Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2561
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
9 กุมภาพันธ์ 2561
 
All Blogs
 
เมื่อความตายเข้าใกล้คุณ

เมื่อชีวิตเข้าใกล้ความตายอย่างไม่ทันตั้งตัว เราก็เป็นคนนึงที่คิดว่าความตายมันเป็นเรื่องไกลตัวซะเหลือเกิน คิดเสมอว่าใช้ชีวิตให้คุ้มและยังมีเวลาอีกเยอะที่จะทำอะไรต่างๆในชีวิต ความตายมันเป็นเรื่องของคนแก่ หรือไม้ใกล้ฝั่งที่ต้องรู้สึกว่าควรวางแผนหรือกังวลกับมัน ลองมาฟังเรื่องของเราดูว่าถ้าความตายมันเข้ามาใกล้เรามากๆเราจะรู้สึกยังไง

ก่อนอื่นต้องเล่าย้อนหลังว่าเราเป็นคน ดูแลตัวเอง กินอาหารมีประโยชน์เรียกว่ากินคลีนเลยทีเดียว ออกกำลังกายเกือบทุกวัน เนื่องจากมีโรคประจำตัวคือ ภูมิแพ้และตามด้วยหอบหืด(ซึ่งมักจะมาด้วยกันเป็นชุดเหมือนของแถมที่แจกฟรีเวลาซื้อของครบมูลค่าที่กำหนด) จึงทำให้เราดูแลตัวเองมากๆเพราะเวลามีอาการ มันทำให้หายใจไม่ออกจนบางครั้งเป็นลมหมดสติ

เราเป็นคนอายุ35 up ที่ตรวจสุขภาพประจำปีเป็นประจำ ด้วยข้ออ้างของเวลา และความยุ่งของธุรกิจที่ทำ จึงทำให้เราไม่ได้ไปตรวจสุขภาพประจำปีเกือบ2ปีที่ผ่านมา ต้นปีสามีบังคับให้ไปตรวจ จึงไปแบบไม่ได้เต็มใจนัก ยอมตรวจทุกอย่างชุดใหญ่ เนื่องจากประจำเดือนมาไม่ปกติ ย้อนหลังไป 3 เดือน ประจำเดือนบางเดือนไม่มีทั้งที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ เวลาประจำเดือนมาจะมีอาการปวดเกร็งท้องจนต้องนอนพักอยู่บ้านออกไปทำงานไม่ได้ ครั้งนี้เราจึงตรวจอัลตร้าซาวน์ มดลูกด้วย

ผลตรวจครั้งนี้ทำให้เราเครียดจนไม่รู้จะอธิบายยังไง เริ่มจากผล อัลตร้าซาวน์มดลูก พบก้อนเนื้อขนาด7.6 เซน ที่รังไข่ด้านซ้าย ค่ามะเร็งรังไข่สูงกว่าปกติ และเซลผิดปกติที่ปากมดลูก
หมอสูติแจ้งว่าก้อนเนื้อในรังไข่อาจเป็นแค่ถุงน้ำถ้าขนาดเล็กว่า5 เซนก็มีโอกาสจะยุบไปเอง แต่ของเรามันใหญ่แล้วแนะนำให้รีบผ่าออกและเอาชิ้นเนื้อมาตรวจหาเซลมะเร็ง

ส่วนหมอการทำเมมโมแกรมเต้านม พบก้อนเนื้อที่หน้าอกด้านซ้าย ซึ่งหมอแนะนำให้เฝ้าระวัง มาตรวจอีกทีหลังหกเดือนถ้ามันโตขึ้นก็ควรตัดชิ้นเนื้อมาตรวจหาเซลมะเร็ง

ฟังแค่นี้คุณคงรู้สึกได้ถึงความเครียดใช่มั๊ยคะ(เข้าใจแล้วคำว่าเกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก) แต่ยังค่ะเรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น เราไม่สบายใจจึงไปหาหมอสูติที่โรงพยาบาลอื่นเพราะปรึกษา หมอเลยอัลตร้าซาวน์แบบส่องกล้องผ่านช่องคลอดซึ่งได้เห็นภาพที่ชัดเจนกว่าแบบเดิมหมอแจ้งว่าลักษณะเป็นถุงน้ำรังไข่ ไม่มีลักษณะเป็นก้อนเนื้อร้ายผู้หญิงจำนวนมากเป็นโรคนี้ ที่น่าตกใจคือห่างจากวันที่ไปตรวจสุขภาพเพียง5วัน อีถุงน้ำเติบโตเบ่งบานเป็น8เซ็น ตอนนี้เราเริ่มรู้สึกว่ามันไปกดทับกระเพาะปัสสวะทำให้ปวดฉี่ทุกๆชั่วโมง หมอบอกว่าจะผ่าเลยหรือรอดูอีกหน่งรอบเดือนก็ได้ว่ามันจะยุบลงเองมั๊ย(ดูทีท่าการเจริญเติบโตของมันคงไม่น่าจะยุบลงแล้วมั้งมีแต่โตขึ้น) ส่วนค่ามะเร็งรังไข่ก็สูงขึ้นกว่าเดิมไปอีกเท่าตัว แต่ก็ไม่ได้สูงจนสงสัยว่าเป็นมะเร็ง หมอแจ้งว่าน่าจะเป็นช็อกโกแลตซีส แตต่ก็ยังระบุไม่ได้จนกว่าจะผ่าออกมาตรวจ

เราตัดสินใจว่าถ้าเราจะผ่าเราควรหาหมอผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ จนมาพบหมอเฉพาะทางโรคสตรีของโรงพยาบาลรามาธิบดีซึ่งโชคดีที่หมอไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนด้วย เข้าไปปรึกษาโดยหอบประวัติการตรวจร่างกายไปเป็นเล่ม หมอถามว่าคุณเป็นอะไรทำไมต้องวิ่งไปตรวจหลายหมอขนาดนี้ ตอบเลยเป็นบ้าค่ะคิดไม่ตกว่าควรผ่าหรือไม่ผ่า หมอบอกว่าขอตรวจอีกที (นี่ชั้นโดนตรวจภายในทุกโรงพยาบาลจนชินไม่มีความอายหลงเหลืออยู่)

หมออธิบายว่าจะผ่าหรือไม่ผ่าก็ได้ ถ้าเราจะรอให้มันยุบก็กินยาคุมและรอดูอย่างน้อยสามเดือนถึงจะรู้ว่ามันจะยุบหรือไม่ ถ้าไม่ยุบก็ต้องผ่าออก เนื่องจากขนาดของถุงน้ำมันค่อนข้างใหญ่ ถ้าในระหว่างนี้มันแตก หรือรั่วก็ต้องผ่าตัดฉุกเฉินเพราะอาจตกเลือดในช่องท้องได้ หรือรังไข่บิดขั้วเราก็อาจต้องตัดรังไข่ทิ้งไป ด้วยความที่ชีวิตประจำวันของเรามีการเดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นประจำ ถ้าเกิดต้องผ่าตัดฉุกเฉินในต่างประเทศโดยที่เราเลือกเวลาและหมอไม่ได้ ก็คงไม่ดีแน่ จึงตัดสินใจผ่า โดยหมอบอกว่าเป็นการผ่าแบบส่องกล้อง วางยาสลบ

เราก็ไปหาหมอปอดเช็คความพร้อมก่อนผ่าตัด หมอบอกว่าโรคหอบหืดที่เราเป็นค่อนข้างซีเรียสเข้าออกโรงพยาบาลเกือบทุกเดือน ตอนนี้มีภาวะหอบอยู่ ยังไม่อณุญาติให้ผ้าจนกว่าจะกินยาหมดตามจำนวนที่สั่งแล้วกลับมาตรวจอีกที จนกว่าหมอจะยืนยันว่าปลอดภัย เนื่องจากยาสลบมีผลกระตุ้นให้หอบ และการสอดท่อหายใจไปทางหลอดลม จะกระตุ้นให้หอบเช่นกัน ในห้องผ่าตัดขณะสลบ ถ้าหอบผู้ป่วยจะไม่สามารถหายใจสูดยาพ่นขยายหลอดลมได้เอง อันตรายกับชีวิต
ฟังแล้วก็เครียดระดับสิบ นี่ชั้นเลือกอะไรได้มั๊ย ผ่าไม่ผ่าก็อันตราย เอาวะให้มันจบๆไป

ช่วงเวลานั้นเครียดมาก คิดว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้าเราตายไปตอนนี้เราพร้อมหรือยัง มีอะไรที่เรายังไม่ได้ทำหรือเปล่า มีภาระข้างหลังมั๊ยถ้าเราจากไป มองกลับไปที่ครอบครัวไม่อยากบอกใครเลยเพราะกลัวเค้าคิดมากแบบเรา อีกเรื่องนึงสำคัญมาก ค่าผ่าตัดเท่าไหร่ โชคดีที่เราทำประกันสุขภาพไว้ เราจึงมีทางเลือกที่จะเลือกหมอเก่งๆที่เราต้องการ โรงพยาบาลเอกชนที่ไม่ต้องรอคิวผ่าตัดนาน (บอกเลยไม่ต่ำกว่าแสนสอง)คือถ้าคนที่ไม่มีประกัน ไม่มีเงินเก็บ ความเครียดตรงนี้คงทำให้ร้องไห้ทั้งครอบครัว เราเลียดสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ที่สุด และเราก็คิดได้ว่า เราเป็นคนไม่เคยยอมแพ้อะไรเลยในชีวิต แม้แต่โชคชะตาตัวเองเราก็จะกำหนดเอง ดังนั้นเราจะมีชีวิตอยู่และทำให้มันดีขึ้น ถ้าจะตายก็คิดซะว่าทำดีที่สุดแล้ว เอาวะสู้กันซักตั้ง

ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ หมอปอดตรวจและเซ็นต์อนุญาติให้ผ่าตัดได้ แต่หมอจะมาตรวจก่อนเข้าห้องผ่าตัดในวันผ่าอีกที ว่าเราโอเค และปลอดภัยในการรับการผ่าตัด และเราก็นัดวันผ่าเดี๋ยวกลับมาเล่าตอนต่อไปว่าวันผ่าตัดเกิดอะไรขึ้นบ้าง



Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2561
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2561 1:25:54 น. 0 comments
Counter : 575 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 810112
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 810112's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.