Bloggang.com : jenifaae : แปรรูปความฝันให้กลายเป็นความจริง

แปรรูปความฝันให้กลายเป็นความจริง

คอลัมน์ ความคิดออกแบบได้

โดย สาโรจน์ มณีรัตน์ Saroj_maneerat@hotmail.com

มีคนมากมายบนโลกใบนี้ ที่ทำอะไรหลายๆอย่างพร้อมๆกันแล้วประสบความสำเร็จ ทั้งๆ ที่คนเหล่านี้ บางทีก็ไม่ได้มีการศึกษาสูงแต่ประการใด

มีแต่ความขยัน อดทน และมุมานะ ที่ต้องการทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ฝัน แล้วแปรรูปความฝันนั้นให้กลายเป็นความจริง

     ทางตรงข้าม ก็มีคนอีกมากมายบนโลกใบนี้เช่นกัน ที่เอาแต่ฝัน พร่ำพรรณนา แล้วลองผิด ลองถูกกับสิ่งที่ตัวเองฝัน จนความฝันนั้นกองเป็นพะเรอเกวียน แต่ก็ไม่มีโอกาสลงมือทำสักที

"เพราะคิดว่าข้อมูลที่มีอยู่ยังไม่มากพอ ที่จะประดิษฐ์ความฝัน ให้กลายเป็นความจริง"

สุดท้ายตายแล้วก็ยังไม่ได้ลงมือทำเสียที

"อาจารย์ศิลป์ พีระศรี" เคยพูดประโยคอมตะหนึ่งบอกว่า...พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว

     อันหมายความว่า ถ้าคุณมัวแต่คิด มัวแต่ฝัน และมัวแต่ผลัดวันประกันพรุ่ง คุณจะไม่มีทางประสบความสำเร็จ แต่คุณจะต้องลงมือทำเสียแต่วันนี้ และเดี๋ยวนี้ แล้วคุณจะพบคำตอบเองว่าสิ่งที่ตัวคิด ฝัน หรือลงมือทำนั้น อาจมีข้อบกพร่องอะไรให้แก้ไขบ้าง เพราะบางครั้งคนเราควรเรียนรู้จากความผิดพลาด และล้มเหลวบ้าง

"ไม่ใช่เรียนรู้จากความสำเร็จเพียงฝ่ายเดียว"

     เช่นเดียวกัน ในหนังสือ "The Earth Path" ที่มี "สตาร์ฮอว์ค" นักสังคมบำบัดแห่งสหรัฐอเมริกาเป็นผู้เขียน เขาก็พูดถึงคำสองคำที่บอกว่า "I have to" กับ "I choose to" อันมีความหมายว่า "ผมจำเป็นต้อง" และ "ผมเลือกที่จะ"

คือคนบางคนอาจต้องทำอะไรบางอย่างเพราะจำเป็นต้องทำ แต่ก็มีคนอีกหลายคน ที่เชื่อว่าผมเลือกที่จะทำอะไรบางอย่างเพราะผมต้องการที่จะทำ

ซึ่งคำสองคำนี้มีความหมายต่างกัน

"ต่างกันทั้งในสิ่งที่ตนเองคิด ฝัน และลงมือปฏิบัติ"

     เพราะคำว่าผมจำเป็นต้อง เหมือนถูกตีกรอบให้เราจำเป็นต้องฝืนทำ โดยไม่มีความคิด ความฝันเจือปนอยู่เลย ขณะที่คำอีกคำหนึ่งคือผมเลือกที่จะทำ กลับเป็นคำที่เป็นอิสระมากกว่า หลุดพ้นจากพันธนาการมากกว่า

และพร้อมที่จะดำเนินไปตามความฝัน ตราบเท่าที่คุณอยากจะทำ แต่ก็นั่นแหละ จะมีสักกี่คนล่ะ ที่สามารถทำความฝันให้กลายเป็นความจริงได้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของการใช้เวลา ใช้ความอดทน และรอคอย

"ที่สำคัญ คือความมุมานะ และความตั้งใจจริง"

     ซึ่งบางครั้งอาจมีความเจ็บปวดเจือปนอยู่บ้าง หรือบางครั้งอาจต้องร่ำไห้กับตัวเองบ้าง แต่ทั้งหมดนั้น ถ้าคุณผ่านขวากหนามแห่งความลำบากได้ คุณก็จะพบกับฝั่งฝันในวันหนึ่ง

" พระไพศาล วิสาโล" เคยกล่าวถึงเรื่องทำนองนี้ว่า...ผู้ปฏิบัติธรรม ต้องมือเปื้อน ตีนเปื้อนบ้าง ถึงจะรู้ว่าการปฏิบัติธรรมที่แท้จริงนั้นคืออะไร

     ไม่ใช่มัวแต่นั่งสวดมนต์ภาวนาอยู่แต่ในห้องพระ หรือจิบน้ำชาสนทนาเรื่องสันติภาพอยู่แต่ในห้องกระจกติดแอร์กลางสวนดอกไม้ แต่จะต้องเข้าไปสู่ปัญหาที่อยู่ตรงหน้า ต้องเข้าไปสู่ทุกข์ของคนรอบข้าง ถึงจะเข้าใจปัญหานั้น ซึ่งเหมือนกับการแปรรูปความฝันให้กลายเป็นความจริง

     ฉะนั้น ถ้าเราอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับอัตชีวประวัติบุคคล ในภาคหนึ่งของการสร้างตัว เราจะเห็นเสมอว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต หรือในวิชาชีพของตัวเอง ล้วนผ่านขวากหนามของชีวิตมาแล้วทั้งสิ้น

บางคนล้มทั้งยืน

บางคนถูกเอารัดเอาเปรียบมาทั้งชีวิต หรือบางคนผิดหวังซ้ำซาก แม้กระทั่งตายแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองรังสรรค์ผลงานขึ้นมา จะเกิดความชื่นชอบของผู้คนในอีกศตวรรษหนึ่ง

แต่กระนั้น เขาก็ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค ตรงข้ามเขากลับแปลงอุปสรรคเป็นพลัง แล้วมุ่งมั่นต่อไปด้วยความเชื่อว่าสักวันหนึ่งจะต้องประสบความสำเร็จ

สักวันหนึ่งผู้คนจะเห็นคุณค่า

ซึ่งตัวอย่างนี้มีให้เห็นมากมายในจิตกรเอก และคีตกวีเอกของโลกหลายคน

ฉะนั้น ใครก็ตามที่คิดว่าตนมีความฝันที่อยากจะทำอะไร? หรืออยากจะเป็นอะไร? จงลงมือทำเสียแต่วันนี้ และเดี๋ยวนี้ อย่าปล่อยให้เวลาผ่านเลยไป

เพราะเวลาที่ผ่านเลย ไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้

     ซึ่งเหมือนกับชีวิตของคนเราที่หมุนไปตามเข็มของนาฬิกา โดยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงจุดสิ้นสุดของชีวิต ดังนั้น ทางเดียวที่จะทำให้ชีวิตกอรปไปด้วยความสุข และความฝันทั้งปวง

"จงหัดหมั่นฝึกทดสอบชีวิต เพื่อให้ตนเองแข็งแกร่ง เพื่อให้ตนเองทดพิษบาดแผลของความผิดหวังเสียบ้าง แล้ววันหนึ่ง เมื่อความสำเร็จมาเยือน จะได้อยู่กับความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน และทระนง"

โดยไม่ถูกแรงยั่วเย้าของกิเลส ทั้งนั้นเพราะบางคนเชื่อว่าความสำเร็จเป็นสิ่งที่ได้มาโดยยาก แต่การจะรักษาความสำเร็จนั้น ยากยิ่งกว่า

มนุษย์เราเองก็เช่นกัน

" เมื่อคิดที่จะเดินตามความฝันของตัวเอง เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จ จึงต้องหมั่นเรียนรู้ และศึกษาความสำเร็จของคนอื่นอยู่เสมอ ขณะเดียวกัน ก็ต้องหมั่นเรียนรู้ความล้มเหลวของคนอื่นด้วย"

เพื่อจะได้นำกลับมาประยุกต์ใช้กับชีวิตจริง

เพื่อให้ตนเองก้าวไปข้างหน้าโดยมีสติสัมปชัญญะประกบเคียงข้างอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเมื่อทำเช่นนั้นได้ ก็คงยากแล้วล่ะ ที่คลื่นลมของหมู่มวลกิเลสทั้งปวงจะทำอะไรเราได้

ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องที่ยากเกินไปเลยใช่ไหม ?

สุวิมล เชื้อชาญวงศ์: รายงาน

ขอขอบคุณ
ที่มา : มติชนรายวัน วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2551 หน้า 20

H O M E

Create Date : 30 กันยายน 2551

Last Update : 30 กันยายน 2551 11:50:52 น.

0 comments

Counter : 1125 Pageviews.