ถ้าขจัดความกลัวออกไปได้ ไม่นานความสำเร็จก็จะตามมา
Group ตัวอย่าง
<<
พฤศจิกายน 2554
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
24 พฤศจิกายน 2554
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 19
จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ 9
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๘
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๗
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๖
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๕
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๔
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๓
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๒
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๑
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 32
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 31
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 30
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 29
นวนิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 28
นวนิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 27
อดีตรักเหมืองป่า บทที่ 26
อดีตรักเหมืองป่า บทที่ 25
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 24
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 23
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 22
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 21
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 20
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 19
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 18
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 17
นิยาย /อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 16
นิยาย /อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 15
เรื่องสั้น/ไม่มีวันนั้นอีกแล้ว
นิยาย อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 14
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 13
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 12
เรื่องสั้นตกรอบครับ
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 11
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 10
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 9
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 8
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 7
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 6
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 5
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 4
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 3
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 2
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 1
เรื่องสั้น/คืนวันล่องไหลชั่วกะพริบตา
เรื่องสั้น-ดักไซแห้ง
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 19
ขอบใจนะที่เตือน" สาวบัวหน้าแดงซ่าน "ตอนพาลูกสาวไปนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันได้ปรึกษาหมอแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้บอกให้นุ้ยรู้เท่านั้น"
"ดีแล้วแหละ - บัว" ไอ้บองหลาพยักหน้าพลางยิ้ม "กว่าไอ้นุ้ยจะได้กลับไปเรียนต่อ ก็เหลือเวลาอีกเกือบปี ขืนเอ็งท้องไส้ขึ้นมาเสียก่อนก็ยุ่งตายห่า"
นับจากเรื่องซื้อทองในครั้งก่อน ก็มาถึงเรื่องนี้อีกเรื่อง ที่ทำให้ผมรู้สึกทึ่งในตัวสาวบัวมากขึ้น หล่อนรอบคอบและคิดการไกลอย่างน่านับถือ
หล่อนไม่เคยแพร่งพรายให้รู้เสียก่อนสักเรื่อง ซึ่งก็คงไม่เกี่ยวกับจะทำเซอร์ไพรส์หรือไม่อย่างไร เพราะหล่อนคงไม่ต้องการความโอ่อ่าอย่างนั้นแน่นอน และนับจากวันนั้นผมก็หอบสัมภาระมากินอยู่กับหล่อนที่ทับของลุงท องเสียเลย
ย่างเข้าเดือนพฤศจิกายนฝนเริ่มห่างเม็ดและหายไปจากผืนป่า ลมหนาวจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือพัดหอบความหนาวเย็นเข้ามาแทน ต้นไม้ กอไผ่ ส่ายเอนไหวโยกเมื่อต้องกระแสลม ท้องฟ้ายามค่ำโปร่งโล่งปราศจากเมฆหมอก ดวงดาวน้อยใหญ่สาดกระจายเต็มท้องฟ้าทุกคืนค่ำ ตอนหัวรุ่งพวกชาวเหมืองต้องตื่นขึ้นมาก่อไฟผิงเรียกความอบอุ่นใ ห้ร่างกายกันทุกวัน น้ำในลำธารที่วักขึ้นมาล้างหน้าตอนเช้าเย็นจัดเหมือนน้ำแข็ง กระทั่งได้ลงมือทำงาน ขุดคุ้ยกระสะหรืองัดก้อนหินก้อนใหญ่ ๆ ให้เคลื่อนไปจากกระสะแร่ในหน้าเหมืองตอนสาย ๆ กันสักก้อนสองก้อนเสียก่อนนั่นแหละร่างกายจึงชุ่มโชกไปด้วยเหงื ่อกันอีกครั้ง
ระหว่างนี้พวกเรามีโชค ขุดเจอสายแร่ในหน้าเหมืองมาตลอด แต่ทว่าทุกครั้งที่ออกไปขายแร่ที่ตะกั่วป่า ผมไม่เคยออกไปกับเขาด้วย ได้แต่จดรายการสิ่งของที่ต้องการฝากให้เพื่อนซื้อกลับมาให้ พร้อมทั้งบอกให้นำเงินส่วนแบ่งบางส่วนไปฝากไว้กับแม่ เช่นเดียวกับสาวบัวก็มักจะไม่ออกไปจากป่าด้วยเหมือนกัน
ตอนนั้นผมเริ่มไว้ผมยาว ปล่อยหนวดเครารกรุงรังจนเจ้าตัวน้อยลูกสาวของสาวบัวมักไม่ใคร่ย อมให้หอมแก้ม เพราะเธอจั๊กจี้ แต่เธอก็ติดผมมาก เวลาไปไหนด้วยกันผมจะให้เธอขี่คอผมไปเสมอ แม้ผมจะยังไม่เคยมีลูก และไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกของพ่อที่มีต่อลูกว่าเป็นเช่นไร แต่ความรักความผูกพันที่ผมมีต่อเจ้าตัวน้อยก็ลึกซึ้งเกินกว่าจะ พรรณนาออกมาได้ บางคืนเธอก็มานอนกับผมและสาวบัวตรงหน้าระเบียง ซึ่งเป็นที่นอนประจำของเรา เจ้าตัวน้อยจะนอนระหว่างกลาง กว่าจะหลับก็มักจะหันไปกอดคนโน้นทีคนนี้ที พร้อมทั้งชวนคุยด้วยภาษาที่ยังไม่ชัดถ้อยชัดคำของเธอจนหลับไป.. .
กระทั่งวันหนึ่ง ขณะสาวบัวและหญิงหมอนออกไปร่อนแร่ พร้อมทั้งลุงทองที่ไปช่วยงัดแงะก้อนหินออกจากกระสะให้ความสะดวก กับพวกหล่อน ที่ทับจึงเหลือป้าพัวกับเจ้าตัวน้อยอยู่ด้วยกันสองคน และถึงคราวเคราะห์ที่เธอจะต้องจากพวกเราไปอย่างไม่มีวันกลับ ป้าพัวเกิดเป็นลมหน้ามืดขณะพาเธอมาชำระร่างกายและล้างก้นให้เธอ ที่ริมลำธารหลังจากเธอถ่ายหนักเสร็จแล้ว เจ้าตัวน้อยหลุดจากมือยาย ลอยคว้างและจมหายไปกับกระแสน้ำ สุดปัญญาที่ยายของเธอจะไขว่คว้าเอาไว้ได้ เพราะตัวของยายก็หมดสติล้มคว่ำอยู่ริมธารโดยไม่มีโอกาสรับรู้ว่ าหลานรักได้หลุดมือไปกับกระแสน้ำเสียแล้ว
"นุ้ย บองหลา ไอ้หมึก ไอ้... เร้ว ไปช่วยลูกพี่-บัวเร้ว..." หญิงหมอนวิ่งกระหืดกระหอบมาร้องขอความช่วยเหลือจากพวกเราที่หน้ าเหมือง ผมตกใจจนเข่าอ่อนแทบก้าวขาไม่ออก เมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าตัวน้อย แต่พอตั้งสติได้ก็รีบกวดไล่ตามพวกเพื่อน ๆ ไปทันที พวกชาวเหมืองที่อยู่ใกล้ ๆ บางคนก็มาช่วยค้นหา แต่เนื่องจากลำธารสายนั้นไหลลดคดเคี้ยวไประหว่างร่องหุบเขาที่ล าดชันเป็นบางช่วง กระแสน้ำที่ไหลแรงได้พัดพาเหยื่อผู้เคราะห์ออกไปไกล จนกระทั่งเกือบค่ำเราจึงพบร่างอันปราศจากลมหายใจของเจ้าตัวน้อย จมติดอยู่กับขอนไม้ห่างจากทับลุงทองไปประมาณสามสี่กิโลเมตร
ภาพที่สาวบัวกอดศพลูกสาวร่ำไห้ปิ่มว่าจะขาดใจตาม บาดความรู้สึกของทุกคนจนอดที่จะหลั่งน้ำตาออกมาไม่ได้ โดยเฉพาะป้าพัวผู้เป็นยายของเจ้าตัวน้อยเป็นลมหมดสติไปสามสี่รอ บ จนหญิงหมอนกับลุงทองต้องกรอกยาและนวดเฟ้นเป็นการใหญ่ แต่ถึงกระนั้นแกก็คร่ำครวญอย่างน่าเวทนา...
"เธอไปดีแล้วแหละป้าเอ๋ย..." ไอ้บองหลาช่วยปลอบใจแก
ไอ้พริ้งกับไอ้หมึกเร่งไปตัดไม้และหวายในป่าใกล้ ๆ ทำสาแหรกและคานหาม เพราะบัดนี้ร่างของเจ้าตัวน้อยที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนระเบียงเ ริ่มแข็งทำให้ไม่อาจอุ้มเดินขึ้นเขาลงห้วยได้ถนัด ซึ่งเราได้ตกลงกันว่าจะนำร่างของเธอนั้นกลับออกไปบำเพ็ญกุศลศพท ี่หมู่บ้านในคืนนี้
พวกชาวเหมืองในห้วยลำธารสายอื่น ๆ เมื่อรู้ข่าวก็มาร่วมสมทบ เพื่อจะออกเดินทางไปร่วมงานศพที่หมู่บ้านด้วยกันเต็มหน้าลานทับ ลุงทอง และเมื่อตระเตรียมไฟไต้สำหรับส่องทางในยามมืดค่ำกันเสร็จแล้ว ร่างอันปราศจากวิญญาณของเจ้าตัวน้อยก็ถูกยกใส่เปลผูกคาดกับสาแห รกและสอดคานหาม หลังจากนั้นพวกเราชาวเหมืองทั้งหมดก็ออกเดินทาง
ชาวเหมืองอาวุโสท่านหนึ่งจุดธูปจุดเทียนขอขมาลาโทษเจ้าที่เจ้าท าง แล้วถือคบเพลิงไฟไต้เดินนำหน้า ไอ้หมึกกับไอ้พริ้งอาสาหามศพเจ้าตัวน้อยเป็นคู่แรก อาศัยแสงไฟจากคบเพลิงที่ตระเตรียมกันขึ้นมาเจ็ดแปดท่อน และไฟฉายของบางคนที่คอยส่องกราดเมื่อเดินถึงที่คับขัน ทำให้ขบวนของเราลุถึงปากทางเหมืองในเวลาตีสี่พอดี ภายหลังวางสาแหรกศพของเจ้าตัวน้อยไว้บนศาลาที่พักแล้ว ก็มีคนอาสาขึ้นไปยืนโบกรถบนถนน ซึ่งนานเกือบชั่วโมงกว่าจะผ่านมาสักคัน และก็ไม่มีรถยนต์คันไหนกล้าจอดรับ จนในที่สุดก็ติดสินใจชวนกันหามศพของเจ้าตัวน้อยเดินท่องถนนกลับ สู่หมู่บ้าน ซึ่งเหลือระยะทางประมาณ ๗-๘ กิโลฯ กระทั่งเข้าเขตหมู่บ้านไก่โต้งในเล้าของแต่ละบ้านก็โก่งค อขันรับอรุณกันพอดี พวกชาวเมืองที่มาด้วยกันซึ่งบ้านเรือนอยู่ใกล้ ก็ขอตัวกลับไปหลับนอนเอาแรงที่บ้านตน คนอยู่ไกลก็นอนเฝ้าศพกันอยู่ที่บ้านลุงทอง
บ้านของผมและเพื่อน ๆ แม้จะอยู่ไม่ไกล แต่ด้วยความสงสารครอบครัวลุงทองเราจึงอยู่เป็นเพื่อนพวกเขาที่น ั่น เรานั่งพูดคุยกันอยู่บนเตียงที่วางศพเจ้าตัวน้อยจนสว่างคาตา กระทั่งรุ่งเช้าไปจนสาย ก็มีเพื่อนบ้านที่รู้ข่าวทยอยกันมาช่วยงานกันเต็มบ้าน พวกเราจึงได้ขอตัวกลับไปนอน... ช่วงบ่ายจึงกลับกันมาอีกครั้ง
ตอนนี้รอบ ๆ บริเวณหน้าบ้านลุงทองได้ถูกต่อเติมเป็นเพิงหมาแหงนชั่วคราว หลังคามุงด้วยสังกะสีเก่า ๆ ที่ไปขอยืมมาจากหลวงพ่อที่วัด เพื่อใช้เป็นที่วางเก้าอี้ให้แขกนั่งฟังพระสวดอภิธรรม ส่วนหลังบ้านก็ต่อเติมออกไปคล้ายกัน สำหรับทำเป็นโรงครัวและโรงเลี้ยงแขก แม่ของผมก็มาช่วยงานและขลุกอยู่ในโรงครัวตั้งแต่เช้า
น้านุ่นเห็นผมไว้ผมเผ้าหนวดเครารุงรังก็ปรี่เข้าหา "มึงอยู่เหมือนพวกคอมฯเข้าทุกวัน" แกชี้หน้าผม
ผมหัวเราะ
"น้านุ่นเคยเห็นคอมฯแล้วหรือ?"
"ก็มึงนี่แหละ คอมฯ ตัวจริง"
"พูดเป็นเล่นนา-น้านุ่น เดี๋ยวตำรวจมาได้ยินก็จับผมไปขังคุกอีกหรอก"
"ทำไมไม่ตัดผมตัดเผ้าให้มันดูดีซะหน่อย หรือพอคิดจะมีลูกเมียก็ปล่อยตัวซะเลย"
"เปล่าหรอกน้านุ่น" ผมว่า "ผมอยู่ในเหมืองไม่ได้ออกตลาดกับเขา แล้วจะหาร้านตัดผมที่ไหนกันล่ะ"
น้านุ่นทำหน้าคว่ำที่เห็นผมหลบเลี่ยงไปน้ำขุ่น ๆ
"บอกเมียมึงให้โกนเสียก็หมดเรื่อง" พูดเสร็จก็หอบสังขารอันอุ้ยอ้ายของแกผละจากผมเดินไปยังวงสนทนาอ ื่นอีก ผมมองตามหลังแกไปอย่างนึกขัน
สาวบัวเปลือกตาบวมช้ำ นัยน์ตาแดงเรื่อ หล่อนยืนน้ำตาไหลพรากทุกครั้งที่อยู่ใกล้ ๆ กับผม ซึ่งพอมาถึงขั้นนี้ผมก็ไม่เกรงกลัวสายตาใครทั้งสิ้น ผมโอบกอดหล่อนไว้แนบอกเอามือลูบเส้นผมและปลอบใจให้หล่อนคลายโศก เศร้าด้วยความสงสาร
"หักห้ามใจเสียบ้างนะบัว เจ้าตัวน้อยเธอสร้างบุญมาแค่นี้ เรามาตั้งจิตอธิษฐานขอให้เธอไปดีกันดีกว่านะ"
หม้ายสาวเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม ลึกลงไปในดวงตาที่เปียกชื้นด้วยหยาดน้ำใส ๆ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่หล่อนพยายามจะบอก ซึ่งผมเข้าใจดี...
แม่ของผมเดินเข้ามาใกล้ พูดกับสาวบัวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา หากเต็มไปด้วยความเมตตาสงสารว่า "ไปอาบน้ำอาบท่าให้สดชื่นเสียก่อนเถอะลูก แล้วนี่ได้หลับได้นอนบ้างหรือยัง ต้องพักผ่อนเสียหน่อยนะลูก ประเดี๋ยวหน้ามืดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาแล้วจะยุ่ง หรือถ้าที่นี่เสียงดังรบกวนนัก ก็ให้นุ้ยขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งที่บ้านน้าก็ได้ ไปนอนพักผ่อนให้เต็มตื่นแล้วค่อยกลับมา จะได้มีแรงต้อนรับแขกคืนนี้นะลูก" พูดจบแม่ก็หันมาที่ผม "ไปเถอะนุ้ย พาหญิงบัวหลบไปพักผ่อนที่บ้านเราซักครู่ ทางนี้แม่จะช่วยดูแลให้เอง"
ร่างอันไร้วิญญาณของเจ้าตัวน้อยที่ปิดคลุมไว้ด้วยผ้าห่มนอนผืนใ หม่ ถูกเพื่อนบ้านผู้อาวุโสของพวกเรายกขึ้นใส่โลงไม้ที่พวกช่างไม้ภ ายในหมู่บ้านช่วยกันต่อขึ้นในเวลาสามโมงเย็น ภายใต้บรรยากาศอันเศร้าสลดชวนสังเวช หญิงหมอน สาวบัว ลุงทอง ป้าพัวและญาติ ๆ ร่ำไห้กันระงม แม้แต่เพื่อนบ้านบางคนก็อดที่จะหลั่งน้ำตาให้กับการจากไปอย่างไ ม่มีวันกลับของเจ้าตัวน้อยเสียไม่ได้ ผมเองก็รู้สึกขอบตาร้อนผ่าว จนต้องเดินเลี่ยงออกมาข้างนอก
ภาพของเจ้าตัวน้อยเมื่อครั้งยังมีชีวิตแล่นวูบวาบอยู่ในความคิด คำนึง... ตั้งแต่ตอนที่เธอตีหน้าผากผมด้วยขลุ่ย...ในคืนนั้น ภาพใบหน้าที่จิ้มลิ้มยิ้มแย้มด้วยความตื่นตาตื่นใจที่ได้พบเจอส ิ่งแปลก ๆ เมื่อครั้งผมอุ้มเธอเดินเที่ยวที่ตลาดตะกั่วป่า... เรื่อยไป... กระทั่งภาพที่เธอนอนหลับปุ๋ยอยู่ระหว่างผมสาวบัวที่พื้นระเบียง ทับในดงเขายา ก่อนที่เธอจะจบชีวิตเพียงไม่ถึงครึ่งวัน ทำให้ผมต้องหลั่งน้ำตากับการจากไปของเธอเหมือนกัน
ชีวิตก็เป็นอย่างนี้ ไม่มีอะไรแน่นอน ผมตัดใจ สลัดความโศกเศร้า แล้วก็เดินไปช่วยจัดโต๊ะจัดเก้าอี้ สำหรับเลี้ยงอาหารแขกเหรื่อที่จะมางานในตอนหัวค่ำ พร้อมทั้งจัดเก้าอี้สำหรับแขกนั่งฟังพระสวดอภิธรรมหน้าโลงศพจนแ ล้วเสร็จ แขกเหรื่อก็เริ่มทยอยกันมาพอดี
งานบำเพ็ญกุศลศพของเจ้าตัวน้อยคืนแรกมีเพื่อนบ้านและญาติ ๆ ของเธอพากันมาฟังสวดจนล้นหลาม ผม ไอ้หมึก ไอ้พริ้ง และไอ้บองหลา พร้อมด้วยหลาน ๆ ของเจ้าภาพอีกสองสามคน รับหน้าที่ช่วยเสิร์ฟอาหารและยกของว่างเลี้ยงแขกหลังเสร็จจากศา สนพิธี เมื่อผมเดินผ่านพรรคพวกเพื่อนฝูงรุ่นเดียวกัน ก็มักจะถูกถามถึงเรื่องการเรียน เพราะบางคนยังไม่รู้ว่าผมกำลังอยู่ในระหว่างถูกสั่งพักการเรียน พวกเขาคิดว่าผมเลิกเรียนและอยู่กินกับสาวบัวเป็นเรื่องเป็นราวไ ปแล้ว ซึ่งกับบางคนผมก็เฉไฉเลี่ยงไปพูดเรื่องอื่นเสีย แต่กับบางคนที่เคยคบหาสนิทสนมกันมาก่อน ผมก็เล่าให้เขาฟัง
คุณครูผู้ซึ่งอบรมสั่งสอนผมมาตั้งแต่ชั้น ป.๑ บัดนี้ท่านเจริญอายุอยู่ในวัยเกษียณ เตือนสติผมว่า "นายรัฐพล อย่าแบกไม้หนัก สิ่งไหนปลดวางเสียได้ก็ปลดวางเสีย การต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่า ที่เราเห็น ๆ กันอยู่ทุกวันนี้ จริง ๆ แล้วเป็นความเพ้อฝัน ฝืนธรรมชาติของมนุษย์ พอ ๆ กับเป็นความเห็นแก่ตัวของผู้ที่คิดจะตั้งตนเป็นผู้นำ จงอย่าตกเป็นเครื่องมือเขา..."
ผมเรียนท่านว่า "สำหรับความผิดพลาดทั้งหมด ผมไม่มีสิ่งใดแก้ตัว แต่เรื่องการเมืองนั้นผมเชื่อมั่นในแนวทางธรรมมิกสังคมนิยมของท ่านพุทธทาสภิกขุ -ครับคุณครู"
นี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมไม่อยากพูดคุยกับใคร เพราะยากที่จะชี้แจงให้เข้าใจกันได้ง่าย ๆ เมื่อเราเอ่ยถึงพระสงฆ์องค์เจ้า เขาก็ว่า แม้แต่เหล้าก็ยังงดไม่ได้ เสพเมถุนเสพกามก็ยังไม่ละ แล้วยังมีหน้ามาพูดเรื่องศาสนาให้เปลืองน้ำลาย... จึงเป็นอันว่าเลิกกัน เรื่องนี้ก็ไม่ต้องหยิบยกมาพูดคุยกันอีก
หากแต่นี่เป็นคุณครู ท่านเป็นผู้รู้และเข้าใจโลกได้ดีในระดับหนึ่ง ผมจึงพูดให้ท่านฟังโดยไม่รู้สึกกระอักกระอวลใจแต่อย่างใด
"ครูเข้าใจ" คุณครูพยักหน้า "แต่ว่าเธอต้องอดทนและกลับไปเรียนต่อให้จบ คนที่จะเป็นครูควรมีคุณสมบัติอย่างเธอ"
สองมือของผมจับถาดใส่แก้วน้ำหวาน ไม่อาจยกมือไหว้แสดงกตเวทิตาคุณแก่ครูบาอาจารย์ได้ แต่ผมก็โค้งคำนับเสมือนสมัยเดินไปส่งสมุดการบ้านที่โต๊ะของท่าน เมื่อครั้งกระโน้น คุณครูยิ้มให้และอวยชัยอวยพรให้ผมได้สำเร็จการศึกษาดั่งใจหวั ง
งานศพเจ้าตัวน้อยคืนสุดท้ายแขกเหรื่อมากันล้นหลามเหมือนเคย ย่าของเธอซึ่งได้รับโทรเลขแจ้งข่าวร้าย ก็ได้เดินทางมาถึงในคืนนี้
จังหวัดราชบุรีกับพังงาไม่ใช่ใกล้ ๆ แต่ทว่าผู้เป็นย่าและญาติ ๆ ทางฝ่ายพ่อของเจ้าตัวน้อยก็เส้อุตส่าห์ดินทางกันมา ๑ คันรถกระบะ และอยู่ร่วมงานกระทั่งถึงตอนฌาปนกิจจึงได้เดินทางกลับ
ย่าและญาติของเธอทุกคนเข้าใจในคราวเคราะห์ของเธอ ไม่มีใครติดสงสัยในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ทุกคนได้แต่ปลอบโยนป้าพัว ซึ่งซูบผอมลงไปอย่างทันตาเห็น และดูเหมือนวันที่ส่งศพเจ้าตัวน้อยเข้าไปบรรจุอยู่เมรุเผา ป้าพัวจะอ่อนระโหยโรยแรงราวกับจะสิ้นใจตายตามหลานรักไปอีกคน
เมื่อเสร็จงาน... และคืนกลับสู่ดงเขายากันอีกครั้ง พวกเราทั้งหมดรวมทั้งป้าพัวและลุงทองก็ยังไม่คลายความเศร้าโศก ยามมืดค่ำพวกเพื่อน ๆ ของผม และชาวเหมืองที่อยู่ใกล้ ๆ ก็มักมานั่งพูดคุยกันที่ทับลุงทองพอให้คลายเหงาและคลายจากความโ ศกเศร้า ก่อนจะกลับไปหลับนอนยังทับของตนกันแทบทุกคืน
สาวบัวซึมเศร้าและเงียบขรึมอย่างน่าสงสาร สิ่งเหล่านี้ถ้าไม่พานพบกันตนเองเหมือนอย่างหล่อน ไหนเลยจะซาบซึ้งถึงความสูญเสียนั้นได้ ผมคิดถึงแร่ในรางซึ่งมากพอที่จะกู้ไปขายได้แล้ว และคิดว่า เมื่อขายแร่เที่ยวนี้แล้ว ผมจะพาสาวบัวไปท่องเที่ยวพักผ่อนที่ไหนสักแห่ง เพื่อชดเชยกับสิ่งที่หล่อนได้สูญเสีย แม้มันไม่อาจทดแทนกันได้ แต่มันก็คงช่วยบรรเทาทุกข์โศกของหล่อนให้คลายลงบ้าง
กระทั่งที่สุดวันนั้นก็มาถึง...
"อย่าไปนานนักนะลูก... แม่เป็นห่วง" ป้าพัวพูดตาแดง ๆ เมื่อเราหิ้วเป้เสื้อผ้าลงจากกระไดทับ
"ไม่เกินอาทิตย์หรอกครับ เหมืองกำลังติดแร่ ทิ้งไปหลายวันก็เสียดาย" ผมบอกแก แล้วหันไปทางหญิงหมอนกับลุงทองซีงนั่งมองเราสองคนอยู่บนระเบียง "เอ้อ.. แล้วหมอนก็อย่าลืม เมื่อเพื่อนพี่กลับจากขายแร่แล้ว หมอนต้องไปช่วยงานพวกเขาที่หน้าเหมืองแทนพี่ด้วยนะ... ส่วนลุงทองก็ไม่ต้องออกไปไหน คอยดูแลป้าพัวอยู่ที่ทับนี้แหละ เดี๋ยวแกไม่สบายเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาอีกจะลำบาก"
สาวบัวสบตาผมแล้วยิ้ม ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นผมสั่งเสียราวกับตนได้เป็นสมาชิกของครอบครัวหล่อนไปแล ้วจริง ๆ
**********************************************************
Create Date : 24 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2554 12:25:46 น.
3 comments
Counter : 862 Pageviews.
Share
Tweet
มาทักทายจ้า
โดย:
backhold
วันที่: 25 พฤศจิกายน 2554 เวลา:0:16:01 น.
อรุณสวัสดิ์เช้าวันศุกร์ค่ะ คุณหลวงเส มีความสุขกับการทำงานในวันนี้น๊า
บ้านต้อยน้ำไม่ได้ท่วมจ้า ที่ท่วมอ่ะบ้านหลานชายกับบ้านพี่สาว ตอนนี้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ยังไม่แห้ง คงประมาณอาทิตย์ที่สองของเดือนธันวาคม น้ำคงแห้งหมด ก็หวังไว้อย่างนั้นนะค่ะ
โดย:
KeRiDa
วันที่: 25 พฤศจิกายน 2554 เวลา:8:12:58 น.
-
อรุณสวัสดิ์เช้าวันเสาร์ค่ะ คุณหลวงเส
โดย:
KeRiDa
วันที่: 26 พฤศจิกายน 2554 เวลา:8:29:38 น.
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
หลวงเส
Location :
สุราษฏร์ธานี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
ดอยสะเก็ด
diamondsky
บ้าได้ถ้วย
ยาชมภู
เกศสุริยง
KeRiDa
วัวป่าหลงเงาจันทรา
nonguide
Webmaster - BlogGang
[Add หลวงเส's blog to your web]
Bloggang.com