Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
11 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
ยล"เรือนคำเที่ยง" สัมผัสเสน่ห์ล้านนากลางกรุง

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 6 พฤษภาคม 2551 14:32 น.
โดย : หนุ่มลูกทุ่ง





ตอนนี้ธุรกิจคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯกำลังแข่งขันกันน่าดู เห็นได้จากโฆษณาต่างๆที่มีให้เห็นบ่อยๆ ทั้งโฆษณากันเรื่องการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ครบชุด โฆษณากันเรื่องราคาผ่อนที่แสนถูก รวมไปถึงการโฆษณาเรื่องทำเลใกล้ไกลรถไฟฟ้ารถใต้ดินไม่กี่เมตร

     ในย่านอโศกซึ่งเป็นย่านกลางเมืองของกรุงเทพฯก็เป็นอีกทำเลหนึ่งที่ดีเพราะมีทั้งรถไฟฟ้าและรถใต้ดินอยู่ใกล้ และไม่ห่างจากแหล่งธุรกิจเท่าไรนัก แต่สิ่งที่ฉันสนใจไม่ใช่คอนโดฯย่านอโศก แต่กลับเป็นบ้านเรือนไทยที่ซ่อนตัวอยู่กลางเมือง ในกรุงเทพฯอย่างนี้แค่ได้เห็นเรือนไทยก็ยากแล้ว แต่ไม่น่าเชื่อว่ากลางเมืองอย่างย่านอโศกจะยังมีเรือนไทยซ่อนตัวอยู่ใต้ร่มไม้ร่มรื่น ไม่ใช่เรือนไทยภาคกลางธรรมดา แต่เป็นเรือนไทยล้านนาทางภาคเหนือ ที่ชื่อว่า "เรือนคำเที่ยง" หรือ "พิพิธภัณฑ์เรือนคำเที่ยง" นั่นเอง




พิพิธภัณฑ์เรือนคำเที่ยงนั้นอยู่ในการดูแลของสยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นสมาคมที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เพื่ออนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมของประเทศ โดยเรือนคำเที่ยงนี้ เป็นเรือนเครื่องสับแบบล้านนาไทยดั้งเดิม หรือที่รู้จักกันว่า "เรือนกาแล" เป็นเรือนเก่าแก่อายุร้อยกว่าปี สร้างขึ้นครั้งแรกริมฝั่งน้ำปิง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้สร้างคือนางแซ้ด ลูกหลานสืบเชื้อสายธิดาเจ้าเมืองแช่ ชาวไทลื้อจากแคว้นสิบสองปันนา ซึ่งถูกกวาดต้อนมาอยู่เมืองเชียงใหม่สมัยที่พระเจ้ากาวิละเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่

ลูกหลานของนางแซ้ดได้อยู่อาศัยในเรือนนี้อย่างร่มเย็นเป็นเวลาร้อยกว่าปี จนมาถึง พ.ศ.2506 นางกิมฮ้อ นิมมานเหมินท์ เจ้าของเรือนในขณะนั้นได้มอบเรือนเก่าแก่ของตระกูลให้แก่สยามสมาคม เพื่อจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยา และรักษาศิลปะล้านนาไทยชิ้นนี้เอาไว้ เรือนหลังนี้จึงถูกรื้อถอนขนย้ายมาประกอบขึ้นใหม่ในบริเวณปัจจุบัน พร้อมทั้งตั้งชื่อไว้ว่า "เรือนคำเที่ยง" ซึ่งมาจากชื่อของนางคำเที่ยง อนุสารสุนทร แม่ของนางกิมฮ้อ และเป็นผู้หนึ่งที่เกิดบนเรือนหลังนี้นั่นเอง



และหลังจากการดำเนินการจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์เสร็จสิ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ได้เสด็จมาเปิดเรือนคำเที่ยงเป็นพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยาของสยามสมาคมอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ.2509 มาจนถึงตอนนี้จึงเป็นเวลา 50 กว่าปีแล้วที่พิพิธภัณฑ์เรือนคำเที่ยงเกิดขึ้น และนับเป็นเวลาถึง 160 ปีแล้วหลังจากที่เรือนหลังนี้ถูกสร้างขึ้นครั้งแรก

     รู้จักที่มาของบ้านแล้วคราวนี้ก็ขอเชิญขึ้นเรือนไปชมข้าวของต่างๆ กันบ้างดีกว่า บนเรือนคำเที่ยงนี้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 5 ส่วนหลักๆ คือชานบ้านซึ่งเป็นส่วนที่เชื่อมพื้นที่ต่างๆ ของบ้าน ถัดจากชานบ้านเข้ามาจะเป็น เติ๋น ซึ่งเป็นภาษาล้านนา หมายถึงห้องโถงเปิดโล่งยกระดับสูงขึ้นจากชานบ้าน ใช้เป็นบริเวณอเนกประสงค์สำหรับใช้รับแขก นั่งเล่น หรือกินข้าว ถัดจากเติ๋นไปก็จะเป็นห้องนอน และมีห้องครัวกับยุ้งข้าวปลูกเป็นเรือนเล็กๆ ต่อเชื่อมกันกับตัวเรือนด้วยชานบ้าน



เมื่อเดินขึ้นบันไดมาเราก็จะต้องผ่านชานบ้าน ก่อนจะถึงบริเวณเติ๋น ซึ่งหากแหงนหน้ามองไปด้านบนแล้ว ก็จะเห็นว่าบริเวณเพดานของเติ๋นนั้นจะมีตะแกรงไว้เก็บของใต้หลังคา ภาษาล้านนาจะเรียกว่า "ค่วน" ทำเป็นตะแกรงไม้ไผ่หรือไม้เนื้อแข็งไว้สำหรับเก็บคนโทดินเผา ตะกร้า หรือขันโตก และบริเวณเติ๋นนี้เองที่เป็นสถานที่ "แอ่วสาว" เพราะหญิงสาวจะมานั่งทำงานเล็กๆ น้อยๆ บริเวณนี้ แล้วชายหนุ่มก็มาแอ่วหา มาเล่นดนตรีหรือสนทนาเชิงหยอกเย้า โดยที่จะมีผู้ใหญ่ในบ้านคอยดูอยู่ห่างๆ หากใครพึงใจกันก็จะมีการแต่งงานตามประเพณีต่อไป

     บริเวณเติ๋นนี้มีข้าวของจัดแสดงไว้เช่น บายศรีที่ใช้ทำพิธีเรียกขวัญ และมีหมากสุ่มหมากเบ็ง พลูสุ้ม ต้นผึ้ง ต้นเทียน สุ่มดอก ที่ชาวบ้านทำขึ้นแสดงถึงการสักการบูชาอย่างสูงสุด แล้วนำไปถวายพระพุทธรูปหรือพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ที่วัด หรือสักการะเจ้านายก็ได้เช่นกัน

จากเติ๋นเราจะเดินเข้าไปชมภายในห้องนอนกันบ้าง แต่ก่อนที่จะก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไป ฉันก็ต้องชะงักเพราะเหลือบไปเห็น "หำยนต์" หรือหัมยนต์ แผ่นไม้แกะสลักลวดลายสวยงามที่อยู่เหนือช่องประตู ชื่ออาจฟังดูไม่คุ้นหู แต่หำยนต์นี้ถือเป็นของสำคัญที่ติดตั้งไว้เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายไม่ให้ผ่านเข้าห้องนอน หำยนต์นี้ก็มีลวดลายหลายแบบแล้วแต่จะแกะสลักให้สวยงามต่างกันไป



คราวนี้เข้ามาชมในห้องนอนกันบ้าง โดยในห้องนอนนี้จะถืออย่างเคร่งครัดว่าเป็นบริเวณสำหรับสมาชิกในครอบครัวเท่านั้น วันนี้ฉันจึงขออนุญาตเจ้าของบ้านอยู่ในใจก่อนจะเดินข้ามประตูเข้ามา ภายในห้องนอนตอนนี้ถูกจัดแสดงข้าวของหลากหลายในชีวิตประจำวันของชาวล้านนา เริ่มจากทางซ้ายมือของฉันก่อน ทางด้านนี้จะเกี่ยวข้องกับผู้ชายเสียมากกว่า เพราะจัดแสดงเกี่ยวกับยันต์เทียน ซึ่งก็มีหลายประเภท เช่น ยันต์เมตตามหานิยม ให้โชคลาภ ค้าขายดี ยันต์เมตตามหานิยมให้คนเมตตา ยันต์สะเดาะเคราะห์ป้องกันภัย เป็นต้น ที่บอกว่าเกี่ยวข้องกับผู้ชายก็เนื่องจากบทบาทของชายล้านนาสมัยนั้นคือการปกป้องคนในครอบครัว จึงต้องมีความรู้ด้านนี้ไว้บ้าง

นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีของขลังพวกตะกรุด เสื้อยันต์ ยันต์หัวเสา ที่ช่วยป้องกันอันตรายจากศัตรู สัตว์ร้าย อาวุธ ภูตผีต่างๆ ได้ อีกทั้งตามร่างกายก็ยังมีการสักยันต์โดยสักจากหมึกดำที่ผสมจากวัสดุต่างๆ โดยเวลาสักจะมีการร่ายคาถากำกับ และสักตั้งแต่บริเวณหัวไหล่มาจนถึงเอว



เมื่อมีเครื่องรางแล้วก็ต้องมีอาวุธไว้สู้ป้องกันตัวบ้าง โดยดาบถือเป็นอาวุธประจำตัวของชายล้านนา ส่วนมากจะเป็นมรดกตกทอดจากปู่ จากพ่อ มาสู่ลูก ด้ามดาบมักบรรจุด้วยเครื่องรางอย่างตะกรุด ผ้ายันต์ หรือชายผ้าถุงของแม่เพื่อเป็นกำลังใจในการต่อสู้

คราวนี้มาดูอีกด้านหนึ่งของห้องนอนที่เป็นเรื่องราวของผู้หญิงกันบ้าง ซึ่งก็มีทั้งเครื่องประดับของหญิงล้านนาที่มีฐานะ เช่น ปิ่นทำจากเงินหรือทอง ต่างหูแบบต่างๆ กำไล แหวน เข็มขัด สร้อยท้องแอวหรือเครื่องประดับเข็มขัด และโดยตามธรรมเนียมแล้วผู้หญิงล้านนาจะเป็นผู้ครอบครองและดูแลเรือน อีกทั้งลูกสาวคนสุดท้องจะต้องเป็นผู้สืบทอดเรือน และ "ผีปู่ย่า" ไปไว้ที่เรือนตนเอง และบนหัวนอนที่ติดกับเสาเอกจะมีหิ้งผี และมีข้าวของบูชาผีปู่ย่าอยู่ด้วย อีกทั้งจะมีประเพณีเลี้ยงผีปู่ย่าเป็นประจำทุกปีอีกด้วย



นอกจากนั้นลูกผู้หญิงล้านนาก็ยังต้องทอผ้าซิ่นตีนจกเป็น โดยจะต้องฝึกหัดทอผ้ากับแม่ตั้งแต่เด็กและต้องหัดเก็บลวดลายให้ครบทุกอย่าง เมื่อชำนาญแล้วก็จะต้องทอซิ่นตีนจกไว้ใส่เองด้วย เครื่องนอนก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่หญิงล้านนาต้องหัดเย็บให้ได้ตั้งแต่ห้าขวบ เนื่องจากมีธรรมเนียมว่าหญิงสาวจะแต่งงานออกเรือนได้ต้องทำเครื่องนอนให้ได้ครบทุกอย่าง ได้แก่ ฟูก ผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่ม มุ้ง และหมอนนั้นก็มีอีกหลายแบบด้วยกัน เรียกว่าจะเป็นผู้หญิงล้านนาได้ไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะนี่

จากห้องนอน คราวนี้ไปดูที่เรือนครัวซึ่งอยู่แยกไปจากตัวบ้านกันบ้าง ในห้องครัวตอนนี้แม่ครัวกำลังตำน้ำพริกปูและแกงแคกบ อาหารแบบล้านนาพื้นบ้าน แม่ครัวที่ว่านั้นกำลังตำให้ฉันดูในวีดิทัศน์ที่อยู่ในเรือนครัว แถมยังโฆษณาอีกว่าน้ำพริกปูของเธอนั้นอร่อยจนลืมพี่ลืมน้องเลยเดียว ชาวล้านนานั้นจะทำอาหารวันละหนในช่วงเช้า โดยอาหารหลักจะเป็นข้าวเหนียวและสัตว์เล็กๆน้อยๆที่หาได้ในธรรมชาติ



      และเรือนเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆ เรือนครัวนั้นก็คือหลองเข้า หรือยุ้งข้าวที่มีบรรยากาศทะมึนเล็กน้อย ว่ากันว่าหลองเข้าบ้านไหนใหญ่โตก็แสดงว่าบ้านนั้นฐานะดี ด้านในเป็นการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับการปลูกข้าว ความเชื่อและพิธีกรรมต่างๆ เกี่ยวกับการทำนา ภายในมีตาแหลว หรือเฉลวตั้งไว้กลางห้อง ซึ่งตาแหลวนี้จะใช้พิธีแฮกนา หรือแรกนา ก่อนที่จะเริ่มดำนาในแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นการบูชาผีเสื้อนาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้ข้าวเจริญงอกงามดี และในพิธีก็จะมีการปักตาแหลวที่สี่มุมของบริเวณพิธี ตรงกลางปักตาแหลวหลวงหรือตาแหลวแรกนา และมีที่วางเครื่องเซ่นไว้ที่หน้าตาแหลวหลวง

ชมด้านบนทั่วแล้วอย่าลืมลงมาดูที่ใต้ถุนบ้านที่จะมีอุปกรณ์ทำมาหากินของชาวล้านนาอย่างไซ แซะ สุ่ม ตุ้มไว้จับปลา รวมไปถึงความเป็นอยู่ของชาวล้านนากับชุมชนอีกด้วย

     สำหรับคนที่ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับล้านนาก็สามารถมาเยี่ยมเยือนพิพิธภัณฑ์เรือนคำเที่ยงได้ เพราะนอกจากจะได้ความรู้เกี่ยวกับล้านนาอย่างเต็มที่แล้ว ก็ยังไม่ต้องเดินทางไกลไปถึงภาคเหนือ แต่อยู่แค่ย่านอโศกในกรุงเทพฯนี่เอง

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

พิพิธภัณฑ์เรือนคำเที่ยง ตั้งอยู่ที่ 131 ถนนอโศกมนตรี แขวงวัฒนาเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ การเดินทาง สามารถนั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีอโศก ออกทางออกที่ 3 หรือนั่งรถไฟใต้ดินมาขึ้นที่สถานีสุขุมวิท ออกทางออกที่ 1 แล้วเดินตรงมาทางถนนอโศกมนตรีอีกประมาณ 200 เมตร พิพิธภัณฑ์เรือนคำเที่ยงจะอยู่ทางซ้ายมือ เปิดให้เข้าชมในวันอังคาร-วันเสาร์ ในเวลา 09.00-17.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 100 บาท นักศึกษา 50 บาท เด็ก 20 บาท สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.0-2661-6470 ถึง 7


H O M E



Create Date : 11 พฤษภาคม 2551
Last Update : 22 กรกฎาคม 2551 21:17:05 น. 4 comments
Counter : 2278 Pageviews.

 
ขอบคุณ สำหรับข้อมูล มากเลย ค่ะ

ชอบมากเลยเรือนไทย ไม่ว่าภาคไหน

ขอบคุณ ที่ ทำให้ กทม มีที่อีกที่หนึ่งให้เราได้ไปค่ะ


โดย: ไม้ยมก&แหนมมัด วันที่: 12 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:07:37 น.  

 
ขออนุญาตแก้ไขค่ะ นิมมานเหมินท์ ไม่ใช่ "ทร์ "
หลายท่านสะกดผิดค่ะ


โดย: เข้ามาชม IP: 58.8.166.253 วันที่: 13 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:46:43 น.  

 
ขอบคุณค่ะ ได้แก้ไขแล้วนะคะ


โดย: jenifaae วันที่: 13 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:37:38 น.  

 
เรือนของแม่นายสวยจังค่ะ


โดย: รักแม่นาย IP: 125.25.203.234 วันที่: 1 กันยายน 2552 เวลา:18:48:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.