No. 721 บล๊อกประจำ จันทร์ - พฤหัสบดี |
|
|
ย้อนหลังที่ ขอเข้าร่วมปฏิบัติธรรม ณ วัดอินทรวิหาร เพียงวันแรก ต้องเจ็บปวดมากมาย แทบทนไม่ได้ |
ไม่ใช่วัด เขาทำให้เจ็บนะครับ |
คือวัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม ควบคุมการปฏิบิติธรรมตาม แนวทางของ คุณแม่สิริ กรินชัย ซึ่งเรียบง่ายแต่จริงจัง |
|
ผมเองแหละ ที่ไม่พร้อมมากกว่า เป็นเช่นไร(โบ..จังงั้นเปลี่ยนเป็น เป็นแบบไหน) ลองติดตามดู |
|
ที่ผ่านมาผม ผมมี ร่างกายอดทน รับแรง รับความเจ็บปวดได้มาก มาจากการวิ่งจ๊อกกิ้งหลายปี |
หลังจากเข้าร่วมวิ่งของ UN DAY จัดวิ่งข้ามสะพานราม 8 เจ็บโคนขา จึง งด วิ่งตั้งแต่นั้นมา
เพราะกล้ามเนื้อ บด บีบเส้นประสาทโคนขา
|
แต่การออกกำลังกายช่วยให้ สดชื่นแข็งแรง จึงเปลี่ยนเป็น |
เต้นแอโรบิก ที่สวนหลวง ร.9 เรื่อยมา เพราะ รู้ว่า การออกกำลังกายโดยเต้นแอโรบิก ไม่มีแรงกระแทกจากการเต้น |
เลย ทนความเจ็บปวดได้ค่อนข้างดี คิดว่าหายแล้ว |
เมื่อได้เข้าอบรมปฏิบัติธรรม |
ทีมงาน ได้ฝึกสอนด้านความรู้ ประโยชน์ของการปฏิบัติธรรม สอนให้รักแม่ เทอดทูนในหลวง |
สมเด็จพระราชินี จะฝึกให้เดินจงกรม เพื่อทำให้จิตสงบ จะได้นั่งทำสมาธิได้ ง่ายขึ้น |
|
ที่ผ่านมา ชีวิตการทำงาน เจออุปสรรค ที่ต้องแก้ไขให้ ทำงานให้เป็นไปตามเป้า ส่วนงานของบริษัทลูกค้า |
ก็ต้องปรับปรุงแก้ไข มิให้ถูกเพ่งเล็ง คือต้องทำให้ถูกต้อง มิให้ผิดกฏหมายเด็ดขาด |
|
อยากจะมีเงินเยอะก็อยู่ในวังวน การทำงาน เมื่อมีโอกาศก็ ทำพร้อม ๆ กัน วันละกว่า 10 ชม. พักผ่อนน้อย |
กลับบ้าน หิว ซิครับ... พอเห็นอาหารที่บ้านทำ ก็โอเค
|
บางวัน อาหารซ้ำไม่อยากกิน ใจเริ่มไม่เป็นสุข ทำงานหนักเพื่อครอบครัว ลูกสาวแม่ยาย น่าจะจัดอาหารอร่อยหน่อยไม่ได้ |
นิสัยเริ่มพาล เกเร.. ไม่นึกถึงใครอื่น นึกแต่ตัวเอง |
เอาตัว กู เป็นใหญ่
ลืมไปว่า ลูกสาวแม่ยาย ก็เดินทางกลับจาก ที่ทำงาน ไกลมาก ก็เหนื่อย ล้า แต่ก็ทำอาหารให้กิน แต่ผมก็ไม่สำนึก
|
กินอาหารที่บ้านแบบไม่ค่อยพอใจ กินได้ครึ่งจานก็ไม่กินต่อ
เข้าห้องทำงานที่บ้าน แบบไม่สบอารมณ์ เปิดเอกสาร |
ที่บริษัทลูกค้า กำลังจะถูกตรวจเรื่องภาษี พนง.สน.บัญชีทำงานไม่ทัน ยื่นเสียภาษีขาด ถูกปรับแน่ |
นั่นอีกบริษัท เจอคล้าย ๆ กันอีก อยากโวย...
|
นั่นทำให้ นึกสนใจ ว่า ทำสมาธิแล้ว เข้าใจคนอื่นได้ ดี..จริงหรือ...?
|
วันแรกเข้าปฏิบัติธรรม นั่งฟังภิกษุเทศน์ ภาษาไทย มีครูพี่เลี้ยง นำสวดมนต์ บทต่าง ๆ ก็โอเคเลย |
แต่มาเจอ การเดินจงกรม ที่เคร่งครัด เกิดความเกร็งของขา ลำตัว เจ็บโคนขาเพราะหมอนรองกระดูก ถูกบดบี้ ช้ำ |
จะไปโทษ วัดเขามิได้เลย |
ตอนนั้นใจ จรดจ่ออยู่ที่การเดิน ก้าวเดินอยู่วันละเกือบ 40 นาที คิดเพียงสองอย่าง |
ก. เดินจงกรมต่อ |
ข. หยุดไม่เดินต่อ ไม่ปฏิบัติธรรมต่อ |
จิตเริ่มเป็น ลิง วอกแวก อยู่ไม่เป็นสุข เอาละ ซิ..ทำไงดี |
|
เมื่อต้องเดิน จงกรม เลยมีความอดทน...ค่อนข้างมาก เลยกัดฟันเดินจงกรมต่อ อีก 2 วัน แต่มิได้บอกอาจารย์หรือ |
กับใครเลย ทน.....ต่อไป |
ด้านการทานอาหาร พวกเราต้องเดินลงจากชั้นบน ลงมาทานอาหารในห้องกว้าง ข้างล่าง ครูอาจารย์ท่านจะ |
สอน ก่อนทานข้าว เช่น ตักข้าวหรือกับข้าวเข้าปาก แล้วให้เคี้ยวให้ละเอียด ก่อนจะตัก คำต่อไป
|
เห็นอาหารที่ ต้องทาน รู้สึกไงไม่รู้..... ไม่ได้สวยงามแบบภาพข้างล่างนะครีบ
|
มื้อแรกเป็นมื้อเที่ยง เราเข้าแถว หยิบจาน ช้อนไปตักอาหาร สองอย่าง ใส่จานข้าวเดียวกัน(ปนกัน) |
อาจารย์ก็จะกล่าวนำ ขอขอบพระคุณท่านที่ได้สละเงิน จัดหาอาหาร มาเลี้ยงพวกเรา แน่นอนเราก็กล่าวตาม |
ใจนึกเลยว่า เราหิวแต่ก็มีคนให้ทานอาหาร เป็นบุญคุญจริงด้วย |
|
เรานั่ง เก้าอี้ บนโต๊ะมีจานอาหาร วางยังกินไม่ได้นะครับ ...เมื่อพี่เลี้ยงบอกให้เริ่มทานได้ |
ผมก็ตักข้าว กับ จับฉ่ายใส่เต้าหู้ เข้าปาก..แล้ว วางมือไว้หน้าตัก เคี้ยวจนละเอียด น่าจะอย่างน้อย 10 ครั้ง |
แล้ว ตักอาหาร กินต่อ คำที่สองเริ่มรู้ว่า เค็มนิด ๆ ใช้ได้....
|
กว่าจะหมดจาน ก็ตักหลายครั้ง เท่ากับ ยกมือจับช้อนตักอาหารเข้าปาก แล้ววางมือไว้หน้าตัก |
ระหว่างนั้นอาจารย์กับพี่เลี้ยง ก็บอกว่า ใครยังไม่อิ่มถือจานไปตักเพิ่มได้ หรือจะทานของว่าง (วันนั้นเป็นกล้วยน้ำว้า) |
|
พอกินเสร็จก็ดื่มน้ำของตนเอง (กระบอกพลาสติกประจำกายทุกคน) |
นำจานไปใส่กาละมัง แล้วกลับมานั่งที่เดิม อาจารย์ก็ให้กล่าว คำขอบพระคุณผู้ให้อาหารทาน ก็คล้ายกับที่ภิกษุ |
ฉันอาหารเสร็จ แบบนั้นเลย |
เราได้พักผ่อน เดินไปมา ในอาคารปฏิบัติธรรม แต่ยังห้ามพูด... ผมก็เดินให้ร่างกายคลายความอิ่ม |
พอเห็น เพื่อนที่เป็นหญิง เดินมาก็ อมยิ้มให้นิด ๆ ก็ได้รับการยิ้มตอบ |
|
บ่ายโมง ก็เข้าห้องปฏิบัติธรรมต่อ ฟังคำสอนวิทยากร หลายท่าน หนึ่งในนั้น ผมจำได้ว่า คือ พิธีกรโทรทัศน์หญิง |
มี ผ.อ.หญิง เขต กทม. คนแรก คุณกาบแก้ว กับอีกหลายท่าน
|
เรานั่งฟัง นั่งสวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิกับพื้น สวดมนต์ ทำวัตรเย็น แล้วลงไปทานอาหารเย็น |
ก็กลับไปห้องพัก อาบน้ำ พักผ่อน ก่อนนอนก็เข้าปฏิบัติธรรมต่อที่ห้องอบรม กว่าจะได้แยกย้าย ไปพักผ่อน |
ประมาณ 3 ทุ่ม |
|
ที่ห้องพักชาย ที่มี 6 คนเป็นคนธรรมดา และเด็กหนุ่มหนึ่งคน มีภิกษุ 2 รูปพักอยู่ด้วย ท่านมาสมทบตอนบ่าย |
|
จากที่เรานอนพัก ขาชี้ไม่เลือก เลยต้องจัดพื้นที่ ให้พระนอนข้างใน เท้าเราจะไม่ชี้ไปหาท่าน |
|
ระหว่างนั้น คงเห็นผม นั่งอมยิ้ม ภิกษุท่านก็มาพูดด้วย ผมนึกดูแล้วคงไม่เป็นไรมั้ง ท่านต้องรู้ว่า พูดได้ไม่จำต้อง |
ปิดวาจาตลอด เลยสนทนากับท่าน |
ปรากฏว่าท่าน เป็นพระลูกวัต แถวอยุธยา ปกติท่านสอนการทำสมาธิให้ญาติโยม อยู่แล้ว แต่ต้องการหาความรู้เพิ่ม |
กลับไปจะสอนลูกศิษย์ต่อไป แล้ว พวกเราแหะ ๆ หมายถึงหลวงพี่กับ พวกผมอีก 6 คนเข้านอน |
|
ตื่นมากลางดึกน่าจะ ตี 2 กว่าปวดท้องฉี่ เอทำไงดี ต้องออกจากห้อง ลงไปห้องน้ำชั้นล่างบอกตรง ๆ ไม่อยากลุกไป |
แหะ ๆ กลัว ผ.สระอี ภาพข้างล่างเป็นภาพแทนทั้งสองภาพ
|
เลยกลั้นใจ เดินลงไปอีกชั้น มีไฟสลัว รีบย่อง ๆ เดิน ก็กลัว ผีเห็นนี่ครับ พอเสร็จกิจก็เดินกลับ |
ผ่านทางเดินเข้าห้องที่พวกเราเข้าปฏิบัติธรรม เลยหันไปมองตรงประตูที่แง้ม
|
เห็นเงา ตระคุ่ม ด้านซ้ายค่อนไปข้างหน้า ร่างนั้นขยับมือนิด ๆ คล้ายทักทาย |
บอกตรง ๆ ขนหัวบนหัวลุกซู่ เผ่นซิครับ.. |
กลับไป นอนห่มผ้า เอามือลูบเส้นผมที่ชี้โด่เด่ ดึงผ้าขาวม้าปิดหน้าตา ทั้งหนาวร้อนสลับกัน |
เมื่อไหร่ คนอื่นจะตื่นหนอ...มันนานจริง ๆ เฮ้อ
|
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ |
L 1,368,093 |
st. ผู้เข้าชม 1,365,300 |
= 2,793 |
งานเขียนประเภท Diarist |
|
สวัสดียามเช้าครับพี่ไวน์
โอ้โห...ฉากจบที่พี่ไวน์ยังไม่เฉลย
ชวนให้ขนลุกซู่ครับ 555
ใครจิตไม่แข็ง
เจอแบบนั้นคงกลัวมากเลย
เวลาไปปฏิบัติธรรม
เหมือนเราต้องทำอะไรให้ละเอียดขึ้น ช้าลง
จนเห็นขั้นตอนทุกอย่างอย่างชัดเจนเลยนะครับ
แม้กระทั่งกิจกรรมที่เราเคยชินมาตลอด
เช่น การกินข้าว กินน้ำ หรือการเดิน
โหวตครับพี่