กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
 
กันยายน 2568
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
space
space
20 กันยายน 2568
space
space
space

พุทธพจน์แสดงหลักศรัทธา
พุทธพจน์แสดงหลักศรัทธา


     สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้นับถือทฤษฎี ลัทธิ หรือคำสอนอันใดอันหนึ่งอยู่แล้ว หรือยังไม่นับถือก็ตาม มีหลักการตั้งทัศนคติที่ประกอบด้วยเหตุผล ตามแนวกาลาม-สูตร* ดังนี้

     ครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าเสด็จจาริก ถึงเกสปุตตนิคมของพวกกาลามะ ในแคว้นโกศล ชาวกาลามะ ได้ยินกิตติศัพท์ของพระองค์ จึงพากันไปเฝ้า แสดงอาการต่างๆกัน ในฐานะยังไม่เคยนับถือมาก่อน และได้ทูลถามว่า

     ชาวกาลามะ:  พระองค์ผู้เจริญ มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มาสู่เกสปุตตนิคม ท่านเหล่านั้น แสดงเชิดชูแต่วาทะ (ลัทธิ) ของตนเท่านั้น แต่ย่อมกระทบ กระเทียบ ดูหมิ่น พูดกดวาทะฝ่ายอื่น ชักจูงไม่ให้เชื่อ สมณพราหมณ์อีกพวกหนึ่ง ก็มาสู่เกสปุตตนิคม ท่านเหล่านั้น ก็แสดงเชิดชูแต่วาทะของตนเท่านั้น ย่อมกระทบกระเทียบ ดูหมิ่น พูดกดวาทะฝ่ายอื่น ชักจูงไม่ให้เชื่อ พวกข้าพระองค์ มีความเคลือบแคลงสงสัยว่า บรรดาสมณพราหมณ์เหล่านั้น ใครพูดจริง ใครพูดเท็จ

     พระพุทธเจ้า:  “กาลามชนทั้งหลาย เป็นการสมควรที่ท่านทั้งหลายจะเคลือบแคลง สมควรที่จะสงสัย ความเคลือบแคลงสงสัยของพวกท่านเกิดขึ้นในฐานะ กาลามชนทั้งหลาย ท่านทั้งหลาย

        - อย่ายึดถือ* โดยการฟัง  (เรียน)  ตามกันมา  (อนุสสวะ)

        - อย่ายึดถือ  โดยการถือสืบๆกันมา   (ปรัมปรา)

        - อย่ายึดถือ  โดยการเล่าลือ   (อิติกิรา)

        - อย่ายึดถือ  โดยการอ้างตำรา   (ปิฎกสัมปทาน)

        - อย่ายึดถือ  โดยตรรก   (ตักกะ)

        - อย่ายึดถือ  โดยอนุมาน   (นยะ)

        - อย่ายึดถือ  โดยการคิดตรองตามแนวเหตุผล   (อาการปริวิตักกะ)

        - อย่ายึดถือ  เพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีของตน   (ทิฏฐินิชฌานักขันติ)

        - อย่ายึดถือ  เพราะเห็นรูปลักษณะน่าเชื่อ   (ภัพพรูปตา)

        - อย่ายึดถือ เพราะนับถือว่าท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา  (สมโณ โน ครูติ)


     เมื่อใด  ท่านทั้งหลายรู้ด้วยตนเองว่า  ธรรมเหล่านี้ เป็นอกุศล ธรรมเหล่านี้ มีโทษ ธรรมเหล่านี้ วิญญูชนติเตียน ธรรมเหล่านี้ ใครยึดถือปฏิบัติถึงที่แล้ว จะเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความทุกข์ เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายพึงละเสีย ฯลฯ เมื่อใด ท่านทั้งหลาย รู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้ เป็นกุศล ธรรมเหล่านี้ ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ วิญญูชนสรรเสริญ ธรรมเหล่านี้ ใครยึดถือปฏิบัติถึงที่แล้ว จะเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายพึงถือปฏิบัติบำเพ็ญ (ธรรมเหล่านั้น)

(มีต่อ)

86

* พระสูตรนี้ ในพระไตรปิฎกต่างฉบับ เรียก เกสปุตตสูตร บ้าง เกสปุตติสูตร บ้าง เกสปุตติยสูตร บ้าง เกสมุตติสูตร บ้าง, องฺ.ติก. ๒๐/๕๐๕/๒๔๑; สูตรถัดไปก็มีความคล้ายกัน และดู องฺ.จตุกฺก. ๒๑/๑๙๓/๕๒๙ ด้วย

* คำแปลว่า “อย่ายึดถือ” นี้ ตั้งแต่ครั้งเขียนหนังสือ พุทธธรรม (ก่อนจะตีพิมพ์ครั้งแรกใน พ.ศ.๒๕๑๔) รู้สึกว่าสื่อความหมายไม่ชัด แต่ก็หาคำที่เหมาะจริงมาแทนยังไม่ได้ ในที่สุด จึงตกลงรักษาคำแปลว่า “อย่ายึดถือ” นั้น ซึ่ง พระไตรปิฎกภาษาไทย อนุสรณ์งานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ พุทธศักราช ๒๕๐๐ แปลจากอรรถกถา ที่ไขความ “มา” ตรงนี้ ว่า “มา คณฺหิตฺถ” เป็นการได้หลักฐานไว้ก่อน แต่ทำเชิงอรรถบอกไว้ว่า “คำว่า ยึดถือ ในที่นี้ ใช้ไปพลางก่อน เพราะยังหาคำเหมาะสมไม่ได้ ขอให้เข้าใจความว่า หมายถึงการไม่ตัดสินหรือลงความเห็นแน่นอนเด็ดขาดลงไปเพียงเพราะเหตุเหล่านี้” พอถึงปีต่อมา พ.ศ. ๒๕๑๕ เมื่อทำ พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ได้ยุติใช้คำแปลตรงนี้ว่า “อย่าปลงใจเชื่อ” แต่ใน พุทธธรรม ที่พิมพ์ต่อๆ มา ยังปล่อยไว้อย่างเดิม เพียงแต่เขียนเพิ่มในเชิงอรรถว่า คำว่า (อย่า) ยึดถือ “ในที่นี้ ขอให้เข้าใจความว่า ... ตรงกับคำว่า  “อย่าปลงใจเชื่อ”;...”  ดูคำแปลอย่างหลังในบันทึกพิเศษท้ายบท

 


Create Date : 20 กันยายน 2568
Last Update : 20 กันยายน 2568 21:58:54 น. 0 comments
Counter : 174 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku


ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

BlogGang Popular Award#21


 
สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space