กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
เมษายน 2565
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
space
space
17 เมษายน 2565
space
space
space

การแผ่เมตตาจำเป็นไหม?



170การแผ่เมตตาจำเป็นต้องแผ่ให้เทวดาหรือสัตว์ที่อยู่ในนรกด้วยหรือไม่

   ถาม. การแผ่เมตตา จำเป็นต้องแผ่ให้เทวดา พรหม อสุรกาย หรือ สัตว์ที่อยู่ในนรก เปรต ด้วยหรือไม่ แต่ตัวดิฉันแผ่ให้ด้วย แต่ก่อนดิฉันไม่เชื่อว่าชาตินี้ ชาติหน้า นรก สวรรค์ ผีสาง เทวดา มีจริง แต่เมื่อแผ่เมตตาทุกวัน ดิฉันกลับมีความเชื่อว่าสิ่งนี้มีจริง ถ้าหากว่าจำเป็นต้องแผ่ให้ อาจารย์มีความเห็นว่าควรใช้คำแผ่เมตตาว่าอย่างไรคะ

   ตอบ. การแผ่เมตตานั้น ทางพระพุทธศาสนากล่าวไว้ ๒ วิธีคือ แผ่เจาะจงบุคคล (โอทิสสผรณา) หมายถึง เมื่อสำรวมจิตดีแล้ว นึกในใจหรือออกเสียงเบาๆ ว่าขอให้ ก. หรือ ข. มีความสุข ในขณะแผ่เมตตานั้น ถ้าเรานึกเห็นหน้าเขาและว่าเขามีหน้าสดชื่น เบิกบานด้วยก็ยิ่งดี
อีกวิธีหนึ่ง คือ การแผ่ทั่วไปหรือไม่เจาะจง (อโนทิสสผรณา) อย่างที่ผู้ถามแผ่อยู่ คือแผ่เมตตาถึงสัตว์โลกทุกจำพวกเสมอหน้ากัน ไม่มีขอบเขต ไม่มีประมาณ การแผ่เมตตาอย่างนี้ ท่านเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อัปปมัญญา แปลว่า ไม่มีประมาณ ไม่มีขอบเขต

   ท่านสอนให้แผ่เมตตาหรือกรุณาจนรู้สึกว่ามีเมตตาต่อคนทุกคนและสัตว์ทุกหมู่เหล่าเสมอหน้ากัน ท่านเรียกเมตตาอย่างนี้ว่า สีมสัมเภท แปลว่า ทำลายแดน คือ ไม่มีขีดคั่นระหว่างเราและผู้อื่น มีเมตตาเท่ากันระหว่างตนเอง คนที่ตนรักหรือรักตน คนที่เฉยๆ กับตน และคนที่เป็นศัตรูกับตน ทำจิตให้มีเมตตาเท่ากัน

   ท่านยกตัวอย่างว่า ถ้าเรานั่งอยู่ในที่หนึ่งหลายคน มีทั้งคนที่เรารัก คนที่ชังเรา คนที่เฉยๆ กับเรา และตัวเรา ถ้ามีโจรถือดาบเข้ามาขอชีวิตของใครสักคนหนึ่งในกลุ่มนั้น ท่านว่าให้เขาเลือกเอาเอง จะเอาชีวิตคนไหนก็ได้ ทั้งนี้เพราะเรามีเมตตาต่อคนทุกคนเสมอกัน รวมทั้งตัวเราเองด้วย

   มีคำสรรเสริญพระพุทธเจ้า ศาสดาของพระพุทธศาสนาว่า  ทรงมีพระทัยเสมอกัน  ในบุคคลต่อไปนี้ คือ
๑. คนแม่นธนูที่พระเทวทัตต์ส่งมาเพื่อยิงพระองค์
๒. พระเทวทัตต์เอง ผู้ปองร้ายพระองค์
๓. โจรองคุลิมาล
๔. ช้างธนบาลหรือช้างนาฬาคีรี ซึ่งพระเทวทัตต์ปล่อยมาให้ทำร้ายพระองค์
๕. พระราหุลผู้เป็นโอรส

  เมื่อแผ่เมตตามากเข้า จิตย่อมอ่อนโยน สว่างสงบ ทำให้เชื่อเรื่องชาติก่อน ชาติหน้า นรก สวรรค์ เทวดา เป็นต้น อย่างที่ผู้ถามประสบด้วยตนเองอยู่แล้ว ความเชื่อเรื่องเล่านี้มีประโยชน์กว่าไม่เชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางประพฤติปฏิบัติจริยธรรม เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นรากฐานให้คนประพฤติจริยธรรม ทำความดี เว้นความชั่วด้วยความมั่นใจ เป็นประโยชน์แก่สังคมด้วย

   คำแผ่เมตตานั้น นึกในใจหรือออกเสียงเบาๆ ว่า “ขอสัตว์ทั้งหลายจงมีความสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย อย่าได้มีเวรต่อกันและกันเลย จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด”

   ถ้ามีโอกาสก็ควรแผ่เมตตาทางกายด้วย คือ ทำอะไรๆ ด้วยเมตตา มีเมตตาทางวาจา คือ พูดอะไรก็พูดด้วยเมตตา เป็นต้น อันที่จริงในการทำความดีต่างๆ นั้น เราควรแสวงหาโอกาสเอาบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้โอกาสมาถึงอย่างเดียว บางคนแม้โอกาสมาถึงแล้วก็ไม่ยอมทำ ปล่อยให้โอกาสเสียไปทุกวันๆ ตัวอย่างเช่นการช่วยเหลือกันในรถโดยสารประจำทาง เป็นต้น หรือการทำความดีต่อคนในบ้าน เช่น พ่อแม่ เป็นต้น ก็เป็นรายรับทางคุณงามความดี ในชีวิตประจำวันด้วย นี่คือโอกาสที่มาถึงอยู่ทุกวัน

  การแผ่เมตตานั้น เป็นสิ่งที่ประเสริฐ แต่ถ้าจะให้ประเสริฐยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ต้องทำด้วยเมตตาและพูดด้วยเมตตาอยู่เสมอ การช่วยเหลือเขาเมื่อจำเป็นนั้น ดีกว่ามัวแต่พร่ำภาวนาหรือสวดอ้อนวอนหลายเท่านัก


Create Date : 17 เมษายน 2565
Last Update : 18 เมษายน 2565 7:06:50 น. 0 comments
Counter : 263 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space