Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
23 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
"จตุจักร" มีมากกว่าช้อปปิ้ง



     หากพูดถึง "เขตจตุจักร" ภาพของตลาดนัดสวนจตุจักร ตลาดนัดชื่อก้องโลก ที่มากมายสารพัดสารพันไปด้วยสินค้าต่างๆนานาคงลอยเด่นขึ้นมาในใจของใครหลายคน โดยเฉพาะขาช้อปทั้งหลาย

แต่หากพินิจพิเคราะห์ดูให้ดีจะพบว่าเขตจตุจักรน่าจะนับได้ว่าเป็นเขตแห่งสวนสาธารณะก็ว่าได้ เพราะเขตนี้มีสวนสาธารณะขนาดใหญ่อยู่ถึงสามแห่งด้วยกัน นับเป็นหนึ่งในเขตปอดเมืองกรุงที่น่าสนใจไม่น้อยเลย นอกจากนี้เขตจตุจักรยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง ให้ผู้สนใจเที่ยวกันเพลินไปเลย

แต่ก่อนที่จะไปตะลุยเที่ยวเขตจตุจักร ฉันว่าเรามารู้จักชื่อของเขตจตุจักรกันก่อนดีกว่า ชื่อนี้เป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งหมายถึง สี่รอบราศี เพราะสวนจตุจักรนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในปีที่พระองค์ทรงมีพระ ชนมพรรษาครบ 4 รอบ โดยแต่เดิมนั้นเขตจตุจักรเคยเป็นแขวงลาดยาว ส่วนหนึ่งของเขตบางเขนมาก่อน ก่อนที่จะแยกตัวออกมาเป็นเขตจตุจักรอย่างในปัจจุบัน


     ส่วนสวนสาธารณะขนาดใหญ่สามแห่งที่ฉันกล่าวไว้ตอนต้น ก็เริ่มตั้งแต่ "สวนจตุจักร" สวนรุ่นพี่ขาใหญ่ในย่านนี้เพราะสร้างขึ้นเป็นสวนสาธารณะก่อนที่อื่น โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยได้น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินเพื่อก่อสร้างสวนสาธารณะตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 4 รอบ อีกทั้งพระราชทานชื่อสวนไว้ว่า "สวนจตุจักร" และเปิดให้บริการประชาชนเมื่อปี 2523

พื้นที่ 190 ไร่ของสวนจตุจักรนั้นเป็นประกอบไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า ไม้ดอกไม้ประดับ นาฬิกาดอกไม้ สระน้ำคดเคี้ยว สะพานคดโค้ง จักรยานน้ำไว้ให้ถีบจู๋จี๋กัน และนอกจากนั้นก็ยังมีประติมากรรมในสวนอาเซียน ซึ่งเป็นผลงานจากศิลปินชั้นนำในประเทศอาเซียน ได้แก่บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย

ในรั้วเดียวกันกับสวนจตุจักรนี้ ก็ยังมี "หอเกียรติภูมิรถไฟ" ที่ผู้หลงใหลรถไฟไม่ควรพลาด เพราะมีเรื่องราวความรู้เกี่ยวกับรถไฟหลายอย่างให้ได้ชมกัน ทั้งรถจักรไอน้ำ หมายเลข 10089 ที่เป็นรถจักรไอน้ำรุ่นสุดท้ายที่บริษัทเกียวซานโกเกียวในญี่ปุ่นสร้างขึ้น ก่อนเลิกกิจการเพราะหมดยุคไอน้ำเมื่อสามสิบปีก่อน มีรถจักรไอน้ำสูงเนิน ที่ทำหน้าที่ขนฟืนขนน้ำจากป่ามาให้ขบวนรถไฟลากจูงด้วยรถจักรไอน้ำใช้ที่ สถานีสูงเนินกลางดงพญาไฟในอดีต อีกทั้งยังมีตู้รถไฟที่ลากจูงคันแรก คือ "รถ ร.พ." ซึ่งเป็นตู้รถไฟไม้สักทองที่นับได้ว่าเก่าที่สุดในประเทศไทยที่พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอฯ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ให้ออกแบบเป็นรถพยาบาลหลังแรกของไทย


     และยังมีตู้รถไฟที่เรียกว่าเป็นรถจัดเฉพาะ เช่น รถ จ.พ. รถจัดเฉพาะพยาบาล รถ จ.ขจก. ตู้รถที่บรรทุกทหารที่จะไปปราบปรามโจรก่อการร้าย รวมทั้งมี รถจ.ล.ย. ตู้รถจัดเฉพาะลำไย ที่เอาไว้จัดส่งลำไยอีกด้วย ส่วนด้านในพิพิธภัณฑ์ก็มี "หอเกียรติภูมิยานยนต์ พีระ-เจ้าดาราทอง" มีรถยนต์เก่าแก่อย่างรถเฟี๊ยตโทโปลิโน่ รถดัทสันบลูเบิร์ด และสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ อีกมากมาย

จากสวนจตุจักรข้ามถนนกำแพงเพชร 3 มาที่ "สวนวชิรเบญจทัศ" หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ "สวนรถไฟ" หรือในอดีตเคยเป็นสนามกอล์ฟของการรถไฟแห่งประเทศไทยมาก่อน ก่อนที่จะจัดสร้างเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ 375 ไร่ ให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์โดยทั่วกันในปี 2545

สวนรถไฟวันนี้ถือเป็นสวนยอดนิยมที่สุดในย่านจตุจักร เพราะความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่มากมาย มีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมกันได้ทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่สนามเด็กเล่น สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก สนามกีฬา ลานแอโรบิก สระน้ำสำหรับพายเรือแคนู เส้นทางจักรยานให้ขี่กินลมพร้อมร้านเช่าจักรยานให้เลือกหลายร้าน มีเมืองจราจรจำลองสำหรับเป็นสถานที่ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้กฎจราจรและฝึกการใช้จักรยานอย่างถูกต้อง และพื้นที่กว้างขวางสำหรับออกกำลังกันกายได้ทุกรูปแบบ


     และด้วยความที่มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น ทำให้บริเวณสวนนี้เป็นที่อยู่อาศัยของนกหลายชนิด และกลายเป็นสถานที่สำหรับการดูนกแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ไปด้วยเช่นกัน

ในรั้วของสวนรถไฟนี้ ยังเป็นที่ตั้งของ "อุทยานผีเสื้อและแมลงกรุงเทพ" สถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่เรียนรู้ทางธรรมชาติ ที่เหมาะสำหรับเด็กๆ เพราะจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับโลกของผีเสื้อและแมลงต่างๆ ทั้งเรื่องการกำเนิดผีเสื้อ และแมลง สายใยในระบบนิเวศ ความสำคัญของแมลงและความสัมพันธ์ในระบบนิเวศ

และไฮไลท์ของที่นี่ก็คือการได้มาชมผีเสื้อนับร้อยที่บินกันให้ว่อน อยู่ในกรงจัดแสดงผีเสื้อ ซึ่งเป็นกรงตาข่ายขนาดใหญ่ที่มีการจัดสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกับธรรมชาติ โดยมีทั้งบ่อน้ำ ลำธาร น้ำตก ต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ ทำให้ผีเสื้อเหล่านี้อยู่กันอย่างมีความสุข และคนที่ได้มาชมก็รู้สึกมีความสุขตามไปด้วย


     และสวนอีกแห่งหนึ่งที่มีรั้วติดกันกับสวนรถไฟ ก็คือ "สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์" พื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยอีกเช่นกัน โดยที่ดินจำนวน 208 ไร่นี้ได้น้อมเกล้าฯ ถวายในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ

สวนสมเด็จพระนางเจ้าฯนี้มีความโดดเด่นตรงที่เป็นสวนป่ากลางกรุง เพราะได้รวบรวมและอนุรักษ์พันธุ์ไม้ ทั้งในและต่างประเทศเอาไว้มากมาย ถือเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่สมบูรณ์แห่งหนึ่งของประเทศไทย และยังมีการรวบรวมพันธุ์ไม้ในพระนาม "ควีนสิริกิติ์" เอาไว้อย่างครบถ้วนอีกด้วย

และหากใครจูงลูกจูงหลานมาที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าฯ นี้แล้ว ก็อย่าลืมแวะไปที่ "พิพิธภัณฑ์เด็ก" ในรั้วเดียวกัน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่น่าเบื่อเหมือนที่ใครๆคิด เพราะเขาตั้งใจทำมาให้ดึงดูดความสนใจจากเด็กๆ และเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ให้เราลงมือทำด้วยตนเอง หรือที่เรียกว่า Edutainment ซึ่งก็แบ่งเป็นส่วนต่างๆ เช่น ชีวิตของเรา ที่จำลองตัวอสุจิเลเซอร์วิ่งเข้าไปในไข่ของแม่ และมีการจำลองที่นั่งภายในครรภ์เอาไว้ให้เด็กๆ ได้กลับคืนสู่ท้องแม่อีกครั้ง


     มีส่วนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ และเครื่องเล่นต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์ เช่น ท่อลมส่งจดหมาย ฟองสบู่ยักษ์ที่ถูกดึงขึ้นมาครอบตัวเด็กๆได้ทั้งตัว และเครื่องเล่นอื่นๆ อีกมากมาย ห้องเกี่ยวกับเทคโนโลยี ให้ความรู้เกี่ยวกับไฟฟ้าการทำงานของเครื่องยนต์ต่างๆ บางห้องจัดเป็นบรรยากาศชนบท จัดแสดงเครื่องแต่งกาย และมีภาษาถิ่นสำคัญให้ฟังผ่านหูฟัง

นอกจากนั้นที่พิพิธภัณฑ์เด็กยังยังมีการจำลองอาชีพต่างๆ ไว้ให้เด็กๆได้ลองเรียนรู้ เช่น คลินิกฟ้าใส ให้เด็กๆได้ทดลองเป็นพยาบาลและคุณหมอทำฟัน และที่ตะวันยิ้มมินิมาร์ท เด็กๆ ก็สามารถมาฝึกขายของเผื่อในอนาคตจะมีกิจการเป็นของตัวเองด้วยก็ได้ หรือถ้าอยากเล่นกลางแจ้งก็มีลานสันทนาการให้ออกกำลังกันกับพีระมิดตาข่าย มุมนักขุด และเครื่องเล่นต่างๆ อีกมากมาย

หมดเรื่องสวนทั้งหมดทั้งมวลนี้แล้ว แต่เขตจตุจักรยังไม่หมดของดี เพราะฉันยังไม่ได้พูดถึง "ตลาดนัดสวนจตุจักร" ที่แต่เดิมนั้นเคยเป็นตลาดนัดสนามหลวง แต่ได้ย้ายสถานที่มาอยู่ในย่านจตุจักรนี้เมื่อปี 2525 และได้กลายเป็นตลาดนัดแห่งสำคัญที่กินเนสส์บุ๊ค เวิลด์ ออฟ เร็คคอร์ด บันทึกไว้ว่าเป็น "ตลาดนัดใหญ่ที่สุดในโลก" มีพื้นที่ขนาดใหญ่ราว 70 ไร่ มีแผงขายของนับหมื่นแผง ในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ตลาดนัดนี้จึงเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่มาเดินเลือกซื้อสินค้ากัน


     สินค้าที่ว่านั้นก็มีขายทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นและเครื่องประดับทุกแบบทุกแนว ของตกแต่งบ้านหลากหลายสไตล์ ของตกแต่งสวนทั้งน้ำพุ หิน อ่างปลาต่างๆ สัตว์เลี้ยงอย่างหมา แมว กระต่าย ปลา และสัตว์แปลกอย่างกิ้งก่า เม่น งู ฯลฯ อาหารสำเร็จรูปและอาหารแห้ง ต้นไม้ใบไม้และอุปกรณ์ทำสวน หนังสือเก่า และอีกหลากหลายประเภทสินค้า ที่หากอยากจะเดินดูให้ทั่วทุกซอกมุมก็คงต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งวันแน่นอน

แต่หากใครอยากเดินตลาดสด ที่ "ตลาด อตก." ที่อยู่ติดกับตลาดนัดจตุจักรนั้นก็มีสินค้าอาหารสดให้เลือกซื้อกัน ทั้งเนื้อสัตว์ผลไม้ อาหารสำเร็จรูปก็มีให้ซื้อกลับไปกินที่บ้านได้เช่นกัน รวมไปถึงขนมไทยต่างๆ ด้วย โดยในตลาดนี้ก็มีทั้งของถูกของแพง ก็ต้องใช้ฝีมือในการเลือกและฝีปากในการต่อรองช่วยในการซื้อด้วย

หากใครยังมีเวลาเหลือหลังจากที่เดินเที่ยวจนครบทุกแห่งข้างต้นมาแล้ว จะแวะไปชม "พิพิธภัณฑ์อัยการ" ที่มีหนังสือกฎหมายเก่า จดหมายเหตุสำนวนคดีสำคัญในอดีต และอุปกรณ์สำนักงานต่างๆ หรือจะเป็น "พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย" ที่มีการจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเงินการธนาคารของชาติ วิวัฒนาการเงินตรา วิวัฒนาการธนาคาร เป็นต้น โดยจัดแสดงแบบมัลติมีเดียทันสมัย ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง

และนี่ก็คือเสน่ห์ของเขตจตุจักรที่ไม่ได้มีดีแค่ช้อปปิ้งเท่านั้น

Credit : ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กันยายน 2551

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์

H O M E



Create Date : 23 กันยายน 2553
Last Update : 23 กันยายน 2553 23:32:45 น. 0 comments
Counter : 1313 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.