Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2567
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
28 สิงหาคม 2567
 
All Blogs
 
์No. 1308 ใครเคยอยู่บ้านนอก แบบนี้บ้าง

No.  1308  ใครเลยอยู่บ้านนอกแบบนี้บ้าง..
 

ความเดิมจาก บันทึกเมื่ออายุ 12 ปีได้ไปพัก ที่ อ.ดอยสะเก็ด เชียงใหม่ปกติที่บ้านแม่ทำหอพัก
เด็กนักเรียนหญิงชายสำหรับเด็กต่างอำเภอ/ต่างจังหวัดเข้ามาเรียนในเชียงใหม่
ผมกับเด็กจะกินนอนถูบ้านด้วยกัน  แม่กับพี่สาวดำส่งข่าวขอพากลับบ้าน ดีเลยระยะทางสิบกว่า
กิโลเมตรครั้งก่อนโน้นดูไกลมากหนทางไม่สะดวก
บ้านเพื่อนหญิง ชื่อสมถวิล ชื่อเล่น ดำ แต่ผิวขาวอากาศที่หนาวเย็นเกือบทั้งปีและเย็นกว่าในเมือง
ตื่นขึ้นมาได้ยินเสียง วัวร้อง ข้างนอกบ้าน อากาศในห้องอุ่นสบาย
แสงไฟตะเกียง ลอดเข้าประตูห้อง
 
นึกได้ว่า มานอนค้างที่บ้าน ดำ เพื่อนหญิง เตียงใหญ่กว้างมีมุ้งผ้าสีขาวคลุมเตียงเสียงคุยกันนอก
ห้องเลยรีบลุกขึ้นนำชายมุ้งสี่ด้านตลบพาดไว้ข้างบนจนเรียบ
 
ใช้ผ้าขาวม้าปัดที่นอน จับผ้าปูเตียงจนตึง แล้วพับผ้านวมผืนใหญ่เอาผ้าต๊วบสีแดงด้านมันนวล
 ส่วนด้านในก็อีกด้านเป็นผ้าสำลีสีน้ำเงินขาวไว้ด้านในพบวางไว้บนปลายตีนเตียง
ค่อยย่องไปล้างหน้าแปรงฟันที่ห้องครัว น้ำเย็นเจี๊ยบ
 
ข้างนอกครัว แสงแดดเริ่มสาดแสงอ่อน ทาบไปกับทุ่งนา กว้างใหญ่สีเหลืองทองปนเขียวมอง
ไม่ค่อยชัดนัก หมอกหนาปกคลุมอยู่ทั่ว
 
กลับเข้าไปในห้องเช็ดหน้าเสร็จใส่ เสื้อสักหลาดหนาหนัก ที่พาดไว้กับท้ายเตียงนึกได้ลาง ๆ
ว่าก่อนเข้านอนมีคนพยุงพาเข้านอนแล้วถอดเสื้อหนาหนักไว้แล้วทุกสิ่งก็มืดมิด
เป็นไง ไม.. นอนหลับดีหรือเปล่า.... พี่สาวดำถาม
สบายครับ แต่ไม่รู้เข้าไปนอนในห้องได้ไงครับ


 
พี่เป็นคน อุ้มกึ่งประคองไปนอนเองแหละ เห็นไม นอนหลับข้างตัวแม่กับพี่ ๆ ที่ห้องโถงไง
ผมยิ้มอาย ๆ ก็นอนขี้เซาขนาดหนักนี่นา
ไป ดำ ไม... ไปดูชาวสวนยาสูบ นำยามาขาย เดี๋ยวพี่จะต้องจ่ายเงิน
 
ชาวบ้านขนใบยาสูบมาทางจักรยาน ใส่ตระกร้าไม้ไผ่ตาห่าง ๆ ที่เขาเรียกว่า "ซ้า" ห้อยบนไม้
คานที่พาดกับ ตระแกรงท้ายรถทั้งสองข้าง(แบบมอไซค์พุ่มพ่วงสมัยนี้)


 
พี่สาวดำ ชัดการชั่งใบยาทั้ง ซ้า(ตระกร้า)...แล้วหักน้ำหนักซ้า ออกแล้วจ่ายเงินให้ชาวบ้านไป
ส่วนแม่ของดำ ไปตลาดตั้งแต่มืด ฉันกับดำเดินไปหาแม่
 
แม่ ไปจุดตระเกียงเจ้าพายุ จัดของที่เก็บไว้ในปีบออกวางไว้บนโต๊ะสูงแค่เข่า มีเข็ม กระดุม
 
 เข็มกลัด หมวกไหมพรม ผ้านุ่ง กิ๊บติดผม อีกครึ่งแบ่งเป็นยาเส้นพื้นเมืองหรือที่เรียกว่ายาตั้ง
หมากสด หมากแห้ง ถั่วลิสงแห้ง สีเสียด ปูนกินกับหมาก

ฉันกับดำ เดินตามแม่ไปดูในตลาดที่มืดทึม ชาวบ้านเริ่มทะยอยเข้าจับจ่ายซื้อของท่ามกลาง
แสงไฟจากตะเกียง วับแวม
 
ดำกับฉันเดินดู ขนมด้วงสีชมภูเขียว ขาว โรยน้ำตาล..
ดูเขาทอด


 
อิวจาก๊วย หอมจนต้องกลืนน้ำลายเลยไปเป็นเขียงหมู พ่อค้ากำลังใช้อีโต้สับซี่โครงให้เป็นชิ่
บันทึกสมัยเด็กมีเพียงข้างบน.
ข้างล่าง เขียนจากความทรงจำ
ในตลาดดูอึดอัด ไม่โปร่งโล่งเหมือนตลาด ช้างเผือก เลยชวน ดำเดินกลับบ้านเตรียมนึ่งข้าวเหนียว
ข้าวเหนียว แช่ไว้ในอ่างดินเผาปากกว้าง มีฝาไม้ปิด พี่สาวคงจะแช่ไว้หัวค่ำ ผมใช้มือคน
 เทน้ำสีขุ่นใส่ชามเต็ม เราต้องเก็บไว้เป็นหัวเชื้อที่จะให้เกิดยิสต์ขึ้น
 
ส่วนน้ำที่เหลือเททิ้ง ตักน้ำเย็นเทใส่อ่าง เอามือคนสางข้าวเหนียวเบา ๆ ไม่ให้ข้าวหัก แล้วรินทิ้ง
ดำก่อไฟด้วยฟืนบนเตา นำหม้อนึ่งดินเผา สีดำจากเขม่า เทน้ำใส่ครึ่งหม้อ นำหม้อไม่จริง
จากต้นไม้ขนาดย่อม ช่างไม้จะขุดเจาะจนกลวงผิวหม้อหนาครึ่งนิ้วแต่ก้นสอบลงนิด
 
นำแผ่นไม้ที่เจาะเป็นรูพรุน วางไว้กั้นมิให้ เม็ดข้าวล่วงในน้ำ วางไว้บนหม้อน้ำ ใช้มือช้อนข้าว
ให้สะเด็ดน้ำ ค่อยโปรยในหม้อ ไม่ให้มันแน่นจนหมด
ปิดฝาหม้อนึ่ง ใช้ผ้าดิบสีคล้ำชุบน้ำ พันปิดอุดระหว่างหม้อน้ำเดือดกับหม้อนึ่งให้พุ่งอบอวนข้าว
น้ำเริ่มเดือดไอน้ำพุ่ง ดันข้าวให้ร้อน ผมเปิดหม้อแล้วใช้ ไม้ไผ่เท่าตะเกียบแทงลงหลายรู
 ให้ไอน้ำทะลุผ่านง่ายแล้วปิดฝา
ใช้เวลาค่อนข้างนาน ไอน้ำกับกลิ่นหอมข้าวเหนียวใหม่เริ่มส่งกลิ่นปล่อยจนกะว่าได้ ดึงดุ้นฟืน
 
ออกเปิดฝาจับหม้อข้าวเทข้าวลงถาดไม้ใหญ่ ที่ดำนำน้ำพรมให้เปียก แล้วใช้พายไม้คน กับพลิก
ข้าวให้ไอระเหยไปบ้าง
 
ข้าวที่นึ่ง หอมคล้ายกลิ่นใบเตย นิ่ม ดำจัดการจับใส่กระติบใบใหญ่จนหมดคนเชียงใหม่จะอุ่นร้อน
หลาย ชม.เมื่อคดข้าวออกมา จะร้อน นิ่ม หอมนาน ก็มาจาก น้ำหม่าที่ตักไว้
ผสมน้ำธรรมดาตอนแช่ เป็นวิธีโบราณ ในน้ำเชื้อที่เทใส่น่าจะมี
เชื้อยิสต์ทำให้ข้าวที่แช่อ่อนนุ่มนานแม้ข้าวจะเย็น
เช้านั้นเรากินข้าวเหนียวกับ อาหารที่เหลือเมื่อวานก็กินกันง่าย ๆ
ผมได้ขออนุญาตพี่สาวของดำ ไปหาปลาแถวบ้านประวิทย์ คนที่ผม อ๋อย ก็ผมน้อยหัวล้านนั่นแหละ
 
ใส่กางเกงขาสั้น ผ้าขาวม้าลายสี่เหลี่ยมน้ำเงินขาวมัดเอว กระป๋องสังกะสีใบเขื่อง ข้องไม้ไผ่
 เดินตามประวิทย์ ทุ่งที่เราจะไปอยู่ไกลลิบ ๆ กว่าครึ่ง ชม. เจอเพื่อนประวิทย์อีก 3 คน
(ปัจจุบันน่าจะอยู่ ตรงหน้าเขื่อนแม่กวง)
ข้างหน้าเป็นท้องนาร้าง มีแอ่งน้ำตื้นน่าจะลึกไม่เกิน เมตรพวกเรานั่งมองผิวน้ำพักใหญ่แดดเริ่ม
เริ่มแรงกล้าขึ้นเรื่อย ๆ และแล้วปลาเริ่มโผล่หัวขึ้นหายใจผิวน้ำบางตัวสะบัดตัวขึ้นผิวน้ำ
คงจะฮุบแมงก่ำปี้(แมลงปอ)
เพื่อน ๆ ช่วยกัน ขุดร่องขนาด ศอก ยาวกว่า 2 เมตร ใกล้ลำห้วยทีแห้งขุดกว้างเกือบเมตร
 ลึกมากหน่อย น้ำเริ่มไหลเอ่อเข้ามา
 
เพื่อนอีก 2 คน จัดการผูกปีบด้วยเชือกข้างละ 2 เส้น พอเสร็จ ช่วยประวิทย์ยืนถือเชือกคนละข้าง
ให้ปีบอยู่ในน้ำแล้วใช้มือสองข้างดึงให้ตึงแล้วเหวี่ยงน้ำทิ้งไปในลำห้วยที่แห้ง
 
ทีแรกยังไม่ค่อยคุ้น พอดึงตักน้ำทิ้ง สี่ห้าครั้งเริ่มชำนาญน้ำในแอ่งเริ่มงวดแห้ง เราผลัดกันวิดน้ำ
ทิ้งกว่า ชม.  น้ำแห้งเห็นโคลน กับ ตัวปลา มุดหนีไปตามโคลนเลนที่นุ่มเหลว
 
เราช่วยกันจับปลา ใส่ข้องไม้ไผ่สาน ส่วนใหญ่จะเป็นปลาหลิม(ช่อน)ปลาดุก 4 ตัวกับปลาขาว
คล้ายปลาตะเพียน กับปลา หลดได้น้อยผิดคาด

เพื่อนที่ว่าง จัดการก่อไฟใต้ต้นไม้ ล้างปลาหลด ควักใส้ทิ้ง กับปลาขาวเคล้าเกลือค่อย ๆ ย่างไฟ

อ่อนจนสุก ตะวันเริ่มเฉียงไปตะวันตกบ้างแล้ว น่าจะเกือบบ่ายโมงกลิ่นปลาย่างหอมโชยมา
ล้างมือไปกินข้าวใต้ต้นทองกวาวใหญ่
 
ต่างคนต่าง นำข้าวเหนียวที่ทุกคนห่อ ผูกมัดติดกับเอวด้วยผ้าขาวม้ากินปลากับน้ำพริกแดง
บางคนก็มีน้ำพริกปลาร้าความเหนื่อยล้ากับท้องว่างทำเอาเราใช้มือบิเนื้อปลาหลดร้อน ๆ
มาก ๆ กินกับข้าว ต้องบอกว่า อร่อยมาก
 
หลังกินข้าวเที่ยง ก็ปรึกษากันว่า หาปลาแถวนี้คงจะไม่ได้ น่าจะเป็นถิ่นเก่าคนอื่นหาปลาเกือบ
หมดแล้วพวกเรา เดินตัดทุ่ง มุ่งไป สู่ดอยเตี้ย ก็ดอยสะเก็ด แถวนั้นน้ำจาก
ลำห้วยมากน่าจะมีปลาเยอะ
(ปัจจุบัน เป็นถนนจาก ดอยสะเก็ดมุ่งสู่ บ้านแม่ขะจาน เชียงราย)
 
พอไปถึง ใกล้ลำห้วย นาข้าว มีร่องน้ำเล็กกว้างเมตรกว่าน้ำเอ่อเกือบเต็มต้นหญ้าคลุมสองฝั่ง
ร่องน้ำที่ลึก พวกเรานั่งมองกันเงียบ ๆ ปลาเริ่มกระโดด พ้นน้ำหลายครั้งคงมีมากกว่าที่เดิม
ชาวนาคงงยัง ไม่บังคับให้น้ำออกจากนา
 
ช่วยกัน น้ำไม้ไผ่มาปักขวางร่องน้ำ ขุดดินข้าง ๆ มาถมใส่จนเต็มสองข้างเรากะกั้นน้ำให้ปลาตก
อยู่ประมาณ 20  เมตรเราใช้เท้าเหยียบดินที่กั้นไว้จนแน่นเต็มสูงกว่า พื้นข้าง ๆ แล้วช่วย
กัน วิดน้ำด้วยกระป๋องสังกะสีใบเขื่อง
 
กว่า ชั่วโมง น้ำก็ยังไม่ยอมลดลงเท่าใด พวกเราจัดการถลกต้นหญ้าสองฝั่งขึ้นเพื่ออุดน้ำที่อาจ
จะไหลเข้า อุดได้หลายรู
 
อีก 1 ช.ม.กัดฟันช่วยกันวิดทั้งหมดทุกคน ต่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรงข้าวเหนียวที่กินคงจะหมด
ไปจากท้องแล้วบางคนก็นั้งพิงต้นไม้เล็ก มองอย่างท้อแท้
 
น้าผู้ชายไว้หนวดดำเฟิ้ม นั่งอยู่บน ตูบก็กระท่อมกลางนาดูพวกเรานานแล้วคงจะนอนหลับ
 จนตื่นขึ้นมาสูบบุหรี่ขี่โย คงรำคาญ เดินมาหา
เอ้าหนุ่ม ๆ วิดน้ำหาปลา แล้วอุดท่อหมดหรือยังละ
ผมอุดหมดแล้วน้า
ยังมั้ง ตรงนี้น้าฝังท่อไว้ข้างล่าง คงมองไม่เห็น ลงไปในน้ำเอามือควานข้างล่างซิ นั่นตรงนั่น
นั้นแหละ เจอหรือเปล่า
 
โห.. ท่อใหญ่ขนาด 8 นิ้วเลย มิน่าน้ำในร่องไม่พอ แถมมีน้ำในนาอีกถ้าน้าไม่บอกหน้ามืดเป็นแถว
ช่วยกันขุดดิน อุดท่อจนแน่น แล้ววิดน้ำกันไม่ถึง ครึ่งชั่วโมงแห้งจับปลาได้เยอะ
แบ่งปลาให้น้าหนวดเฟิ้ม น้าแกไม่เอา ได้แต่หัวเราะหึ ๆ แล้วเดิน
จากไปเงียบ ๆ
 
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ



Create Date : 28 สิงหาคม 2567
Last Update : 28 สิงหาคม 2567 21:22:32 น. 11 comments
Counter : 366 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณkae+aoe, คุณ**mp5**, คุณtuk-tuk@korat, คุณกะว่าก๋า, คุณtoor36


 
แวะมาทักทายจ้าพี่ไวน์


โดย: หอมกร วันที่: 29 สิงหาคม 2567 เวลา:8:21:44 น.  

 
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ


โดย: **mp5** วันที่: 29 สิงหาคม 2567 เวลา:11:06:46 น.  

 
❤ ประโยชน์บางประการของศาสนาอิสลาม 💙

💙 ประตูสู่สรวงสวรรค์ชั่วนิจนิรันดร

❤ การช่วยให้พ้นจากขุมนรก

💙 ความเกษมสำราญและความสันติภายในอย่างแท้จริง

❤ การให้อภัยต่อบาปที่ผ่านมาทั้งปวง

💙 สิทธิมนุษยชนและความยุติธรรมในศาสนาอิสลาม

❤ านภาพของสตรีในศาสนาอิสลามเป็นอย่างไร?

💙 ครอบครัวในศาสนาอิสลาม

❤ ชาวมุสลิมปฏิบัติต่อผู้สูงอายุอย่างไร?

💙 ชาวมุสลิมมีความเชื่อเกี่ยวกับพระเยซูอย่างไร?


https://justpaste.it/b790p


โดย: ศาสนาอิสลาม IP: 176.16.165.99 วันที่: 29 สิงหาคม 2567 เวลา:13:44:32 น.  

 
สวัสดีเจ้าอ้ายไวน์
เมินล้ำบ่ได้มาแอ่วบ้านอ้ายเลยเมาหยะหยังก่บ่ฮู้
ต๋อนนี้ดอยสะเก็ดขึ้นชื่อคือข้าวเงี้ยวเจ้า
ดอยเตี้ยของดอยสะเก็ด มีห้วยนัก ต๋อนนี้กึดถึงเขาตางเขื่อนแม่กวงเจ้า
ขอบคุณอ้ายไวน์ที่ไปแอ่วหา ยังบ่ะลืมข้าเจ้า




โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 29 สิงหาคม 2567 เวลา:14:02:28 น.  

 
ลืมตอบ ฮูปที่อำเภอเนินมะปราง พิดโลก แม่นเจ้า
แถวนั้น ขับหลงต้ง
ขับไปขับมาไปออกวังโป่ง
ขับไปขับมาไปออกเหมืองทองอัคราได้หมดเจ้า
แต่ห้ามไปหน้าฝนเด็ดขาด


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 29 สิงหาคม 2567 เวลา:14:05:31 น.  

 
ถามเด็กยุคนี้ว่ารู้จักผ้าขาวม้าไหม
ผมว่าน้อยคนจะรู้จักครับพี่ 555

ผมยังทันนอนมุ้งสี่สายด้วยครับ
หมิงนี่ไม่รู้จักแล้วครับ 555

เขื่อนแม่กวงอยู่ไม่ห่างจากบ้านผมเลยครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 สิงหาคม 2567 เวลา:21:19:48 น.  

 
เดี๋ยวนี้คงไม่ค่อยได้ใช้ผ้าขาวม้ากันแล้ว แต่ก็เห็นอดีตนายกเอาไปโปรโมตต่างประเทศอยู่ แต่ดูแล้วน่าจะไม่ได้ผลเท่าไหร่


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 29 สิงหาคม 2567 เวลา:22:56:34 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับพี่ไวน์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 สิงหาคม 2567 เวลา:4:37:49 น.  

 
นิสัยใจคอเป็นส่วนสำคัญจริงๆครับพี่
ที่จะทำให้คนสองคนอยู่กันไปได้นานๆ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 สิงหาคม 2567 เวลา:11:04:33 น.  

 
ไม่เคยอยู่บ้านนอกแบบนี้เลยครับ และคิดว่าถ้าไปอยู่น่าจะลำบากแน่ๆ

ในภาพในกระทะ นั่นแหละ อิวจาก๊วย แต่ไทยเราดันเรียกสลับกันกับปาท่องโก๋ซะงั้น

หุ้งข้าวแบบในภาพไม่เคยเลยครับ แต่ถ้าเป็นหม้อสนามแบบที่ไปแคมป์แบบนั้นเคยหุง พูดถึงปลาถ้าเป็นตอนนี้น่าจะมีแต่ปลาหมอคางดำแล้วมั้งครับ ไปที่ไหนก็เจอ อีกหน่อยมันคงกลายเป็นอาหารหลักของคนไทยแน่ๆ

มันก็ดูธรรมชาติดี แต่ถ้าให้ไปอยุ่น่าจะลำบากครับ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 30 สิงหาคม 2567 เวลา:21:37:09 น.  

 
สวัสดีครับพี่ไวน์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 สิงหาคม 2567 เวลา:9:09:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BlogGang Popular Award#20


 
ไวน์กับสายน้ำ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]





เขียนการเดินทาง
ด้านธรรมชาติ
จักรยานเสือภูเขา



หลังไมค์ครับ
Friends' blogs
[Add ไวน์กับสายน้ำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.