Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
20 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
คนดีที่รัฐเมิน


โดย ไมตรี จงไกรจักษ์


*ศักดิ์ดา พรรณรังสี เป็นแกนนำชุมชนบ้านน้ำเค็ม จ.พังงา ที่ไม่เคยคิดเรื่องของตัวเองเลย กว่า 4 ปี ศักดาเป็นแกนหลักในการร่วมกับเพื่อนชาวบ้านก่อตั้งธนาคารชุมชนบ้านน้ำเค็ม และตั้งศูนย์ประสานงานชุมชนบ้านน้ำเค็ม ช่วยกันรวมคนในศูนย์พักชั่วคราวตั้งแต่เมื่อตอนเกิดภัยพิบัติสึนามิ

ครั้งหนึ่งศักดิ์ดาเคยถูกชาวบ้านปาด้วยไข่กับกระทะ ขณะนั้นเขารับผิดชอบโกดังบริจาค ซึ่งชาวบ้านต้องการของให้ครบ แต่ในโกดังไม่มีของตามที่ชาวบ้านต้องการทั้งหมด ขาดน้ำมันทอดปลา ชาวบ้านโกรธที่ได้เฉพาะกระทะและไข่ไป แต่ศักดิ์ดาอดทนมาได้ทุกวันนี้ เขาสู้ทุกอย่างร่วมกันมา

คำหนึ่งที่ศักดิ์ดาชอบว่าเพื่อนๆ แกนนำประจำ และพวกเราจำได้ดี "ทำอะไรนักหนางานน่ะ ชาวบ้านกำลังเดือดร้อน" เขาเคยพูดกับเพื่อนบางคนตลอดมาเป็นเวลากว่า 4 ปี ทุกครั้งที่แกนนำคนหนึ่งคนใดจะหลุดออกจากระบบงานชุมชน เขาเป็นต้องเอ่ยมันออกมา แล้วเสียงหัวเราะก็เกิดขึ้นมาในวงทุกครั้งไป

     4 ปีแล้วที่พวกเราร่วมอุดมการณ์งานชุมชนมาด้วยกัน จนกระทั่งงานรำลึกสึนามิได้เวียนมาอีกครั้ง เมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา ศักดิ์ดาในฐานะเลขาฯคณะทำงาน เขามักรับหน้าที่จากคณะทำงานให้ต้อนรับผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองตลอดมา ครั้งนี้ก็เช่นกัน เสียงบรรยายสรุปดังออกจากปากศักดิ์ดาเช่นเคย ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการตั้งใจฟังศักดิ์ดาบรรยาย ท่านยังถามว่า "แล้วเรื่องแผนเตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติทำงานร่วมกับใครเหรอ" ศักดิ์ดาตอบทันทีว่า ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดครับ ทุกคนไม่ได้คิดอะไรเลยว่าการบรรยายครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสำคัญในชีวิตของศักดิ์ดา

ท่านรัฐมนตรีอาจจะยังจำชื่อศักดิ์ดาไม่ได้ด้วยซ้ำไป ศักดิ์ดาทั้งดูแล ต้อนรับและบรรยาย ควบหลายตำแหน่ง ทั้ง อปพร.คอยอำนวยความสะดวก และอื่นๆ ความตั้งใจแน่วแน่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยตลอดระยะเวลากว่า 4 ปี และครั้งนี้เช่นกัน "ผมเต็มที่ครับท่าน" เสียงรายงานต่อท่านรัฐมนตรี

*ศักดิ์ดายังคงปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม จนกระทั่งงานรำลึกสึนามิ 4 ปีเสร็จสิ้น เขาพร้อมลูกสาวจึงเดินทางกลับบ้าน และแล้วการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของศักดิ์ดาก็เกิดขึ้น เมื่อเขาและลูกสาวถูกรถชนเข้าอย่างจัง ขาหักทันที 3 ท่อน เช่นเดียวกับลูกสาวซึ่งขาหัก ส่วนคนที่ขับรถมาชนหนีตามระเบียบ แต่ไปไม่รอด เพราะขับไปชนต้นไม้ ชาวบ้านจึงช่วยจับตัวไว้และส่งให้ตำรวจ ซึ่งเขาเมาจนยืนแทบไม่ไหวอยู่แล้ว เมาแล้วทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส

ชาวบ้านช่วยกันนำศักดิ์ดาส่งโรงพยาบาลเวลาประมาณ 24.30 น. ของคืนวันที่ 26 แต่ทางโรงพยาบาลให้เขาให้นอนรอดูอาการและปฐมพยาบาลอยู่หลายชั่วโมง โดยเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลคนหนึ่งบอกให้ไปหาคนมาบริจาคเลือด เพื่อนหลายคนต่างช่วยกันส่งข่าวกลับไปที่บ้านน้ำเค็ม เพียงไม่ถึงชั่วโมงก็มีอาสาสมัครมาถึงโรงพยาบาลไม่น้อยกว่า 20 คน เพื่อบริจาคเลือดให้ศักดิ์ดา แต่ห้องบริจาคเลือดกลับไม่มีเจ้าหน้าที่รับบริจาค จนกระทั่งล่วงเลยเที่ยงวันของวันใหม่ ซึ่งผ่านไปแล้วกว่า 12 ชั่วโมง ศักดิ์ดาถึงได้เข้าห้องผ่าตัด พวกเราหลายคนเริ่มหงุดหงิด แต่ต้องทำใจเพราะอยู่ในโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอแล้ว

หลังออกจากห้องผ่าตัดและนอนพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล มีคนมาเยี่ยมศักดิ์ดาไม่ขาดสาย จนนางพยาบาลสงสัยจึงเข้ามาถามว่าศักดิ์ดาเป็นใคร ทำไมถึงมีคนมาเยี่ยมมากจัง

"เขาเป็นผู้นำชุมชนที่คนรัก โรงพยาบาลต้องดูแลดีๆ นะ" แม่ค้าขายไอติมตอบกับพยาบาล "พวกเราหวงน่ะ"

     เช้าวันที่ 29 ธันวาคม ทางโรงพยาบาลแจ้งให้รีบนำเงินมาชำระค่ารักษาพยาบาล เป็นเงินกว่า 7 หมื่นบาท เหตุการณ์ทั้งหมดมีคนกระทำให้ศักดิ์ดาเจ็บ ทั้งที่ไม่ได้เกิดจากการกระทำของเขาเลย แต่กรรมต้องตกกับศักดิ์ดาซ้ำอีก เมื่อทางโรงพยาบาลเร่งรัดให้จ่ายเงิน หากไม่สามารถหาหลักฐานเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ของรถที่ขับชนได้แล้ว ทั้งหมดต้องเป็นภาระของศักดิ์ดาที่กำลังนอนป่วยจนลุกไม่ไหวพร้อมกับลูกสาวขาหัก มีเพียงภรรยาที่ต้องคอยดูแล ขณะที่ลูกเขยของศักดิ์ดาวิ่งเร่ขายบ้านเพื่อเอาเงินมารักษาพ่อตาและภรรยา แต่ระยะเวลากระชั้นเกินกว่าที่จะขายได้

โรงพยาบาลหาทางออกด้วยการชะลอการจ่ายยาให้คนป่วยเพื่อกดดันให้เร่งแก้ปัญหาเรื่องค่ารักษาพยาบาล ศักดิ์ดาทราบข่าวจนเกิดอาการเครียดแน่นหน้าอกต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ พวกเราพยายามไปช่วยกันเจรจา แต่เขาอ้างว่า "เป็นหน้าที่ต้องทำตามระเบียบ เพราะทุกคนอ้างเหมือนกัน หากอนุโลมให้แล้วก็จะไม่มีใครติดตามเอกสารให้ พวกเขาต้องรีบดำเนินการให้เสร็จเพราะวันที่ 31 ธันวาคมเป็นวันหยุดยาว"

พวกเราขอร้องให้จ่ายยาให้ก่อนแล้วพวกเราจะตามเอกสารเกี่ยวกับรถให้ทีหลัง ผ่านไปจนบ่าย 3 โมง 4 นาที ทางโรงพยาบาลจึงอนุมัติจ่ายยาให้อีกครั้ง แต่คำถามเกิดขึ้นในใจคือโครงการรักษาฟรีของรัฐใช้ได้จริงหรือ?

คนมีความตั้งใจช่วยเหลือสาธารณะและสังคมอย่างศักดิ์ดา เช่นเดียวกับ "วีนา" ภรรยาของเขาก็เป็น อสม.เช่นเดียวกัน ลูกสาวคนที่ขาหักก็เป็น อสม. เรียกได้ว่าทั้งครอบครัวเป็นอาสาสมัครของสังคมชุมชนตลอดมา แต่เมื่อประสบเหตุร้ายด้วยตัวเองจนต้องรักษาตัวไม่น้อยกว่า 4-6 เดือน กลับถูกเมินเฉยจากกลไกของรัฐ ถือว่าเป็นกรณีตัวอย่างให้สังคมได้เห็นกระบวนการและขั้นตอนเพื่อเป็นบทเรียนให้รัฐบาลที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของระบบงานในกระทรวงสาธารณสุข

"ผมไม่เคยคิดน้อยใจแบบคนทั่วไปหรอก หลายคนว่าทำแต่ความดี ช่วยคนอื่นมา 4 ปีแล้วทำไมต้องมารับกรรม แต่ผมไม่ ผมเชื่อว่าความดีที่สั่งสมมาทั้งหมดเลยช่วยให้เจ็บแค่นี้ แต่ไม่ถึงตาย" น้าเหวียนซึ่งเป็นพ่อของศักดิ์ดากล่าว หลังจากนั่งคุยปรับทุกข์กันนาน

     วันที่ 4 มกราคม ศักดิ์ดาต้องผ่าตัดเป็นครั้งที่ 3 เพราะแผลติดเชื้อจนขาบวมมาก พยาบาลเป็นห่วงเป็นใยดี และยังเตือนศักดิ์ดาอยู่เรื่อยๆ เพื่อเป็นการเตือนสติคนป่วย "ต้องระวังแผลติดเชื้อนะ ไม่อย่างนั้นต้องตัดขาแน่" ศักดิ์ดาพยายามฝืนยิ้มและตอบว่า "ตัดก็ตัด"

ขาของศักดิ์ดาจะอยู่คู่กับใจที่มีแต่เดินไปข้างหน้าหรือไม่ เป็นเรื่องที่ทุกคนคอยลุ้น พวกเราพยายามเรี่ยไรเงินตั้งกองทุนไว้ดูแลในขณะที่เขานอนรักษาตัวด้วยการช่วยเหลือเบื้องตนของเพื่อนพ้องน้องพี่ ได้กว่าหมื่นบาทแล้ว จึงต้องระดมกันต่อเพราะเสาหลักของครอบครัว 2 คนต้องนอนพักแรมปี แล้วจะเลี้ยงปากเลี้ยงท้องกันอย่างไร


ขอขอบคุณ
ที่มา :
มติชนรายวัน วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2552

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์


H O M E



Create Date : 20 มกราคม 2553
Last Update : 20 มกราคม 2553 21:47:11 น. 0 comments
Counter : 788 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.