ตอนสมัยวัยรุ่นพี่เป็นคนที่ชอบซื้อเสื้อผ้ามากๆ ชนิดที่ว่าเคยซื้อเสื้อผ้าแบบเดียวกันมา 2 ตัวเพราะจำไม่ได้ว่ามีแบบเดียวกันอยู่แล้ว เสื้อผ้าทั้งหมดมีเป็นร้อยตัว แต่เอาจริงๆ ชุดที่ใส่ก็จะใส่แบบเดิมซ้ำวนไปมา ดังนั้นจึงมีเสื้อผ้าหลายชุดที่ซื้อมาแล้วไม่เคยใส่เลย นิสัยชอบซื้อเสื้อผ้าติดตัวมาจนกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัยและย้ายไปประเทศอังกฤษ ตอนอยู่ที่อังกฤษก็ยังไม่ทิ้งนิสัยนี้ แม้ค่าครองชีพจะสูงลิ่ว (สมัยนั้นอัตราแลกเปลี่ยน 70 บาท ต่อ 1 ปอนด์) ก็ยังไม่วายหาช่องทางช้อปในราคาถูกได้ นั่นก็คือซื้อทางอีเบย์ ตอนย้ายไปมีเสื้อผ้าติดตัวน่าจะ 10 ชุด 2 ปีผ่านไปมันกลับมาที่หลักร้อยอีกแล้ว
พอถึงวันย้ายกลับไทยเสื้อผ้าส่วนใหญ่พี่ไม่ได้เอากลับมาด้วยเพราะเป็นเสื้อผ้าฤดูหนาว ส่วนหนึ่งบริจาค อีกส่วนหนึ่งฝากไว้บ้านเพื่อน พี่เอาเสื้อผ้ากลับมาในจำนวนเท่ากันกับตอนขาไปคือประมาณ 10 ชุด เพราะคิดว่าเสื้อผ้าที่ไทยมีเยอะมากมาย พอกลับมาถึงบ้าน ปรากฎว่าแม่พี่ได้เอาเสื้อผ้าของพี่ไปบริจาคหมดตู้หลายเดือนก่อนหน้าโดยไม่ถามพี่เลย คือหมดจริงๆ ไอ้ร้อยกว่าตัวของพี่ เหตุผลของแม่คือเสื้อผ้าเก็บไว้นานไม่ได้ใส่มันจะเก่าและมีกลิ่น พี่เสียใจและโกรธมากเพราะบางตัวยังไม่เคยใส่ แม่บอกว่าจะซื้อชุดใหม่ให้ ด้วยความโกรธพี่ตอบไปว่าไม่ใส่และจะแก้ผ้าเดินออกข้างนอกให้ดู (พูดแต่ไม่ได้ทำจริง)
หลายเดือนผ่านไปพี่ก็ค่อยๆ หายโกรธเรื่องนี้และได้กลับมาคิดดูว่าทำไมพี่ถึงโกรธ พ่อกับแม่เคยพูดว่าคนเรานี่แปลกมีปากเดียวแต่มีลิปสติกหลาย 10 แท่ง มีเท้า 2 ข้าง แต่มีรองเท้าหลาย 10 คู่ มีกายเดียวแต่มีชุดเป็นร้อย อย่างนี้อาจจะเกินความจำเป็นไปหน่อยไหม เมื่อก่อนพี่ไม่ได้ใส่ใจกับประโยคนี้ แต่พอได้ลองไตร่ตรองมันก็จริง ตอนนี้นิสัยชอบซื้อของเหมือนๆ กันหลายชิ้นก็ยังมีอยู่บ้างแต่ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนก็น้อยลง 90% และจะทำให้ได้ 100% ในอายุวัย 33 ปี คือ จะมีของแค่ชิ้นเดียวในแต่ละประเภทถ้าไม่จำเป็นต้องมีสำรอง เช่น จะมีรองเท้าทำงาน 2 คู่ (ปัจจุบัน มี 5 คู่) กระเป๋าเป้ 1 ใบ (ปัจจุบันมี 5 ใบ) เป็นต้น จะเป็น minimalist เหมือนพ่อกับแม่ อะไรที่เกินความจำเป็นก็จะให้คนอื่นที่ต้องการมันมากกว่า
บางคนอาจจะคิดว่าเรื่องแบบนี้เป็นความสุขส่วนบุคคล ใครอยากจะครอบครองของหลายๆ ชิ้น ถ้ามีกำลังซื้อก็ไม่เห็นต้องคิดมาก เพราะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก็ไม่จริงเสียทีเดียวนะ ลองหากระบวนการผลิตของที่คุณซื้อและใช้สัก 1 ชิ้นว่าส่วนประกอบคืออะไร ใช้สารอะไรทำละลายในการผลิต ผ่าน process แบบไหนในแต่ละขั้นตอน ผลิตเสร็จแล้วของเสียจากกระบวนการผลิตนั้นไปไหน...ทุกอย่างในโลกนี้มันเกี่ยวเนื่องกันหมด และการครอบครองของมากไปก็ใช่ว่าจะดีเปลืองพื้นที่จัดเก็บ เสียเวลาทำความสะอาดยิ่งถ้าคนไม่มีเวลาทำความสะอาดนั่นคือที่เก็บฝุ่นและเชื้อโรคชั้นดี
ที่สำคัญเราสะสมทรัพย์สมบัติที่ใด ใจเราก็จะอยู่ที่นั่น. For where your treasure is, there your heart will be also. Matthew 6:21.
คำปฏิญาณตน อายุ 33 ปีนี้ พี่จะไม่ครอบครองของเพิ่มเติมที่เกินความจำเป็นที่ 1 กาย 1 หัว 2 ตา 1 ปาก 2 แขน และ 2 ขา ต้องการ
By Sydneygalora