เมื่อคนที่คุณรักที่สุดเป็นมะเร็ง ! สิ่งที่ต้องทำคือเผชิญหน้า Pt.2
เมื่อคนที่คุณรักที่สุดเป็นมะเร็ง ! สิ่งที่ต้องทำคือเผชิญหน้า Pt.2
หลังจากที่ผล Lab แจ้งแล้วว่า คุณแม่เป็นมะเร็งที่ปากมดลูก สิ่งแรกที่ทำก็คือถามไถ่ พี่ๆ เพื่อน ๆ ว่า ญาตที่เป็น เค้ารักษาที่ไหน ส่วนมากก็จะตอบกันมาว่าเป็น ร.พ รามาธิบดี แต่ต้องให้แม่เข้าระบบ 30 บาท เราก็เลยลงทะเบียนที่ สถานีอนามัยเขตใกล้บ้าน (ฝั่งดูบ้านนอกนะ แต่จริง ๆ อยู่แค่ บางบัวทอง นนทบุึรีฯเอง)
จากนั้นเราก็เลยลองไปที่ รพ.รามาธิบดี ก่อน เพื่อมาขอคิวหาหมอ คลีนิคนอกเวลา ก็ไปตั้งแต่ ตี 4 พอ สัก 9.30 น.ก็ได้เจอพยาบาบคัดกรอง ที่แผนกนารีเวช พยาบาลรับประวัติเสร็จก็บอก กับเราว่า ทำไมมาหาคลีนิคนอกเวลา รู้ไหมว่าค่าใช้จ่ายมันแพงมาก มันต้องรักษาต่อเนื่องนะ อย่ามาลัดคิว พยาบาลก็บ่น ๆ แกม สอนเราว่าให่เข้าระบบให้เป็นเรื่องเป็นราว
สรุป...เสียเวลา 1 วันที่ โรงพยาบาลรามา ฯ โดยไม่ได้เจอหมอเลย (ช่วงนี้ก็ให้แม่ทานพวกหญ้าปักกิ่ง บำรุงไปก่อน)
ระบบการรักษา 30 บาท จะเป็นแบบนี้ค่ะ >ลงทะเบียน กับสถานีอนามัยในเขตตามทะเบียนบ้านเรา ซึ่งสามารถโทรเช็คทาง กรมประกันสุขภาพได้ เค้าจะแจ้งให้เราไปที่ไหนนะค่ะ >จากนั้นหมอที่อนามัย จะขอใบรับรองแพทย์ (ซึ่งตรงนี้จะเร็วถ้าเราผล Lab จากเอกชนไปยื่น) เมื่อหมอที่อนามัย เห็นว่ารักษาไม่ได้ก็จะส่งไปที่โรงพยาบาล ประจำ อำเภอ > เมื่อเราไปที่โรงพยาบาล ประจำอำเภอ (ในกรณี ของคุณแม่คือ รพ.ไทรน้อย) เค้าก็จะออกใบส่งตัวเราไปที่ ร.พ ประจำจังหวัด (ดูยุ่งยาก และเยอะ แต่ต้องทำตามระบบ นะค่ะื) > จากนั้นก็นำใบส่งตัวไปหาคุณหมอ ที่ ร.พ ประจำจังหวัดค่ะ ซึ่งก็คือ รพ.พระนั่งเกล้า ซึ่งตรงนี้ รพ.ประจำจังหวัด ก็ตรวจภายในอีกครั้ง โดยที่นี้จะสามารถให้คีโมได้ ผ่าตัดได้ แต่ไม่มีฉายแสง คุณหมอที่ พระนั่งเกล้าก็บอกว่า ของคุณแม่ ผ่าตัดไม่ได้ต้องฉา่ยรังสีเท่านั้น > สรุปจากทาง รพ.พระนั่งเกล้า ก็ได้เขียนใบรับรองแพทย์อีกครังว่าคุณแม่เป็น Cervix Cancer (มะเร็งปากมดลูก) และให้ไปรักษาตัวต่อที่ รพ.ราชวิถี ที่เป็น ร.พ เครือข่าย > เมื่อเราได้ใบส่งตัว เราก็ต้องมาเข้าระบบคนไข้ที่ รพ.ราชวิถี เริ่มทำประวัติ และก็เจอกับ หมอที่ฝ่าย นรีเวชค่ะ
**ขั้นตอนช่วงนีั้้้ใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์นะค่ะ โดยตอนนั้นไปหลายโรงพยาบาลมาก แต่ละที่ ต้องไปรับบัตรคิว ตั้งแต่ตี 4 ก็เหนืื้อยทั้งแม่ ท้งลูก แต่ก็สู้ค่่ะ
ในระหว่างนี้ร่างกาย คุณแม่เริ่มอ่อนแอ ขึ้นมีอาการปัสสาวะขัด ถ่ายไม่ออก มีไข้ และติดเชื่องู้สวัด ก็พอหาหมอรักษาตามอาการไปนะค่ะ ร่างกายอยู่ในช่วงอ่อนแอ แถมเครียด ก็เลยรุมเร้าเข้ามา
กว่าจะได้คุณหมอเจ้าของไข้ เมื่อดำเนินการเรื่องเวชระเบียนเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เข้าแผนกภายในวัยนั้นนะค่ะ ถือว่า เร็วมาก โดยช่วงเช้า คุณแม่จะต้องไปตรวจภายในอีกครั้งกับอาจารย์หมอ โดยคุณแม่เข้า่ ไปนานมากค่ะ ประมาณ 2 ชั่วโมง ตอนนั้นก็แบบว่าเครียดแหละ ทำไมนานจัง
วินิจฉัยคลาดเคลื่อน พอคุณแม่เล่าให้ฟังก็บอกว่า คุณหมอมาตรวจหลายท่าน มีหมอฝึกหัดตรวจด้วย และที่สำคัญตรวจไปตรวจมา คุณแม่ไม่ได้เป็นมะเร็งปากมดลูกค่ัะ !!!! แต่เป็น มะเร็งที่ช่องคลอดแทน Vagina Cancer ที่คนไทยเป็นน้อยมาก และที่จับดู ก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่ พอสมควร คุณหมอเลยแนะนำให้ไป CT Scan และตรวจปอดค่ะ
ช่วงบ่ายคุณแม่ก็ต้องเข้าคิวในการเอ๊กซ์เรย์ปอด ตรวจคลื่นหัวใจ โดย วิธีการตรงนี้ก็รอนานเช่นเดียวกัน แต่ผลตรวจไม่มีอะไรผิดปกตินะค่ะ ที่นี่เราก็ต้องไป จองคิวการ CT Scan แต่คิวที่เร็วที่สุดที่ได้คือเดือน สิงหาคม (ตอนนี้นเดือนมิถุนายนเอง)
CT Scan หลังจากช๊อคกับการรอคิว CT Scan ทางพยาบาลก็แนะนำว่า ให้เราไปทำข้างนอก ถ้ามีเงิน โดยไปเอาผลจากเอกชนข้างนอกมาให้คุณหมอ ก็จะช่วยลัดคิวได้เร็วขึ้น
เราก็เลยลองหาไล่ดูราคา ก็ได้ที่ ศูนย์ CT Scan ที่ประชาชื่นนะค่ะ ราคาอยู่ที่ 17,000.- เฉพาะท้องส่วนล่าง เราก็รีบไปหา และรีบ CT Scan จะได้เห็นมะเร็งชัดขึ้น
พอ CT Scan เสร็จ คุณหมอที่ดูฟิลม์ก็แจ้งย้ำอีกครั้ง ว่าคุณแม่มีมะเร็งที่ผนังช่องคลอด ด้านซ้าย โดยมีขนาดประมาณ 9 ซม. ซึ่งตรงกับการตรวจของ อ.หมอปิยะ นะค่ะ
ตรวจเลือด + ปัสสาวะ + อุจจาระ การรักษาคุณหมอ ต้องการผลตรงนี้ด้วย และเนื่องจากคิวการตรวจที่ยาวนาน เราก็ตรวจที่ รพ.เอกชนเช่นเดียวกันค่ะ ก็ได้ผลเลย
หลังจากได้ผลทุกอย่างเรียบร้อย ก็ถึงเวลานัดแพทย์ เพื่อทำการเริ่มต้นวินิจฉัยการรักษาแล้วค่ะ ซึ่งขั้นตอนทั้งหมด 1 เดือนพอดี
อ่านต่อตอน 3 นะค่ะ
Create Date : 16 กรกฎาคม 2556 |
Last Update : 16 กรกฎาคม 2556 17:59:45 น. |
|
0 comments
|
Counter : 971 Pageviews. |
|
|