Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
26 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
วัดยานนาวา



วัดยานนาวา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ติดถนนเจริญกรุง เขตยานนาวา เป็นวัดโราณ มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา

ประวัติ


     วัดยานนาวา ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้านตะวันออก บริเวณด้านใต้บ้านอู่ อันเป็นแหล่งต่ออู่สำเภาและซ่อมแซมเรือสำเภาเมืองบางกอก เดิมมีนามว่า “ วัดคอกควาย” สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนกลาง ราวๆสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แต่ไม่ปรากฏนามผู้สร้าง ในสมัยกรุงธนบุรี ( ประมาณ พ. ศ. ๒๓๑๙) พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “ วัดคอกกระบือ” และทรงสถาปนาเป็นพระอารามหลวงเพื่อเป็นที่สถิตของพระราชาคณะ

เมื่อปี พ. ศ. ๒๓๒๕ อันเป็นปีที่ ๑ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกพร้อมๆกับการสร้างกรุงเทพมหานคร พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานวิสุงคามสีมาพร้อมกับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างพระอุโบสถขึ้นใหม่ มีขนาดเล็กแทนพระอุโบสถเดิมที่ชำรุดตั้งแต่คราวกรุงศรีอยุธยาแตก และเมืองบางกอกถูกพม่ายึด ได้รับความเสียหายมาก โดยพระอุโบสถที่สร้างขึ้นใหม่นี้ หันหน้าไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ และพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ทรงพระกรุณาเสด็จฯพระราชทานผ้าพระกฐินที่วัดนี้ โดยกระบวนพยุหยาตรา ทางชลมารค เป็นระยะทางประมาณ๑๒๖ เส้น ตั้งแต่ปี พ. ศ. ๒๓๓๐-๒๓๕๓ เป็นประจำทุกปี



     ต่อมา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างหมู่กุฏิสงฆ์ และให้ปฏิสังขรณ์พระอารามส่วนที่ทรุดโทรม กับทรงมีพระราชดำริว่า พระอุโบสถเดิมมีขนาดเล็ก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์และขยายพระอุโบสถให้มีขนาดใหญ่ขึ้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ บริจาคพระราชทรัพย์ ๑, ๐๐๐ ชั่ง ทำสัตตสดกมหาทาน และทรงทิ้งฉลากพระราชทานพระราชโอรสพระราชธิดา และของต่างๆ ถวายเป็นพุทธบูชาในคราวนั้น ครั้งหนึ่ง

อนึ่ง ในปี พ . ศ. ๒๓๘๗ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ทรงมีพระราชประสงค์จะสร้างพระสถูปเจดีย์ไว้ที่ วัดคอกกระบือ เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการที่พระองค์ทรงใช้เรือสำเภาขนสินค้าไปทำมาค้าขายถึงเมืองจีนและประเทศต่างๆ โดยทรงมีพระราชดำริว่า ต่อไปในภายหน้ารูปลักษณ์เรือสำเภาอาจจะเปลี่ยนไป คนรุ่นหลังอาจจะจำรูปลักษณ์สำเภาจีนที่พระองค์ทรงใช้เป็นพาหนะไม่ได้ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เห็นและจำรูปแบบเรือสำเภาจีนที่พระองค์ทรงใช้เป็นพาหนะได้ กับทรงรำลึกถึงพระธรรมในเวสสันดรชาดกด้วยจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างพระสถูป เจดีย์ เป็นแบบอย่างใหม่ขึ้น เป็นสำเภาจีนมีพระเจดีย์ ๒ องค์อยู่บนเรือ กล่าวอีก นัยหนึ่งก็คือ ทรงสร้างพระสถูปเจดีย์มีฐานเป็นเรือสำเภาจีน พร้อมกับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม วัดคอกกระบือ ว่า “ วัดญานนาวาราม” ตามพระสำเภาพระเจดีย์ที่ทรงสร้างถวายไว้ ซึ่งแปลว่า “ ญาณอันเป็นพาหนะดุจดั่งสำเภาข้ามโอฆะสงสาร” ซึ่งสืบเนื่องมาจากมหาชาติคำหลวงเรื่องพระเวส สันดรชาดก ตอนพระเวสสันดร ทรงตรัสเรียกกัณหาและชาลี ให้อุทิศตนร่วมกับพระบิดาสร้างมหากุศลอันเป็นเสมือนสำเภาใหญ่พามนุษยชาติข้ามโอฆะสงสารไปสู่พระนิพพาน
กับทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างรูปหล่อสำริดพระเวสสันดร กัณหาและชาลีไว้บน พระสำเภาพระเจดีย์ นี้ด้วย สำหรับชื่อ “ วัดญานนาวาราม” นี้ต่อมาได้เลือนมาเป็น “ วัดยานนาวา” ที่มีความหมายใกล้เคียงกับชื่อเดิม คือ “ วัดอันมีพาหนะดุจสำเภาในการที่จะนำพาเวไนยสัตว์ให้ข้ามพ้นโอฆะสงสาร”

พระสำเภาพระเจดีย์



     พระสำเภาพระเจดีย์ วัดยานนาวา นี้ ได้กลายมาเป็นต้นแบบในการสร้าง พระสำเภากระจาดใหญ่ ในงานพระราชพิธีเทศน์มหาชาติในรัชกาลที่ ๔ และรัชกาลที่ ๕ ที่จัดขึ้นที่หน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ มาแต่บัดนั้น คือราว พ. ศ. ๒๔๐๙ ในคราวที่ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ( พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕) ทรงถวายกัณฑ์เทศน์มหาชาติ กัณฑ์สักกบรรพ เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม พ. ศ. ๒๔๐๙ และในปี พ. ศ. ๒๔๓๔ ในคราวที่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงถวายกัณฑ์เทศน์มหาชาต กัณฑ์สักกบรรพ เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม พ. ศ. ๒๔๓๔ เช่นกัน

นอกจากนั้น พระเจดีย์ ทั้ง ๒ องค์ ที่อยู่บน พระสำเภา วัดยานนาวานั้น ยังเป็น รูปแบบสถาปัตยกรรม“ แบบขนบประเพณี” พระเจดีย์ แบบย่อมุมไม้สิบหก และ แบบย่อมุมไม้ยี่สิบ ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ ตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ที่มีความงามและเป็นเอกลักษณ์ยิ่ง ยากที่จะหา พระเจดีย์ แบบนี้ในปัจจุบันให้อนุชนได้ศึกษาและดูเป็นแบบอย่างได้ โดยปรกติ การสร้างสถูปเจดีย์นั้น ผู้สร้างมักจะสร้างเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือเป็นอุทิศสถานเจดีย์ เป็นพุทธบูชาหรือเพื่อเป็นที่บรรจุอัฐิของบุคคลที่ตนเคารพรัก เพื่อเป็นอนุสรณ์

แต่ พระเจดีย์ ๒ องค์ ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างไว้บน พระสำเภา วัดยานนาวานี้ ไม่มีหลักฐานหรือร่องรอยใดๆว่าได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ หรือบรรจุอัฐิด้วยเหตุนี้ จึงมีหลายท่านสัณนิษฐานว่า ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างพระเจดีย์องค์ใหญ่น้อย เพียง ๒ องค์ ไว้ในพระสำเภา คงจะทรงตั้งพระราชหฤทัยอุทิศพระราชกุศลแก่พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าลักขณา (ซึ่งเป็นพระบิดาของพระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดีพระอัครชายาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ที่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว และเพื่อจะทรงแผ่พระราชกุศลแก่พระเจ้าลูกเธอกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ให้หายพระประชวร

พระวิหารเก๋งจีน

     พระวิหารเก๋งจีน นั้น สันนิษฐานว่า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวสร้างไว้เพื่อจะใช้เป็นที่ประทับทรงพักพระอิริยาบถ และเพื่อให้ใช้เป็นที่บำเพ็ญบุญกุศลของพุทธศาสนิกชนทั่วไปด้วย

พระแท่นที่ประทับ

     พระแท่นที่ประทับ ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น สันนิษฐานว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างไว้ เช่นเดียวกับพระแท่นที่ประทับที่ วัดโปรดเกศเชษฐาราม และพระแท่นที่ประทับใต้ต้นพิกุล วัดราชโอรสาราม เพื่อทรงใช้เป็นที่ประทับพักพระอิริยาบถ ชั่วคราว ก่อนที่จะเสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พระอุโบสถ

ที่มา :
<<คลังปัญญาไทย>>


สำเภายานนาวา

สำเภายานนาวา มีความยาววัดจากหงอนข้างบน ถึงท้ายบาหลี (ห้องขนาดเล็กท้ายเรือสำเภา) 21 วา 2 ศอก ความยาวส่วนล่างวัดที่พื้นดิน 18 วา 1 ศอกเศษ ความกว้างตอนกลางลำเรือ 4 วา 3 ศอก ความสูงตอนกลางลำเรือ 2 วา 3 ศอก

นอกจากนี้ยังมีพระเจดีย์องค์ใหญ่และเล็กอยู่ในลำสำเภารวม 2 องค์ ที่ห้องบาหลีมีรูปหล่อของพระเวสสันดรกับพระกัญหาชาลีประดิษฐานอยู่ อันเนื่องมาจากเนื้อความในมหาชาติคำหลวง ที่พระเวสสันดรโน้มน้าวใจพระโอรสธิดาให้อุทิศตนร่วมกับพระบิดาสร้างมหากุศล เสมือนเรือสำเภาใหญ่พามนุษยชาติข้ามโอฆสงสารไปสู่พระนิพพาน

ด้านหลังบานประตูในพระอุโบสถ (ซึ่งสร้างในสมัยรัชกาลที่ 1) มีภาพจิตรกรรมสำคัญที่รัชกาลที่ 3 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้วาดขึ้น คือรูปกระทงใหญ่ ตามแบบที่ทำในพระราชพิธีลอยพระประทีป และโถยาคูตามแบบอย่างที่ทำเลี้ยงพระในพระราชพิธีสารทในรัชสมัยของพระองค์

พระพรหมวชิรญาณ (ประสิทธิ์ เขมงฺกโร ป.ธ.๓) เป็นเจ้าอาวาส

ที่มา :
<<วีกิพีเดียไทย>>






240 ปีพระอารามหลวงวัดยานนาวา สำเภาเจดีย์นำพามนุษย์สู่นิพพาน - (( เดลินิวส์ออนไลน์ ))

     สัปดาห์วันวิสาขบูชา วัดยานนาวา จัดงานสมโภชพระอารามหลวงครบ 240 ปี เป็นครั้งที่สองหลังจากสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมบูรณะ และสร้างสำเภาพระเจดีย์ถวายเป็นพุทธบูชาไว้ที่วัดนี้ และพระราชทานชื่อวัดใหม่ว่าวัดยานนาวา แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดสมโภชพระอารามหลวงในปี พ.ศ. 2390

วัดยานนาวา ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้านตะวันออก บริเวณด้านใต้บ้านอู่ อันเป็นแหล่งต่ออู่สำเภาและซ่อมแซมเรือสำเภาเมืองบางกอก เดิมมีนามว่า "วัดคอกควาย" สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนกลาง ราว ๆ สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แต่ไม่ปรากฏนามผู้สร้าง

     ในสมัยกรุงธนบุรี (ประมาณ ปี พ.ศ. 2319) พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ว่า "วัดคอกกระบือ" และทรงสถาปนาเป็นพระอารามหลวงเพื่อเป็นที่สถิตของพระราชาคณะ

ในปี พ.ศ. 2387 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงมีพระราชประสงค์จะสร้างสถูปเจดีย์ไว้ที่ วัดคอกกระบือ เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการที่พระองค์ทรงใช้เรือสำเภาขนสินค้าไปทำมาค้าขายถึงเมืองจีน และประเทศต่าง ๆ ทรงมีพระราชดำริว่า ต่อไปภายภาคหน้ารูปลักษณ์เรือสำเภาอาจจะ เปลี่ยนไป คนรุ่นหลังอาจจะจำรูปลักษณ์สำเภาจีนไม่ได้

     อีกนัยหนึ่ง ทรงสร้างพระสถูปเจดีย์มีฐานเป็นเรือสำเภาจีน พร้อมกับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม วัดคอกกระบือ ว่า "วัดญานนาวาราม" ตามพระสำเภาพระเจดีย์ที่ทรงสร้างถวายไว้ ซึ่งแปลว่า ญาณอันเป็นพาหนะดุจดั่งสำเภาข้ามโอฆะสงสาร

สืบเนื่องมาจากมหาชาติคำหลวงเรื่องพระเวสสันดรชาดก ตอนพระเวสสันดร ทรงตรัสเรียกกัณหา และชาลี ให้อุทิศตน ร่วมกับพระบิดาสร้างมหากุศลอันเป็นเสมือนสำเภาใหญ่พามนุษยชาติข้ามโอฆะสงสาร ไปสู่นิพพาน กับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างรูปหล่อสำริดพระเวสสันดร กัณหาและชาลีไว้บนพระสำเภาพระเจดีย์ นี้ด้วย

ต่อมาชื่อ "วัดญานนาวาราม" ได้เลือนมาเป็น "วัดยานนาวา" ที่มีความหมายใกล้เคียงกับชื่อเดิม คือ "วัดอันมีพาหนะดุจสำเภาในการที่จะนำเวไนยสัตว์ให้ข้ามพ้นโอฆะ สงสาร"

     ในโอกาสครบรอบ 240 ปีของวันสถาปนาเป็นพระอารามหลวง ในปีนี้ได้จัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งในพิธีบำเพ็ญกุศลสมโภชได้ตรงกับวันเกิดของเจ้าอาวาส พระพรหมวชิรญาณ คือวันที่ 24 พ.ค.

พระพรหมวชิรญาณในฐานะประธานอำนวยการจัดงานฯ ฝ่ายบรรพชิต กล่าวว่า ได้รับ พระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ พร้อมพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทรงเป็นองค์ประธาน ในพิธีสมโภช พระอารามหลวงวัดยานนาวาครบ 240 ปีในวันอาทิตย์ที่ 25 พ.ค. 2551

โดยมีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการอำนวยการจัดงานฝ่ายคฤหัสถ์ และพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการกองทัพบกเป็นประธานคณะกรรมการจัดงาน ในการนี้สมเด็จพระมหาสังฆนายกะ ประมุขสงฆ์แห่งประเทศศรีลังกา ได้อัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุมาถวายเพื่อประดิษฐาน ณ วัดยานนาวาด้วย

     ทั้งนี้ในปี 2551 เป็นปีแห่งการสมโภชพระอารามหลวงวัดยานนาวาครบ 240 ปี จึงมีการจัดแสดงแสง เสียง เล่าขานถึงวัดสามแผ่นดินแห่งนี้เป็นครั้งแรก พร้อมเปิดให้ประชาชนได้ชมทุกวันวันละ 2 รอบ ในเวลา 19.00 น. และ 20.00 น. ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค.-15 มิ.ย. 2551 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมทั้งมีกิจกรรมสวดมนต์เย็น ฟังธรรมเทศนา มหาชาดกสิบชาติพระพุทธเจ้า

     นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมมหาพุทธบูชาเริ่มตั้งแต่วันวิสาขบูชาโลกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 ไปจนถึงวันวิสาขบูชาโลก พ.ศ. 2552 ประกอบด้วย 1.งานวิสาขมหาพุทธบูชา 2.งานอาสาฬหมหาบูชา 3.งานเข้าพรรษา วัสสูปนายิกา มหาพุทธบูชา 4.งานทอดกฐินพระราชทาน 5.งานมหาพุทธบูชาในวันลอยกระทง 6.งานมหาพุทธบูชาในวันขึ้นปีใหม่ 7.งานมาฆมหาพุทธบูชา ปี 2552 8.งานมหาสงกรานต์ปี 2552 9.งานวิสาขมหาพุทธบูชาปี 2552

และยังมีกิจกรรมพุทธศาสนาที่เยาวชนสามารถเข้ามา มีส่วนร่วมจัดโดยกระทรวงศึกษาธิการ จัดการแข่งขันประกวดสวดมนต์ทำนองสรภัญญะ สรรเสริญคุณพระรัตนตรัย และคุณบิดามารดาระดับประเทศด้วย

     ไฮไลต์สำคัญของงานนี้ คัดเลือกศิลปินธรรมทูต ผู้นำในการเผยแผ่ความรู้ด้านธรรมะ และพระพุทธศาสนาเพื่อชักชวนให้ประชาชนเข้าวัดตลอดเวลา แม้จะเป็นเวลาหลังเลิกเรียน หลังเลิกงาน รวมถึงได้รับความรู้ทางธรรมไปใช้ในชีวิตประจำวัน ปีนี้ศิลปินธรรมทูต แอน ทองประสม, สู่ขวัญ บูลกุล, ภัทรพล ศิลปาจารย์, เขมนิจ จามิกรณ์, ธนพร แวกประยูร

     กิจกรรมสมโภชพระอารามหลวง 240 ปี วัดยาน นาวาในฐานะวัดมหานิกาย มุ่งหวังให้เหล่ากิจกรรมทางพุทธศาสนาช่วยจรรโลง กล่อมจิตใจเหล่าพุทธศาสนิกชนบริสุทธิ์ ร่มเย็น อันเป็นหนทางแห่งการพ้นทุกข์ ดั่งกับสัญลักษณ์ของวัด "สำเภาเจดีย์" ที่จะนำพา มนุษยชาติข้ามโอฆะสงสารไปสู่นิพพาน ให้จงได้.

H O M E




Create Date : 26 พฤษภาคม 2551
Last Update : 22 กรกฎาคม 2551 21:14:10 น. 4 comments
Counter : 5086 Pageviews.

 
สอบถามด่วน งานสมโภชพระบรมสารีริกธาตุวัดยานนาวา ได้ไปกราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุรู้สึกปิติมาก ซึ่งงานจัดแสดงพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุอรหันต์สาวก คนในงานเยอะมาก เห็นป้ายบอกทางไปชั้น3ประทับพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งอยู่อาคารเดียวกับชั้น1ที่รวมพระธาตุ หมายความว่าถ้าเราขึ้นไปนมัสการที่ชั้น 3 เราก็ยืนตำแหน่งเหนือพระบรมสารีริกธาตุชั้น 1 จะบาปมั้ยค่ะ เห็นบางคนใส่กระโปรงบ้าง จะผิดประเพณีสำหรับผู้หญิงรึเปล่าค่ะ แล้วถ้าผิดจะผิดยังงัยค่ะ เพราะอยากขึ้นไปนมัสการมาก ขอบพระคุณท่านผู้มีความรู้เป็นอย่างยิ่งที่ให้คำตอบมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ อนุโมทนาสำหรับความรู้ด้วยค่ะ


โดย: l IP: 116.58.231.242 วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:15:52:57 น.  

 
ต้องขอบอกก่อนว่า ตัวเองยังไม่มีโอกาสได้ไปนมัสการนะคะ แต่จากที่คิด ชั้น 3 ที่ประทับพระเขี้ยวแก้วไม่น่าจะให้ไปถึงได้ หรืออาจจะให้นมัสการ ณ มุมใดมุมหนึ่งรึป่าวคะ? ความรู้สึกของเราเป็นผู้หญิง ก็ดูจะไม่เหมาะ แต่นัยว่า ถ้าทางวัดให้ขึ้นไปนมัสการได้ ทางวัดคงจะเห็นควรว่าเหมาะสมแล้ว แต่สำหรับความรู้สึกเรา ดูไม่เหมาะสม ก็นมัสการทางทิศที่ประทับ ก็น่าจะอิ่มบุญแล้วหละค่ะ ยังงัยพรุ่งนี้จะลองโทรสอบถามทางวัดดูให้นะคะ ได้เรื่องแล้วจะมาโพสต์แจ้งค่ะ..อนุโมทนาด้วยค่ะ


โดย: jenifaae วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:18:07:48 น.  

 
โทรไปสอบถามทางวัดให้แล้วนะคะ ได้ความว่า ขึ้นไปนมัสการได้ ไม่บาปอะไร เหมือนตามที่คิดไว้หนะค่ะ เพราะทางวัดก็เห็นว่าเหมาะสมแล้ว ขึ้นไปได้ทุกคน...เบอร์วัดยานนาวานะคะ 02-6757733


โดย: jenifaae วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:12:05:28 น.  

 
งง ^_^


โดย: ใครสักคน IP: 14.207.113.236 วันที่: 25 มิถุนายน 2556 เวลา:18:29:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.