5 โปรแกรม POS ในปัจจุบัน ที่คุณควรรู้
ตอนนี้หลายท่านที่กำลังมองหาโปรแกรมขายหน้าร้าน จะต้องมึนงง กับโปรแกรมขายสินค้าหรือโปรแกรม POS ที่มีหลากหลายแบบในปัจจุบัน Admin ขอแยกแยะ ตามความเข้าใจส่วนตัว สามารถแยกได้ 5 แบบ ดังนี้ 1. Windows POS 2. Android POS 3. ios POS 4. Web POS 5. Platform POS
ปกติ โปรแกรม POS จะทำงานบน Windows เท่านั้น จะมีแค่โปรแกรม POS โดยเฉพาะ กับ โปรแกรมบัญชี ที่มี POS พ่วงด้วย แต่หลังจากมี Andorid จากค่าย Google และ ios จากค่าย Apple ระบบหน้าร้าน POS ก็ได้พัฒนาโปรแกรมขายของ POS ให้ทันสมัยขึ้น คือ รองรับการใช้งานบนมือถือมากขึ้น โดยต่างคนต่างพัฒนาโปรแกรม POS บน OS ของตนเอง โปรแกรมขายของหน้าร้านของทั้ง 2 ค่ายไม่สามารถใช้งานข้าม OS กันได้ ส่วนนักพัฒนา Website ก็ได้พัฒนาโปรแกรมคิดเงินบน Website ได้ โดยทำเป็น Web Application ให้ Web Site สามารถคำนวณเงินและซื้อสินค้าใน Web Site ได้เลย จึงกลายมาเป็นรูปแบบ Web E-commerce แต่หน้าจอยังไม่ตอบโจทย์การทำงานบนมือถือมากนะ และพื้นที่ในการเก็บข้อมูลยังมีข้อจำกัดอยู่ เมื่อเทคโนโลยีเชื่อมเข้าหากัน จากความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ทำให้เกิดเป็น Platform POS ที่สามารถ เชื่อมโยงทุก OS ให้ทำงาน Online ผ่าน Internet มีการเชื่อมโยงหลายๆ Application ให้ทำงานร่วมกันกับระบบ POS ที่เน้นการเก็บเงินเป็นหลัก เริ่มมี Delivery, CRM, Account, Payment และอีกหลาย Application เข้ามาในระบบ Platform POS ทำให้ระบบขายของหน้าร้านหรือ POS เปลี่ยนไปอย่างมาก
1. Windows POS ทำงานบนคอมพิวเตอร์ ที่มี OS เป็น Windows เท่านั้น ข้อดี | ข้อเสีย | ชำระเงินครั้งเดียวจบ | ดู Online ไม่ได้ | เป็นโปรแกรมฐานข้อมูล ขนาดใหญ่ | (บางโปรแกรม สามารถดูผ่าน web site ได้ เช่น Real4POS) | ข้อมูลอยู่ที่คอมเราเอง | | ไม่ต้องใช้เน็ต | | ต่ออุปกรณ์ผ่าน USB | | 2. Android POS ทำงานบนมือถือและTablet ที่เป็น OS Android เท่านั้น ข้อดี | ข้อเสีย | ทำงานบนมือถือและTabletได้ | ต้องเช่ารายเดือนตลอดไป (ลองคิดดูปีล่ะเท่าไร) | เช่าต่อเดือนถูก | เพิ่มเงิน เมื่อข้อมูลมากขึ้น | Online ได้ | ใช้ฐานข้อมูลขนาดเล็ก | | ใช้เน็ตตลอดเวลา | | ต่อ Printer ผ่าน wifi | | จำกัดผู้ใช้งาน และ จำกัดข้อมูลสินค้า | 3.ios POS ทำงานบน ipad หรือ iphone เท่านั้น ข้อดี | ข้อเสีย | ทำงานบน ipad หรือ iphone ได้ | ต้องเช่ารายเดือนตลอดไป (ลองคิดดูปีล่ะเท่าไร) | เช่าต่อเดือนถูก | เพิ่มเงิน เมื่อข้อมูลมากขึ้น | Online ได้ | ใช้ฐานข้อมูลขนาดเล็ก | | ใช้เน็ตตลอดเวลา | | ต่อ Printer ผ่าน wifi | | จำกัดผู้ใช้งาน และ จำกัดข้อมูลสินค้า |
4.Web POS ทำงานได้ทุกอุปกรณ์ แต่ไม่ได้ออกมาเพื่อทำงานบนมือถือ ข้อดี | ข้อเสีย | ทำงานได้ทุกอุปกรณ์ | ต้องเช่าแบบรายปี ตลอดจนกว่าจะเลิกใช้ | เช่าต่อปีถูก | เพิ่มเงิน เมื่อข้อมูลมากขึ้น | Online ได้ | ใช้ฐานข้อมูลขนาดเล็ก | | ใช้เน็ตตลอดเวลา | | ต่อ Printer ผ่าน wifi | | จำกัดผู้ใช้งาน และจำกัดข้อมูลสินค้า | | ไม่ได้ออกมาเพื่อทำงานบนมือถือ | 5.Platform POS ทำงานได้ทุกอุปกรณ์ ออกมาเพื่อทำงานบนมือถือ ข้อดี | ข้อเสีย | ทำงานได้ทุกอุปกรณ์ | ต้องเช่ารายเดือนตลอดไป (ลองคิดดูปีล่ะเท่าไร) | เช่าต่อเดือนถูก | เพิ่มเงิน เมื่อมีการขยายสาขา | Online ได้ | ใช้ฐานข้อมูลขนาดเล็ก | ไม่จำกัดผู้ใช้งาน | ใช้เน็ตตลอดเวลา | ออกแบบมาเพื่อ ทำงานบนมือถือ | | มีความสามารถมากกว่า ทุกระบบในปัจจุบัน | | บทสรุป ของระบบหน้าร้าน POS ปัจจุบัน มีหลากหลายแบบ ที่ทำให้ทุกท่านสัปสนกับระบบ POS ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ล่ะระบบจะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการและธุรกิจของแต่ล่ะรายเป็นสำคัญ ไม่มีโปรแกรมขายสินค้า POS ตัวไหนดีที่สุด มีแต่ตรงกับความต้องการมากที่สุด ผมได้เขียนแยกออกเป็นส่วนๆ เพื่อง่ายต่อความเข้าใจและพิจารณาในการเลือกซื้อ โปรแกรม POS มาใช้ที่ร้าน ข้อแนะนำ ถ้าเป็นร้านอาหารขนาดเล็ก แนะนำให้ใช้แบบเช่ารายเดือน ถ้าเป็นร้าน ที่เน้นสต็อก แนะนำให้ใช้แบบ Windows POS ระบบจะนิ่งกว่าและเก็บข้อมูลได้มากกว่า ถ้าเป็นร้านค้าปลีกและร้านค้าส่ง แนะนำให้ใช้แบบ Windows POS อย่างเดียว จะเหมาะกับธุรกิจมากกว่า ระบบ Online จะเหมาะกับ ร้านที่เน้นเพียงยอดขาย ไม่สนใจสต็อก
บทความโดย ดร.คุณกร เกื้อโกศล ที่ปรึกษาระบบ POS
Create Date : 01 เมษายน 2563 |
Last Update : 1 เมษายน 2563 18:41:18 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1370 Pageviews. |
|
|