Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
16 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
พลิกแฟ้ม: ฆ่าเลือดเย็น"โกมล คีมทอง"


* "จะขอเป็นครูตราบชั่วชีวิต" นั่นคือปณิธานของชายหนุ่มชื่อ "โกมล คีมทอง" ที่ประกาศให้โลกใบเล็กๆได้รับรู้ตั้งแต่เด็กๆ เขาเป็นคนลุ่มน้ำลพบุรี เกิดเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2489 ที่ จ.สุโขทัย เป็นลูกของนายชวน-นางทองคำ คีมทอง

มีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด 5 คน เขาเป็นคนที่สอง เมื่อยังเด็กอยู่กับพ่อ แม่แต่ต่อมาลุงกับป้าขอไปเลี้ยง เพราะไม่มีลูก เด็กชายโกมลเรียนจบ ป.4 ร.ร .บ้านกล้วน อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ก่อนจะศึกษาต่อที่ ร.ร.บ้านหมี่วิทยา จน จบ ม.3 แล้วจึงย้ายเข้ากรุงเทพฯ มาเรียนต่อที่ ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย จนจบ ชั้น ม.5 แผนกศิลปะเมื่อปี 2509

โกมลสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้สองแห่งคือ คณะนิติศาสตร์ (บ้างก็ว่ารัฐ ศาสตร์) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ค่านิยมสมัยนั้นนอกจากอักษรศาสตร์แล้วก็เป็นครุศาสตร์ ดังนั้น โกมลจึงเลือกจะเป็นครูมากกว่าหมอความ

ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยโกมลไม่มีอะไรโดดเด่นแต่มีสิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นชัดว่า เขามีความกระตือรือร้นในความเป็นครูมาก ชายหนุ่มมองกิจกรรมคณะและจุฬาฯ อยู่ห่างๆ และเลือกร่วมค่ายอาสาพัฒนาเป็นส่วนใหญ่ ช่วงปิดเทอม ปี 2510 เขาไปค่ายอาสาพัฒนานิสิตนักศึกษาไทย-อิสลามที่ค่ายบ้านทอน จ.นราธิวาส เป็นครั้งแรกและอีกหลายครั้งในต่อๆ มา

ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นเป็นคนแรกๆที่เริ่มตั้งค่ายพัฒนาการศึกษาเฉพาะ คือไปให้การศึกษาเด็ก มุ่งให้ความสำคัญในแง่การศึกษามากกว่าการสงเคราะห์ หรือการสร้างถาวรวัตถุแก่ชาวบ้าน จนได้รับความสำเร็จอย่างงดงาม

ปีสุดท้ายของชีวิตมหาวิทยาลัยโกมลให้ความสนใจกิจกรรมภายนอกมากขึ้น กระทั่งจบชั้นอุดมศึกษาจากคณะครุศาสตร์ สาขามัธยมศึกษา เอกวิชา สังคมศึกษา โทภาษาฝรั่งเศส เมื่อปี 2512 จากประสบการณ์ค่ายอาสาพัฒนาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจให้เด็กหนุ่มจากลุ่มน้ำลพบุรีที่เลือกมาเรียนต่อลุ่มน้ำเจ้าพระยา และจบออกไปทำงานเป็นครูชนบทแห่งลุ่มน้ำตาปี ซึ่งอยู่ไกลจากกรุงเทพฯ กว่า 600 กิโลเมตร แบกอุดมคติไปเพื่อมอบแสงสว่างให้เด็กในชุมชนห่างไกลความเจริญ

     บัณฑิตจากรั้วจามจุรีติดต่อไปที่บริษัทเหมืองห้วยในเขาต.บ้านส้อง กิ่ง อ .เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี (ขณะนั้น) แจ้งความจำนงว่าอยากไปสร้างโรงเรียน ชุมชนชื่อ ร.ร.เหมืองห้วยในเขา ก็ได้รับการตอบรับ สมัยนั้นมีครูผู้ช่วย 2 คนที่มีอุดมคติตรงกัน คือ "สมชาย เลขวิวัฒน์" ที่จบจากโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวายทั้งคู่พบกันบนรถไฟกลางเดือนพฤษภาคม 2513 ขณะ ที่สมชายไปสวนโมกข์ ส่วนโกมลไปบ้านส้อง แล้วเกิดถูกอัธยาศัยกัน โกมลจึงชวนมาร่วมทำงานที่โรงเรียน

ส่วนอีกคนคือ "รัตนา สกุลไทย" บัณฑิตอักษรศาสตร์จากจุฬาฯซึ่งพ่วง เกียรตินิยมอันดับ 2 ติดตัวมาด้วย รัตนารับราชการได้ระยะหนึ่งก็ลาออกมาเป็น ครูอาสาสอนหนังสือให้แก่หน่วยสันติภาพฯ เมื่อมีโอกาสแวะมาเยี่ยมโกมลที่ ร.ร.เหมืองห้วยในเขา จึงได้สัมผัสกับชีวิตชนบทอันงดงาม ได้พบความใสซื่อของเด็กๆ และความจริงใจของชาวบ้านจึงตัดสินใจอยู่ที่นั่นถาวร

โกมลวางแผนอยากให้มีการศึกษาครบวงจรตั้งแผนกอาชีวะ ช่างเครื่องยนต์ ช่างไม้ และการศึกษาผู้ใหญ่ ซึ่งไม่ใช่งานเล็กเลย ในการดูงานที่วิทยาลัยวิชาการศึกษา จ.สงขลา เขาได้รับการชักชวนจาก ดร.สมพร บัวทอง รองอธิการบดีถึงสองหนให้ทำงานที่นั่น เพราะเล็งเห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจจริง และความคิดของคนหนุ่มไฟแรงที่มีต่อการศึกษา เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อชุมชนจริงๆ

ในเขตพื้นที่เหมืองและหมู่บ้านที่โกมลไปอยู่เป็นพื้นที่สีแดงอยู่ในเขตปฏิบัติการของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย โกมลเองก็รู้ดีเพียงแต่ไม่ให้ความสำคัญมากนัก ปี 2512-2513 ทางการจะตัดถนนจากบ้านนาสารผ่านบ้านส้องถึงฉวาง ได้มาขอรถแทรกเตอร์ของเหมืองไปช่วยตัดถนน ปีต่อมาทางการก็ขอให้ช่วยทำทางไปหมู่บ้านเหนือคลอง ครั้นตัดถนนเสร็จต้นปี 2514 ทหารจากชุมพรก็ยกกำลังพร้อมปืนใหญ่ขึ้นไปถล่มคอมมิวนิสต์ที่บ้านเหนือคลอง จนบ้านเรือนชาวบ้านถูกเผา ชาวบ้านเองก็มีอคติกับเหมืองเห็นว่ารับใช้บ้านเมืองจนนำความเดือดร้อนมาให้

     เรื่องที่เกิดขึ้นถูกหยิบยกขึ้นมาพูดในสภาสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร เหตุใดถึงปฏิบัติกับชาวบ้านเช่นนั้น การตั้งกระทู้ถามรัฐบาลต้องมีเอกสารอ้างอิง "เสรี ปรีชา" คนขายยาเร่จึงอาสาเข้าทำหน้าที่ โดยชวนโกมลไปด้วยเพราะเขามีกล้องถ่ายรูป ประกอบกับตอนนั้นโกมลเคยไปหมู่บ้านหลัง ตัดถนนเสร็จใหม่ๆ แต่เคราะห์ร้ายคอมมิวนิสต์เกิดสงสัยในตัวโกมล คิดว่าเป็นสายลับปลอมตัวมาสืบราชการลับให้กองทัพ ตลอดจนเหมืองเองก็รู้เห็นเป็นใจช่วยตัดทาง และเสรีที่ปลูกบ้านอยู่ปากทางเข้าบ้านเหนือคลองก็ถูกระแวงว่ามาติดตามพฤติกรรมชาวบ้าน ทำให้โกมล รัตนา และเสรี ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวัน จันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2514 เวลา 4 โมงเย็น !!!

ครูโกมลของเด็กๆกว่า 40 คนแห่ง ร.ร.เหมืองห้วยในเขา มีโอกาสใช้ชีวิตเป็นครูตามปณิธานแห่งชีวิตในถิ่นทุรกันดารได้ไม่ครบขวบปีดีก็ถูกยิงเข้ากลางหลังเสียชีวิต ขณะที่มือของครูรัตนากำหญ้าแน่น บ่งบอกถึงความเจ็บปวดที่ได้รับก่อนหมดลมหายใจ ทั้งคู่มีอายุเพียง 25-26 ปีเท่านั้น บรรยากาศของเย็นวันนั้นเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและมืดมน

ต่อมาไม่นานเหมืองห้วยในเขาประสบภาวะขาดทุนจนปิดกิจการลงโรงเรียนถูกตัดโครงการช่วยเหลือ กระทั่งปี 2517 ร.ร.เหมืองห้วยในเขา จึงย้ายไปสังกัดสำนักงานประถมศึกษาจังหวัดสุราษฎร์ธานี และย้ายไปตั้งที่ใหม่แต่ก็ไม่ไกลจากเดิมนัก


รู้จักชายชื่อโกมล

"โกมลเติบโตขึ้นมาเป็นชายหนุ่มร่างสันทัด ใบหน้าคมสัน ผิวค่อนข้างคล้ำ มีบุคลิกภาพเป็นผู้นำ เชื่อมั่นในตัวเอง พร้อมๆ กับมีความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างจริงใจ ยึดมั่นในหลักการและมีความเป็นตัวของตัวเอง" ธิติ มาคุณาธิรนนท์ ผู้จัดการมูลนิธิโกมลคีมทอง ให้คำนิยามเกี่ยวกับโกมล

สำหรับในสายตาของเพื่อนๆแล้วพวกเขาสะท้อนว่า ใบหน้าของเขาจะระบายด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ชอบใส่เสื้อแขนยาว เดินเร็ว ชอบหอบแฟ้มสีน้ำตาลหม่นเล่มโตๆ เดินไปไหนต่อไหน ชอบเข้าไปนั่งในห้องสมุดอยู่เสมอ ชอบจดคำบรรยายในกระดาษพิมพ์ดีด ให้ความเป็นกันเองกับเพื่อน มีจิตใจโอบอ้อมอารี ชอบซักถาม ไม่พูดเรื่องของตัวเอง แต่ชอบคุยเรื่องมีสาระ ชอบถกเถียง ชอบคุยกับผู้ใหญ่ ชอบเอาข่าวกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจมาบอก เป็นคนอ่อนโยน เฉียบ แต่ ดื้อดันและซน มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และพยายามนำความคิดนั้นมาทดลองปฏิบัติ รวมถึงมีความมุ่งมั่นศรัทธาในวิชาชีพครูอย่างแท้จริง

     นอกจากอาชีพแม่พิมพ์ที่เขาบูชาแล้วโกมลยังชื่นชอบศิลปะพื้นบ้าน วัฒนธรรมท้องถิ่น จึงไม่แปลกที่จะเห็นเขาออกไปคลุกคลีอยู่กับชาวบ้าน ถ่ายรูป เขียนหนังสือบันทึกเรื่องราวต่างๆ เขาต้องการค้นหาสิ่งที่ดีงามที่ชาวบ้านมีอยู่แล้ว เพื่อเก็บรวบรวมเป็นสมบัติสืบต่อไปถึงคนรุ่นหลัง จึงทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเยี่ยมเยือนชาวบ้าน เดินขึ้นเขาลงห้วยบุกป่าฝ่าหนามไปถึงชานเรือนชาวบ้านทุกหลังคาเรือน ซักถามความเป็นอยู่ รายได้รายจ่ายของครอบครัว ความต้องการของชาวบ้าน รวมถึงเก็บเครื่องมือ เครื่องใช้โบราณทำเป็นพิพิธภัณฑ์ของโรงเรียน

Credit : คม ชัด ลึก
Pic : www.osknetwork.com

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์

H O M E



Create Date : 16 มิถุนายน 2553
Last Update : 16 มิถุนายน 2553 19:47:57 น. 2 comments
Counter : 1182 Pageviews.

 
กำหนดการ
ปาฐกถามูลนิธิโกมลคีมทอง ประจำปี ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๓๗
วันอังคาร ที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
ณ หอประชุมศรีบูรพา (หอเล็ก) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์


๑๒.๐๐ – ๑๓.๐๐ น. ลงทะเบียน
๑๓.๐๐ – ๑๓.๒๐ น. การแสดงละคร ของกลุ่มมะขามป้อม
๑๓.๒๐ – ๑๔.๐๐ น. การแสดงดนตรี โดย พจนาถ พจนาพิทักษ์
๑๔.๐๐ – ๑๕.๓๐ น. เสวนาชาวบ้าน “ผลกระทบจากนโยบายรัฐ”กับแผนพัฒนาประเทศ
ผู้ร่วมเสวนา ผู้แทนชาวบ้าน
- พ่อหลวงจอนิ โอ่โดเชา ที่ปรึกษา เครือข่ายกลุ่มเกษตรกรภาคเหนือ
- กรณ์อุมา พงษ์น้อย ตัวแทนกลุ่มรักท้องถิ่น บ่อนอก
- อุทัย สอาดชอบ เครือข่ายป่า สมัชชาคนจน
ดำเนินรายการโดย วัฒนา นาคประดิษฐ์ มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม
๑๕.๓๐ – ๑๖.๐๐ น. ลำนำบทกวี โดย อังคาร กัลยาณพงศ์
๑๖.๐๐ – ๑๖.๔๕ น. ลำนำบทกวี โดย สกุล บุณยทัต และ ศักดิ์สิริ มีสมสืบ
๑๖.๔๕ – ๑๗.๓๐ น. ประกาศบุคคลเกียรติยศ
สันติพงษ์ มูลฟอง “ประเด็น การเรียกร้องการช่วยเหลือบุคคลไร้สัญชาติและไร้รัฐ”
วิทยา กุลสมบูรณ์ “ประเด็น การเคลื่อนเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ทั้งระดับวิชาการ สังคม”
สุรพล จรรยากูล “ประเด็น การเรียกร้องเสรีภาพทางวิชาการในสถาบันการศึกษา”
สรณรัชฏ์ กาญจนวณิชย์ “ประเด็น การปลูกฝังและรณรงค์ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม”
๑๗.๓๐ – ๑๗.๕๐ น. แนะนำองค์ปาฐก โดย พิภพ ธงไชย
๑๗.๕๐ – ๑๘.๕๐ น. ปาฐกถา โดย สุลักษณ์ ศิวรักษ์
“๔๐ ปี มูลนิธิโกมลคีมทอง: มองไปข้างหลัง – แลไปข้างหน้า”
๑๘.๕๐ – ๑๙.๐๐ น. กล่าวปิดปาฐกถา โดย อุทัย ดุลยเกษม

พิธีกร โดย จิตรกร บุษบา
ภายในงาน มีสินค้าเเละหนังสือทางเลือกจากสำนักพิมพ์ต่างๆมาจำหน่าย


โดย: ธนภัทร IP: 115.87.169.244 วันที่: 28 มกราคม 2554 เวลา:17:31:00 น.  

 
ถึงผู้ที่เคารพ และศรัธาครูโกมล
ขอเชิญร่วมร่วมงานดังกล่าว...

“หินก้อน แรกร่วง ลงพื้น ก้อนอื่น ร่วงตาม ทับถม
กลบมิด ก้อนเก่า เจ้าจม สะสม เป็นทาง ให้เดิน”


โดย: ธนภัทร IP: 115.87.169.244 วันที่: 28 มกราคม 2554 เวลา:17:32:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.