Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
18 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
บุกถิ่นภารตะ...เลาะแม่น้ำคงคา ตามรอยดินแดนพุทธภูมิ

โดย จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์



     ยามที่ร่างกายและหัวใจอ่อนล้า เพราะเผชิญปัญหาบ้านเมืองและเศรษฐกิจที่ปรวนแปร การเดินทางไปแสวงบุญยังดินแดนพุทธภูมิ ที่ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระศาสดาแห่งศาสนาพุทธ ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน น่าจะเป็นหนทางดับทุกข์ เพิ่มความสุขให้ชีวิต บรรเทาความวุ่นวายในจิตใจชาวพุทธได้ดีทีเดียว

ล่าสุดมีโอกาสไปกราบนมัสการพุทธสังเวชนียสถาน สถานที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้า 3 แห่งจากทั้งหมด 4 แห่ง ได้แก่ สถานที่แสดงปฐมเทศนา ณ เมืองสารนาถ สถานที่ปรินิพพาน ณ เมืองกุสินารา และสถานที่ประสูติ ณ เมืองลุมพินี ประเทศเนปาล ขาดเพียงสถานที่ตรัสรู้ ณ เมืองพุทธคยา เท่านั้น

     การเดินทางผจญภัยในดินแดนพุทธภูมิครั้งนี้ คณะของเรามีพระราชรัตนรังษี ซึ่งเป็นประธานสงฆ์ จากวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ และพระมหาภุชงค์ รับหน้าที่เป็นพระวิทยากรบรรยายความสำคัญของสถานที่แต่ละแห่งด้วย ซึ่งพระวิทยากรทั้งสองท่านได้เทศน์ให้ความรู้กับพวกเราในรูปแบบเพลิดเพลินใจ ฟังสบาย ไม่น่าเบื่อตลอดการเดินทาง

     ก่อนเยือนพุทธสังเวชนียสถาน คณะของเราได้อุ่นเครื่องด้วย การล่องแม่น้ำคงคา ที่เมืองพาราณสี แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวฮินดูจะมาทำพิธีบูชาพระอาทิตย์ อาบน้ำล้างบาป และนำศพมาเผา จนกองไฟที่เผาศพ ไม่เคยดับมอดเลยเป็นเวลากว่า 4,000 ปีแล้ว

     ระหว่างล่องเรือได้เห็นภาพชาวฮินดูแบกศพที่ห่อด้วยผ้าสีทองอร่ามมายังบริเวณที่เผาศพ และชมโฉม “มรณาโฮ เทล” โรงแรมรอความตาย ซึ่งตั้งอยู่ข้างเคียงที่เผาศพ ฟังชื่อแล้วดูน่ากลัวพิลึก ทว่าโรงแรมแห่งนี้ต้องจองคิวเข้าพักกันนานทีเดียว มีคนรอเข้าพักเต็มตลอดปี เพราะชาวฮินดูที่รู้ตัวว่าใกล้วาระสุดท้ายของชีวิต พร้อมด้วยญาติพี่น้องจะมาเช่าห้องพัก เมื่อสิ้นลมหายใจสุดท้าย ญาติพี่น้องจะได้นำศพไปเผายังพื้นที่เผาศพ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากโรงแรมได้ทันที โดยจะเผาให้ร่างไหม้เพียงบางส่วน แล้วนำร่างไปลอยกลางแม่น้ำให้เป็นอาหารฝูงนกกาและปลา ก่อนจมสู่ใต้แม่น้ำคงคา ซึ่งเชื่อว่าผู้ที่จมสู่แม่น้ำแห่งนี้จะได้ไปสู่สรวงสวรรค์ทันที ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป


     หลังล่องเรือผ่านจุดนี้ ทำให้พวกเราได้เรียนรู้อย่างมีสติจากความตาย หรือมรณานุสติ และพระวิทยากรได้นำสวดมนต์ให้พวกเราไม่ยึดมั่นถือมั่นในชีวิต ก่อนจะลอยกระทงต้นตำรับลงในแม่น้ำคงคา และเดินทางกลับขึ้นฝั่งอีกครั้ง เพื่อขึ้นรถริกชอว์ หรือสามล้อถีบ ทดสอบความแข็งแกร่งของหัวใจ สัมผัสบรรยากาศการนั่งพาหนะชวนหวาดเสียวของคนในท้องถิ่นนี้ และเริ่มต้นการตามรอยพุทธสังเวชนียสถานอย่างเป็นทางการ

     พุทธสังเวชนียสถานแห่งแรกที่พวกเราเดินทางไป คือ “ธรรมเมกขสถูป” สถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนาธัมมจักกัปปวัตนสูตร โปรดปัญจวัคคีย์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ตำบล สารนาถ เมืองพาราณสี โดยพระวิทยากรได้นำพวกเราสวดมนต์ทำวัตรเช้า พร้อมด้วยการสวดมนต์บทพิเศษบูชาที่แสดงปฐมเทศนา นั่งสมาธิสงบจิต จุดธูปเทียนบูชา เดินเวียนเทียนรอบธรรมเมกขสถูป พร้อมปิดทองคำเปลว เพิ่มสิริมงคลให้ชีวิต

     หลังจากนั้นพวกเราได้เดินทางยาวนานกว่าครึ่งวัน เพื่อไปยังเมืองกุสินาราต่อ และเริ่มต้นเช้าวันถัดไปด้วยการไปกราบสถานที่ถวายพระเพลิงพระสรีระของพระพุทธเจ้า ที่ มกุฎพันธเจดีย์ นมัสการสถานที่ปรินิพพาน ณ สาลวโนทยาน ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ปรินิพพานสถูป และปรินิพพานวิหาร ที่พระเจ้า อโศกมหาราชได้ดำริให้สร้างขึ้น ซึ่งภายในปรินิพพานวิหาร มีพระนอนปางปรินิพพานที่สร้างอย่างสมสัดส่วนสมจริงตั้งอยู่


     เมื่อออกจากที่นี่แล้วก็แวะไปที่ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากสถานที่ปรินิพพานนัก โดยวัดแห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุ และเส้นพระเจ้า (เส้นพระเกศาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) รวมทั้งพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สำหรับสร้าง พระมหาธาตุเฉลิมราชศรัทธา

     ขณะเดียวกันทางวัดยังสร้างโรงพยาบาลสำหรับรักษาพระสงฆ์อาพาธระหว่างมาแสวงบุญ มีสถานพยาบาลกุสินาราคลินิก รักษาคนในท้องถิ่น และมีห้องพักไว้รอรับคนไทยเบี้ยน้อยหอยน้อย ที่ต้องการมาแสวงบุญยังแดนพุทธภูมิ แต่ไม่มีกำลังทรัพย์จะจ่ายค่าห้องพักโรงแรมแพง ๆ ด้วย ใครประสงค์ร่วมทำบุญกับทางวัดก็ดูรายละเอียดได้ที่ //www.watthaikusinara-th.org


     จากนั้นชาวคณะเริ่มต้นการเดินทางอันแสนยาวนาน จากเมืองกุสินารา ผ่านเมืองโครักปูร์ ประเทศอินเดีย ข้ามเขตชายแดนไปยังเมืองลุมพินี ประเทศเนปาล โดยระหว่างทาง มีห้องน้ำให้คณะแสวงบุญแวะได้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น คือ พุทธวิหารสาลวโนทยาน ซึ่งสร้างขึ้นจากแนวคิดของพระราชรัตนรังษี และกำลังทรัพย์ของผู้แสวงบุญชาวไทย เปรียบเสมือนสวรรค์บนดินชายแดนอินเดีย-เนปาล เพราะทุกคณะที่มาแสวงบุญ เมื่อถึงที่แห่งนี้ต่างวิ่งกรูไปยังห้องน้ำทันที หลังอดใจรอให้ถึงห้องน้ำมานานหลายชั่วโมง นอกจากนี้ภายในพุทธวิหารสาล วโนทยาน ยังมีศาลาภัตตาหาร ซุ้มกาแฟ ร้านบุญสหกรณ์ ห้องพยาบาลเบื้องต้น และมีห้องพักไว้รองรับผู้แสวงบุญที่ไม่สามารถข้ามเขตชายแดนจากอินเดียไปเนปาลได้ยามฉุกเฉินด้วย ซึ่งพระราชรัตนรังษีฝากมาบอกว่า ใครมีจิตศรัทธา ร่วมกันบริจาคทรัพย์สร้างสวรรค์บนดินนี้ให้สมบูรณ์ได้ที่มูลนิธิวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์-อินเดีย 0-2184-4539-40

     ข้ามชายแดนแล้ว วันรุ่งขึ้นชาวคณะได้เดินทางไปกราบนมัสการสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า พุทธสังเวชนียสถานแห่งสุดท้ายของแผนการเดินทาง ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองลุมพินี ประเทศเนปาล โดยภายในสถานที่แห่งนี้ประกอบด้วย มหามายาเทวีวิหาร ซึ่งเป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า สระโบกขรณี ที่พระนางสิริมหามายาเทวีอาบน้ำชำระพระวรกายหลังประสูติพระโอรส และมี เสาศิลาจารึกพระเจ้าอโศก ซึ่งมีข้อความเขียนไว้ว่าเป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าตั้งอยู่ โดยพระวิทยากรได้นำคณะพวกเราปฏิบัติธรรมเช่นเดิม ท่ามกลางบรรยา กาศที่หนาวเหน็บ และหมอก ที่ลงจัดมากจนทำให้มองเห็นภาพสถานที่ภายนอกได้ไม่ชัดเจนนัก

     อิ่มหนำกับพุทธสังเวชนียสถาน 3 แห่งแล้ว พระวิทยากรได้นำพวกเรามุ่งหน้าไปเยี่ยมชม วัดไทยลุมพินี ที่รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพสร้างขึ้น เป็นการปิดท้ายก่อนที่คณะพวกเราจะเดินทางไปชื่นชมความงดงามของสถานที่สำคัญทางศาสนาในนครกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล เช่น พระมหาเจดีย์โพธนาถ เจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเนปาล และ พระมหาเจดีย์สวยัมภูวนารถ หรือวัดลิง อายุกว่า 2,000 ปี ซึ่งเป็นสถานที่เดียวที่พระพุทธศาสนาและศาสนาฮินดูอยู่คู่กัน เป็นต้น ก่อนจะบินลัดฟ้ากลับมาเริ่มต้นวันใหม่ด้วย จิตใจที่สดใส อิ่มบุญอีกครั้งที่เมืองไทย ใครที่อยากลองไปแสวงบุญดูบ้าง ขอแนะนำว่าควรไปช่วงเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม เนื่องจากสภาพอากาศเย็นสบาย.


สุวิมล เชื้อชาญวงศ์: รายงาน

ขอขอบคุณ
ที่มา :
เดลินิวส์ออนไลน์ 7 มีนาคม 2552


H O M E



Create Date : 18 มีนาคม 2552
Last Update : 18 มีนาคม 2552 16:08:38 น. 0 comments
Counter : 2009 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.