Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
9 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
ย้อนประวัติศาสตร์ 2475-ปัจจุบัน ผู้นำ และจุดเปลี่ยนการเมืองไทย


*การเผชิญระหว่างคนไทยสองกลุ่มสองขั้ว หนึ่งเป็นกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาล อีกหนึ่ง เป็น กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งพัฒนาถึงระดับตึงเครียดที่สุด กลายเป็น "กันยาทมิฬ" ให้คนไทยผู้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดหวาดผวา เมื่อต้นสัปดาห์ก่อนนั้น

นำมาซึ่งคำถามหาความรับผิดชอบในฐานะผู้นำรัฐบาล ผู้กุมอำนาจบริหารสูงสุดตามกฎหมาย จากคนหลายๆ กลุ่ม

เสียงล่าสุด แม้ไม่ได้เผยตัวตน แต่ความเห็นและข้อเรียกร้อง ผ่าน "กรุงเทพโพล" ของหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ซึ่งได้ทำการสำรวจความคิดเห็นกลุ่มนักธุรกิจ 100 CEOs Survey ในหัวข้อ "ทางออกประเทศไทย" ตลอด 3 วันต่อเนื่อง นับจากเกิดเหตุการณ์ปะทะระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นั้น กลับส่งสัญญาณเตือนบางอย่างออกมา

โดยเฉพาะเกินครึ่ง (57%) เห็นว่า นายสมัคร "ไม่ชอบธรรม" ในการบริหารประเทศต่อไปอีกแล้ว ด้วยเหตุผลว่า นายกรัฐมนตรีมีท่าทีแข็งกร้าวเกินไป ไม่เหมาะกับสถานการณ์ในขณะนี้ และสุดท้ายคือ พวกเขามองไม่เห็นทางออกอื่นที่จะทำให้บ้านเมืองสงบ

แม้ว่าพวกเขาเหล่านี้จะไม่เห็นด้วยกับแนวทาง และวิธีการของกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป

     ดร. เกษียร เตชะพีระ ให้ข้อสังเกตุในตอนท้ายของบทความ "ปรากฏการณ์ม็อบพันธมิตร" ว่า ตอนนี้บ้านเมืองของเรา กำลังอยู่ตรงริมเหวแห่งการลุกขึ้นสู้ทั่วไปของประชาชนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่ง ที่ต่อต้านรัฐบาล

เป็นจุดเดียวกับที่บ้านเมืองเราเคยเดินมาถึง ณ วันสุกดิบก่อน 14 ต.ค.2516 และ 17 พ.ค.2535...แล้วเราก็ถลำลึกลงไป

เราเดินทางถึงจุดนี้วันนี้ได้ ก็เพราะความผิดพลาดใหญ่บ้างเล็กบ้าง และที่ตั้งใจ และไม่ตั้งใจ ของคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่าย

พร้อมกับปิดท้ายให้ทั้งสองฝ่ายหยุด และเปิดทางให้กระบวนการทางการเมือง และกฎหมายได้ดำเนินต่อไปตามกฎเกณฑ์ และกติกาของมัน...

ข้อสังเกตดังกล่าวของอาจารย์เกษียรสะท้อนชัดว่า ประเทศไทยกำลังจะเดินย่ำรอยอดีตที่น่าสะพรึงกลัวอีกครั้ง หากอารมณ์ของคนต่างชั้ว ไม่หยุด และไม่เปิดช่องให้กลไกนิติรัฐ ได้ทำงาน

จริงๆแล้วประวัติศาสตร์การเมือง ที่สามารถหาอ่านจากตำรารัฐศาสตร์ และอีกหลายสาขาที่เกี่ยวข้อง น่าจะเตือนสติ และช่วยให้หลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมที่ไม่พึงประสงค์ครั้งใหม่นี้ได้ แต่โชคร้ายที่ 70 กว่าปีของระบอบประชาธิปไตย ในประเทศไทย ได้แต่เติบโตเพียงรูปแบบ แต่ "เนื้อหาสาระ" กลับไม่มีอะไรเปลี่ยน

     ในตำราประกอบการเรียนรัฐศาสตร์ ชื่อ "ปัญหาการเมืองไทยด้านกระบวนการทางการเมือง" โดย ดร.เสนีย์ คำสุข ได้ วิเคราะห์และสังเคราะห์ลักษณะของผู้นำทางการเมือง และความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำทางการเมือง และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไว้อย่างน่าสนใจ

เป็นต้นว่า ข้อสรุปเกี่ยวกับคุณลักษณะร่วมของผู้นำทางการเมืองไทยว่า "ผู้นำ" ทางการเมืองไทยทุกยุคทุกสมัย มีคุณลักษณะร่วมบางประการคล้ายคลึงกัน

1.ผู้นำทหาร (จอมพล ป., จอมพลสฤษดิ์, พล.อ.เปรม, พล.อ.ชวลิต)

2.ผู้นำนักการเมืองพลเรือน (นายควง, นายชวน)

3.ผู้นำศักดินาเชื้อสายเจ้า (ม.ร.ว.เสนีย์, ม.ร.ว.คึกฤทธิ์)

4.ผู้นำนักธุรกิจ (นายอานันท์, พ.ต.ท.ทักษิณ)

5.ผู้นำปัญญาชน (ดร.ปรีดี)

ผู้นำเหล่านี้มีที่มาที่สามารถสะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างคุณลักษณะของผู้นำทางการเมืองกับเอกลักษณ์ของสังคมไทย ที่สามารถแบ่งเป็นประเภทต่างได้ดังนี้

สังคมอุปถัมภ์ - ผู้นำพ่อขุนนิยม ให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างบุคคลที่ไม่ใช่เครือญาติแต่มี ความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดเพื่อหวังผลประโยชน์ตอบแทน ทำให้เกิดผู้นำแบบอุปถัมภ์ หรือแบบพ่อขุนนิยม เช่น กรณีจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นต้น

สังคมเจ้าขุนมูลนาย - ผู้นำศักดินานิยม สืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยโบราณ ผู้นำที่ดำรงตำแหน่งระดับสูงทางราชการ หรือการเมือง ที่มีคุณลักษณะที่ถือยศถืออย่าง ผู้นำลักษณะนี้มักมีเชื้อสายเจ้า เช่น ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช

สังคมสันติประชาธรรม - ผู้นำรักสงบ รักสันติ จึงมีลักษณะทางสังคมแบบอภัยนิยม ไร้หลักการ หรือลืมตาข้างเดียว สำหรับนักการเมืองธรรมะธัมโม เช่น นายสัญญา ธรรมศักดิ์ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช จนได้รับฉายานามว่า ฤาษีเลี้ยงลิง

สังคมไร้อุดมการณ์ - ผู้นำนักปฏิวัติ นักล้วงลูกนิยม ผู้นำไทยส่วนใหญ่ชอบแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ชอบปฏิบัติการแบบ ลูบหน้าปะจมูก บ่อยครั้งที่ชอบล้วงลูก โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณแผ่นดิน

สังคมเครือญาติ - ผู้นำอาวุโส

สังคมธนานุภาพ - ผู้นำธนาธิปไตยนิยม เป็นสังคมนิยมเงินเป็นใหญ่ ทำให้นักธุรกิจสามารถเข้าสู่อำนาจทางการเมืองได้ง่าย

ประวัติศาสตร์มักจะให้เบาะแสของความเป็นไปที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่นเดียวกับสถานการณ์ปัจจุบันมีเบาะแสให้คนย้อนกลับไปดูต้นรากของความผิด พลาดได้ด้วย

     ในหนังสือ ดร.เสนีย์แบ่งความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำทางการเมืองกับการเปลี่ยน แปลงทางการเมือง ออกเป็น 5 ช่วงหลักๆ

ช่วงที่ 1 คณะราษฎรกับการพัฒนาทางการเมืองและความขัดแย้งระหว่างผู้นำทหาร - พลเรือน

การเปลี่ยนแปลงทางการปกครอง 24 มิ.ย.2475 โดยคณะราษฎร และการขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 2 ของไทยและเป็นนายทหารคนแรกที่ขึ้นสู่อำนาจทางการเมืองของพระยาพหล พลพยุหเสนา เมื่อ 16 ธ.ค.2481

ต่อด้วยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ตลอดระยะเวลา 5 ปี ประเทศไทยตกอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลเผด็จการทางทหารอย่างสมบูรณ์

ดร. ปรีดี พนมยงค์ ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2489 เป็นการก้าวขึ้นสู่อำนาจสูงสุดของตนเองและผู้นำฝ่ายพลเรือน ได้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ได้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ต้องพระแสงปืนสวรรคตเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2489 นายปรีดี ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อมา และถูกกลุ่ม จอมพล ป. พิบูลสงคราม ทำการปฏิวัติรัฐประหาร

นับเป็นครั้งแรกที่ทหารทำการ รัฐประหารรัฐบาลของทหารด้วยกัน (ทหารบกรัฐประหารทหารเรือ) หลังจากรัฐประหารแล้วให้ นายควง อภัยวงศ์ เป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราว ภายหลังใช้กำลังคุกคามให้นายควง ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ช่วงที่ 2 การเมืองไทย ยุครัฐชาตินิยม และการปกครองของผู้นำทหาร ผู้พิทักษ์ - นักชาตินิยม เมื่อจอมพล ป. พิบูลสงคราม เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ เมื่อวันที่ 23 มี.ค.2492 ได้เกิดวิกฤตความขัดแย้งหลายครั้ง

การยึดอำนาจของคณะทหาร พ.ศ.2495 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวนายกรัฐมนตรี แต่เปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ โดยกลับไปใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2475 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2495

ช่วงที่ 3 เป็นช่วงของการเมืองไทยยุค "พ่อขุนอุปถัมภ์ เผด็จการ และเผด็จการทหารอำนาจนิยม พ.ศ.2500 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทำการรัฐประหารรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม การยึดอำนาจครั้งนั้นไม่มีการประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญ แต่ประกาศยกเลิก ส.ส. ได้ตั้งให้นายพจน์ สารสิน เป็นนายกฯชั่วคราว

วันที่ 28 ม.ค.2502 คณะผู้ยึดอำนาจได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีเพียง 20 มาตราเท่านั้น แต่ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ขณะที่คณะรัฐมนตรีของจอมพลสฤษดิ์มีเพียง 15 คนเท่านั้น

เมื่อจอมพลสฤษดิ์ได้ทำการยึดอำนาจแล้ว เน้นการปกครองบริหารราชการ แผ่นดินแบบระบบพ่อขุน กล่าวคือ ระบบการเมืองประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ 1.รัฐบาล 2.ข้าราชการ คั่นกลางระหว่างประชาชนกับรัฐบาล และ 3.ประชาชน

     หลังจากจอมพลสฤษดิ์ อสัญกรรม จอมพลถนอม กิตติขจร ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี และประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2511 จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรขึ้น จอมพลถนอมได้ จัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นชื่อว่า พรรคสหประชาไทย หลังจากการเลือกตั้งพรรคสหประชาไทยได้ผู้แทนฯ ทั้งหมด 76 คน จากจำนวนทั้งหมด 219 คน จอมพลถนอมได้เป็นนายกรัฐมนตรี

17 พ.ย.2514 จอมพลถนอมยึดอำนาจตัวเอง โดยอ้างว่าการปกครองประเทศทำได้ไม่ราบรื่น และการกระทำดังกล่าวได้เป็นชนวนไปสู่เหตุการณ์ 14 ต.ค.2516 บรรดาปัญญาชนขาดความมั่นใจในกองทัพ รุนแรงจนเกิดเหตุการณ์วิปโยค 14 ตุลา

ช่วงที่ 4 การเมืองยุค 14 ตุลา เป็นช่วงที่ประชาธิปไตยแบ่งบาน นายสัญญา ธรรมศักดิ์ ได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ จำนวน 2,347 คน

หลังจากนั้นก็มีการเลือกตั้งเมื่อ 26 ม.ค.2518 ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้เสียงข้างมาก 72 เสียง แต่ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรคได้รับเห็นชอบจากสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่นโยบายของรัฐบาลไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา คณะรัฐมนตรีต้องลาออกทั้งคณะ ต่อมารัฐสภาเห็นชอบให้ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช หัวหน้าพรรคกิจสังคม เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงอำนาจมาสู่รัฐสภานิยม

กระทั่ง วันที่ 19 ก.ย.2519 จอมพลถนอมบรรพชาเป็นสามเณรและเดินทางเข้ามาในประเทศไทย นักศึกษาเริ่มเคลื่อนไหวต่อต้านบานปลายนำไปสู่เหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ รัฐมนตรีกลาโหม สมัยรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ เข้ายึดอำนาจ ยุบสภายกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2517 แต่งตั้งให้นายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี

เกือบ 1 ปีในรัฐบาลของนายธานินทร์ กรัยวิเชียร ทำให้คนไทยได้เรียนรู้ ดังนี้

1.เผด็จการโดยทหาร พลเรือน ไม่มีอะไรแตกต่างกัน

2.นโยบายสุดโต่งไม่ว่าซ้ายจัดขวาจัด ล้วนไม่เป็นที่น่าปรารถนา

3.การปลุกความรู้สึกชาตินิยม การใช้ลัทธิชาตินิยมในการบริหารประเทศ

4.ความบริสุทธิ์ใจ มือสะอาดน่าสรรเสริญ ไม่เพียงพอในการกุมบังเหียนประเทศได้

5.คนไทยจะรวมตัวกัน สามัคคีกันเมื่อเกิดวิกฤตการณ์

หลังจากการเลือกตั้ง พ.ศ.2521 พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ได้เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

หลังจาการเลือกตั้ง 18 เม.ย2526 พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้รับการสนับสนุนจากทหารและพรรคการเมือง ที่เรียกว่า จตุรพรรค คือ (1) พรรคกิจสังคม (2) พรรคประชาธิปัตย์ (3)พรรคประชากรไทย (4) พรรคชาติประชาธิปไตย พลเอกเปรม คือสัญลักษณ์ ความอยู่รอดของการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาไทย

รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2521 ใช้อยู่กระทั่ง คณะ รสช. ได้เข้ายึดอำนาจรัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ แต่งตั้งให้ นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี

ช่วงที่ 5 เรียกว่า การเมืองไทยยุคปฏิรูปจาก รสช. สู่ธนกิจการเมือง และชุมชนาธิปไตย คณะ รสช. ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2534 แล้วมีการเลือกตั้ง ส.ส. 360 คน เมื่อ 22 มี.ค. 2535 หลังจากเลือกตั้ง พลเอกสุจินดา คราประยูร ผู้นำคนสำคัญคณะ รสช.ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี

จนเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ระหว่างนั้น นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 2 หลังเหตุการณ์ พ.ศ.2535 การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไทย ทำให้กลุ่มนักธุรกิจ หรือ ชนชั้นกลางในเมือง กลุ่มคนเหล่านี้มีบทบาทมากขึ้นในเรื่องการจัดทำนโยบายของรัฐ

     กระทั่งเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศไทย เมื่อปี 2540 จึงเป็นโอกาสให้กลุ่มทุนธุรกิจ พลิกบทบาทจากผู้อยู่เบื้องหน้า และเป็นกำหนดนโยบายเสียเอง ในสมัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (2544-2549) แนวนโยบายที่อิงประชานิยม

ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ครองใจฐานเสียง โดยเฉพาะกลุ่มคนรากหญ้า โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสาน ได้อย่างเป็นปึกแผ่น แต่ข้อกล่าวเรื่อง "คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย" แลผลประโยชน์ทับซ้อน ก็เป็น จุดเปลี่ยนสำคัญ ที่นำไปสู่การทำรัฐประหาร โดย คมช. ก่อนจะโอนอำนาจบริหารมาสู่รัฐบาลเฉพาะกาล ภายใต้การนำของพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์

     หลังจากประเทศไทย รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ทุนทางการเมืองสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ก็หนุนส่งให้พรรคพลังประชาชน ที่ก่อกำเนิด โดยอาศัยรากฐานของพรรคไทยรักไทย ที่ศาลมี คำพิพากษาให้ยุบพรรค ไปก่อนหน้านั้น ชนะการเลือกตั้ง กลับมาเป็นรัฐบาล

ประเทศไทยจึงได้ นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 และกำลังเป็นผู้นำอยู่บนรอยต่อทางการเมืองไทยในช่วงปัจจุบัน ซึ่งกำลังถูกจับตามองว่า จะลงเอยในรูปแบบเดียวกับเหตุการณ์ในอดีต โดยมีคำเรียกขานพ่วงท้ายว่า วิปโยคหรือทมิฬ หรือมีใครสักคนปลดชนวนของวิกฤตที่แทบจะไร้ทางออกได้ทันการณ์


ขอขอบคุณ
ที่มา :
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 11 กันยายน พ.ศ. 2551 หน้า 39
ภาพประกอบ : www.talkystory.com


สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์


H O M E



Create Date : 09 ธันวาคม 2552
Last Update : 9 ธันวาคม 2552 17:53:31 น. 0 comments
Counter : 1303 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.