Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2562
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
11 ธันวาคม 2562
 
All Blogs
 
เมืองทุ่งยั้งและลับแล จ.อุตรดิตถ์


วันนี้มาเล่าเรื่องของเมืองทุ่งยั้ง อันนี้อั้นไว้ตั้งแต่ตอนไปทอดกฐินกับเพื่อนที่อุตรดิตถ์เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมาครับ ไปทอดกฐินที่วัดไผ่ล้อมแล้วเที่ยววัดโบราณในทุ่งยั้งนิดหน่อย ไปวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งกับเวียงเจ้าเงาะ แต่ในทุ่งยั้งยังมีโบราณสถานอีกมากมาย ว่าแล้วขึ้นเหนือรอบ 5-8 ธ.ค. ที่ผ่านมาก็แวะไปเที่ยวอีกรอบ แวะลับแลที่อยู่ติดกันด้วยครับ


ทุ่งยั้ง เป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่ใน อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ ที่มีผู้คนอยู่อาศัยมาก่อนศตวรรษที่ 18 และเติบโตจากการเป็นเส้นทางคมนาคมการค้ากับจีนและอินเดีย ชื่อทุ่งยั้งถูกเรียกเมื่อไม่กี่ร้อยปีมานี้ มีผู้คาดเดาชื่อเดิมของเมืองไปต่างๆ นานา มีผู้สันนิษฐานว่าเมืองนี้คือเมืองราดในอดีต เป็นเมืองของพ่อขุนผาเมืองผู้ช่วยพ่อขุนบางกลางหาวเจ้าเมืองบางยาง (นครไทย) รบชนะขอมสบาดโขลญลำพงและชิงเมืองสุโขทัยกลับมาเป็นของคนไทย ซึ่งดูแล้วก็เป็นไปได้มากกว่าหล่มสักที่อยู่ห่างจากสุโขทัยมากเกินไป แต่อีกข้อสันนิษฐานก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นเมืองที่พัฒนาจากระดับชุมชนขึ้นมาจากการขยายตัวของชุนชนใกล้เคียง และเจริญรุ่งเรืองขึ้นหลังตั้งกรุงสุโขทัยขึ้นมาแล้วทุ่งยั้งถูกใช้เป็นเมืองบริวาร มีสิ่งก่อสร้างสมัยสุโขทัยในทุ่งยั้งหลายแห่ง ทั้งวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง วัดพระแท่นศิลาอาสน์ วัดพระยืน วัดพระนอน ฯลฯ เดี๋ยวเราจะมาตามรอยความสุโขทัยที่นี่กันครับ


ภาพวาดเมืองทุ่งยั้งในอดีต โดยคุณสุทธิชัย ฤทธิ์จตุพรชัย วารสารเมืองโบราณ เล่ม 45.1

นอกจากประวัติศาสตร์ที่เคียงคู่สุโขทัยแล้ว เมืองนี้ยังเคยเป็นส่วนหนึ่งของล้านนาช่วงสุโขทัยอ่อนแอและถูกอยุธยาควบรวมไปแล้ว ล้านนาในสมัยพระเจ้าติโลกราชเคยขยายอำนาจลงมาถึงศรีสัชนาลัยและเมืองทุ่งยั้งก็ถูกใช้เป็นที่ตั้งทัพของล้านนาด้วย ทำให้ทุ่งยั้งรับอิทธิพลบางอย่างของล้านนามา เช่นตำนานพระเจ้าเลียบโลก ซึ่งเล่าว่าพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาประทับยับยั้งบริเวณนี้ จึงทำให้เมืองนี้ได้ชื่อว่าเมืองทุ่งยั้ง ท่านได้นั่งพระแท่นกินข้าว (วัดพระแท่นศิลาอาสน์) ประทับรอยเท้า (วัดพระยืน) นอนบนพระแท่นอีกแห่งหนึ่ง (วัดพระนอน) และมองลงไปเห็นหนองน้ำ (หนองพระแล)


แผนที่เมืองทุ่งยั้งดังภาพครับ (คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพขยาย)

ถ้ามาจากเมืองอุตรดิตถ์ทางด้านขวาของแผนที่จะเจอ วัดทองเหลือ เป็นวัดแรก มีฐานศิลาแลงที่คาดว่าเคยเป็นเจดีย์พุ่มข้าวบิณฑ์ขนาดใหญ่ แต่เข้าไปใกล้ไม่ได้ครับ หมาเป็นฝูงเลยวัดนี้


ขับมาทางตะวันตกเข้ามาในเมืองทุ่งยั้งจะมาถึงวัดสำคัญที่เป็นศูนย์กลางเมืองทุ่งยั้งแล้วครับ วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง ตำนานวัดกล่าวว่าสร้างขึ้นในสมัยพญาลิไทแห่งสุโขทัย เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนอุรังคธาตุ (หน้าอก)

ด้านหน้าพระบรมธาตุมีวิหารหลวงทรงล้านนา บูรณะสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ช่วงปลายอยุธยา พระประธานคือหลวงพ่อประธานเฒ่าหรีอหลวงพ่อหลักเมือง เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่ชาวอุตรดิตถ์เคารพนับถือมาก




พระบรมธาตุทุ่งยั้ง เดิมเป็นเจดีย์พุ่มข้าวบิณฑ์ แต่พังทลายลงและถูกบูรณะใหม่โดยพ่อค้าชาวพม่าในสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสามชั้น มีเจดีย์บริวาร 4 มุม เดิมมียอดแบบทรงพม่า แต่ในปี พ.ศ.2451 แผ่นดินไหวยอดหักลง จึงบูรณะอีกครั้งเป็นสภาพปัจจุบัน


วัดนี้เป็นที่จัดงานอัฐมีบูชา เป็นงานประจำปีที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองทุ่งยั้งที่จัดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 (วิสาขบูชา) ถึงแรม 8 ค่ำเดือน 6 จำลองการถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระพุทธเจ้า มีการแสดงแสงสีเสียงยาว 9 วัน
 


จิตรกรรมฝาผนังตั้งแต่สมัยอยุธยามีทั้งพุทธประวัติและตำนานเจ้าเงาะ
 


เจดีย์รายในบริเวณวัดที่สร้างมาตั้งแต่ครั้งสุโขทัยทำจากศิลาแลง
ส่วนที่สร้างเพิ่มเติมสมัยอยุธยาและหลังจากนั้นจะเป็นอิฐ
 


พระพุทธรูปปางปรินิพพานพร้อมด้วยพระสาวก
 


ทิศเหนือของวัดมีบ่อศิลาแลงขนาดใหญ่สองบ่อ
มีโพรงที่เชื่อกันว่าเป็นทางลับไปที่ไหนสักที่ ไม่แน่ใจว่ามีใครสำรวจไปแค่ไหนแล้ว
 
 

ทางตะวันตกของวัดพระบรมธาตุมีบ่อศิลาแลงและหลุมแลงเล็กๆ กระจายอยู่
คนในพื้นที่เลยเอาไปผูกกับตำนานเจ้าเงาะตอนสังข์ทองตีคลี
ว่าเป็นลานตีคลี ข้างวัดมีศาลเจ้าเงาะอยู่ด้วย
 
 
วัดนี้เป็นที่เดียวในทุ่งยั้งที่มาสองรอบครับ รอบแรกมาตอนทอดกฐิน เจอคุณยายแสงดาวที่เฝ้าวัดเล่าประวัติให้ฟังเลยแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ทุ่งยั้งกัน คุณยายสนใจอยากหาเรื่องราวของทุ่งยั้งอ่านเพิ่มเติมมาก เพราะมันเป็นชีวิตของคนเมืองนี้และแกจะเล่าต่อให้คนอื่นๆฟัง ถึงผมจะเขียนบล็อก ส่งไลน์ อัพเฟซ ก็ไม่รู้ว่าคุณยายจะเข้าถึงได้ยังไง สื่อที่คนรุ่นนี้ยังเข้าถึงได้ก็คือหนังสือครับ หนังสือที่เราคิดว่ากำลังจะตายลงไปเรื่อยๆนี่แหละ ผมมีหนังสือวารสารเมืองโบราณเล่มของเมืองทุ่งยั้งโดยเฉพาะอยู่ เขียนรายละเอียดประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ไว้ดีมาก อยากหาซื้ออีกเล่มส่งมาให้คุณยาย ไปหาร้านที่ฟิวเจอร์ปาร์คที่เคยซื้อก็หมดแล้ว พลันนึกถึงร้านหนังสือประวัติศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอย่างร้านริมขอบฟ้าของสำนักพิมพ์สารคดีได้ เป็นเจ้าของเดียวกับเมืองโบราณนั่นละครับ มีหนังสือเล่มที่ว่าเต็มชั้นเลย ผมว่าพวกเราโชคดีจริงๆที่อยากเข้าถึงข้อมูลแบบไหนเราก็ทำได้หมด ผมส่งหนังสือให้คุณยายทางไปรษณีย์ แล้วมาอุตรดิตถ์รอบนี้ก็แวะมาวัดนี้ เจอคุณยายแสงดาวอีกครั้ง แกบอกว่าได้รับหนังสือแล้ว อยากอ่านเรื่องราวของเมืองทุ่งยั้งอีกเยอะๆ ถึงปัจจุบันนี้ข้อมูลจะอยู่บนออนไลน์เกือบหมดแล้ว แต่การมีหนังสือดีๆอยู่กับมือมันก็อุ่นใจนะครับ อย่างน้อยหัวหนังสือที่มีคุณภาพที่เรามั่นใจเขาก็เรียบเรียงกลั่นกรองมาอย่างดีแล้วจากผู้เชี่ยวชาญในแวดวง ก่อนสาส์นจะไปถึงคนอ่าน

ส่วนพาดหัว "ทุ่งยั้งคือนครสระหลวง" เป็นการตีความของ อ.ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม ข้ามไปเลยก็ได้ครับ แกเปลี่ยนข้อสันนิษฐานไปเรื่อย นี่ก็จะให้เมืองราดไปอยู่นครไทยอีกแล้ว แต่บทความของคนอื่นๆ ในเล่มนี้ดีมาก
 

 

ทางใต้ของวัดพระบรมธาตุมี วัดกุฏิพระฤาษีทรงธรรม เดิมมีสถูปศิลาแลงครอบโกลนพระพุทธรูปอยู่ แต่ตอนนี้บูรณะรื้อศิลาแลงออกหมด ทำเป็นอาศรมพ่อปู่ฤาษี แล้วปั้นหัวฤาษีเติมเข้าไปบนโกลนพระซะงั้น

 


ในวัดมีบ่อต้มยาสมุนไพรแจกจ่ายให้ผู้ศรัทธา แก้ทุกโรค
มีคำอธิษฐานก่อนกินยาและเคล็ดลับในการกินคือห้ามเป่า
 


ศาลาการเปรียญหลังใหม่ ใหญ่โตสวยงาม
 

ทางเหนือของวัดพระบรมธาตุมี เวียงเจ้าเงาะ เป็นเป็นเวียงขนาดเล็กซ้อนอยู่ในพื้นที่เมืองทุ่งยั้ง ล้อมด้วยคูที่เกิดจากการขุดศิลาแลงไปทำกำแพง สันนิษฐานว่าเป็นป้อมค่ายของเมืองทุ่งยั้ง ชาวบ้านเอาพื้นที่แถบนี้ไปผูกกับวรรณคดีเรื่องสังข์ทอง โดยให้ทุ่งยั้งเป็นเมืองของท้าวสามลและนางรจนา ส่วนเวียงเจ้าเงาะคือบ้านของเจ้าเงาะ หน้าเวียงมีบ่อน้ำโบราณทำจากศิลาแลง ชาวบ้านนับถือกันเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ และบ่อน้ำแห่งนี้ก็เป็นตัวแทนบ่อน้ำศักดิสิทธิ์ของจังหวัดอุตรดิตถ์สำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกซึ่งนำน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ 77 จังหวัด 108 แหล่งน้ำมาใช้เป็นน้ำอภิเษกในพิธีด้วย


แวะกินข้าวที่ ร้านลานโพธิ์ หน้าเวียงเจ้าเงาะครับ เป็นร้านดังของอุตรดิตถ์ที่เพื่อนแนะนำเลย บรรยากาศดีมาก ด้านนอกจัดพื้นที่สวยงาม ด้านในเป็นห้องแอร์ วันที่ไปทอดกฐินไปกัน 8 คน สั่งได้หลายอย่างดี อร่อยทุกอย่างเลยครับ ชอบเมนูที่ทำจากกุ้งแม่น้ำราคาไม่แรงมาก ร้านเด็ดขนาดนี้แม้แต่ในจังหวัดใหญ่ๆ ยังหาได้ยาก


มาเที่ยวต่อสามวัดที่ติดกันและเกี่ยวข้องกับตำนานพระเจ้าเลียบโลกครับ วัดพระนอนพุทธไสยาสน์ ตามตำนานหลังประทับบนพระแท่นศิลาอาสน์แล้วพระพุทธเจ้าจะมานอนที่นี่ คนโบราณจึงสร้างพระแท่นไว้สำหรับเป็นที่นอน ส่วนพระนอนเก่าแก่ของวัดไม่ได้นอนบนพระแท่นนะครับแต่เก็บอยู่อีกวิหารหนึ่ง ตอนไปกำลังก่อสร้างอยู่เลย ไม่มีคนครับวัดนี้
 

 

 
อีกวัดคึกคักขึ้นอีกหน่อย วัดพระยืนพุทธบาทยุคล ทางเข้าสวยงามใหญ่โต มีมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทคู่ตามความเชื่อว่าพระพุทธเจ้ามาประทับรอยเท้าที่นี่

 


หลวงพ่อพุทธรังสี เคยพอกด้วยปูน แต่หลุดลอกออกเป็นเนื้อสำริด
เป็นพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยอายุกว่า 600 ปี
แต่มีส่วนผสมของทองมากทำให้องค์พระแวววาวสดใส
 


หลังมณฑปพระพุทธบาทมีเจดีย์ศิลาแลงแบบเดียวกับที่วัดทองเหลือ 3 องค์
คาดว่าเป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์สมัยสุโขทัยเช่นเดียวกัน
 

จากวัดพระยืนขับรถผ่านถนนในวัดจะต่อกับวัดพระแท่นศิลาอาสน์เลยครับ และนี่คือวัดที่โด่งดังที่สุดของจังหวัดอุตรดิตถ์ เป้าหมายที่พุทธศาสนิกชนต้องมากราบไหว้สักครั้งในชีวิตเช่นเดียวกับวัดพระพุทธบาทสระบุรี

วัดพระแท่นศิลาอาสน์ มีบันทึกว่าพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศสมัยอยุธยาเคยไปบูชา ซึ่งวัดก็คงมีก่อนหน้านั้นมานานมากแล้วโดยเป็นวัดในเขตอรัญญิกของชุมชนโบราณทุ่งยั้ง ในตำนานพระพุทธเจ้าทั้งห้าองค์ในภัทรกัปได้เสด็จมาประทับนั่งภาวนา เช่นเดียวกับพระแท่นดงรัง และการที่ท่านเสด็จมาประทับยับยั้งที่นี่เองทำให้เมืองนี้ได้ชื่อว่า "ทุ่งยั้ง"


วิหารของวัดเคยถูกไฟป่าลามมาไหม้ทั้งหลังในปี พ.ศ.2451 มีเฉพาะกุฏิหลวงพ่อธรรมจักรที่ไม่ไหม้ไฟ วิหารที่เห็นนี้เจ้าเมืองอุตรดิตถ์ยุคนั้นสร้างขึ้นมาใหม่  โดยพยายามคงลักษณะสถาปัตยกรรมแบบเดิมไว้ มณฑปที่ครอบพระแท่นอยู่นี้เป็นสัญลักษณ์ในตราจังหวัดอุตรดิตถ์ด้วยนะ


โชคดีที่พระแท่นไม่ได้ทำจากของติดไฟนะครับ ตัวพระแท่นทำจากศิลาแลงขนาด 8 ฟุต x 10 ฟุต สูง 3 ฟุต แต่ตอนบูรณะวิหารยกพื้นสูงกว่าพระแท่น เลยทำขอบปูนครอบไว้ พระแท่นอยู่กลางหลุมนี้ต้องมองภาพสะท้อนจากกระจกด้านบนเอาถึงจะเห็นพระแท่นศิลาแลงนะครับ ทุกปีจะมีงานนมัสการพระแท่นช่วงขึ้น 8 ค่ำ - ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระสงฆ์จากหลากหลายที่จะมาปักกลดใกล้วัดพระแท่น และเข้ามาสวดมนต์ร่วมกันในวิหารในคืนสุดท้ายของเทศกาลซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา


ในวัดมีสิ่งสำคัญและศักดิ์สิทธิ์อีกมากมายหลายสิ่ง ทั้งพระพุทธรูป 5 องค์ไว้ยกเสี่ยงทายในแต่ละด้าน (องค์ดำๆเล็กๆนะครับ อย่าไปยกองค์ข้างหลังล่ะ) หลวงพ่อธรรมจักรและพระพุทธบาทสี่รอยที่มีมาแต่โบราณ ต้นมะปรางป่าอายุ 150 ปี อยู่คู่วัดมานาน และหอคำแก้ว สร้างในปี พ.ศ.2550 เนื่องในโอกาสในหลวง ร.9 มีพระชนมายุ 80 พรรษา


คำขวัญของจังหวัดอุตรดิตถ์คือ "พระแท่นศิลาอาสน์ศักดิ์สิทธิ์ เขื่อนสิริกิติ์น่านนที เหล็กน้ำพี้ลือเลื่อง ลับแลหลงหลินลางสาดหวาน บ้านพ่อพระยาพิชัยดาบหัก ถิ่นสักใหญ่ของโลก บ้านโคกภูดู่ ประตูสู่ลาวลานช้าง" จะเห็นว่าพระแท่นศิลาอาสน์ถูกยกขึ้นเป็นสถานที่สำคัญของจังหวัดลำดับแรกเลย

ความสำคัญของวัดนี้ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้นะครับ ร.5 เคยเสด็จมานมัสการพระแท่นเมื่อปี พ.ศ.2444 และ ร.6 เสด็จมายกช่อฟ้าในปี พ.ศ.2452 มีอนุสาวรีย์ของทั้งสองพระองค์ตรงทางเข้าวิหาร และด้านข้างวิหารมีตำหนัก ร.5 ตำหนักพระเจ้าตากสิน และ แต่น แต๊น... ศาลหลักเมืองอุตรดิตถ์!! มาซ่อนอยู่ตรงเนี้ยนะ???


ข้างที่จอดรถมี พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นเมืองลับแลวัดพระแท่นศิลาอาสน์ อยู่ ที่สำคัญตรงทางเข้าพิพิธภัณฑ์มุมซ้ายล่างของภาพที่อยากให้ดูคือบ้วนพระโอษฐ์พระพุทธเจ้า หรือก็คือกระโถนของพระพุทธเจ้าที่ถูกสร้างขึ้นมาตามความเชื่อตั้งแต่ครั้งสร้างวัดนี้ ว่าพระพุทธเจ้ามาประทับกินข้าวบนพระแท่นแล้วบ้วนปากลงกระโถนศิลาแลงข้างพระแท่น เดิมทีด้านข้างวิหารจะมีมุขยื่นออกมาเป็นห้องบ้วนปาก แต่ตอนบูรณะหลังไฟไหม้ได้เอาห้องบ้วนปากออก แล้วกระโถนหินโบราณก็ถูกนำมาทิ้งไว้ข้างทางเช่นนี้เอง...


ไว้อาลัยกระโถนเสร็จแล้วก็เข้ามาชมพิพิธภัณฑ์กันครับ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นแห่งนี้ก่อตั้งโดยพระเฉลิมศิลป์ ชยเปาโล เดิมเป็นศาลาการเปรียญ แต่ดัดแปลงทำเป็นพิพิธภัณฑ์สองชั้น ชั้นล่างเป็นภาพเขียนฝีมือช่างท้องถิ่น ส่วนชั้นบนรวบรวมของเก่าเก็บจากคนในพื้นที่ครับ มีของชิ้นสำคัญ เช่น บุษบกไม้สมัยอยุธยา และธรรมาสน์ไม้จำหลัก จปร. ที่ ร.5 ถวายวัดพระแท่น ครั้งเสด็จมานมัสการพระแท่นเมื่อปี พ.ศ.2444


นอกจากพระนั่ง พระยืน พระนอน แล้วยังมีพระเดินอีกนะครับ เคยมีวัดพระพุทธลีลาทางตะวันออกเฉียงเหนือของวัดพระนอนซึ่งในตำนานเล่าว่าเป็นที่ที่พระพุทธเจ้าเดินจงกรม แต่ตอนนี้ไม่เหลือซากโบราณสถานอะไรให้ดูแล้ว

หนองพระแล เป็นบึงเก็บน้ำกินน้ำใช้ของเมืองทุ่งยั้ง ปัจจุบันทำเป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนพักผ่อนหย่อนใจให้อาหารปลา


ข้าวเที่ยงก็กินเอาแถวๆหนองพระแลนี่ละครับ (ร้านลานโพธิ์ตะกี้กินคนละทริปกันนะ อย่าคิดว่าเจ้าของบล็อกกินมื้อละสองร้าน) อยากลองกินหลายๆร้านเลยไม่เอาลานโพธิ์ละ แม้ว่ามันจะดีงาม เปิดกูเกิ้ลแมปดูก็มี ครัวประภัสสร นี่ละครับ ที่คนรีวิวพากันไว้วางใจ ตอนไปไม่มีแขกสักโต๊ะเลยจ้า 5 ธ.ค. วันหยุด คิดว่าคนจะเที่ยวกันเยอะซะอีก รอบนี้มาคนเดียว กินได้สองอย่างก็เต็มกลืนแล้วครับ ปลาลวกจิ้มถ้าไม่สดคือจบกัน แต่ร้านนี้เนื้อปลาและวัตถุดิบทุกอย่างสดสะอาด รสชาติดี กินได้หมดเกลี้ยงแบบไม่ต้องฝืน ราคาไม่แพงครับ


ติดกับหนองพระแลมี วัดฤาษีสำราญ มีสถูปศิลาแลงโบราณพังทลายจนไม่ทราบรูปทรงเดิม แถวนี้เห็นสถูปเป็นไม่ได้ ต้องเอาฤาษีใส่เข้าไป มีการสร้างกุฏิฤาษีสำราญข้างๆสถูปด้วย



โปรแกรมเที่ยวของวันนี้หมดซะแล้ว เพิ่งจะบ่ายโมงเอง ว่าแล้วก็เลยไปเที่ยวเมืองลับแลต่อซะเลยครับ เป็นโซนที่คนนิยมเที่ยวที่สุดของจังหวัดนี้แล้ว แต่ผมไม่สนใจทั้งทุเรียนหลงลับแลและผ้าซิ่นตีนจก เลยไม่คิดไปทีแรก รีบกวาดหาข้อมูลที่เที่ยวน่าสนใจในเมืองลับแลแล้วก็ไปตามกูเกิ้ลท่านว่าเลยจ้า~

เมืองลับแล มีผู้คนเข้ามาตั้งรกรากตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 14 ตามตำนานเหนือบอกว่าเป็นกลุ่มคนที่อพยพมาจากโยนกภายใต้การนำของเจ้าฟ้าฮ่ามกุมาร (เรื่องแต่งพอๆ กับพระเจ้าไชยศิริเชียงแสนที่สร้างเมืองไตรตรึงษ์นั่นละครับ) ได้รวมกับทุ่งยั้งเป็นอำเภอลับแลในสมัย ร.5

เมื่อเข้าเมืองลับแลจะเห็น อนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศ ผู้ว่าราชการเมืองลับแลในสมัย ร.5 ที่สร้างความเจริญให้ลับแลมากมาย ทีแรกเห็นคิดว่าท่านไว้ผมทรงลีเจนด์ เท่สุดๆ.... พอดูดีๆ นั่นมันหมวก!!



ป้ายประกาศห้ามพูดโกหกนี้เป็นตามตำนานเมืองลับแล ว่าชาวเมืองเป็นผู้มีศีลธรรม ไม่พูดจาโกหก ครั้งหนึ่งมีหนุ่มจากเมืองทุ่งยั้งหลงเข้ามาในลับแล และแต่งงานกับหญิงสาวที่นี่จนมีลูก วันหนึ่งแม่ออกไปนอกบ้าน ลูกร้องหาแม่ ชายหนุ่มเลยโกหกว่าแม่มาแล้วให้หยุดร้อง ชาวลับแลได้ยินคำโกหกถึงกับอดรนทนไม่ได้ ต้องขับไล่ชายหนุ่มออกจากเมืองไป (moral flexibility โคตรต่ำ) หญิงสาวรู้ดังนั้นก็เอาของใส่ถุงให้สามีติดตัวออกจากเมืองไปโดยกำชับว่าห้ามเปิดถุงระหว่างทาง แต่ชายหนุ่มอยากรู้เลยเปิดดู พบนางโมรา....ไม่ใช่ๆ พบว่าเป็นขมิ้น! เลยปาทิ้ง เหลือติดถุงไว้หน่อยเดียว พอกลับถึงทุ่งยั้งก็ปรากฏว่าขมิ้นที่เหลือกลายเป็นทอง แต่พอจะกลับไปเก็บขมิ้นที่ปาทิ้งไปก็หาไม่เจอแล้ว รวมทั้งทางเข้าเมืองลับแลด้วย ส่วนหญิงสาวก็กลายเป็นแม่ม่าย ...จบนิทานเด็กดีแต่เพียงเท่านี้...

กลางเมืองมีเนินเล็กๆ เรียกว่า ม่อนจำศีล เจ้าฟ้าฮ่ามกุมาร เจ้าเมืองลับแลคนแรกใช้เป็นที่บำเพ็ญภาวนาในปี พ.ศ.1513 และในปี พ.ศ.2444 ที่ ร.5 เสด็จประพาสเมืองลับแลก็ใช้ม่อนนี้เป็นที่ตั้งพลับพลารับเสด็จด้วย ร.5 ตั้งใจจะเอาด้านบนม่อนไว้ประดิษฐานพระเหลือ ที่สร้างจากทองชนวนที่เหลือจากการหล่อพระพุทธชินราช แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอามาไว้ครับ พระเหลือยังอยู่ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุดังเดิม ที่เห็นนี่คือพระพุทธรูปอื่น
 

 

 

วัดสำคัญของเมืองลับแลที่มีมาแต่โบราณคือ วัดเจดีย์คีรีวิหาร สร้างโดยพญาลิไทแห่งสุโขทัยในปี พ.ศ.1897 คาดว่าเดิมเป็นเจดีย์พุ่มข้าวบิณฑ์ที่นิยมสร้างในสมัยสุโขทัย แต่พอล้านนาแผ่อิทธิพลเข้ามาก็เปลี่ยนเป็นทรงล้านนา


แล่นไปเส้น 1041 ทางเข้าเมืองอุตรดิตถ์จะมี พิพิธภัณฑ์และซุ้มประตูเมืองลับแล อันนี้เป็นทางเข้าหลักของลับแลเลยนะครับ แต่เรามาจากทางทุ่งยั้ง เลยไปโผล่ตรงอนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศก่อน ซุ้มประตูสร้างในปี พ.ศ.2546 สูง 14 เมตร ยาว 41 เมตร ด้านข้างมีประติมากรรมแม่ม่ายตามตำนานเมืองลับแล


พิพิธภัณฑ์เมืองลับแลอยู่หน้าประตูเลย เพิ่งสร้างในปี พ.ศ.2556 นี้เอง เป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่รวบรวมวิถีชีวิตชาวเมืองลับแลไว้ จัดแสดงในเรือนไทยจำลองสองหลัง เปิดทุกวัน เวลา 9.00 - 16.00 น. เข้าชมฟรี ด้านหลังพิพิธภัณฑ์เป็นร้านค้าตลาดต้องชม ผมไปช่วงบ่ายยังเงียบเหงาครับ ไม่รู้จะคึกคักกี่โมง




จบที่เที่ยวทั้งทุ่งยั้งแถมด้วยลับแลแล้ว ได้เวลาเข้าที่พักครับ รอบที่ไปทอดกฐินเดือน ต.ค. พักที่มาลาดี ใกล้วัดทองเหลือ อันนี้เพื่อนจองให้เพราะเป็นคนท้องที่รู้จักโรงแรมดี โรงแรมนี้ไม่มีให้จองใน booking นะครับ ราคาถูกเหลือเชื่อ ห้องแบบที่เห็นนี้คืนละ 450.- เอง


ส่วนรอบที่ไปเองเมื่อต้น ธ.ค. นี้จอง booking โรงแรม Hobby Hotel อยู่ทางไปตัวเมืองุตรดิตถ์ คุณภาพห้องและสิ่งอำนวยความสะดวกดีกว่ามาลาดีแต่ก็แพงกว่าเช่นกัน คืนละ 650.- รวมอาหารเช้าด้วย ถือว่าไม่แพงมากครับ ที่พักในอุตรดิตถ์ดีๆ ถูกๆ เยอะจริง โรงแรมนี้ถ้าจองเองไม่ผ่าน booking ก็น่าจะถูกกว่านี้ด้วย


ร้านมื้อเช้าที่เพื่อนแนะนำคือ ซามเซียน ใกล้สถานีรถไฟอุตรดิตถ์ ขายทั้งก๋วยเตี๋ยว เกาหลา ข้าวไก่ทอด หมูแดง หมูกรอบ หมูทอด ขนมจีบ ซาละเปา ส่วนซามเซียนก็คือกระดูกหมูตุ๋นยาจีน ใส่ก๋วยเตี๋ยวหรือเกาเหลาก้ได้ อร่อยทุกอย่างครับ มาจังหวัดนี้เจอแต่ร้านดีๆ จนลิ้นชักจะเฉยชากับของอร่อยแล้ว ไว้ไปเจอร้านห่วยๆ ที่จังหวัดอื่นแล้วกันนะ



หลังสุโขทัยถูกอยุธยาควบรวมกิจการไปแล้ว บริษัทในเครือสุโขทัยอย่างทุ่งยั้งก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของอยุธยาไปด้วย ช่วงเสียกรุงครั้งที่ 2 หัวเมืองทั่วอาณาจักรถูกพม่าไล่ทำลายก่อนเข้าถึงกรุงศรีอยุธยา โชคดีที่เมืองทุ่งยั้งอยู่นอกเส้นทางเดินทัพของพม่า และไม่ใช่เมืองที่ใหญ่พอที่จะต้องทำลายเพื่อป้องกันการตลบหลัง แต่เมืองนี้มีบทบาทตอนพระเจ้าตากสินไล่ปราบชุมนุมจนมาเหลือชุมนุมสุดท้ายของเจ้าพระฝาง ที่เมืองฝาง ตอนใต้ของทุ่งยั้งลงไปหน่อยเดียวครับ หลังชนะพระนอกรีตองค์นี้แล้ว พระเจ้าตากก็ได้อาราธนาพระสงฆ์จากธนบุรีมาสั่งสอนพระฝ่ายเหนือ และสมโภชพระธาตุสำคัญในแถบนี้ รวมถึงพระบรมธาตุทุ่งยั้งด้วย แต่ช่วงปลายสมัยธนบุรีที่มีศึกอะแซหวุ่นกี้ เมืองพิษณุโลกและเมืองแถบนี้ที่เคยรอดจากมือพม่าตอนเสียกรุงก็ถูกทำลายลงในที่สุด ทุ่งยั้งกลายเป็นเมืองร้างตั้งแต่ตอนนั้น จนมีผู้คนกลับมาปักหลักในสมัยต้นรัตนโกสินทร์นี้เองครับ

ทุ่งยั้งเป็นส่วนหนึ่งของทริปขึ้นเหนือเมื่อ 5-8 ธ.ค. ที่่ผ่านมานะครับ เป้าหมายต่อไปคือพะเยา and เชียงรายจ้าาาา 117



 


Create Date : 11 ธันวาคม 2562
Last Update : 14 ธันวาคม 2562 21:38:48 น. 28 comments
Counter : 4056 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณKavanich96, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณเริงฤดีนะ, คุณtoor36, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณJinnyTent, คุณInsignia_Museum, คุณเรียวรุ้ง, คุณโอพีย์, คุณmcayenne94, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณhaiku, คุณSai Eeuu, คุณThe Kop Civil, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณสองแผ่นดิน, คุณกะว่าก๋า, คุณtuk-tuk@korat, คุณRinsa Yoyolive, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณSweet_pills


 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 12 ธันวาคม 2562 เวลา:4:06:21 น.  

 
นั่งดูภาพ อุตรดิตถ์ลงมาเรื่อย ๆ

นึกภาพ นักการเมือง(บางคนก็หลายคน) ถ้าไปเยือน อ.ลับแล
คงไม่ได้กลับไปอีกแน่ 555


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 12 ธันวาคม 2562 เวลา:6:03:32 น.  

 
ตอนไปน่านก็ผ่านอุดดิต ... ยังคิดอยู่เลยครับว่าน่าจะมาค้างซักคืน ที่เที่ยวเยอะมากครับ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 12 ธันวาคม 2562 เวลา:20:19:19 น.  

 
จากบล็อก

ไม่โดนไล่ออกก็ดีแล้วครับ ยุคนี้เศรษฐกิจมันดีเกินไป ของจิ๋วสั่งจากร้านในเน็ตนี่แหละครับ ข้อดีของพวก 11.11 12.12 ก็ดีตรงที่มีลดราคาเพิ่มนี่แหละ (เหยื่อการตลาดชัดๆ)

เดี๋ยวมาอีกที


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 13 ธันวาคม 2562 เวลา:1:42:29 น.  

 
แวะมาตอบข้อความที่บ้านพี่ก่อนนะคะ
ของที่นี่เดี๋ยวค่อยแวะมาอ่านช่วงอยู่บ้านป่าค่ะ

หุ้นนั้นพี่ไม่ได้เป็นคนซื้อ ไม่มีเงินจิ
พี่ปูอยากซื้อ เธอก็ซื้อแค่หน่วยเดียวให้พี่
ซื้ออีกหุ้นที่คุณชีริวว่า เธอซื้อให้พ่อ
เพราะตัวที่ซื้อให้พี่นี้เหมือนเค้าจะให้คนเกษียณแล้วซื้อ
ชีก็กระจายความเสี่ยงไปค่ะ

ไว้แวะกลับมาใหม่นะคะ



โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 13 ธันวาคม 2562 เวลา:10:21:46 น.  

 
อรู๊ยยยย ภาพเปิดตัว ภาพวาดโครตสวยเลยอ่ะ
ดูแวปแรกนึกว่าภาพถ่ายเสียอีก
จองที่นั่งวีไอพีที่หนึ่งนะ ขอไปอ่านก่อง
ซีรี่ย์นี้ อาจเม้นส์จบตอนเย็น 5555+


โดย: JinnyTent วันที่: 13 ธันวาคม 2562 เวลา:12:17:17 น.  

 
เสียดายตอนไป จ.อุตรดิตถ์ ไม่ได้ไป วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง
พระพุทธรูปปางมารวิชัยสวยงามมากอ่ะ

ทุ่งยั้ง คุ้นชื่อมาก แต่ไม่คุ้นประวัติ
จำไม่ค่อยได้อ่ะ เหมือนจะเคยเรียนแต่ลืมเลือนเหตุการณ์
แล้วตอนที่ไปเที่ยวอุตรดิตถ์ ในเมืองแค่ผ่าน กินข้าว
ไม่ได้นึกจะแวะวัดเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นเมืองประวัติศาสตร์

มาอ่านบล็อกนี้แล้ว ก็แอบเสียดายเหมือนกันนะ
น่าจะแวะสักวัดอ่ะ อย่างน้อยก็วัดพระแท่นศิลาอาสน์
โอ๊ย พลาดได้ไงเนี่ย ต้องไปซ้ำ

นิตยสารสารคดี หรือ ศิลปวัฒนธรรม
สำหรับพี่น่าเก็บ แต่อ่านยากมากนะ
เวลาอ่านต้องมีสมาธิ ถึงจะซึมซับประวัติความเป็นมา

ส่วนร้านลานโพธิ์ บรรยากาศดีมาก
ดูน่ากิน แต่ละจานทำออกมาดูดีมากนะ
ส่วนครัวประภัสสร ก็อร่อยเหมือนร้านแรก
แต่ความคุ้มราคา สังเกตุไม่ค่อยจะมีร้านไหนที่ไปแล้ว
ได้ดาวเยอะ ๆ สักร้าน อร่อย ดี บริการเยี่ยม ราคาถูกไม่มีหรอกว้อย

ไปที่ไหนถ้ามีพิพิธภัณฑ์นี่ไม่พลาดเลยนะ
แค่นี้ก่อน ไว้มาเที่ยวเมืองลับแลอีกรอบ


โดย: JinnyTent วันที่: 13 ธันวาคม 2562 เวลา:17:59:52 น.  

 
มาละ มาเที่ยวต่อ 555
แหม ๆ ไปถึงลับแลก็แซวอนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศเชียวนะ
ระวังเถอะ ท่านจะสาปให้หลงลับแล ไม่อยากกลับบ้าน อิอิ

อ่านรวดปรู๊ด เง้อ เที่ยวไม่เหมือนกันสักอย่าง
แม้กระทั่งที่พัก ก็คนละแนวเล้ย
คนละรสนิยม 55555

ดูบล็อกแล้วก็เสียดายอ่ะ
มีที่ดี ๆ ที่ไม่ได้ไปเที่ยวที่ลับแลเยอะเลย

ลับแลโดยรวมแล้วพี่ชอบนะ เป็นชุมชนที่น่ารักน่าชังมาก
โดยเฉพาะร้านชาวบ้าน ๆ ถ้าไปจะไปซื้อผ้าซิ่นอีก
ชอบป้ายทางเข้าตลาด สวยงาม ดูขลังดี
ซุ้มประตูเมืองลับแลก็สวย อลังการมาก
ตอนพี่ไปก็ถ่ายรูปมาด้วย

ไปละ ไปดูบ้านอื่นต่อ อยู่นี่นานชักมึน ฟิ้ววววววว




โดย: JinnyTent วันที่: 13 ธันวาคม 2562 เวลา:19:01:29 น.  

 
ข้อเขียนในหนังสือมีความเชื่อถือสูง คุณยายคงดีใจมากนะครับที่ได้รับหนังสือที่ทรงคุณค่าจากคุณชีริว ร้านที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมักมีหนังสือประวัติสาสตร์ที่หาที่อื่นไม่ได้ เมื่อหลงเข้าไปในร้านกว่าจะออกมาก้ใช้เวลาพอสมควร อ่านที่คุณชีริวเขียนถึงร้านหนังสือ ผมก็นึกถึงร้านนี้ขึ้นมาครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 13 ธันวาคม 2562 เวลา:22:36:12 น.  

 
เมืองทุ่งยั้ง ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลยแฮะ ชื่อแปลกแบบนี้ถ้าเคยได้ยินต้องจำได้แน่

เป็นกระทู้คุณภาพ ที่เปี่ยมด้วยความรู้เช่นเคยนะคะ
จะอยากตามรอยเที่ยวก็ตรงอาหารเนี่ยแหละ
อ่าาาาา ต้องเรียกว่าตามรอยกินสินะ


สงสัยภารกิจยังเยอะอยู่ ขนาดกลอนยังสั้นเลย>>>>ปลายปียุ่งมากค่ะ นานๆ แวะเข้ามาทีเพื่อนหายหมดแล้วววววว55555


โดย: เรียวรุ้ง วันที่: 13 ธันวาคม 2562 เวลา:22:42:01 น.  

 
ได้ทั้งความรู้ และอิ่มท้องด้วยค่ะ
ยังไม่เคยเที่ยวอุตรดิตถ์สักครั้ง
ได้แต่ขับรถผ่าน ตรอน เมื่อสัก สามสิบปีก่อน
ตอนนั้นก็ยังคิดว่า ชื่อ เหมือนไม่ใช่เมืองไทย
และก็ไม่ทราบแปลว่าอะไร รู้แต่ว่า สมัยนั้น
ถนนอุตรดิตถ์ แย่มากๆ เป็นหลุมเป็นบ่อเต็มไปหมด
และไม่มีจุดขายอะไรที่น่า
แต่อ่านของน้องชีริวแล้ว มีประวัติศาสตร์
และสิ่งที่น่าสนใจมากมายหลายอย่าง
พระมหากษัตริย์เคยเสด็จไปหลายพระองค์
ยุคใหม่ก็พระเจ้าตากสิน ร. 5 ร. 6
โรงแรมก็ดี ราคาไม่แพง อาหารอร่อยดีและไม่แพง
วุ้ย น่าท่องเที่ยว ฤดูทุเรียน หลงหลินลับแล
คนคงเต็มเมืองนะคะ
แต่เห็นคนบอกว่ามีช่วงสั้นมากๆแค่สัปดาห์เดียว
พลาดแล้วพลาดเลย
คงเพราะผลผลิตไม่ได้มีมากนัก ถ้ามีโอกาสปีหน้าพี่อาจได้ไปบ้างค่ะ

มาช้าหน่อยนะคะ ต้องเตรียมตัวให้พร้อมอ่าน
จะได้ประโยชน์ค่ะ


โดย: mcayenne94 วันที่: 14 ธันวาคม 2562 เวลา:11:01:07 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องชีริว

ตามเที่ยวอุตรดิตถ์ เมืองทุ่งยั้ง ชื่อแปลกดี ที่มาของชื่อ
ตามตำนานเล่าขาน ก็ยังไม่เข้าว่า จะยั้งเรื่องใดหนอ อิอิ
ตามเธอมา สิ่งที่ได้รับคือ ความรู้ ความเป็นมาของสถานที่ มี
ของกินคั่น ทำให้คนอ่านหิวด้วย
เมื่อคืน เปิดอ่านตอนดึกแล้ว อ่านไม่จบ มาต่อตอนบ่าย ๆ
กว่าจะอ่านจบ ถ้าไม่มีการโน้ตไว้ว่าง จำไม่หมดแน่ ห้าห้า
- เมืองทุ่งยั้ง มีความเจริญ เพราะเป็นเส้นทางคมนาคม ตามที่เล่ามา มีวัดเยอะเลย เนาะ
- วัดทองเหลือ ชื่อ แปลกดี วัดนี้ เธอคงเสียดาย ไม่ได้ดู
อย่างใกล้ชิด เพราะฝูงน้องหมา แง่ง ๆ อยู่ อิอิ
-วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง ถือว่า วัดนี้ ต้องเป็นวัดที่สำคัญมาก
ของ เมืองทุ่งยั้ง ทั้งชื่อวัดและมีพระบรมธาตุด้วย การก่อสร้าง
ก็เก่าแก่มากนะ สร้างสมัยพญาลิไท กษัตริย์ผู้เชี่ยวชาญทาง
ศาสนา วรรณคดีสำคัญที่เกี่ยวกับศาสนา คือ ไตรภ฿มิพระร่วงก็
เกิดในสมัยของพระองค์ มีหลวงพ่อหลักเมือง องค์สำคัญที่
ชาวอุตรดิตถ์นับถือมาก แต่ที่สำคัญคือ มีการจัดงาน อัฐมีบูชา
เป็นงานประจำปี ในวันแรม 8 ค่ำ เดือนหก ครูเชื่อว่า หลาย ๆ คน คงไม่รู้จัก วันอัฐมีบูชา นะ
ชีริว ใจดี และแสดงให้เห็นว่า เธอรักในศิลปะมาก ดู
จากที่เธอหาซื้อหนังสือส่งไปให้ คุณยายแสงดาว ยังไปเยี่ยมแก
ครั้งที่สองอีก น่ารักจัง
- วัดกุฏิพระฤาษีทรงธรรม ทำเป็นอาศรมพ่อปู่ฤาษี
- ร้านอาหาร ลานโพธิ์ที่รีวิวมา บรรยากาศดีนะ หน้าตาของอาหารที่รีวิว ก็ดูน่ากิน เะอการันตี มีโอกาสจะต้องไปแวะชิม
-วัดพระนอนพุทธไสยาสน์ ชื่อวัด กทำให้รู้ว่าวัดนี้ต้องมีพระนอนแน่นอน อิอิ
- วัดพระยืนพุทธบาทยุคล วัดนี้ ดูจากภาพที่เธอถ่ายมา สวย
มากเลยนะ มีมณฑปครอบรอยพระบาทด้วย
-วัดพระแท่นศิลาอาสน์ ให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ ให้ความรู้
เรื่องตำนานว่า ตำไมจึงชื่อว่าพระแท่นศิลาอาสน์ (ตรงนี้แก้
ราชาศัพท์หน่อยนะ เสด็จ เป็นคำราชาศัพท์ ห้ามใช้ ทรงนำ
หน้าคำว่าเสด็จ ซึ่งเป็นคำราชาศัพท์ จ้ะ)
ส่วนคำขวัญของจังหวัดนี้ ยาวมาก จำไม่ไหว เหะเหะ
- พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น เมืองลับแลวัดพระแท่นศิลาอาสน์ ให้ความรู้ว่า ใครสร้าง มีสองชั้น นับว่า พระผู้ที่สร้างพิพิธภัณฑ์
เป็นผู้ที่รักษาสมบัติของท้องถิ่นไม่ให้สูญหายไป เพราะของใน
พิพิธภัณฑ์เป็นของคนในพื้นที่ เช่น บุษบกไม้สมัยอยุธยา และธรรมาส (เธอน่าจะตกน์ ไป) ไม้จำหลัก
-หนองพระแล หนองน้ำกว้างใหญดี น่าจะร่มเย็น เป็นสวน
สาธารณะให้ประชาชนมาเดินเล่น ก็เหมาะสม ได้ทำบุญเลี้ยงปลา
ด้วย สุขทางกาย สุขทางใจ
-ครัวประภัสสร อาหารก็ดูน่ากินเหมืองครัว ลานโพธิ์
- เมืองลับแล เมืองนี้ก็มีประวัติเล่าขานมานาน ครูก็ไม่เคยไป
เขาว่าเป็นเมืองแม่ม่าย ห้าห้า อนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศ ทำดีสร้างความเจริญแก่เมืองลับแล ก็สมควรแล้วที่ประชาชนจะ
สร้างอนุสาวรีย์ไว้เป็นที่ระลึก
-ม่อนจำศีล ชื่อก็เหมาะกับการใช้ เป็นที่บำเพ็ญภาวนา
-วัดเจดีย์คีรีวิหาร พญาลิไทสร้างอีกแล้ว
- พิพิธภัณฑ์และซุ้มประตูเมืองลับแล จากรูปซุ้มประตูก็ดูสง่าดีนะ ที่เธอชอบ คงเป็นพิพิธภัณฑ์ที่อยู่หน้าประตู สร้างปี 2556
ก็ไม่นานเนาะ แต่ที่สำคัญ คือ การรวบรวมวิถีชีวิตของชาวลับแล
อันควรแก่การอยุรักษ์ให้ลูกหลานชาวลับแลได้ศึกษา เนาะ

โหวดหมวด ท่องเที่ยว

การได้ไปเรียนที่คุนหมิง 1 เดือน ก็ถือว่า เป็นความโชคดีครั้งหนึ่งของชีวิต จ้ะ อากาศ ทิวทัศน์อันสวยงามของประเทศ
จีน เที่ยวกี่ครั้ง ๆ ก็ไม่หมดจ้ะ ครูไปเที่ยวประเทศนี้หลายครั้ง
แล้ว ยังไม่ถึงเศษหนึ่งส่วนสิบ มั้ง อิอิ มีแรงเดินก็น่าจะไปอีก
นะ ธรรมชาติเขาสวย ป่าเขาลำเนาไพร น่าสนใจทั้งนั้น




โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 14 ธันวาคม 2562 เวลา:20:06:00 น.  

 
โห พี่ว่าพี่เม้นท์ยาวแล้ว เจอ อาจารย์สุ ชิดซ้ายไปเลย
อำเภอ ตรอน เป็น อำเภอหนึ่งของ อุตรดิตถ์ค่ะ
จากอุตรดิตถ์ จะไปเชียงใหม่ ถนนจะมีทางแยกไปอำเภอนี้ค่ะ


โดย: mcayenne94 วันที่: 14 ธันวาคม 2562 เวลา:22:13:08 น.  

 
มาเยี่ยมบล๊อกนี้ เหมือนอ่านหนังสือประวัติศาสตร์พร้อมๆ กับดูหนังย้อนยุคไปในตัว


โดย: Sai Eeuu วันที่: 14 ธันวาคม 2562 เวลา:22:16:47 น.  

 
มาตามรอยคุณชีริว พร้อมกับเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปในตัวด้วยเลยครับ
ผมเคยไปอุตรดิตถ์ แต่มุ่งตรงไปเขื่อนสิริกิตต์อย่างเดียวเลยครับ ไม่ได้แวะที่ไหนเลย
มาอ่านวันนี้แล้ว ต้องกลับไปเที่ยวอีกแน่นอนครับ โดนเฉพาะที่ทุ่งยั้ง ส่วนวัดพระแท่นศิลาอาสน์ผมได้ไปแปบเดียว


โดย: The Kop Civil วันที่: 15 ธันวาคม 2562 เวลา:8:24:57 น.  

 
วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง ใช้โทนสีแปลกตาดีครับ ไม่ค่อยเห็นโทนสีนี้เท่าไหร่ พระบรมธาตุทุ่งยั้งผ่านการบูรณะมาหลายครั้งเหมือนกัน ไม่มีอะไรยั่งยืนเลยจริงๆ

คนยุคก่อนสื่อที่เขาเข้าถึงจะเป็นพวกหนังสือจริงๆ ครับ เอาเข้าจริงๆ ขนาดผม ผมยังชอบหนังสือมากกว่าเลย ออนไลน์มันสะดวกในการหาข้อมูล แต่อ่านนานๆ ปวดตา แถมถือเข้าไปอ่านในห้องน้ำไม่สะดวกเหมือนหนังสือด้วย คุณชีริวใจดีมากไปหาหนังสือส่งไปให้แกเลย อนุโมทนาครับ

เวลาเราเจอร้านอาหารที่ไหนดีๆ เราก็อยากแนะนำให้คนอื่นไปกินจริงๆ ครับ

วัดพระแท่นศิลาอาสน์ ภายในสวยจริงๆ ครับ เสาลวดลายอย่างงามเลย น่าสนใจครับ ร.5 ร.6 เคยเสด็จมาด้วย

พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นเมืองลับแลวัดพระแท่นศิลาอาสน์ เรื่องจริงเหรอเนี่ยะ ไม่น่าทำแบบนี้นะ

เมืองลับแล ตำนานอะไรกัน มันจะออกไหวขนาดนี้เลยรึ พิพิธภัณฑ์เมืองลับแลในภาพดูแล้วแดดร้อนน่าดู ดีแล้วเข้าชมฟรี และที่ดียิ่งกว่าคือมีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น



โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 15 ธันวาคม 2562 เวลา:19:18:28 น.  

 
ตามมาเที่ยว ไหว้พระ เมืองลับแลด้วยครับ
ไปอุตรดิตถ์ครั้งก่อน วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง เจดีย์กำลังบูรณะ จนถึงวันนี้ ยังไม่ได้ลงบล็อกเลยครับ
วัดพระยืน มีสะพานเชื่อมต่อกับวัดพระนอน เป็นสะพานลอยข้ามถนน
วันที่ผมไป วัดพระนอน มีนทท.ประมาณ 10 คนได้



โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 15 ธันวาคม 2562 เวลา:21:06:16 น.  

 
สวัสดีครับน้องชีริว



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 ธันวาคม 2562 เวลา:9:28:17 น.  

 
เคยพักที่มาลาดี
ถูก แถมมีข้าวเช้าด้วย กับข้าวสองอย่าง
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 17 ธันวาคม 2562 เวลา:17:03:10 น.  

 
ขอบคุณครับน้องชีริว

ปีนี้ส่งท้ายด้วยงานเข้าขนานใหญ่เลยครับ 555
นี่แม่พี่ก๋าออกมาจาก รพ.ได้วันเดียว
พี่สะใภ้ก็ล้มครับ 555

มาเป็นชุดเลย



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 ธันวาคม 2562 เวลา:21:53:03 น.  

 
มาลงชื่อก่อนน้า
พรุ่งนี้มาจ้าา



โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 17 ธันวาคม 2562 เวลา:22:59:05 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับน้องชีริว



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 ธันวาคม 2562 เวลา:7:28:28 น.  

 
ตอนเด็ก ๆ เคยไปเที่ยวอุตรดิตถ์แต่ไม่ได้ไปอีกเลย จำความอะไรไม่ได้เลยค่า น่าไปอีกซักรอบ


โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน วันที่: 18 ธันวาคม 2562 เวลา:7:54:25 น.  

 
มาเที่ยวด้วยซะช้าเลย วีคนี้ยุ่งขิงมากเธอ บล็อกยังเพิ่งจะได้อัพ

ไว้อาลัยให้กระโถนด้วยคน งือออ ทำไมเค้าทำงั้นง่ะ

ตอนเด็กๆ น่าจะเคยไปพระแท่นศิลาอาสน์ที่เดียวหละ ที่อื่นนี่ไม่เคยเลย สงสัยว่าทำไมพระเจดีย์ ตอนบูรณะรอบแรกถึงเป็นพ่อค้าพม่าหว่า? ตอนนั้นพม่าอยู่เยอะเรอะ?

ชีริวน่ารัก หาหนังสือให้คุณยายด้วย

จดชื่อร้านอาหารทั้งสองร้านไว้ เผื่อได้ไป อุตรดิตถ์นี่ก็อยากไปเที่ยวละเอียดๆ อยู่นะ เคยแค่เที่ยวผ่านๆ ควบจังหวัดอื่นแหละ

โหวตทั้งหมวดหลักและเอนทรี่นี้ให้นะจ๊ะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Rananrin Pet Blog ดู Blog
ชีริว Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 18 ธันวาคม 2562 เวลา:13:51:03 น.  

 
จากบล็อกค้างคาวบางคล้า
ภาพแรกถ่ายนานแล้วค่ะ มาตอนแดดดี แสงพอดี


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 18 ธันวาคม 2562 เวลา:15:54:43 น.  

 
ได้แต่ผ่านอุตรดิดถ์ ยังไม่เคยไปเล้ย แต่ได้ยินชื่อนะ ทุ่งยั้ง เมืองลับแลงี้ แต่หากเจอหมาเป็นฝูงเลย รินก็ไม่สู้อ่ะ ไม่รู้ชะตาตัวเองว่าจะเข้ามาแบบไหน 555

แต่น่าสนใจพวกลึกลับ โพรงที่นักสำรวจขุดขึ้นไปสำรวจกันนั้นแหละจ้า น่าจะมีสมบัติฝังไว้ก็ได้
แต่ก็เป็นตำนานที่เล่่ามามากกว่า คนสมัยเก่าไม่มีใครการันตีกันได้แล้วนะสิ
น่ารักดีอ่ะ ที่ส่งหนังสือทุ่งยั้งให้ยายไปด้วย รินก็ไม่ได้อ่านหนังสือไรเป็นชิ้นเป็นอันนานแล้วเหมือนกัน
อ่านแต่ออนไลน์ ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากจาิงๆนะ สำหรับคนที่ไม่ได้ติดโซเชียลแบบยาย ที่ยังต้องการความรู้กันอยู่

วัดเจ้าเงาะกับซากศิลาแลงที่เหลืออยุหากไม่บอกก็ไม่รู้ไรอีกจริงๆ
สนใจแต่ของกินนี่แหละ 555
น่าจะแซ่บอยู่

วัดพระแท่นศิลาอาสน์ วัดนี้สวยอยู่นะ เคยโดนไฟไหม้แล้ว กุฏิ ไม่ไหม้อีก ถือว่าเหลือเชื่อศักดิ์สิทธิ์มากๆ



ต้นมะปรางอายุ 150 ปีอีกสูงใหญ่มาก ยังมีใบดกอีกต่างหาก
อายุยื่นจริงๆต้นนี้

อาหารครัวประภัสสรหน้าตาดี น่ากินมากกก
แซ่บๆ อร่อยจริงป่าว
ห้ามพูดโกหกนะ เพราะอยุ่ใกล้เขตห้ามโกหก



โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 18 ธันวาคม 2562 เวลา:21:41:53 น.  

 
เมืองลับแลได้ยินชื่อมานานแต่ทุ่งยั้งเพิ่งรู้จักค่ะน้องชีริว
ได้ชมแต่ละแห่งพร้อมดูแผนที่ไปด้วยทำให้เข้าใจมากขึ้น
ขออนุโมทนาบุญกับน้องชีริวด้วยนะคะ

พี่ต๋าล่องใต้เพิ่งกลับมา
น้องชีริวแวะบล็อกตั้งแต่วันที่ 12 แล้ว ขอบคุณมากๆค่ะ
เดี๋ยวพี่ต๋าแวะมาอีกค่ะ





โดย: Sweet_pills วันที่: 19 ธันวาคม 2562 เวลา:0:28:58 น.  

 
มีแต่วัดที่น่าไปสักการะ
ชอบๆๆๆๆๆ
ปักหมุดจ๊ะสักวันจะตามไป


โดย: อุ้มสี วันที่: 19 ธันวาคม 2562 เวลา:12:49:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชีริว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 89 คน [?]





**5 Latest Entries**
RedLife
เบตง
โดราเอม่อน ตอน ปืนหยั่งรู้ความคิด
ปัว-บ่อเกลือ
โดราเอมอน ตอน ฝาแฝดของโนบิตะ


Friends' blogs
[Add ชีริว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.