Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
28 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
ทำบุญสร้างกุศลรับปีวัว ไหว้พระบรมสารีริกธาตุครบองค์ งาน"พุทธมหาอาณาจักรแห่งทิเบต"

โดย เบญจมาภรณ์ บำราพรักษ์


*สภาวการณ์ของบ้านเมืองที่วุ่นวายอยู่ในขณะนี้ ยากจะหาทางออกหรือข้อยุติแห่งปัญหา ผู้คนในประเทศแบ่งออกเป็นฝักเป็นฝ่าย กลุ่มเล็กกลุ่มน้อย ต่างเหล่าต่างความคิด ไม่ยอมลดราวาศอกซึ่งกันและกัน

จนทำให้เกิดไฟชนวนการปะทะกันรุนแรงถึงขั้นสูญเสียชีวิต ตัวอย่างเช่นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นภาพความอนาถใจที่คนไทยต่างประหัตประหารฆ่ากันเอง แต่มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่พยายามเรียกร้องความสงบสันติสุขให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราด้วยการยุติความรุนแรง

     แต่จะว่าไปแล้วปัญหาก็ยังอยู่ ไม่หมดสิ้นไป ดังนั้น หนทางหนึ่งที่เป็นทางออกพอให้ผ่อนหนักเป็นเบาได้บ้าง และช่วยให้จิตใจของคนไทยมีที่พึ่งพิง มีความหวัง คลายทุกข์ คือ การกราบไหว้สิ่งศักดิสิทธิ์และทำบุญทำทานสร้างกุศล ซึ่งตั้งแต่ต้นปีมาแล้วจะสังเกตว่าประเทศไทยมีการจัดงานบุญใหญ่ๆ เกิดขึ้นหลายครั้ง ทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่เพื่อช่วยให้ประชาชนคลายทุกข์ใจลงไปได้บ้าง

มาครั้งนี้ปีหนูกำลังจะผ่านพ้นไปแล้ว รอต้อนรับปีวัวที่กำลังเดินทางมาในไม่ช้า

     ดังนั้น เพื่อเป็นการทำบุญสร้างกุศล ให้ประเทศชาติและประชาชนรอดพ้นจากความทุกข์และความเดือดเนื้อร้อนใจ "วรธนัท อัศกุลโกวิท" ผู้ซึ่งเคยจัดงานมหาพุทธบูชาพระบรมสารีริกธาตุโลก เชิญชวนประชาชนทั่วเมืองไทยไหว้สักการะพระบรมสารีริกธาตุเกือบหมื่นองค์ที่อิมแพค เมืองทองธานีมาแล้ว

     คราวนี้ได้เตรียมจัดงานบุญครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งชื่อว่างาน "พุทธมหาอาณาจักรแห่งทิเบต" เชิญชวนพุทธศาสนิกชนไปสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุ 100,000 องค์ ซึ่งรวบรวมมาจากที่ต่างๆ ในประเทศทิเบต โดยงานดังกล่าวจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึง 7 ธันวาคม 2551 ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. ที่ฮอลล์ 2 อิมแพค เมืองทองธานี เช่นเคย

เพราะปีใหม่ที่จะมาถึงใครๆ ก็ว่าเป็นปี "วัวบ้า" ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง จะยุ่งเหยิงวุ่นวายโกลาหลกว่าปีหนูเป็นไหนๆ

เอาแค่เบาะๆ จากคำทำนายของเหล่าโหราจารย์ที่ปรากฏออกมาจากสื่อต่างๆ ทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ต่างระบุถึงเหตุร้ายและชะตากรรมที่คนในบ้านเมืองจะต้องประสบพบเจอ

เช่น เรื่องของภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งทางน้ำ ทางบก ทางอากาศ วาตภัย อุทกภัย แผ่นดินไหว จะพบกับเหตุการณ์นองเลือดยิ่งกว่าปีนี้

ซึ่งในทางพุทธศาสนานั้น มีความเชื่อสิ่งหนึ่งที่จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยช่วยปกปักรักษา คุ้มครองดวงชะตาของประเทศ รวมไปถึงพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


*ฉะนั้น งาน "พุทธมหาอาณาจักรแห่งทิเบต" ครั้งนี้จึงเป็นการอัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุ จากประเทศทิเบต ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายจากดินแดนหลังคาโลก มาประดิษฐานไว้ให้คนไทยมีโอกาสกราบไหว้เป็นสิริมงคลในชีวิต

ที่สำคัญเชื่อกันว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้จะช่วยเป็นเกราะแก้วปกป้องคุ้มครองประเทศชาติให้ผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายไปได้

สำหรับเจ้าภาพการจัดงานครั้งนี้ประกอบด้วยกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ วัดยานนาวา และ อาจารย์วรธนัท ในฐานะผู้ที่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของการจัดงาน "พุทธมหาอาณาจักรแห่งทิเบต"

     อาจารย์วรธนัทกล่าวว่า ในปีนี้เนื่องด้วยสถานการณ์ของประเทศชาติ และปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชนในปี 2552 อย่างแน่นอน ทำให้ต้องมีการจัดงานขึ้นอีกครั้ง ภายใต้ชื่อ "พุทธมหาอาณาจักรแห่งทิเบต" ด้วยการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุครบองค์จำนวนกว่า 100,000 องค์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ จากทั่วทิเบตมาไว้ที่งานนี้แห่งเดียว เพื่อให้ประชาชนจากทุกสารทิศมากราบไหว้

"การจัดงานปีนี้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม เพราะถือว่าเป็นการทำบุญให้กับประเทศครั้งใหญ่เพื่อให้คลาดแคล้วจากภัยพิบัติต่างๆที่จะเกิดขึ้น และช่วยให้ประเทศไทยที่เป็นเมืองพุทธ กลับมามีสันติสุขอีกครั้ง และเปิดโอกาสให้ประชาชนชาวไทยและพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศมีโอกาสกราบไหว้และขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อันถือเป็นสิ่งมหามงคลสูงสุดในชีวิต ทั้งกับตนเองและครอบครัว โดยเฉพาะผู้ที่เกิดปีในปีมะแม มะโรง จอ ฉลู ซึ่งถือเป็นปีชงของปีฉลู ในปี 2552 ที่จะถึงนี้"

     อาจารย์วรธนัทอธิบายถึงคำว่า "พระบรมสารีริกธาตุครบองค์" หมายถึงการนำเอาพระบรมสารีริกธาตุจากทุกๆ ส่วนของร่างกายพระพุทธเจ้ามาบรรจุรวมไว้ด้วยกัน ซึ่งนับเป็นการยากมากที่จะสามารถทำเช่นนี้ได้ เพราะพระบรมสารีริกธาตุนั้นมักจะประดิษฐานอยู่กันคนละแห่งละที่ การจะอัญเชิญมารวมกันไว้ในที่เดียวจึงเป็นการยาก พระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาครั้งนี้ส่วนมากจะมาจากกรุงลาซา

"การที่เราสามารถนำมาได้เนื่องจากว่าเรามีจำนวนพระบรมสารีริกธาตุมากพอ และผ่านการสักการะบูชามานานหลายชั่วคนจนกระทั่งพระบรมสารีริกธาตุดูเสมือนหนึ่งว่าเป็นเพชรนิลจินดา และบางองค์จะเห็นเป็นทองอร่าม"

การจัดงาน "พุทธมหาอาณาจักรแห่งทิเบต" ครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "การเดินตามรอยพระบาทสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" เพื่อแสวงบุญในทิเบต ดินแดนหลังคาโลกที่มีความเข้มแข็งทางพุทธศาสนา


*ดังนั้น รูปแบบการจัดงานจึงเป็นการจัดแสดงพระบรมสารีริกธาตุองค์รวมกว่า 100,000 องค์ และรวมสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของทิเบตอย่างยิ่งใหญ่ บนพื้นที่ 5,000 ตร.ม. ที่บริเวณ ฮอลล์ 2 อิมแพค เมืองทองธานี ท่ามกลางบรรยากาศจำลองจากสถานที่สำคัญจากประเทศทิเบต ที่จะสะกดทุกย่างก้าวให้มีความสงบและสัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์จากแผ่นดินหลังคาโลก อาทิ มณฑปมหาธรรมจักร, พระราชวังโปตาลา, อาณาจักรมันดาลา, กงล้อมนตรา, สัญลักษณ์มงคลทั้ง 8 ของทิเบต ฯลฯ

     การจัดแสดงภายในงานแบ่งออกเป็น 3 โซนใหญ่ๆ ได้แก่โซนที่ 1 "มหาธรรมจักร" ซึ่งจำลอง ธรรมจักร และ กวางหมอบ ที่วัดโจคัง ซึ่งเป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากของทิเบตมไว้ ณ ที่นี้ บริเวณนี้จะใช้เป็นที่ประดิษฐานมณฑปพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งนับว่าเป็น "ที่สุดของที่สุดพระบรมสารีริกธาตุองค์รวม" ซึ่งค้นพบในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของประเทศไทยที่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาได้กว่า 100,000 องค์

ด้านหลังของมหาธรรมจักร จะจำลองภาพ "พระราชวังโปตาลา" ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาสูงสวยงามอย่างยิ่งของทิเบตมาไว้ พระราชวังแห่งนี้ถือเป็นพระราชวังฤดูร้อนของ ทะไล ลามะ ซึ่งภายในพระราชวังแห่งนี้มีสถูปของ ทะไล ลามะหลายองค์ เพราะชาวทิเบตถือว่าทะไล ลามะ ทุกองค์ก็คือร่างกายที่มีดวงวิญญาณดวงเดียวกัน อันเป็นดวงวิญญาณขององค์พระโพธิสัตว์องค์หนึ่งที่จะอวตารมาเกิดใหม่

     นอกจากนี้บริเวณรอบมหาธรรมจักร ยังมีได้อัญเชิญ พระพุทธรูปทิเบตโบราณ ที่หาชมได้ยาก อายุนับพันปี ประดิษฐานเรียงรายล้อมรอบมณฑปทั้งหมด 108 องค์ มาให้ประชาชนได้กราบไหว้เป็นสิริมงคลอีกด้วย

โซนที่ 2 "อาณาจักรมันดาลา" คำว่า "มันดาลา" หมายถึงที่ประทับของพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ต่างๆ ในขณะที่รู้แจ้ง ในโซนนี้จึงเป็นการจัดพื้นที่ลานพลังสำหรับประชาชนที่ต้องการความเงียบสงบเพื่อนั่งสมาธิ เพื่อให้เข้าใจความหมายหรือแก่นแท้ของคำว่า "มันดาลา" ซึ่งเป็นปริศนาธรรมซ่อนอยู่ ท่ามกลางสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด

ภายในโซนนี้ยังประกอบไปด้วยโซนพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร รวมถึงองค์พระแม่ตาราขาว และตาราเขียว ซึ่งชาวทิเบตมีความเชื่อว่าทรงกำเนิดมาจากน้ำตาขององค์พระโพธิสัตว์กวนอิม ขณะเห็นสรรพสัตว์อยู่ในความทุกข์และไม่สามารถทรงช่วยได้ทั้งหมด

     โซนที่ 3 เป็นโซนที่จัดแสดงพระบรมสารีริกธาตุกว่า 100,000 องค์ ล้อมรอบสถูปเจดีย์แบบทิเบต ภายในโซนนี้ยังตกแต่งด้วยภาพเขียนทางศาสนาศิลปะแบบ "ทังก้า" (Thangkas) ซึ่งเป็นจิตรกรรมการเขียนภาพบนผืนผ้าของชาวทิเบต ซึ่งมีความประณีต สวยงามมาก ส่วนใครที่อยากบูชา "ภาพ" ของพระธาตุครบองค์ ก็มีโปสเตอร์ให้ซื้อกลับไปบูชาในงานครั้งนี้

     งานครั้งนี้จัดขึ้นให้ประชาชนเข้ากราบไหว้สักการะและขอพร พระบรมสารีริกธาตุ แบบไม่มีการเสียค่าเข้าชมงาน จึงขอเชิญชวนประชาชน ผู้สนใจผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลาย เข้าร่วมงานที่บริเวณฮอลล์ 2 อิมแพค เมืองทองธานี ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. วันที่ 28 พฤศจิกายน และในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ จะมีพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุในวิถีแห่งทิเบตครั้งแรกในเมืองไทย เพื่อนำขึ้นประดิษฐาน ณ มณฑปพิธีอย่างเป็นทางการ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธาน สำหรับรายได้จากการร่วมทำบุญซื้อดอกไม้ ธูป เทียน และเงินบริจาค มอบให้กับวัดยานนาวา กทม. เพื่อสมทบทุนสร้างศาลาเฉลิมพระเกียรติ

เพื่อเป็นการเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับเหตุการณ์ในปี 2552 ไม่ว่าจะดีหรือร้ายอย่างไร การทำบุญทำกุศลไว้ก็ไม่เสียหลาย และยังเป็นความสุขทางใจที่ก่อให้เกิดความสงบสุข ท่ามกลางความขัดแย้งวุ่นวายที่ดูเหมือนไม่มีวันยุติลงง่ายๆ


การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ วิถีแห่งทิเบตครั้งแรกในไทย

     เริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น. วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธี ซึ่งขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุครั้งนี้ ประกอบด้วยริ้วขบวนต่างๆ ซึ่งเป็นไปตามแบบวิถีทางทิเบต ได้แก่ ขบวนวงดุริยางค์ ตามด้วยริ้วขบวน "เตรนเทรน" ซึ่งจะถือกระถางธูปทิเบต มีความหมายแทนการทำให้ขบวนสะอาดบริสุทธิ์ ต่อด้วยริ้วขบวน "ธงอัษฏมงคลทั้ง 8" สัญสักษณ์ที่เป็นมงคล 8 ประการของทิเบต ตามด้วยริ้วขบวน "โซนัม" ซึ่งหมายถึงผู้มีบุญบารมีในขบวน จากนั้นเป็นริ้วขบวน "กูเต็น" มีความหมายถึงสิ่งแทนกายพระพุทธเจ้า ภายในขบวนจะเป็นการอัญเชิญพระพุทธรูปโบราณทางทิเบต ริ้วขบวน "ซุงเต็น"หมายถึงสิ่งแทนวาจาพระพุทธเจ้า ในขบวนนี้จะประกอบด้วยผู้ที่อัญเชิญพระคัมภีร์ทางศาสนาของทิเบตทั้ง 9 และผู้ที่เป่าแตรยาวของแท้จากทิเบต ซึ่งหาชมได้ยาก ริ้วขบวน "ทุกเต็น" หมายถึงสิ่งแทนใจพระพุทธเจ้า ในริ้วขบวนนี้จะเป็นริ้วขบวนที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุองค์รวม และยังประกอบไปด้วยพระสถูปของทิเบตที่มีความสวยงามมาก สุดท้ายเป็นริ้วขบวน

"เกียลเซ็น" ซึ่งจะเป็นริ้วขบวนที่ตัวแทนแต่งกายในชุดทิเบตถือธงธวัชชัย ธงมงคลและเป็นเอกลักษณ์ของทิเบต


สุวิมล เชื้อชาญวงศ์: รายงาน

ขอขอบคุณ
ที่มา :
มติชนรายวัน วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 หน้า 20

H O M E



Create Date : 28 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2551 17:25:15 น. 0 comments
Counter : 1277 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.