ข้า...ได้เห็นความรุ่งโรจน์ และล่มจมแห่งอาณาจักร
ข้า...ได้ยลเจ้าหญิงโฉมงาม และเจ้าชายผู้ทระนง
ข้า...ได้ยินเสียงหัวเราะ แห่งพิธีเฉลิมฉลอง
ข้า...ได้ยินเสียงร่ำไห้ ยามขบวนแห่พระบรมศพผ่านมา
สฟิงซ์จะเริ่มเล่าตำนานอันยาวนาน
กฤตยา จากปลายปากกาของทมยันตี
ความทรงจำในความรัก...เจ้าชายสเมนกาเร ผู้ทรงพระรูป พระโฉมขนาดประวัติศาสตร์จารึกพระรูปไว้บนศิลาสลัก
พักตร์เรียวเสลา พระนาสิกโด่งยิ่งสตรี
รอยแย้มโอษฐ์ละมุน เนตรกว้าง เรียวยาว
พระโฉมแห่งเจ้าชายพระองค์นี้ยึดหทัยพระชายาไว้มั่นคง เธอ...ผู้ได้สมญาว่าบัวทองแห่งลุ่มน้ำไนล์...เธอผู้ไม่ว่าจะเกิดกี่ภพกี่ชาติ เธอได้พาเนตรอันงามของเธอติดไปด้วย
เนตรที่่ทอดมองเฉพาะ สเมนกาเร!
เนตร...ที่ไม่เหลือบแล แม้ผู้ที่กุมอำนาจส่วนหนึ่งแห่งแผ่นดิน!
ใครๆย่อมรู้กันดีว่า เมื่อสิ้นฟาโรห์อัคนาเตน ผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดทั้งทางทหาร และกุมวิหารรามอน-ราอันศักดิ์สิทธิ์คือ อัย!
บุรุษที่กล่าวกันว่า ไม่ยอมอ่อนด้วยอำนาจใด
หาก "อัย" รู้...เท่ากับที่เจ้าหญิงเมอริตาเตนรู้...อัยพ่ายแพ้เนตรงามคู่นั้น หากเพียงแต่เธอจะชายเนตรมีไมตรี
อำนาจอียิปต์ทั้งบนและล่างจะเป็นของเธอ!
หากเธอสนใจหรือเล่า เธอยักพระอังสะใส่อัย เธอแกล้งเมินไม่แลดูเขา ราวกับเขาเป็นทาสชั้นต่ำ อันผู้เป็นนายไม่แยแส นั่นแหละคือที่มาของประกาศิต
"สเมนกาเรต้องสิ้นพระชนม์!"
และแล้วจริงหรือไม่เล่า พระศพของเจ้าชายสเมนกาเรประทับกลับมาบนรถทรง
เสด็จออกไปอย่างผยองพร้อมชีวิต
เสด็จกลับมาด้วยวรองค์แน่นิ่ง ไร้ชีวิต
เนตรงามคู่นั้นร่ำไห้ หากวิหารรามอน-ราอันศักดิ์สิทธิ์ประกาศปิดตาย ไม่รับพระศพเข้าทำพิธี พระสรีระจะถูกทอดทิ้ง ไม่มีพิธีเยี่ยงกษัตริย์
จะไม่มีภพหน้าสำหรับพระองค์
หากใครจะนึก เธอผู้แบบบางราวกลีบบัว เธอผู้อ่อนหวานดุจแพรจะลักลอบนำพระศพทำพิธี...และบรรจุไว้ในที่เร้นลับ เมื่อเขาพบ
โถหินอันมีค่าดุจหยกที่สลักชื่อเธอ สำหรับพระศพเธอในวันหน้าถูกลบด้วยหัตถ์เธอเองอย่างนิ่มนวล เพียงเพื่อบรรจุอวัยวะภายในแห่งพระสวามี และ...มัมมี่ที่ถูกพันไว้เรียบร้อยมีพวงมาลาแห่งความรักพวงน้อยร้อยด้วยหัตถ์ แขวนไว้บนหน้ากากปิดพระพักตร์ปลายบาทคือแผ่นทองคำ จารึกคำรำพันอันบาดใจ
...โฉมแห่งพี่เจ้าน้องเฝ้าใฝ่ฝัน
ยามเอื้อนโอษฐ์นั้นหวานชื่นเสน่หา...
...นฤบดีผู้กล้า ยามใดพระเรียกหาข้าบาท
เศียรเกล้าข้าจะศิโรราบ แทบพระบาทองค์เดียว นิรันดร...
โศลกบทนั้นจุดไฟในหัวใจอัยยิ่งเสียกว่าการฝ่าฝืนคำสั่งอัน "ศักดิ์สิทธิ์" แห่งวิหารรามอน-รา
เธอต้องเลือกระหว่าง
ราชินี และ ความตาย
ร่างแบบบางยืดตรง เนตรเธอยังเหลือบแลไปทางอื่นอยู่นั่นเอง
"เราเลือก...ความตาย!"
...ดวงตาที่มีไว้มองสเมนกาเรอย่างหลงไหล
ดวงตางามที่ไม่แลทอดมองใครในพิภพ...
เธอผู้นั้นยอมทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสเพียงเพื่อซื่อตรงต่อชายคนเดียว
"เรา...ยินดีโดยเสด็จ โนเฟอร์...กษัตริย์แห่งเรา ไปเฝ้าเทพเจ้าโอสิริส"
หลุมเล็กแคบเฉพาะเพียงนั่งได้ถูกขุดไม่ห่างที่ฝังพระศพนัก
"เราอนุญาตให้เธออยู่ใกล้กัน"
ตอนที่ "เธอ" จะก้าวลงสู่สาแหรกอันจะหย่อนเธอลงสู่ความมืดมิดชั่วนิรันดร์ เธอยังหันไปทางที่ไว้พระศพพระสวามี
"ไม่นาน...จิตวิญญาณเราจะพบกัน"
หาก "อัย" ก้าวประชิดกระซิบบอกด้วยซุ่มเสียงเยาะหยัน
"เธอจะไม่มีวันพบ ไม่ว่า ณ ที่ใด..."
เนตรงามคู่นั้นหันขวับมา ตาเพิ่งสบตา อัยเพิ่งสะใจ
"จิตวิญญาณแห่งเจ้าชายสเมนกาเรจะหลับไหลชั่วกาลนาน ไม่มีชาติ ไม่มีภพไม่ว่าจิตวิญญาณ เธอจะค้นหาติดตามสักเท่าไร วิญญาณนั้นจะไม่ตื่นจากหลับไหลไม่มีวันจะได้พบเธอ"
นั่นคือประกาศิต!
อัย "รู้" เธอแหลกสลาย ตายทั้งเป็นในขณะนั้น ก่อนปากหลุมจะปิดด้วยแผ่นศิลา เหลือช่องไว้
หาก...เธอจะเปลี่ยนใจ!
ทว่า เธอสงบเป็นนิตย์ ไม่มีคำอ้อนวอน ไม่มีการเปลี่ยนใจจนบัดนี้...
จิตวิญญาณเธอยังเร่ร่อนหาพระสวามี!
เสียงร่ำไห้ของเธอ สวรรค์มิรับรู้ มนุษย์มิได้รับฟัง นอกจากต่ำใต้พิภพ ในความมืดแคบ ที่เธอรอคอยเวลาที่ดวงวิญญาณจะได้เป็นอิสระ เพียงเพื่อพบปะกับดวงพระวิญญาณแห่งพระสวามีอันเป็นที่รัก
หากเธอ เร่ร่อน...คว้างหา
วิญญาณดวงนั้นสนิทนิทราไม่ยอมตื่น
...ในความเป็นเราอยู่เคียงคู่กัน
ในความตายกระหม่อมฉันจะตามหา...
ผู้หลับไหลจะต้องถูกปลุกด้วย "มือ" อันทรงพลัง ผู้ให้ความตายอันเป็นนิรันดร
ผู้ใดทำให้ดวงวิญญาณ หลับใหล
ผู้นั้นเท่านั้นต้อง ปลุก ให้ตื่น...
อัยคืออัย อัยผู้ทระนง ไม่สนพระทัยอำนาจอื่น นอกจาก...อำนาจที่ตนมี
อัย...ครองอำนาจเหนืออียิปต์บน และอียิปต์ล่าง หาก...เดียวดาย มิมีสตรีใดถูกยกขึ้นเป็นราชินีกี่คนรู้...อัย...เหลือแต่ความทรงจำอันฝังลึกในหัวใจเหมือนซากพระศพแห่งเมอริตาเตนที่ถูกฝังลึกใกล้หลุมพระศพพระสวามียอดรัก...สเมนกาเร...
อัยมักชอบที่จะอยู่โดดเดี่ยว มากครั้ง แทนที่จะอยู่ ณ พระราชฐานอันวิจิตร เขากลับไปพำนักยังหุบผากษัตริย์อย่างเงียบๆ ระหว่างที่ฝังพระศพสเมนกาเรและตุตันคาเมน คือ...
หลุมเล็ก แคบ ลึก มืดมิด
นักโทษผู้ทรงศักดิ์ราชินีแห่งสเมนกาเรเคยถูกคุมขัง
เธอมีชีวิตอยู่หลายเดือนจนสิ้นพระชนม์
หลุมพระศพถูกประทับด้วยตราแห่ง...อัย...ที่ปิดหัวใจชั่วนิรันดรเขา...ยืนอยู่ ณ ที่นั้นได้นานๆ ทอดแลไปในท้องฟ้าราวกับจะแลหาเนตรงาม บัดนี้... กระพริบอยู่ ณ ที่ใด
เมื่อปิดหัวใจ ปิดความรัก ความกลัว ความหวั่นไหว อัย...คือร่างอันว่างเปล่า ไยเขาจะต้องกลัวเกรงมหิทธาใดในโลก ยกเว้นเทพบิดาและเทพมารดา
โอสิริส...เทพเจ้าแห่งความตาย
อิซิส...เทพีแห่งลุ่มน้ำไนล์
ความมั่นคงดุจศิลายอดพีระมิด ทำให้เป็นที่โปรดปราน
จากลุ่มน้ำไนล์...สู่เจ้าพระยา...ไกลด้วยระยะทางห่างจากอำนาจที่เคยครอบงำ แผกด้วยผิวพรรณผู้คน ด้วยแรงสัตยาธิษฐาน
โอ...พระบิดาเจ้า
ขอให้ไกลแสนไกล ยังดินแดนที่แผกไปทั้งปวง
อย่าได้มีใคร ทำให้ต้องเจ็บ ต้องปวดอีกเลย
เวลานับเนื่องสี่พันปี จาก "อัย" สู่ นายแพทย์...ไอลวิล!
...ในภพนี้มีอะไรมากมาย
เกินกว่าที่จะนึกฝันได้...
ใช่จะกี่ชาติกี่ภพ ไอลวิลก็เป็นเช่นนี้ โทสะร้าย เอาแต่ใจ
หากมีใครบ้างจะฉลาดล้ำเท่าอัย
หากมีใครบ้างเป็นนักรบแท้เช่นอัย
สเมนกาเรรูปงามอย่างเลิศล้ำ อ่อนโยนเฉกสายลมเย็น อ่อนหวานปานน้ำอมฤต
แต่...มิห้าวหาญ เข้มแข็ง แกร่งกล้าเช่นอัย!
บุรุษหนึ่ง งาม เฉกสลักจาก หินโมรา
บุรุษหนึ่ง สง่า เฉกหินสลักจาก ศิลาแลง
บุรุษทั้งสองยิ่งมิเหมือนกัน!
กฤตยา หรืออีกนามหนึ่ง ตี ตาเตน
เธอ...ผู้มิได้อยู่ในโลกความเป็นโดยสมบูรณ์
เธอ...ผู้จะก้าวไปสู่โลกแห่งความตายมิได้
เธอ...มิรู้ด้วยซ้ำว่า เธอควรอยู่ในโลกไหน?
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งหนึ่งเธอควรผ่านเข้าไปสู่โลกแห่งจิตวิญญาณ หากแต่เซม-รา ภิกขุนีแห่งวิหารรามอน-รารั้งรอเธอไว้ นำจิตวิญญาณของเธอกลับไปสู่บรรพกาล ปกปักเธอ ดูแลเธอให้ความรู้สรรพวิทยาการแด่เธอ เธอกลายมาเป็น ชาวับตี แห่งพระแม่เจ้าเนเฟอร์เตเต เธอเป็นตีน้อย เป็นภาคหนึ่งแห่งเจ้าหญิงเมอริตาเตน
เธอ รู้ เธอถูกพิทักษ์ไว้เพื่อ อัย
เราไม่มีความจงรักให้...อัย... เจ้าหญิงโฉมงามพระองค์นั้นดำรัสเศร้าหมอง
แต่...เราภักดีต่อท่าน...ตีน้อย เอาความภักดีทั้งหมดของเราบรรจุไว้ในหัวใจเจ้าเถอะหากเป็นได้... จงรักต่อท่านแทนเราด้วย อัย...นั้นยิ่งใหญ่ ทรงอำนาจฉลาดล้ำเหนือใดอื่น ยกเว้นเรื่องเดียวที่ทรงชนะมิได้...เรา...
ทำไม? เธอเคยถามจิตวิญญาณนั้น
ทำไมจึงไม่เกลียดชัง ที่อัยส่งเจ้าหญิงไปสู่จิตพิภพ
อัยมิได้ส่งเรา เราต่างหากเลือกทางเดินเอง สุรเสียงผยอง
เราต่างหากต้องการ เดินทาง ไปพบสวามีเราให้เร็วที่สุดเราปรารถนาจะไปเกิดร่วมภพกับสวามีเราทุกชาติ หาก... ด้วยรับสั่งเศร้าหมอง
อัยฉลาดพอที่จะสกัดกั้นไว้ มิให้เราพบกันไม่ว่าในภพใด!
เจ้าหญิง... ตีจะช่วย
รักท่านเถิดตี... และถ้าท่านรักเจ้าจะไม่มีความรักใดยิ่งใหญ่กว่านี้ เจ้าจะได้จิตวิญญาณที่สองภพยอมก้มเศียรให้
ตี... เสียงหวานละห้อยดังอยู่เคียงข้าง
เทพีเซลเค็ต ไปพบอัย...
หญิงสาวสูดลมหายใจยาว แล้วเธอก็ต้องกริ้วกลับไปประโยคนั้นรู้แท้แก่ใจ
อัย..เป็นอย่างนี้เสมอ... คำสนองตอบแว่ว ดุจรำพึง
ยโส เชื่อมั่นในตนเองแรงกล้า
และเชื่อมั่นในความรักไม่เสื่อมคลาย
เสียงของกฤตยามีรอยขื่นปลายลิ้น จากภพนี้...อัยก็คืออัย...เขาทำเพื่อ สตรี ที่ดูจะฝังในเลือดเนื้อและวิญญาณ เพื่อความผูกพันอันไม่เคยจืดจาง มิว่า เวลาจะเนิ่นนานปานใด
เธอ...คือ เงา ที่จำหลักมาจาก สตรีที่เขารัก เท่านั้น!
ในชีวิตที่ผ่านมา ใน ภาค ที่เธอปะปนอยู่กับผู้คนทั้งปวงไม่เคยมีใครอยู่ในสายตากฤตยา ความ แปลกของเธอที่บอกความเก่งกล้า...มีหรือจะไม่มีใครสนใจ หากกฤตยาแลเลยสิ้น กฤตยาสนุกกับโลกจิตวิญญาณที่มีธรรมวิทยาไม่รู้จบ
กษัตริย์ ภิกขุ และภิกขุนี เป็นวรรณะสูงสุด
เซม-ราเฝ้าย้ำอย่างนั้น เธอถูกยึดให้รำลึกในข้อนี้เสมอความผยองทำให้เธอแลคนอื่นต่ำกว่าสายตา บัดนี้... เธอรู้แล้ว...ทำไม...
อัย...ผยองกว่า ทระนงกว่า
เพียงแวบเดียว...เธอก็รู้แล้วว่านี่คือบุรุษที่ต้องค้อมคารวะ บุรุษผู้อยู่เหนือบุรุษทั้งปวง เธอเคยสงสัย
ทำไม...เมอริตาเตน...ไม่รักอัย?
บุรุษ...ที่เธอ มองผ่านผ้าพันทะลุลงไปเห็น ซาก ที่กลับเต็มบริบูรณ์ เฉกวันที่พระศพเริ่มพันผ้าใหม่ๆมาลัยน้อยสดกรุ่นกำจายของเจ้าหญิงเมอริตาเตน ที่ถวายด้วยความอาวรณ์ละห้อยหายังมิสลดกลีบด้วยซ้ำ
ซากนั้น...งามเกินชาย
หากเนตรที่หลับพริ้มจะเปิดขึ้นแลยะยับ หากริมโอษฐ์แดงงามจะขยับเขยื้อนด้วยรับสั่งอ่อนโยน บุรุษนั้นคงจะงามพร้อมกว่านี้ บุรุษรูปงามหล่อด้วยทองเนื้อเก้ากับบุรุษชาตินักรบหล่อด้วยสำริด
เธอเลือกภาพหลัง!
เจ้าหญิงโฉมงามทอดถอน คลายลมหายพระทัย
ตี...ความรักไม่มีใครเลือกได้ ไม่มีเหตุผล แล้วจะรู้เอง
บัดนี้...เธอ เกือบ คิดว่า รู้แล้วซิ...ความรวดร้าวอย่างหนึ่งตีบเต้นอยู่ที่คอ
อัย...มิได้รัก ตัวจริง แห่งเธอ
หากอีกประโยคก็สวนทันควัน...เธอเคยมี ตัวจริง หรือเล่าเธอก็คือ เงา
ในพิภพนี้เธอถูกหล่อหลอมในจิตวิญญาณให้ จำลอง สตรีหนึ่งไว้
ผู้หล่อหลอมมีจุดประสงค์ใด เธอก็รู้!
เธอเองที่เปล่งวาจา ณ ขอบฟ้าโน้นอย่างหนักแน่น
เราจะเป็นตัวแทนแห่งเธอ เราจะดำเนินการทุกอย่างให้สำเร็จเพื่อเธอ
กฤตยา ได้ มากกว่าสตรีใดในพิภพเคยมี และบัดนี้ เธอจะต้อง เสียมากกว่าสตรีใดเช่นกัน...
เสียความรักที่เธอปรารถนา
อย่างนี้เองที่เมอริตาเตนเจ็บช้ำ ทุกข์ทนละอองดาวระยับดูเหมือนจะเคลื่อนมาแนบใกล้ อย่างเห็นอกเห็นใจลึกซึ้ง
ตี...สตรีเป็นของบุรุษเสมอ แต่...บุรุษไม่เคยเป็นของสตรีจงภูมิใจที่ได้รัก เพราะดีกว่าไม่รู้จักรักเลย ถ้าเธอรู้จักรักอันมั่นคง จะไม่มีอะไรขวางหน้าได้
กฤตยาพริ้มตาลง ในดวงตาที่ปิดสนิท เธอ เห็น อะไรเสมอ
ภาพ ของอัย...หลั่งไหล ทวนย้อนประวัติศาสตร์สี่พันปีโน้น!
"ไอลวิล...มาดูกฤตยาหน่อย"
ร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ ภายในห้องฉุกเฉินขาวซีด ซีดราวหินอ่อน ซีดราวกับจู่ๆ เลือดทุกหยดจะรินไหลออกจากร่างกายเธอจนสิ้นแล้วกระนั้น
หาก...ทั่วร่างคนไข้ไร้บาดแผล
...เขารู้!...
จิตวิญญาณเธออยู่ ณ ขอบฟ้าโน้น
อยู่ระหว่างเส้นแห่งความเป็นและความตาย!
เธอถูกนำมาต่อรอง ใช้ในเกมพนันสุดท้าย!
กฤตยา...โอ...กฤตยา...เขาจะทำฉันใด
เซม-รา ภิกขุนีแห่งวิหารรามอน-รา น้อมตัวลงทำความเคารพ สูงสุดเฉพาะฟาโรห์ ผู้ครองอำนาจทั้งอาณาจักรและศาสนจักร
"เจ้ากล้าทำ?" เสียงดังก้องคือเสียงของ อัย โดยแท้
"มิได้" คำตอบอ่อนเบา เกรงกลัวเสมอมา
"แต่เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนั่น"
ดวงหน้าของไอลวิล โหดเหี้ยม ดุดัน ราวกับรูปสำริด ศรีษะตั้งไหล่ยืดตรง ผยองอย่างผู้ครองอำนาจมากกว่าที่เขาเคยเป็น หากเฉกเช่น...อัยเคยเป็น
"ฟาโรห์ เทพีเซลเค็ตกำลังจะเสด็จมา.."
"นั่นเป็นปัญหาของเจ้า..."
"ในโลกแห่งจิตวิญญาณ ผู้ที่พระแม่เจ้าอีซิสคุ้มครอง เทพีเซลเค็ตจะทรงทำอะไรมิได้ ยกเว้นตีน้อย... เธอยังมิผ่านเข้าไป เธอจะเป็นเหยื่อแห่งเทพีพระองค์นั้น"
เขานิ่ง เพราะรู้เช่นกัน ภิกขุนีแห่งวิหารรามอน-รา ถอนใจ
"ตีน้อย...เธอคือภาคหนึ่งแห่งเจ้าหญิงเมอริตาเตน เราหวังเสมอว่า เราจะคืนภาคหนึ่งแห่งเธอให้แก่ท่าน...อัย...เจ้าหญิงเมอริตาเตนมิได้รังเกียจท่าน หากเธอถวายสัจวาจาไว้แด่เจ้าชายสเมนกาเรว่า...พระเสด็จไหน ข้าบาทเสด็จตามไปทุกครา สัจวาจาเปลี่ยนได้หรือ ท่านจะยินดีรับสตรีผู้ไม่มีสัจวาจากระนั้นหรือ อัยผู้ได้ชื่อว่ามั่นคงต่อหัวใจและวาจา!"
"เจ้าเข้าใจพูดเซม-รา"
"ความจริงเข้าใจง่าย พูดง่ายเสมอ ฟาโรห์" เธอค้อมศรีษะลง
"อัย...ท่านรัก แล้วต้องได้ครอบครองสิ่งที่รัก โดยมิใช่เพื่อนำความสุขมาให้คนอันเป็นที่รักหรือ"
ไอลวิลทำท่ามิใส่ใจต่อคำถามยอกย้อนถึงความในใจนั้น
"ตีน้อยจะเป็นอย่างไร?"
"เราจะคืนเธอสู่โลกแห่งจิตวิญญาณ เพราะในแดนนั้นเท่านั้น เทพเจ้าแห่งความตายทรงอำนาจสูงสุด เทพีเซลเค็ตจะล่วงล้ำมิได้"
"ขณะนี้เธออยู่ไหน?"
"เธอไม่ยอมก้าวเข้าสู่ดินแดนนั้น เธอยินดีรอการลงทัณฑ์จากเทพีเซลเค็ต เธอดื้อ..." สุ้มเสียงกังวล อ่อนใจ รักใคร่ลึกซึ้ง
"เธอห่วงท่าน...อัย..." คนกราบทูลทอดเสียงยาว
"เฉกเจ้าหญิงเมอริตาเตนห่วงใยท่าน ในความรักเธอมีให้มิได้ แต่ความจงรักภักดีต่อฟาโรห์มีเสมอ ชั่วเวลาที่ผ่านมา ตีน้อยเกือบเหมือนเธอ เราถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่าง ความงาม ความฉลาดล้ำ สรรพวิทยาการ ให้ตีน้อยมากกว่าเธอ เราหวังให้ฟาโรห์เป็นสุขในชั่วกาลหนึ่งอันพึงมี บัดนี้...ทุกอย่างกำลังจะสูญสลาย... เราคอยท่านได้ทุกภพ ทุกกาล คอยจนกว่าท่านจะใจอ่อน เราจะเร่ร่อนทรมาน แต่เราจะปล่อยตีน้อยให้กลับไปสู่วัฏจักรแห่งชีวิต เธอจะมีชาติ มีภพ จิตวิญญาณ มีเกิด มีแตกดับ ไม่เร่ร่อนอย่างพวกเรา แต่...เธอไม่ยินยอม เธอจะให้เทพีเซลเค็ตทรมานจิตวิญญาณแห่งเธอ ซึ่งมิรู้กินเวลาเท่าใด จากนี้...ตีน้อยจะหลุดเป็นทาสแห่งเทพีเซลเค็ต เธอร้ายกาจอย่างไร ท่านรู้ดี อัย..."
"ไม่ได้!" เสียงนั้นก้อง
"ปล่อยเธอให้กับเทพีเซลเค็ตมิได้ เธอร้ายกาจยิ่ง"
"หากจะทำฉันใด เธอมีอำนาจในการปกป้องพระศพ ใครล่วงละเมิดมิได้..."
"เราซิมีอำนาจ!"
"แล้วแต่ท่านประกาศิต... อัย..."
"กลับไป" เขาบอกอย่างเหนื่อยอ่อน
"พาเธอกลับมา"
"อัย!" เสียงละล่ำละลักยินดี
ฟาโรห์ประกาศิตแล้ว!
นายแพทย์ไอลวิลหันกลับไปยังเตียงคนไข้ เขาเข้าไปยืนข้างเตียง วางมือหนึ่งบนอุระ อีกมือหนึ่งวางบนนฎาต จิตเคร่งเครียด สุรเสียงก้องอยู่ภายใน เฉพาะโลกแห่งจิตวิญญาณเท่านั้นที่ได้ยิน
"ตื่น! ตี...ด้วยประกาศิตแห่งเรา...ตื่น!"
ดวงหน้าขาวคล้ายหินสลัก ค่อยหลั่งไหลราศีแห่งชีวิต ริมฝีปากพริ้มค่อยระเรื่อทีละน้อยคล้ายสีกลีบบัว โหนกแก้มปรากฏสีสัน ท้ายสุด...ขนตายาวหนากระพริบ
ริมฝีปากดุจกลีบบัวแย้มรับชื่นชม ดวงตาเธอมีหยดน้ำหล่อรื้นคล้ายดวงดาว
"อัย...ดีใจที่ได้กลับมา..."
ดวงหน้าคล้ายรูปปั้นสำริดอ่อนโยนอย่างที่มิเคยมีใครเคยพบเห็นมาก่อนเลย...อ่อนโยนด้วยความรักลึกล้ำ!
...อดีตกาล...ไกลโพ้นผ่านมา
เขารู้ว่า นางจรลีไกล
นางมิเป็นสิ่งใด มิเป็นของใคร
นางเป็นด้วยใจแห่งนาง...
กฤตยา รู้ หรือไม่หนอ ดวงหน้างามแอร่มอ่อนโยนด้วยความหวัง เนตรงามดูจะพึงพอใจลึกล้ำ ริมโอษฐ์ดุจกลีบบัวงามแย้มละมุน
เขาไม่มีวันยอมส่งเธอลงไปสู่ความมืดมิดอีกแล้ว
หากเธอ ผ่าน ไปสู่นครแห่งสุริยเทพเล่า?
เธอจะเสมือนเทพีอื่นๆ วิญญาณจะบริสุทธิ์ล้ำใครจะแตะต้องเธอได้...เขาจะเหลียวหาเธอไปทั่วพิภพ เธอจะแลลงมาจากฟากฟ้า
หยดหนึ่งที่จะร่วงหล่นคือ...น้ำตาดาว!
เขา...จะลอยละล่องไปอีกกี่พันปี
ความเจ็บปวดจะเป็นของเขาบ้าง เฉกเจ้าหญิงเมอริตาเตนไอลวิลยะเยือกอยู่ในอกหากครานั้นเขาระงับดับโทษทั้งปวงในใจ
ดรุณีน้อย งามล้ำ จะอุบัติขึ้นมา
เธอจะมีตา...มีใจฝักใฝ่เขาผู้เดียว หากเขารู้จักคุณค่าของการให้ การเสียสละ... รักคือการให้ไม่ต้องการการตอบแทน... เขาจะมีความสุขในบั้นปลาย
"เราถ่ายทอดพลังแห่งจิตวิญญาณส่วนหนึ่งให้เธอ "ตีน้อย" คือตัวแทนแห่งเรา รับเธอไปเถิด...อัย..." สุรเสียงนั้นอ่อนหวานปลอบประโลม
"ภพใหม่ของท่านจะได้มีความสุข"
ละอองคล้ายดาวระยับ แล้วค่อยจางลงทุกที
หากเนตรงามยังแจ่มชัด
"ดวงตาคู่นั้นจะมองท่านผู้เดียว...มิเหมือนเรา"
...โคมทองเฉิดฟ้าแสงฉาย
เวิ้งรายเมฆเกลื่อนเลื่อนฝัน
ดาริการะย้าระยับนับพัน
แนบฝันแนบจิตสนิทวิญญาณ...
เธอเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว...รอ...แน่นอน เดี๋ยว "เขา" มา
พอสิ้นเสียงเคาะประตูแรก เธอเปิดออก ร่างสูง หนา ในชุดสีนวลง่ายๆ ยืนอยู่ น่าแปลก... ในความจริง ในความฝัน ในอดีตกาล "เขา" ไม่เปลี่ยนแปลง
สง่าแห่งอำนาจเรืองรองเสมอ
ตาเข้มกวาดดูเธอ...กฤตยากลั้นลมหายใจ เธออยากให้เขาพอใจเธอทันทีที่เห็น มุมปากหยักขยับนิดเดียวพอแล้ว...เขาพอใจ!
บัดนี้เธอ...เป็นของเขา มีชีวิตเพื่อเขา...
เขาจะยอมรับการดูแลจากเธอ และดูแลเธอคนเดียว!
ไม่มีคำพูดอีก จิตวิญญาณที่ยอมรับ ยอมผูกพันกันมิต้องอาศัยวาจา
ขอบคุณของแต่งบล๊อกน่ารักๆจากป้าเก๋า(ชมพร)
เย็นที่เรา เขาก็สุข เรื่องก็หาย
ปลงให้ไว ใจสงบ เรื่องก็คลาย
ปลงให้ได้ ปล่อยให้ไว ใจก็เย็น
ใช่ครับ สุดท้ายของชีวิตคือความตาย
วุ่นวายไปทำไม สาธุ
ขอบคุณโหวตด้วยครับ