวดี ๆ ที่เคยได้รับจากพ่อของจีนถึงจะหลีก
หนีความเจ็บปวด ครูว่าก็น่าจะดีกว่าจำเรื่องเลวร้ายที่เราได้รับ มัน
ทุกข์กว่ากันเนาะ
ส่วนพฤติกรรมของ จีน ก็ประหลาดทิ้งเอ็มไปโดยไร้สาเหตุ
ที่ควรจะมี ดูไม่สมจริงนะ ทุกอย่างมันต้องมีสาเหตุ แล้วมารู้สึกผิด
ภายหลัง ทำไมไม่คิดก่อนทำ น่าจะเป็นแง่คิดแก่คนชมหนังเรื่องนี้
ได้ เหมือนอย่างที่เธอเขียนว่า คนนะ ไม่ใช่สิ่งของจะได้ทิ้งได้
ง่าย แม้แต่สิ่งของที่เคยรักเพราะเป็นของคนที่เราชอบมาก่อน
ก่อนจะทิ้ง ยังต้องคิด ยังมีความอาลัยเสียดาย (ครูก็เพิ่งเผาจดหมายที่เก็บไว้นานหลายสิบปี เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตัดใจเผาชะ อิอิ)

ส่วนพฤติกรรมของ เอ็ม ครูก็ว่า ทำไม่ถูก เมื่อคบกับมี่แล้ว
แต่พอจีนกลับมา ทั้ง ๆ ที่จีนก็ไม่ได้จะมาคืนดีด้วย ก็ยังทิ้งมี่ไป
โดยให้เหตุผลว่า ต้องการไปหาสิ่งที่ดีที่สุด (ชั่วว่ะ) และบอกว่า
ที่จีนยังทำอย่างนี้ได้ เขาก็ทำบ้าง แล้ว มี่มีความผิดตรงไหน ถึง
ได้ทำกับเขาเช่นนั้น ครูว่า มี่ฉลาดและโชคดีที่จากไปเพื่อเจอคน
ที่รักเธอจริง

ดังนั้น ความล้มเหลวในชีวิตของตัวละคร ที่ไม่สามารถ
ทำตามเสต็ป 6 ขั้น คือ ตั้งเป้าหมาย อย่าโหยหาอดีต อย่า
รู้สึกเยอะ อย่าหวั่นไหว อย่าท้อใจ อย่าเพิ่มข้าวของเข้ามา
อย่ามองกลับไป ตัวละคร อย่างจีน จึงทำได้แค่ข้อหนึ่ง ส่วน
ตัวละครอื่น ๆ ก็ทำไม่ได้ ยกเว้นมี่ ที่ฉลาดไปจากเอ็มได้ อิอิ
เรื่องนี้ จึงจบแบบ "โศกนาฏกรรมของการไม่ลืม" เหมือน
ที่เธอวิเคราะห์ วิจารณ์มา ถูกต้อง นะคร้าบ ห้าห้า

โหวดหมวด งานเขียนฯ

เรื่องวัคซีนไปฉีดเถอะ อย่าฟังมากเลย คนเราถึงคราวต้องตาย ไม่ฉีดก็ตายได้ ไม่ว่ายี่ห้อไหน ก็มีผลข้างเคียงทั้งนั้น สอง
ตัวที่รัฐจัดให้ ครูอ่านจากที่หมอวิเคราะห์ เป็นตัวที่ดีพอสมควร จ้ะ









โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 13 มิถุนายน 2564 เวลา:19:56:50 น.  

 
หนังเรื่องนี้กระแสแรงมากๆ
นางเอกแนวๆๆจริงๆ
หน้าจีนๆ สมชื่อ เลยดังในจีนมากๆด้วย
ตัวหนังไม่ทันได้ดู ..ด้วยดูไม่ทันหนังออกโรงไป
ณ บัดนาว
นั่งดูบอลยูโรอยู่..
พรุ่งนี้แวะมาอ่านมาเม้นท์นะคะ
วันนี้มาจองที่...



ตื่นมาเช้านี้เห็นข่าวและ clip ของ Christian Erikson
น้ำตาซึม...
อนิจจัง วัฏฏะสังขารา


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 13 มิถุนายน 2564 เวลา:20:22:54 น.  

 
ตอนที่หนังออกมาใหม่ๆ
พี่ก๋าก็ไม่ได้คิดจะดู
แต่พออ่านรีวิวของน้องชีริว
พี่ก๋าก็เริ่มคิดอยากดูแล้วล่ะครับ 555

จริงๆช่วงนี้ดูหนังเยอะมาก
เพราะมาดามติด netflix แบบดูได้สองเครื่องครับ
เมื่อก่อนก็ไม่ค่อยได้ดูเท่าไหร่

หนังเรื่องนี้
ดูมีปมอะไรให้คนดูได้คิดตามเยอะเลย
โดยเฉพาะเรื่องของความสัมพันธ์และความผูกพันครับ

ปล. พี่ก๋าเขียนสงครามญี่ปุ่นเรื่องนี้
โดยใช้เรื่องสมมุติทั้งหมด
ทั้งชื่อตัวละคร ชื่อยุค ชื่อเมือง
ไม่มีอะไรที่เป็นข้อมูลจริงจากประวัติศาสตร์เลยครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 มิถุนายน 2564 เวลา:20:26:22 น.  

 
พี่ก็ขอบเพลงกลับไปที่้ก่ามากกว่า
คริคริ


โดย: อุ้มสี วันที่: 13 มิถุนายน 2564 เวลา:21:56:21 น.  

 
สวัสดีครับคุณชีริว

ขอบคุณครับจำได้ว่าผมจะรออ่าน
เรื่องนี้ น่าจะเป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมได้นั่งดูที่สกาลาครับ
เพราะหลังจากนั้นก็ไม่ค่อยมีหนังที่ปิ๊งๆ ใจ ที่จะออกจากบ้านไปดู(ไม่ใช่เฉพาะสกาลาแต่รวมๆ ในทุกที่)

ยังจำได้ว่าดูรอบค่ำ ตอนหนังฉายจบคือแบบหน่วง โอยย อยากขอนอนฟุบที่เก้าอี้เลยได้ไหม ยังไม่อยากกลับบ้านนนน
ชอบนะ แต่ดูจบแล้วใจมันอึนๆ ไงไม่รู้ครับ
อาจเพราะโดนแกว่งตะกอนในใจที่มันนอนก้นมานานในหลายๆ เรื่องล่ะมั้ง อิอิ

เห็นด้วยว่าทิ้งคนไม่เหมือนทิ้งของ
เค้าทิ้งเรา เราก็ไม่รู้ใจเค้าจริงๆ หรอกว่าคิดแบบไหน
แต่ถ้าเป็นเราทิ้งเค้า มันก็ต้องมีช่วงเวลาที่วนๆ มาคิดเรื่องเขาอยู่ดี
การกลับไปเคลียร์ปัญหาใจบางครั้งสู้อยู่เฉยๆ ไม่ได้
แต่มันก็จะแอบคาใจเนาะ ถ้าจบไม่เคลียร์
และเราก็ต้องอยู่กับมันตลอดไป
ไปรื้อฟื้นกับเขาอีกครั้ง ก็เหมือนเอาทุกข์ของเราไปกองบนตัวเขาแทน เราโล่ง แต่เขาหนัก

เห็นด้วยที่คุณชีริวว่า จีนนั้นจัดการชีวิต ไปคิดแทนคนอื่นมากเกินไป
(ถ้าเป็นผม รู้ว่าใครแอบเอาของเราไปขายโดยไม่บอก คงวีนแตกแน่ครับ 555)

ปกติผมก็แทบไม่ได้ดูหนังแนวอินดี้เลย หนังคุณเต๋อนี่น่าจะเรียกว่าเรื่องนี้เรื่องแรกที่ดุูก็ได้ เพราะความเป็น GDH ด้วยมั้งครับ สำหรับผม ดูแล้วไม่ผิดหวังครับ

ขอบคุณที่ไปพูดคุยที่บล็อกด้วยนะครับ
ประเทศอิมะ ก็คงอารมณ์แบบ สมัยนั้นจังหวัดต่างๆ ปกครองกันเองตั้งเป็นประเทศไรงี้มั้งครับ เป็นเมืองสมมติ

เทพญี่ปุ่นเยอะมากจริงๆ ครับ และอยู่ที่คนแปลด้วยแหละเนาะ
เคยอ่านการ์ตูนที่มีชื่อดอกไม้เยอะๆ ตอนที่แปลเค้าไม่แทรกชื่อญี่ปุ่นไว้ให้ พอแปลเป็นชื่อไทยมันดูแปลกๆ ตอนสมัยไพเรทสองสนพ. ก็แปลชื่อต่างกันไปอีก (แบบคนละทิศกันเลย)



โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 14 มิถุนายน 2564 เวลา:0:09:07 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องชีริว



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 มิถุนายน 2564 เวลา:5:55:18 น.  

 
ความรักมันไม่มีเหตุผล
หากเป็นผู้ใหญ่ไปดู คงไม่ซีเรียสตาม
อารมณ์คน..ความยึดมั่นถือมั่น
ปมของการได้รับการอบรมสั่งสอน
ทำให้แต่ละบุคคลมีพื้นฐานแตกต่างกันไป

ดังที่กล่าวว่า เสียงคนดูแตกต่างกันไป
ชอบ ไม่ชอบ เฉยๆ..



เป็นมุมมองของคนไม่ได้ดู
ก็คงไม่ได้ดูค่ะ
เพราะบางทีติดรำคาญ..


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 14 มิถุนายน 2564 เวลา:11:51:09 น.  

 
พี่อ้อ ก็เจอ Mariomab มาแปะแบบนี้ที่บล็อกที่แล้วเหมือนกัน


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 14 มิถุนายน 2564 เวลา:11:53:13 น.  

 
ผมว่าพี่เต๋อแกถูกโรคกับซันนี่ 55555555
เอาจริงๆ เลยนะ หนังพี่เต๋อไม่ค่อยคุยกับผมอ่ะ อย่างฟรีแลนด์ผมก็ไม่ค่อยอิน แต่จบด้วยใหม่สวยมาก 5555555 แต่ไม่รู้ดิครับ โทนหนังไม่ใช่แนวหนังตลาดมั้ง ผมเลยเข้าไม่ถึง เพราะคราวนี้ How to ทิ้ง มันออกแนวหนังรางวัลละครับ ภาพงี้ มุมกล้องงี้ โทนหนังงี้
ทั้งๆ ที่ผมเป็นแฟน GDH เลยครับ ถ้ามีหนังออกมา ผมตามดูเลยนะ

อ่ะๆ พอ ๆ กับการถูกโรคหรือไม่ถูกโรคกับพี่เต๋อ
ในเรื่องผมอ่ะดูเนือย ๆ มาก ๆ ผมชอบการแสดงของ
ออกแบบนะครับ แต่บางเรื่องก็ไม่สมเหตุสมผล ดูเย็นชาๆ ไปหน่อยงี้ แต่คนที่น่าสงสารที่สุดของเรื่องผมว่าคือ แฟนของพี่เอ็มครับ
เฮ้ยยยยย นี่มันคือคนที่ไม่ได้ผิดอะไรเลย แต่ต้องมาถูกทำร้ายจากคนที่ move on ไม่ได้

สงสารแม่ของจีนด้วยครับ เปียโนมันมีความหมายกับเค้ามาก ๆ อันนี้ผมเข้าใจเลยว่า ของที่เราคิดว่าไม่มีค่า แต่กับบางคนมันไม่เกี่ยวงว่าจะเก่าแค่ไหน จะมีรุ่นใหม่ที่ดีกว่าหรือป่าว แต่มันคืออันนี้เท่านั้น มันคือคุ้นค่าทางจิตใจ แม่อาจจะคนที่ผมรู้สึกสะเทือนใจที่สุดแล้วมั้ง

จริงๆ การจะ move on หรือไม่ move on มันก็แล้วแต่คนเลยอ่ะครับ แต่การ ไม่ move on ก็ต้องไม่ทำร้ายใคร หรือการ Move on นั้นต้องไปทำร้ายใครเหมือนกัน

ผมกับแฟนเก่า....เป็นเพื่อนกันได้ทุกคน ถ้าเค้ายังอยากเป็นเพื่อนกับผมอยู่นะ 555555555 เพราะจริงๆ เวลาดีๆ ของเรามันก็มีให้จำเยอะไปหมด ^^


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 14 มิถุนายน 2564 เวลา:17:25:26 น.  

 
จากบล็อก
สาววายเห็นภาพนี้ก็ต้องมีกรี๊ดสลบละครับ 555
เทนนิสหญิง แชมป์มีเปลี่ยนมือไปเรื่อยเลยครับ ทุกรายการ


โดย: The Kop Civil วันที่: 14 มิถุนายน 2564 เวลา:22:11:42 น.  

 
เดี๋ยวพี่ก๋าจะลองไปหาดูครับ



ปล. กลยุทธ์หนี กับซุ่มโจมตีนี่
พลิกสถานการณ์ได้เสมอเลยนะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 มิถุนายน 2564 เวลา:22:13:49 น.  

 
คุณชีริวได้อ่านหนังสือของมาริเอะด้วยเหรอครับ จริงครับของที่มีคุณค่าทางจิตใจทิ้งยากมาก หนังสือของมาริเอะช่วยอะไรเราได้เยอะนะ ผมได้หนังสือของเธอช่วยจัดบ้านไปได้เยอะ เซฟเงินไปลงด๋อยแทนได้หลายเลย!? ทิ้งเสื้อเก่า เอาของใหม่มาใช้ ทิ้งเอกสารที่ไม่รู้จะเก็บไปทำไม ใช้พวกของแถม หรือตัวอย่างทดลองที่ได้มา มันช่วยเราเซฟได้เยอะ

คนส่วนใหญ่ที่มูฟออนจากเรื่องต่างๆ ไม่ได้ส่วนใหญ่จะเหลวที่ข้อสองนี่แหละ ความทรงจำในอดีตมันชวนให้โหยหา เรามักหลงอยู่กับความทรงจำ

พอจะเข้าใจแม่ของจีน คือเขายังตัดกันไม่ขาดจริงๆ แม้อีกคนหนึ่งจะตัดขาดไปแล้ว เรื่องนี้ทำให้นึกถึงเพื่อนผมคนนึงพ่อมันตายครับ พอทำพิธีศพเสร็จ ผ่านไปได้ไม่ถึงเดือนแม่มันตายตามแบบเดื้อๆ เลย (ดูทรงแล้วตรอมใจ) อยากเศร้าครับ

ของหลายๆ อย่างมันมีความทรงจำต่างประเทศถึงได้มีอาชีพแปลกๆ ชื่อแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า "ช่างซ่อมความทรงจำ" จริงๆ ก็คือซ่อมของน่ะแหละ แต่ของที่ซ่อมจะเป็นของเก่าหรือใหม่ ไม่จำกัดชนิดว่าเป็นของอะไร และไม่ได้แน่ว่าของที่นำมาให้ซ่อมจะซ่อมจนกลับมาใช้การได้ 100% แต่สามารถซ่อมให้อยู่ในสภาพที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ โดยคงรูปแบบเดิมของ "ของ" ที่นำมาซ่อม ส่วนราคาค่าซ่อม ราคาแพงมหาโหดครับ แต่ความทรงจำเกี่ยวของเรื่องใดๆ ก็ตาม มันมีค่าเสมอ ไม่สามารถประเมินราคาได้

เพลงกุหลาบแดงตอนแรกผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่าเพลงอะไรแต่พอคลิกเข้าไปฟังแล้วช่วงนั้น เพลงนี้ได้ยินบ่อยจริงๆ นะ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 14 มิถุนายน 2564 เวลา:23:05:07 น.  

 
นั่งอ่านลงมาเรื่อย ๆ คนทำหนังท้าทายความรู้สึกของ คนมาก
1. นักแสดงไม่แต่งหน้า (อันนี้ผมชอบเพราะเบื่อหนังไทยที่
แต่งหน้าจนไม่เข้าเนื้อเรื่องแหะ ๆ ละครทีวี)
2. เรื่่องย้ายของไปเก็บ ยกไปให้คนอื่น ชีวิตจริงเจอกันมา
นักต่อนัก... โดยเฉพาะคน สว. 555 ผมว่าทุกบ้าน

ผมเห็นบ้านเพื่อนหลายคน บ้านกว้างวางของเต็มไปหมดมี
ทางเดินเท่านั้นที่พอนั่งได้ อ้าว จริงนะ.. มีเฟอร์แต่ไม่ได้ใช้
เก็บไว้ทำไม

ที่บ้าน ผมต้องคอยจำหรือให้คนในบ้านจำ ๆ ไว้ว่า ของกิน
ของใช้ ใครนำมาให้ เพราะที่บ้านมีคนนำของกินมาให้มาก
แม้แต่ของใช้ ผมกับที่บ้านต้องระวัง มิให้นำของกินกึ่งแห้ง
กึ่งสำเร็จหรือของใช้ ไปให้ไปบ้านเดิม 555

เคยหน้าแตกบ่อย พอนำของไปให้ พี่คนหนึ่ง แกมองหน้า
อ้าว นำมาให้ผมทำไม ผมให้คุณไว้ (พวกรังนก น้ำขวด
ปลาทูน่ากระป๋อง แครกเกอร์ ฯ)

...
กลับมาพูดเรื่องหนังแนวนี้่ผมว่า ถ้าเปิดใจกว้างดูไปแล้ว
น่าดู... เคยดูหนังไรน้า รถไฟมหานครใช่ปะ ติดใจนางเอก
ไม่แต่งหน้า ปะแป้ง หมวย ดูขำน่ารักอะ 555

ส่วนหนังไม่ใช้ จอกว้างใช่ปะ เคยดูจอกว้างยาว ๆซีนีม่าสโคป
คงอึดอัดอย่างที่ว่า แม้แต่เราดู พาโนรามายังชอบเลยเวลา
ถ่ายต้องถ่ายกวาดให้ยาว ๆ ไว้

...
เรื่องซุปเนื้อใส่กัญชา ผมเจอเองที่ร้านสนามม้าที่กำลังรื้อ
มาหลายปียังไม่เสร็จ เราไปกัน 4 คนกินแล้วนั่งหัวเราะร่วน
จนผมรู้ว่าผิดปกติ ไปนั่งทำงานต่อแถวเพลินจิตก็ยังหัวเราะ
ร่วน พวกน้อง ๆ ในแผนกนั่งหัวเราะตามแล้ว บอกว่าพี่ ๆ
ไปกินกัญชามาเหรอ จึงเอะใจ เออใช่.. แต่นั่นนานมาก
แล้วนะ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 15 มิถุนายน 2564 เวลา:5:21:35 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องชีริว



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 มิถุนายน 2564 เวลา:5:41:38 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องชีริว

ขอบใจที่แวะมาเยี่ยมที่บล็อกครู จ้ะ รออ่านการวิเคราะห์หนัง
ของเธอนะ อิอิ ไม่มีโอกาสไปดูหนังเลย ดูแต่ละครในโทรทัศน์ก็
หมดเวลาแล้ว ละครบางเรื่องก็ได้ข้อคิดดี บางเรื่องก็น้ำเน่า(อย่างที่
เขาว่ากัน แต่ครูว่า ในความเป็นน้ำเน่า มันก็มีอะไรบางอย่างซ่อนเร้น
ให้เราคิดติดตามว่า ทำไมจึงมีพฤติกรรมเช่นนั้น )

เรื่องวัคซีน ถ้าบริษัทมีทางเลือกที่ดีกว่า ก็โอเค เนาะ

ตอนนี้ไปเที่ยวไหนไม่ได้ เลยไม่มีเรื่องเที่ยวมาเล่า เนาะ
เดี๋ยวต้องหันไปเขียนเรื่องวิชาการเสียแล้ว อิอิ

รักษาสุขภาพด้วยนะ ช่วงนี้ยังระบาดไม่หยุดเลย เมื่อวานไป
พบหมอตามนัดที่ ร.พ. ตำรวจ คนไปรอคิวฉีดวัคซีนโควิดมาก
เหลือเกิน ดูแล้ว ก็ปลงอนิจจังได้ระดับหนึ่ง เป็นธรรมดาของ
มนุษย์ที่ต้องปกป้องชีวิตของตนไว้ อิอิ




โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 15 มิถุนายน 2564 เวลา:9:07:23 น.  

 
ตามมาอ่านรีวิวค่ะ
ถึงจะไม่ค่อยชอบหนังแต่รีวิวก็น่าสนใจมาก
อ่านจบหมดทุกถ้อยคำ
แต่จบแล้วก็ลืมไปเยอะเลยค่ะ
ปัญหาของความจำเสื่อม



โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 15 มิถุนายน 2564 เวลา:10:12:25 น.  

 
สวัสดีค่ะ..

อ่านหัวข้อ..ตอนแรกไปว่า..อ่าวกูทิ้ง

เอ๊ะ..มันอยู่ตรงไหนนะ...5555

สายตาผู้สว.แย่แล้วนะคะ..



โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 15 มิถุนายน 2564 เวลา:10:31:44 น.  

 
โอ้ว....คุณชีริว เป็นบ้านหมุนกับเขาด้วยรึนี่ !!!?อินเทรนด์!

ใช่ๆคร้า...นอนน้อย ทำงานหนัก ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีอาการ
หายไวๆนะคะ ทานยาที่คุณหมอให้ อย่างเดียวเลย
ที่จะทำให้อาการทุเลาคร้า...เคยเป็นจร้า

บอลยูโรเราก็ดูตามโอกาสอำนวย
รอบน๊อคเอ้าส์ น่าลุ้นกว่าอย่างที่ว่าจ้า แต่ดึก...เฮ้อ !!!
หนังจาก Netfix เราว่างมากๆ ก็จะนั่งเลือกชมคร้า
แต่ส่วนมากเราใช้เวลาไปกับถ่ายรูปดอกแคคตัส อิอิ




โดย: Tui Laksi วันที่: 15 มิถุนายน 2564 เวลา:15:00:55 น.  

 
จากบล๊อก
น้องพี่ที่รัก ผมก็ไม่อิน 5555 ซันนี่เป็นไข่นุ้ยดีสุดแล้ว

เรื่อง WHF ทำเข้าสลับวีคเว้นวีคครับ ปกติอยู่คอนโด แต่พี่เขยต้องกักตัว เลยต้องมาอยู่รับใช้แม่และพี่สาว แถมหลานอีกคน แทนพี่เขย 55555
เซนลาดนี่ช่วงเที่ยงสุดจัดครับ หนัก...หนักมาก แล้วผมก็เป็นคนชอบหนีไปกินข้าวซะด้วย การเดินข้ามไปมันดีเลยครับ ไม่ต้องเสียเวลาวนหาที่จอดอีก ครึ่งชั่วโมง

วัคซีนตอนนี้วุ่นวายมากครับ ปวดหัวไปหมด พี่ที่ทำงานไปก็ไม่ได้ฉีด เฟ้งฟ้างมากครับ.......
รพ ที่ไปคือ รพ ธรรมศาสตร์ ครับ เออ....นี่เป็นครั้งแรกที่ไปแบบดูดี 2 รอบแรกเพื่อนหามไป อีกรอบก็ไปแบบเลือดสาดเข็มไปหลายเข็ม รอบนี้กลับไปใหม่ในรอบ เกือบ 10 ปี ดูดีขึ้นเยอะมากกกกกกกกกกกกก นศพ น่ารักสุดๆ อิอิ


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 15 มิถุนายน 2564 เวลา:15:22:38 น.  

 
โอ้ อ.เต๊ะ เห็นหน้านางเอกแล้วเจ็บจี๊ดๆเลย
เพราะหน้าหมวยเหมือนแฟนเก่าคนนึงมาก 555

อ.เต๊ะ ก็เป็นสมาชิก ชมรมบ้านรก ครกยังหาไม่เจอ เหมือนกัน
เพราะ เป็นคนตัดใจทิ้งของไม่ค่อยได้ แต่ถึงจะรกยังไงเราก็คุ้นชินและหาของเราเจอ

ที่สำคัญห้ามคนอื่นมาจัดห้องเด็ดขาด
เพราะ ท่ามกลางความรก และสกปรกนั้นมีทรัพย์สินมีค่า
เงินสด ทองแท่ง ซุกซ่อนอยู่มากมาย คนไม่รู้มาช่วยจัดเอาใส่ถุงดำไปทิ้งละก็ กลับบ้านมา หาไม่เจอ หัวใจวายตายแน่นอน 555

ส่วนหนังเรื่องนี้ อ.เต๊ะไม่ได้ดูเลยครับ เพราะดูแล้วมันตรงกับชีวิตจริง แฟนเก่าไม่ว่าจะกี่คน ก็ไม่เคยลืมได้ซักกะคน ข้าวของที่เค้าให้มาก็เก็บไว้หมด

ถ้าไปดูเผลอมีนั่งน้ำตาคลอ อาจถึงขั้นสะอื่นฮักๆ ฮึบไม่อยู่ เสียลุค เละเทะแน่นอนเลยละครับ 555



โดย: multiple วันที่: 15 มิถุนายน 2564 เวลา:16:58:55 น.  

 
เรื่องนี้พี่ต๋าดูในโรงค่ะน้องชีริว
ถ้าดู 13 รอบคงได้เสื้อไปแล้วนะคะ ^^
อ่านรีวิวทำให้ได้ทบทวนเนื้อเรื่อง
เราเองก็มีมุมผูกพันกับสิ่งของ
เพราะข้าวของหลายชิ้นแฝงความทรงจำอยู่ด้วย
สมกับที่คุณมาริเอะแนะให้จัดของเหล่านี้เป็นหมวดสุดท้ายนะคะ

เมนท์แรกหายไปเลยพิมพ์ใหม่
พอดีใช้มือถือน่ะค่ะ
ขอบคุณน้องชีริวที่แวะชมเมนูบ้านพี่ต๋า
ขอบคุณกำลังใจนะคะ







โดย: Sweet_pills วันที่: 16 มิถุนายน 2564 เวลา:0:53:24 น.  

 
ก่อนน้องวิทจะมาได้ข่าวว่าสะพานปลาอ่างศิลเค้าทำใหม่ครับ น่าไปเดินมากๆ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจให้บล็อก - ตลาดเก่า อ่างศิลา ด้วยนะครับ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 16 มิถุนายน 2564 เวลา:5:37:11 น.  

 
ชื่อเรื่องของหนังเรื่องนี้น่าสนใจตั้งแต่ออกฉายครั้งแรก
แต่ผมไม่มีโอกาส เพิ่งได้ดูเมื่อเดือนที่แล้วนี้เองครับ
ชอบการเสนอเนื้อหา เรื่องราวของคนรุ่นลูกที่ไม่มีความทรงจำกับสมบัติที่อยู่ในบ้าน และสุดท้ายทุกอย่างก็จากไปอยู่กับคนอื่น
ซึ่งอาจดูแลได้ดีกว่า แต่ผูกพันเพียงเป็นของเก่าเท่านั้น
ผมเอง หลังจากออกจากงาน ก็เก็บกวาดบ้าน ทิ้งของเรื่อยๆ
4 ปีมาแล้วครั้งยังจัดการไม่หมด


โดย: Insignia_Museum วันที่: 16 มิถุนายน 2564 เวลา:14:27:17 น.  

 
กลยุทธ์ 5 ห่วง
เขียนโดยมิยาโมโต้ มุซาชิ
พี่ก๋าปรับเอามาใช้ในเรื่องด้วยครับ
กลยุทธ์น้ำหมายถึงความผันแปรไม่แน่นอนของกลศึกในการรบ
ที่ไหลไปเหมือนสายน้ำอันยากจะคาดเดา
ถ้าเมืองจีนมีซุนวู
ญี่ปุ่นก็มีมุซาชิเลยครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 มิถุนายน 2564 เวลา:22:08:48 น.  

 
ที่ไปคุย
คือราคาค่าซ่อมมันไม่คุ้มที่จะซ่อมด้วยแหละครับ ถึงขนาดรายการที่ถ่ายทำยังบอกคนที่เอาของไปซ่อมเลยว่า ซื้อรุ่นใหม่ไม่ดีกว่าเหรอ ประสิทธิ์ภาพดีกว่า ราคาถูกกว่าด้วย แต่คนที่จะเอาไปยืนยันจะซ่อม ที่เคยดูโดยมากซ่อมสำเร็จแทบทุกชิ้นครับ จะมีบางชิ้นที่ไม่มีอะไหล่หรือวัสดุทดแทนที่ดูเข้ากันได้ แบบนั้นถือว่าซ่อมไม่สำเร็จ แต่ที่ผมดูคนเอาหนังสือมาให้ซ่อมเยอะนะ แต่คนที่ทำอาชีพนี้เขาบอกว่าเขาทำเป็นงานอดิเรกเท่านั้น เร่งงานไม่ได้ด้วยนะเออ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 16 มิถุนายน 2564 เวลา:22:33:00 น.  

 
สวัสดีครับคุณชีริว

ชาแมนคิงเป็นการ์ตูนจากJump ด้วยมั้ยครับ
สมัยอ่านซีโร่ยังพอคุ้นกับงานนักเขียนรุ่นนั้นอยู่บ้าง แต่พอเป็นนักเขียนใหม่ๆ ก็ไม่ได้ตามอัพเดทเลย

ชื่อเทพก็คงแปลยากจริงๆ นะครับ บางคำอาจหาความหมายตรงๆ ในทางภาษาไทยไม่ได้


โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 17 มิถุนายน 2564 เวลา:0:04:55 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องชีริว



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 มิถุนายน 2564 เวลา:6:40:44 น.  

 
เข้าใจนำมาจับทำเป็นหนังนะคะ เนื้อเรื่องน่าสนใจเลย

ปล.น้องซีได้ย้าย ร.ร. เหมือนย้ายศาสนาเลยค่ะ 5555


โดย: kae+aoe วันที่: 21 มิถุนายน 2564 เวลา:9:27:52 น.  

 
บล็อกพี่ก๋าอ่านย้อนได้ครับ
ไม่ได้ย้ายบล็อกจนกว่าจะครบจบปี

ช่วงโควิดพี่ก๋าทำภาพประกอบไว้เยอะมาก
เป็นพันๆภาพเลยครับ
นั่งทำทุกวันอยู่สามสี่เดือนเลยนะ
นี่ยังเอามาใช้ไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์เลยครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 มิถุนายน 2564 เวลา:22:19:00 น.  

 
จากบล็อก
จอมมารเศรษฐศาสตร์ ของ SIC ที่ไทยออกถึงแค่เล่ม 7 เองครับ เศร้านะมีแววโดนลอยแพไปแล้ว เพราะของญี่ปุ่นในปี 2016 ออกถึงเล่ม 17 เข้าไปแล้ว

แต่ถ้าค่าย VBK ออกแค่ 1 เล่ม แล้วก็โดนแพ
รู้สึกจะมีของ DEX ด้วย ออกเป็น 4ช่อง แต่ผมไม่ได้ตามของค่ายนั้น

ถ้าพูดถึงวรรณกรรมเก่า ผมนึกถึง นนทก ครับ เพราะมันชัดเจนสุดละ ยักษ์ภาพพจน์ไม่ค่อยดี แต่ใครจะรู้เทวดานี่แหละตัวเลวเลย เลยเจอสังหารหมู่ (สมควร)


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 23 มิถุนายน 2564 เวลา:23:39:38 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องชีริว



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 มิถุนายน 2564 เวลา:6:09:36 น.  

 
วันสุดท้ายของสัปดาห์แล้ว

สุขสันต์วันหยุดล่วงหน้าค่ะน้องชีริว




โดย: Sweet_pills วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:11:10:45 น.  

 
ฮาวทูทิ้ง ผมยังไม่ได้ดูครับ คิดว่าคงไม่ดูแน่ ๆ
ไม่ใช่เพราะหนังไม่ดีนะครับ เพียงแต่...
ผมมีคำตอบในใจสำหรับเนื้อหาเรื่องนี้อยู่แล้ว
ไม่ใช่เพราะอ่านบล็อกคุณชีริวนะ แต่ผมคิดของผมนานแล้ว


เงินครับ เงินช่วยคุณได้


กำเงินไปซื้อบ้านใหม่ทำออฟฟิศซะ จบนะจีน
ทิ้งของที่บ้านไว้อย่างงั้นแหละ ไม่ต้องไปแตะต้องมัน
จะได้ไม่วุ่นวายกับการจัดการความทรงจำทั้งของเราและคนอื่น ๆ
เอาเวลาไปทำอย่างอื่นเหอะ มัวสาละวนกับข้าวของนี่โคตรเสียเวลาเลย
ปล่อยให้กาลเวลาดูแลตัวของมันเองดีกว่า
(เดี๋ยวพอปลวกขึ้น หรือน้ำท่วมก็ตัดใจทิ้งได้เองแหละ ^^")

ประเทศนี้ เงินบันดาลอะไรได้หลายอย่าง
ถ้าผมมีเงินเยอะ ๆ แบบเจ้าสัวเจริญ จะซื้อบ้าน (ไว้เก็บของ) ทั้งซอยเลย
(แต่ตอนนี้อยู่กระต๊อบ ของเต็มบ้าน ไม่รู้จะเอาไว้ไหนแล้ว ^^")


โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 26 มิถุนายน 2564 เวลา:15:18:57 น.  

 
สวัสดีค่า คุณชีริว
ตามมาอ่านฮาวทูทิ้งที่แบบละเอียดมากจริงๆ
คุณชีริวทำเพจหรือช่องรีวิวหนังเป็นเรื่องเป็นราวเหอะ ยอมๆ อิอิ
นุ่นไม่ชอบอาจจะเพราะยังดูได้ไม่ถึงไหนแล้วเลิกดูไปก่อน
คือไม่ชอบความอึดอัด ความซ้ำๆ ของคำว่ามินิมัลที่เปิดเรื่องมาก็ตอกย้ำกับเราคนดูว่านางเอกต้องการแบบนี้
แต่ก็เป็นที่มาของฮาวทูทิ้งเนอะ สงสัยต้องกลับไปดูใหม่ค่ะ เผื่อจะซึ้งแบบที่คุณชีริวดูแล้วชอบ

ตอนดูเปิดเรื่องคือชอบอุ๋มที่เล่นเป็นแม่แล้วก็รำคาญความเฉื่อยของเจย์น้องนางเอก 555 เลยปิดไปก่อนค่ะ

เอาจริงๆ นะ ทิ้งอะไรไม่เท่าทิ้งความทรงจำจริงๆ ค่ะ มันเป็นนามธรรมไม่มีรูปธรรมแต่ทำให้เรายังจำอะ เค้าว่าคนเราจะลืมแฟนเก่าได้จริงๆ ก็ต่อเมื่อเรานึกเบอร์โทรของแฟนเก่าไม่ออกแล้ว หากเรายังนึกออกแสดงว่าเราแค่คิดว่าลืมแต่จริงๆ ไม่ได้ลืมจริง
มันก็คงจะกรณีเดียวกันเนาะ พ่ออยู่ในความทรงจำของแม่ ถึงพ่อจะแย่ยังไง แม่ก็เลือกจำพ่อในสิ่งที่ดีและยึดติดของของพ่อเพราะเหมือนเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวสิ่งเดียวที่มี
เอาจริงที่นางเอกทำนั้นก็โหดไปนะ เป็นนี่นี่ทำไม่ได้ค่ะ เราทำร้ายจิตใจคนที่รักเรามากๆ เพื่อทิ้งของสำคัญของแม่ไม่ได้หรอก แงงงงง ทำไมแลดูอินเนี่ย สงสัยกลับไปดูใหม่ดีกว่า อิอิ

เอาไว้ได้เรื่องยังไงจะมารายงานผลใหม่ค่า

แต่นุ่นชอบงานเต๋อนะ แต่ฮาวทูทิ้งยอมทิ้งตั้งแต่ไม่ครึ่งเรื่องแรกได้ไง แสดงว่าเราไม่ได้ชอบเค้าจริงๆ ใช่มั้ย 5555 มโนค่า
ขอบคุณคุณชีริวมากๆ ค่า
รีวิวละเอียดม๊ากกกกก กไก่ล้านตัวเลย


โดย: lovereason วันที่: 6 ธันวาคม 2564 เวลา:0:12:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชีริว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 89 คน [?]





**5 Latest Entries**
RedLife
เบตง
โดราเอม่อน ตอน ปืนหยั่งรู้ความคิด
ปัว-บ่อเกลือ
โดราเอมอน ตอน ฝาแฝดของโนบิตะ


Friends' blogs
[Add ชีริว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.